เรื่องเล่าในวันที่น่าหดหู่
คำเตือน Blog นี้ประกอบด้วยคำหยาบคายเล็กน้อย
หญิงชาวบ้านคนหนึ่งแบกลูกฝ่าน้ำออกมาจากบ้าน โดยหวังที่จะขึ้นเรือโดยสารรับจ้าง ในยามที่น้ำท่วมอะไรก็แพงไปหมด ทั้งอาหาร น้ำดื่ม เหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด ไม่เว้นแม้แต่ค่าเดินทาง หรือค่าเรือ ค่าเรือปกติเท่าไหร่ผมไม่ทราบ แต่ดูเหมือนที่นี่จะราคา 50.- บาท ไกลหน่อยอาจสูงถึง 100.- บาท เธอแบกลูกมาถึงจุดที่เรือจอด ซึ่งเหลืออยู่ 2 ลำ และเรือพึ่งออกไป 1 ลำ
ผมเห็นผู้หญิงคนนั้นเข้าไปพูดคุยต่อราคา เธอก็โดนโก่งราคาจาก 50.- บาท กลายเป็น 500.- บาท เธอพยายามต่อราคาให้เหลือแค่ 300.- บาท แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ด้วยความที่ลูกเธอป่วยเธอถึงกับยอมลงไปกราบเท้าเลยทีเดียว
ภาพที่เห็นตรงหน้า เป็นภาพที่ชวนให้รู้สึกหดหู่ยิ่งนัก ภาพของคนเป็นแม่ที่พยายามทำทุกอย่างเพื่อลูกที่กำลังป่วยหนัก ถึงขนาดยอมกราบเท้าอ้อนวอนคนอื่น
"โว้ย!! มึงเหี้ยของมึงอะไรวะ กูทำมาหากินนะโว้ย ไม่ใช่ทำการกุศล สามร้อยเหี้ยไรวะ ไม่มีเงินก็ว่ายน้ำไปซิโว้ย"
คนขับเรือตะโกนด่า อย่างไม่เกรงกลัวสายตารอบข้าง พร้อมกับถีบหญิงชาวบ้านคนนั้นกระเด็นไปพร้อมกับลูก ทั้งที่เป็นสิ่งที่ผิด แต่ผู้คนกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่เห็นก็แกล้งทำเป็นไม่เห็น ทั้งที่ได้ยินก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น นี่คือความอ่อนแอของมนุษย์ ทั้งที่รู้ว่าไม่ถูกต้อง แต่ก็ไม่คิดที่จะเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลก ทุกคนมีความกลัวในใจ ความจริงทุกคนอาจจะอยากเข้าไปช่วยก็ได้ แต่ใครล่ะจะอยากมีเรื่องกับคนอื่น
"จะไปไหนก็ไป ไป!!"
คนขับเรือตะโกนไล่ก่อนที่จะหันหลังแล้วเดินไปที่เรือ ในขณะที่ผมกำลังจะเดินเข้าไปช่วยพยุงเธอให้ลุกขึ้นมา เธอคว้าอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ที่พื้นขึ้นมากำไว้ในมือ จากนั้น
ฉึก!!
เสียงของปลายแหลมแทงทะลุร่างคนขับเรือ
"อ๊ากกกกกกกกก!!"
เสียงร้องของคนขับเรือดังขึ้น ก่อนที่เขาจะพยายามหันมาในทิ้งทางตรงกันข้ามกับที่เขาโดนแทง เธอดึงของแหลมปลายยาวออกอย่างรวดเร็ว เสื้อสีขาวก็ถูกย้อมให้กลายเป็นเสื้อสีแดงได้ในเวลาไม่นาน
"มึงแท...ง"
ยังไม่ทันที่จะพูดจบ คนขับเรือก็สะดุดขาตัวเองหงายหลังตกลงไปบนถนนดินลูกรัง ซึ่งตอนนี้เปลี่ยนเป็นพื้นน้ำไปเสียแล้ว ทุกคนที่อยู่ในที่นั้นมองด้วยความตกตะลึง พื้นน้ำสกปรกที่เริ่มเน่าเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย หลังสิ้นเสียงไม่นานเธออุ้มลูกของเธอขึ้นเรือ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ประกอบกับเสียงดัง ทำให้เด็กคนนั้นตื่นจากการหมดสติ
"อดทนอีกนิดนะ เดี๋ยวก็ถึงโรงพยาบาลแล้วน่ะ"
เด็กคนนั้นยิ้มให้ ก่อนที่จะหมดสติไปอีกครั้ง เธอติดเครื่องและบังคับเรือ ซึ่งภาพที่เห็น เรือพร้อมจะล่มได้ทุกเวลา เนื่องจากผู้บังคับเรือไม่มีความชำนาญ เรือค่อยๆ จากท่าไป ไม่ช้าก็ลับสายตา
"กรี๊ดดดดดดด ฆาตกร" หญิงสาวคนหนึ่งกรีดร้อง ในขณะที่หลายคนยิ้มเหมือนดีใจ บ้างก็พูดว่า "สมน้ำหน้า" ในขณะที่ใจผมเกิดความคิดขัดแย้งในการกระทำของทั้งสองฝ่าย
END
เมื่อวันก่อนผมไปห้างค้าส่งขนาดใหญ่ ระหว่างทางพบว่ามีรถกระบะบรรทุกบะหมี่กิ่งสำเร็จรูปจำนวนมาก มาม่า ไวไว รสยอดนิยมทั้งนั้น ไม่เว้นแม้แต่น้ำดื่ม ซึ่งราคาจัดได้ว่าโหดร้าย ควรใช้คำว่าขูดเลือดขูดเนื้อ ที่น่าเจ็บใจคือมันตั้งรถขายอยู่หน้าห้างค้าส่ง มันหมายความว่าอย่างไร?
ผมเข้าไปซื้อของที่ห้่างค้าส่งแห่งนั้นซึ่งก็เป็นไปตามคาด ไม่มีบะหมี่สำเร็จรูปเลย ความจริงผมไม่ได้ต้องการจะซื้อหรอก ที่ไปเพื่อซื้อของกินของใช้ชนิดอื่น แต่เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะตั้งข้อสังเกต
ผมอยากจะเตือนผู้ที่กำลังทำผิดกฎหมายในตอนนี้ คุณขายของเกินราคาที่กำหนด ผมไม่เถียงว่ามันเป็นไปตามหลัก อุปสงค์-อุปทาน เป็นเรื่องปกติในโลกทุนนิยม แต่อย่าให้มันมากเกินไป วันนี้มันเกิดเหตุการณ์แบบในเรื่องแล้วหรือไม่ผมไม่ทราบ แต่ใครจะไปรู้ว่าพรุ่งนี้มันจะเกิดขึ้นกับคุณ หรือลูกคุณเมียคุณก็ได้ และถ้ามันเกิดขึ้นจริงก็คงไม่มีใครแจ้งตำรวจหรอก คุณจะเป็น "ผู้แพ้ที่สูญเสียทุกสิ่งแม้กระทั่งชีวิต"
ตอนนี้ผมกำลังเล่นกับคุณธรรมในใจอยู่ ผมกำลังพยายามหาเหตุผลให้กับฝ่ายที่เป็นผู้กระทำ และผู้ถูกกระทำว่า ใครเป็นฝ่ายที่ถูกต้อง ซึ่งคำถามแบบนี้ยากที่จะตอบให้ทุกคนยอมรับ ถ้าเป็นการสอบคำตอบที่ได้ไม่ว่าจะเลือกยืนข้างฝ่ายไหน คำตอบก็จะออกมาในรูปแบบของ ถูก-ถูก หรือไม่ก็ ผิด-ผิด แล้วแต่คนให้คะแนนจะเป็นผู้ตัดสิน ขึ้นอยู่กับเหตุผลที่เราจะให้ มันเป็นคำถามที่คล้ายกับ กรณีแม่เอาขนมปังที่ต้องทิ้งกลับบ้านให้ลูกจากห้างดังจนโดนจับติดคุก หรือจำใจต้องคอรัปชั่นตามน้ำทั้งที่ไม่อยากทำ (จะรับไม่รับ) มันเป็นคำถามวัดใจซึ่งไม่ว่าคุณจะเลือกฝ่ายไหน ก็ไม่ส่งผลดีทั้งคู่ แต่ในขณะเดียวกัน มันก็มีเหตุผลรองรับทั้งคู่เช่นเดียวกัน
หวังว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับคุณๆ พ่อค้าโก่งราคานะครับ ขอให้ทุกท่านโชคดี โชคดี...
Create Date : 05 พฤศจิกายน 2554 |
|
43 comments |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2554 22:16:42 น. |
Counter : 2263 Pageviews. |
|
|
|