รอคิดหัวข้อ II
คุนหมิงในความทรงจำ ผมเริ่มเขียนบล็อกในหมวด ชีวิตไทยในต่างแดน เมื่อปี พ.ศ.2550 จากความรู้สึกหลายอย่างที่ผสมกัน ไม่ว่าเมื่อไหร่เรื่องราวภายนอกประเทศก็เป็นที่สนใจของผู้คน ที่เขียนเปรียบเทียบเรื่องราวต่างๆ เกิดจากความรู้สึกอยากที่เห็นประเทศไทยพัฒนาให้ดีขึ้นแบบนั้นบ้าง ในขณะเดียวกันก็มีด้านแย่ๆ ที่เราไม่อยากให้ไทยเดินตามเช่นกัน
ในหมวดนี้ ผมจงใจเขียนให้ครบ 100 เอนทรี่ และปิดตำนานลงในปี พ.ศ.2555 (ความจริงกลับไทยแล้ว แต่ยังเขียนต่อ) ผมตั้งใจตอบคำถามของทุกคนที่แวะเข้ามา ทั้งในบล็อกตัวเองและไปตอบถึงบล็อกคนที่แวะเข้ามารวมไปถึงทางหลังไมค์ที่สอบถามข้อมูลต่างๆ ถ้าคุณเปิดดูในหมวดนี้อีกครั้งพบข้อความหลายอย่างเหมือนคำทำนายอนาคตที่แสนมืดมน ประเทศไทยแทบไม่ได้พัฒนาในเรื่องของโครงสร้างพื้นฐานเลย แม้แต่ตอนนี้ที่อ้างว่ากำลังทำก็ไม่ได้พัฒนาขึ้นเท่าไหร่นัก ขณะที่เมืองคุนหมิงในตอนนี้แทบจะกลายเป็นคนละเมืองกับคุนหมิงที่ผมรู้จักไปเสียแล้ว มีรถไฟใต้ดินหลายสาย สนามบินใหม่ การขยายตัวเมือง ร้านค้าบางร้านที่เราเคยไปประจำตอนอาศัยอยู่ที่นั่นย้ายที่ไปที่ใหม่แล้วก็มี
ตั๋วร่วมของรถประจำทางที่คุนหมิงมีใช้ก่อนปี 2549 น่าตกใจที่แม้แต่ตอนนี้ประเทศไทยก็ยังไม่มีระบบตั๋วร่วม หมายความว่าระบบรถโดยสารประจำทาง เราตามหลังเมืองคุนหมิงมากกว่า 10 ปี (ถ้านับเริ่มจากปี 2549 เราตามหลัง 16 ปี) ผมชอบที่นั่น แม้ว่าเมืองอาจไม่ใหญ่ แต่ก็อยู่สบายไม่ลำบาก ตอนที่อยู่ที่นั่นมันรู้สึกดีมากๆ โชเซ่ มูรินโญ่เคยกล่าวถึงทีมปอร์โต้ไว้ว่า "ที่นั่น.. รองจากพระเจ้าก็คือผม" ตอนผมอยู่ที่นั่น ผมมีความรู้สึกไม่ต่างกัน น่าเสียดายพอกลับมาประเทศไทยแล้วไม่สามารถทำให้เกิดความรู้สึกแบบนั้นได้ที่นี่ ช่วงเวลาที่อยู่ที่นั่นถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิต รางวัล Best Klaibann Blog ผมก็ได้เพราะนำเสนอเรื่องราวของที่นั่น เรื่องราวเก่าๆ มานั่งย้อนนึกถึงความหลังมันก็สนุกดี แต่ตำนานที่จบไปแล้วก็ต้องให้มันจบไป นอกเสียจากว่า เราจะเขียนตำนานบทใหม่ขึ้นมา
นักศึกษาชาวอเมริกัน หวงเหอ ชื่อของนักศึกษาต่างชาติชาวอเมริกันวัยกลางคน เป็นคนที่จริงจังในการเรียนมาก ไม่เอาเพื่อนสนแต่เรียน ผมไม่ค่อยชอบเขาเท่าไหร่นัก เพื่อนในห้องก็ไม่ค่อยชอบ เขาเคยมีพฤติกรรมเข้าขั้นก้าวร้าวอาจารย์ เขาเคยถามคำถามพวกเราขึ้นมาคำหนึ่ง ซึ่งเป็นคำถามที่ทำให้เราต้องมานั่งคิด "คุณเรียนภาษาจีนไปเพื่ออะไร สำหรับเขาเขาเรียนเป็นงานอดิเรก" แล้วเขาก็ให้เหตุผลที่ทำให้เราตะลึงว่า "คิดว่าคนจีนจะจ้างคุณทำงานเหรอ? คนจีนไปที่ไหนก็เอาแต่พวกเดียวกัน คิดว่าเรียนภาษาจีนแล้วทำงานกับจีนจะดีจริงๆ เหรอ?" ผมมานั่งย้อนนึกถึงที่เขาพูด ผมได้แต่หัวเราะตัวเองในตอนนั้น "เออ แกพูดถูกหว่ะ ไอ้หวงเหอ"
อาจเป็นเพราะซอฟต์พาวเวอร์ ในยุคหูจิ่นเทา (คนที่โดนลากตัวออกไปในการประชุมพรรคคอมมิวนิสต์ครั้งล่าสุด) ทำให้เรารู้สึกว่าประเทศมันโอเค มันดูมีหวัง ยุคนั้นแม้คุณอาจจะไม่อยากยอมรับ แต่ยุคท่านผู้นำหูจิ่นเทา แกใช้ซอฟต์พาวเวอร์ได้ดี หลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะพวกสื่อบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ เกม การ์ตูน หรือเรื่องอื่นๆ อย่างกีฬา การเรียนภาษา แม้แต่วัฒนธรรม อาหารการกิน แกส่งออกได้หมด แต่พอมายุคท่านผู้นำคนปัจจุบันนั้นแตกต่างกันมาก เพราะแกเล่นใช้แต่ฮาร์ดพาวเวอร์แบบเอ็กซ์ทีม ตอนนี้ในประเทศเขาแม้ภายนอกจะดูสงบ แต่ถ้าคุณส่องเข้าไปจะรู้เลยว่ามันวุ่นวายมาก
ซีโร่โควิด ประเทศจีนที่ดูเหมือนสงบ ภายในยุ่งเหยิงวุ่นวายมาก ผมรับรู้ข่าวสารจากเพื่อนชาวต่างชาติที่อาศัยที่นั่น และคนจีนท้องถิ่นที่รู้จักกัน หลายเมืองล็อคดาวน์ เวลาเจอคนติดเชื้อคนเดียวก็ล็อคดาวน์กันทั้งตึก ขังไว้ไแบบนั้น คนที่ไม่แน่ใจว่าติดหรือไม่ก็คลั่งสิครับ แต่ทว่านโยบายนี้แม้ว่ามันจะผิดพลาด แต่จะไม่มีวันยกเลิกเด็ดขาด เพราะถ้าหากยกเลิกมันจะมีนัยยะทางการเมืองว่า "นโยบายที่ใช้อยู่นั้นผิดพลาด" ก่อความเสียหายให้ประเทศ รวมไปถึงความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่งของท่านผู้นำด้วย
มีป้ายแปะอยู่สองอัน อันบน 'เนื่องด้วยสภาวะโรคระบาดไม่อนุญาตให้ผู้ที่มาจากเมืองเจ้าหยางเข้า' อันล่าง 'ห้ามนำสัตว์เลี้ยงเข้าไปข้างใน' ผมนึกถึงกลุ่มทุนจีนสีเทาที่กำลังเป็นข่าว ยิ่งถ้าซื้อที่ได้ล่ะก็ ต่อไปอาจมีป้ายแปะลักษณะเดียวกันก็ได้ ห้ามคนไทยเข้า นี่ขนาดยังไม่สามารถซื้อที่ได้ยังขนาดนี้เลย
ศรัทธาที่พังทลาย ผมเคยศรัทธามนุษย์หลายคน แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไป มันเหมือนเรามืดบอดทางปัญญา ผมพยายามโกหกตัวเองหลายต่อหลายครั้ง หาเหตุผลข้ออ้างต่างๆ เพื่อปกป้องตัวเขา แต่คำโกหกมันก็เป็นได้แค่คำโกหก สิ่งที่สัมผัสได้มันตรงกันข้าม สุดท้ายก็เหมือนเราไปเปิดประตูต้องห้าม "เปิดใจเสีย มองในมุมมองคนนอกแบบที่เคยทำ" ผมทำแบบนั้นจากนั้นความรู้สึกของผมก็เปลี่ยนไปตลอดกาล มันเหมือนแม่น้ำยมโลกเมื่อเราข้ามมันไปแล้ว เราก็ไม่สามารถกลับมาในจุดเดิมได้อีก
เมื่อมันพังทลายไปแล้วเราก็ไม่สามารถทำอะไรได้อีก จากนี้ไปผมจะไม่สนพวกมันอีกแล้ว และขอหันหลังให้พวกมันอย่างสมบูรณ์ ไม่มีอะไรที่ต้องไปห่วงพวกมันหรอก ห่วงตัวเราเองดีกว่า มันมีอะไรมากกว่าเราเยอะ ผมจะไม่โกหกตัวเองอีกแล้ว
ความกล้า การที่จะได้อะไรบางอย่าง จำเป็นต้องสูญเสียบางอย่างที่เท่าเทียมกัน แล้วถ้าเราต้องการความกล้าล่ะ เราจะต้องจ่ายด้วยอะไร? ของหลายอย่างไม่สามารถซื้อตามตู้ขายของหยอดเหรียญ หรือสั่งซื้อออนไลน์ ที่สำคัญสิ่งที่เราต้องจ่ายไม่สามารถชำระได้ด้วยเงิน เราต้องจ่ายด้วยอะไรเพื่อให้ได้รับความกล้า กล้าที่จะทำในเรื่องที่เราหวาดกลัว กล้าที่จะยืนหยัดบนความถูกต้อง แม้มันอาจไม่ถูกใจคน เราจะกำจัดความกลัวในใจไปได้อย่างไร? เราจะหนีไม่ได้ แต่เราจะสู้กับมันอย่างไร? เราต้องการความกล้ามากขนาดไหน จิตใจที่มุ่งมั่นจะหาได้จากที่แห่งใด ต้องหาทางนำจิตใจมุ่งมั่นแบบสมัยก่อนกลับมาให้ได้
พวกด้อยพัฒนา ตอนเรียนที่จีนในชั่วโมงวัฒนธรรมมีการพูดถึงบทบาทครูในโรงเรียน ทุกคนในห้องก็พูดถึงบทบาทครูในประเทศตัวเอง มีหลายเรื่องเล่าสู่กันฟัง เรื่องครูเอากรรไกรมาตัดผมนักเรียนก็มี แม้จะมีกฎระเบียบยกเลิกเรื่องทรงผมแล้ว แต่ครูก็ไม่ปฏิบัติตาม ต่างประเทศทำแบบนี้เป็นคดีความเลยนะครับ (ครูถึงขั้นติดคุกเลย) บางครั้งเมื่อเราฟังเรื่องราวจากประเทศอื่น ก็รู้สึกว่าประเทศเขาล้าหลัง ด้อยพัฒนา แต่ถ้ามองในมุมของคนต่างชาติมองเข้ามาในประเทศเรา เขาก็อาจมองเราในแบบที่เรามองเช่นกัน คือ "ด้อยพัฒนา"
มันคุ้นๆ ใจเราในตอนนั้นผมยอมรับว่าเกิดความรู้สึกที่เรียกว่าเหยียดเชื้อชาติ ผมมองว่าประเทศเหล่านั้นว่าด้อยพัฒนา แต่เมื่อนึกถึงประเทศเราก็ตาสว่างขึ้นมาในบัดดล ในมุมมองคนนอกเราก็คงโดนมองไม่ต่างกันว่าเป็นประเทศด้อยพัฒนา เพียงแต่เราอาจไม่ตระหนักถึงจุดนี้ต่างหาก
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2565 |
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2565 13:05:15 น. |
|
42 comments
|
Counter : 936 Pageviews. |
|
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณnonnoiGiwGiw, คุณSertPhoto, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณเริงฤดีนะ, คุณSleepless Sea, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณกะว่าก๋า, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณสองแผ่นดิน, คุณSweet_pills, คุณอุ้มสี, คุณkae+aoe, คุณหอมกร, คุณNENE77, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณnewyorknurse, คุณRain_sk, คุณชีริว, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณtuk-tuk@korat, คุณกิ่งฟ้า, คุณThe Kop Civil, คุณ**mp5** |
โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา:13:32:46 น. |
|
|
|
โดย: SertPhoto วันที่: 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา:13:39:18 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา:16:37:15 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา:21:47:39 น. |
|
|
|
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 16 พฤศจิกายน 2565 เวลา:22:29:51 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤศจิกายน 2565 เวลา:5:03:21 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 17 พฤศจิกายน 2565 เวลา:5:57:17 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 พฤศจิกายน 2565 เวลา:14:27:14 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 17 พฤศจิกายน 2565 เวลา:19:47:50 น. |
|
|
|
โดย: NENE77 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2565 เวลา:21:37:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:4:57:45 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565 เวลา:14:55:59 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา:0:25:29 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา:5:54:08 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา:17:44:35 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565 เวลา:18:10:55 น. |
|
|
|
โดย: ทั่นขุน (Rain_sk ) วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:0:17:29 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:5:22:46 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:10:26:37 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565 เวลา:20:02:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:4:40:39 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:7:50:55 น. |
|
|
|
โดย: ทั่นขุน (Rain_sk ) วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:8:13:48 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:16:19:08 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:19:49:53 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 21 พฤศจิกายน 2565 เวลา:22:29:43 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 22 พฤศจิกายน 2565 เวลา:0:06:47 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 พฤศจิกายน 2565 เวลา:5:06:36 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 22 พฤศจิกายน 2565 เวลา:15:35:18 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 23 พฤศจิกายน 2565 เวลา:5:08:58 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 23 พฤศจิกายน 2565 เวลา:9:59:16 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 23 พฤศจิกายน 2565 เวลา:11:12:22 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 23 พฤศจิกายน 2565 เวลา:11:16:25 น. |
|
|
|
|
|
แต่บางทีก็มากเกินไป บางประเทศยังถามว่าเรามีขี่ช้างไปรร หรือมาทำไงไหม ก็ยังมี
อยาตามหาจิตใจที่มุ่งมั่นแบบสมัยก่อนกลับมาเหมือนกัน บางทีก็เหมือนเราทำร้ายตัวเอง
การหมดศรัทธาต่อคนอื่น หมดไปหมดไป
แต่อย่าหมดศรัทธาต่อตอนเองก็พอ
เอาจริงๆ บางทีเราก็เผลอปล่อยให้ตัวเอง
ท้อแท้ หมดหวัง หมดซึ่งความเชื่อต่อตัวเอง
เหมือนกัน ต้องพยายามหาทางกระตุ้น
ด้วยวิธีไหนก็ตามที่ลองแล้วมันดีต่อตัวเอง
ก็ต้องลองทำดู ไม่งั้นได้ใช้ชีวิตล่องลอยไปวันๆแน่
อยากมีโมเม้นไปลองใช้ชีวิตไกลบ้านเหมือนกัน
แต่ด้วยปัจจึยหลายอย่าง ทำให้ไม่ได้ไป
แต่...เป็นแบบปัจจุบันนี้
มันก็ไม่ได้แย่หรอกนะ