หมาป่าหน้าแตก













หมาป่าหน้าแตก
ผู้แต่ง แคทเธอรีน สโตร์
ผู้แปล อัญชุรี



หมาป่าหน้าแตก เป็นเรื่องการชิงไหวชิงพริบระหว่างเด็กหญิงพอลลี่ตัวน้อยกับหมาป่าที่คิดถึงแต่เรื่องกิน  คล้ายๆกับภาพยนตร์การ์ตูนอย่างทอมกับเจอรี่ ระหว่างแมวแสนกลกับนกน้อยผู้ชาญฉลาด หรือนกหัวขวานกับพรานหน้าโง่  แต่ในเนื้อเรื่องก็มีการใช้เทพนิยายเรื่องเกี่ยวกับเจ้าหญิงเจ้าชายมาเดินเรื่องการเผชิญหน้ากันระหว่างพอลลี่กับหมาป่าได้อย่างน่าสนใจ  และยังออกเป็นการล้อเลียนเทพนิยายสำหรับเด็กทั่วไปอีกด้วย


แก่นเรื่องของหมาป่าหน้าแตกอยู่ที่การเผชิญหน้ากันระหว่างปัญญาของเด็กตัวน้อยกับความหิวโหยของผู้ใช้กำลัง  ทุกตอนหมาป่าจะเป็นฝ่ายรุกก่อนไม่ว่าจะด้วยวิธีพยายามสะกดจิต  การยุให้พอลลี่แข่งขันกับตนในเรื่องที่รู้ดีว่าตนจะต้องเป็นฝ่ายชนะแน่  หรือแม้แต่การแกล้งทำหูหนวกเพื่อล่อให้พอลลี่เดินเข้ามาใกล้ๆ  เพื่อจะได้ตะครุบตัวได้ง่าย แต่ดูเหมือนว่าพอลลี่มีคุณสมบัติประจำตัวที่สำคัญที่สุดอยู่อย่างน้อยสี่ข้อด้วยกัน นั่นคือ ความสุภาพ พอลลี่พูดจาด้วยคำพูดที่สุภาพกับหมาป่าเสมอ, ความเมตตา เมื่อหมาป่าอยากกินไอติมพอลลี่ก็เทเงินในกระเป๋าซื้อไอติมให้หมาป่า และเมื่อหมาป่ากระหายน้ำพอลลี่ก็เอาน้ำเย็นแก้วโตมาให้หมาป่า  , ความระมัดระวังตัวอยู่เสมอ ในข้อนี้นั้น พอลลี่จะรักษาระยะห่างระหว่างตัวเองกับหมาป่า ไม่ยอมเข้าใกล้หมาป่ามากเกินไป  และ ข้อสุดท้าย ไหวพริบ พอลลี่ฉลาดในการหาทางโต้ตอบกับหมาป่า จากคุณสมบัติทั้งสี่ข้อจึงทำให้พอลลี่ปลอดภัยจากหมาป่า  ถึงกับทำให้หมาป่าออกปากต่อว่าพอลลี่

"น่าเศร้าจริงที่เธอเป็นเด็กขี้ระแวงตั้งแต่อายุเท่านี้"  หมาป่ารำพัน

"มันจะน่าเศร้ายิ่งกว่าถ้าฉันไม่ระแวง  และไม่มีโอกาสอยู่มาจนอายุเท่านี้" เด็กหญิงย้อน


นอกเหนือไปจากคุณสมบัติอันโดดเด่นสี่ข้อของเด็กหญิงพอลลี่ดังกล่าวข้างต้นแล้ว  ดูเหมือนว่าเจ้าหมาป่า  ถึงแม้จะมีกำลังมากกว่าและมีความเพียรพยายามมิใช่น้อยในการหาวิธีตะครุบตัวพอลลี่  แต่จุดอ่อนที่สำคัญที่สุดของหมาป่าเห็นจะเป็นจุดมุ่งหมายเพียงประการเดียว นั่นคือการได้กินเด็กหญิงพอลลี่  และดูเหมือนว่าเจ้าหมาป่าจะไม่สามารถคิดถึงเรื่องอื่นเลยนอกจากเรื่อง กิน กิน กิน  ดังปรากฏอยู่ในความพยายามของหมาป่าทุกตอน  ด้วยเหตุนี้พอลลี่จึงได้เปรียบอยู่เสมอ  เพราะพอลลี่ไม่ต้องคาดเดาว่าเจ้าหมาป่าต้องการอะไร  พอลลี่เพียงแค่ระวังตัวและใช้ไหวพริบในการโต้ตอบก็เอาตัวรอดมาได้ทุกครั้ง





...บางตอนจากหนังสือ...








เพลงที่แม่สอน

ใกล้ค่ำแล้วท้องฟ้าเริ่มมืด  ดวงจันทร์สีเหลืองปลั่งดวงกลมโตกว่าเดิมถึงสามเท่า  คล้อยเคลื่อนขึ้นมาเบื้องหลังแนวไม้  พอลลี่กำลังนั่งเล่นเครื่องบันทึกเสียงอยู่ข้างหน้าต่าง  เธอเพิ่งเรียนรู้วิธีการใช้เมื่อไม่นานและยังใช้ได้ไม่คล่องเท่าไหร่นัก  เพลงบาบาเจ้าแกะสีดำนั่นก็ไม่เลว  แต่เพลงฉันมีถั่วต้นเล็กๆ ดีกว่าเยอะในความรู้สึกของเธอ

ตอนที่เธอเปิดมันซ้ำแล้วซ้ำเล่าถึงหกครั้ง  ทั้งปากและมือเมื่อยไปหมดเธอวางเครื่องบันทึกเสียงและมองไปนอกหน้าต่าง  เธอไม่แปลกใจเลยที่เห็นเจ้าหมาป่าบุ้ยใบ้เรียกเธออยู่บนรั้ว


พอลลี่แง้มหน้าต่างกว้างขึ้นอีกนิดหนึ่ง  แม้จะอยู่ชั้นล่าง แต่ก็ปลอดภัยดี

"สวัสดีจ้ะหมาป่า"  พอลลี่ทักทาย

"เธอได้ยินนั่นมั้ย?" หมาป่าถาม

"ได้ยินอะไร"

"เสียงบ้าๆ นั่นไง  อย่างกับเสียงตั๊กแตนพยายามจะร้องเพลงด้วยขาหลังอย่างนั้นแหละ"

"นั่นเสียงเครื่องบันทึกเสียงของฉันต่างหากหมาป่า"

"หมายความว่าเธอพยายามจะทำเสียงแบบนั้นหรือ?"

"ฉันไม่คิดว่าเสียงฉันจะแย่ขนาดนั้นหรอกนะ เพลงฉันมีถั่วเล็กๆ นั่นไม่เลวนะ ฉันว่า"

"เธอคิดอย่างนั้นหรือ?  แต่ฉันคิดว่าเป็นเพลงที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย" หมาป่าบอก

"หมายความว่ายังไง?  ไม่ได้เรื่องเหรอ?  หรือเป็นเพราะมันไม่ออกผลมาเป็นถั่ว  ฉันจะชอบมันมากกว่านี้เหมือนกันถ้ามันออกผลมาเป็นลูกจันทน์สีเงินหรือลูกสาลี่สีทอง"

หน้าตาหมาป่างุนงง  มันถาม  "เธอกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ?"

พอลลี่ร้องขึ้นว่า

ฉันมีถั่วต้นเล็กๆ ต้นหนึ่ง

มันไม่เคยผลิดอกออกผลเลย

นอกจากลูกจันทน์สีเงินงาม

และสาลี่เหลืองอร่าม

พระราชธิดาของราชาแห่งสเปน...

"เหลวไหลน่าพอลลี่ เธอจำเนื้อเพลงผิดหมดเลยรู้มั้ย"  หมาป่าท่าทางอารมณ์ไม่ค่อยดี

"ถูกสิ  ก็ที่โรงเรียนเขาสอน..."

"แต่ฉันเรียนเพลงนี้จากแม่ฉัน"  เธอร้องอย่างนี้

ฉันมีถั่วเล็กๆ ต้นหนึ่ง

มันไม่เห็นมีดีตรงไหน

ที่ฉันต้องการคือเนื้อสัตว์สักชิ้น  แต่

กลับได้กินแต่ไม้"

"ไม่มีต้นไม้ชนิดไหนหรอกที่ออกลูกเป็นเนื้อสัตว์"  พอลลี่แย้ง

"นั้นสิ  แล้วเธอจะร้องเพลงนี้ไปทำไม?"

"ฉันแค่หัดร้องเท่านั้นเอง  แล้วเพลงนี้ก็ร้องไม่ยาก"  พอลลี่ตอบ

"นี่เรียกว่าการร้องเพลงเหรอ?  แล้วมีเพลงอะไรอีกที่เธอรู้จัก?" หมาป่าเยาะเย้ย

"เพลงฮัมตี้ ดัมตี้"

"ไหนลองร้องดูซิ  ไม่ใช่  ไม่ใช่ด้วยเครื่องบ้าๆ นั่น..."

"ไม่ใช่เครื่องบ้าๆ นะ บอกแล้วไงว่ามันเป็นเครื่องบันทึกเสียงใหม่ของฉัน" พอลลี่ประท้วง

"เอาเถอะ มันจะเป็นอะไรก็ช่าง ไหนเธอลองร้องเพลงที่ว่านั่นให้ฉันฟังหน่อยซิ" หมาป่าตัดบท

พอลลี่เริ่มร้อง

ฮัมตี้ดัมตี้นั่งอยู่บนกำแพง

ฮัมตี้ดัมตี้เผลอตกลงมาอย่างแรง

ทั้งม้าและข้าราชบริพารของราชา

ไม่มีใครช่วยฮัมตี้ดัมตี้อีกแล้วนะ

"ผิด"  หมาป่าส่ายหน้า

"หมายความว่ายังไงที่ว่าผิด?"

"เธอไม่เคยเรียนรู้อะไรที่มันถูกต้องเอาซะเลยพอลลี่ ที่ถูกมันต้องเป็ฯอย่างนี้...

ฮัมตี้ดัมตี้นั่งอยู่บนกำแพง

ฮัมตี้ดัมตี้เผลอตกลงมาอย่างแรง

ฉันกินหมดไม่ว่าไข่ขาวหรือไข่แดง

เปลือกเท่านั้นฉันจะไม่นำมาแสดง"

"เธอกินเขา" พอลลี่ตกใจ

หมาป่าท่าทางละอายใจเล็กน้อย  "ก็ถ้าคนและม้าของพระราชายังช่วยไม่ได้  ฉันจะไปทำอะไรได้  จริงมั้ย?"  มันถาม

พอลลี่นิ่งคิด

"เธอเองก็กินไข่  เพียงแต่ฮัมตี้ดัมตี้เป็นไข่ใบใหญ่เท่านั้นเอง  ไม่เห็นแปลกตรงไหน"  มันเถียงต่อ

"แต่ฉันไม่กินไข่ดิบๆ"  พอลลี่แย้ง

"แต่ไข่ดิบทำให้เสียงดี"  มันอ้าปากกว้าง  ทดสอบเสียงสักครู่  แล้วก็ร้องเพลง  แมรี่มีลูกแกะเล็กๆ ตัวหนึ่ง...

"ฉันร้องเพลงนี้ได้  มันไม่เกี่ยวกับเรื่องกินสักนิด" พอลลี่บอก ท่าทางมีความสุขขึ้น

"เธอหมายความว่าไง  ไม่เกี่ยวกับเรื่องกิน  ถ้าไม่เกี่ยวกับเรื่องกินแล้วจะเกี่ยวกับเรื่องอะไร?" หมาป่าถาม

"แมรี่มีลูกแกเล็กๆ ตัวหนึ่ง

ขนขาวราวปุยหิมะ

ทุกแห่งหนที่แมรี่ไป

เจ้าแกะน้อยจะตามไปไม่ลดละ"

พอลลี่ร้อง

"ไม่ช่าย" หมาป่าร้องโกรธๆ

"ใช่ ใช่"  พอลลี่เถียง

"ไม่ใช่ก็ไม่ใช่สิ  ใครจะอยากรู้ว่าขนของมันสีอะไร  ที่แม่ฉันสอนยังน่าสนใจซะกว่า" หมาป่าบอก มันยกขาหน้าขึ้น  แล้วร้อง...

แมรี่มีลูกแกเล็กๆ ตัวหนึ่ง

เพราะว่าเธอยังกินไม่อิ่ม

เธอจึงกินลูกแกะตัวน้อย

จนเหลือแต่ขนนุ่มนิ่ม

"เห็นไหม  ใครเขาจะมาสนใจว่าขนแกะสีอะไร?" มันถาม

"ฉันคิดว่านี่น่ากลัวมาก"

"ไม่เลย  ถ้าแมรี่อยากให้ลูกแกะไปไหนๆ  กับเธอทุกแห่ง วิธีที่ดีที่สุดที่จะพามันไปด้วยก็คือให้มันอยู่ในท้อง"  หมาป่าอธิบาย

"เพลงของเธอมีแต่เรื่องกินหรือไง?"  พอลลี่ถาม

"อ้าว แล้วเธอจะร้องเรื่องอะไรอีกล่ะ?" หมาป่าถามอย่างง่ายๆ

พอลลี่นิ่งคิดถึงเพลงที่เธอรู้จัก   จริงเสียด้วยที่เพลงส่วนมากมักเกี่ยวข้องกับเรื่องกิน  ไม่ว่าเพลง  แจ๊ค  ฮอร์เน่อร์น้อย  หรือพระราชินีในเพลง ร้องเพลงหกเพนซ์ หรือ แจ๊ค สแปรทท์  หรือ โกลติล็อคล์  ที่ทั้งเพลงมีแต่เรื่องของสตอรว์เบอรี่กับครีม  แม้แต่แมวที่เดินทางไปลอนดอนเพื่อเข้าเฝ้าพระราชินีก็ยังกินหนูไปตั้งหลายตัว

"เพลงของเธอก็เกี่ยวกับเรื่องกินเหมือนกันน่ะแหละ"  หมาป่าดักคอ

"เธอหมายถึงเพลง พอลลี่ตั้งกาน้ำบนเตา  งั้นหรือ?" พอลลี่ถาม เธอมักจะรู้สึกอายเมื่อมีใครเอ่ยถึงเพลงนี้

"แน่นอน"

"แต่ในเพลงมีแค่น้ำชา  ฉันไม่คิดว่ามันเหมือนกับที่เธอกิน...ตั้งหน้าตั้งตากิน...กินชากับขนมเค้กและเนย  ฉันคิดว่าแค่น้ำชาที่รินจากกาเฉยๆ" พอลลี่บอก

"เหลวไหล   มันเกี่ยวกับการกินอย่างจริงๆ จังๆ เลยทีเดียวล่ะ" หมาป่าเถียง

พอลลี่ร้อง

พอลลี่ตั้งกาน้ำชา

พอลลี่ตั้งกาน้ำชา

พอลลี่ตั้งกาน้ำชา

พวกเรากำลังจะได้กินน้ำชา...

"แค่นี้เอง  ถ้ากินจริงๆ จังๆ เพลงก็ต้องร้องว่าเอาขนมปังกับเนยออกมา  หรือหยิบเค้กออกมา อะไรอย่างนี้สิหมาป่า"

"เป็นอาหารมื้อที่แย่มากๆ  ถ้าเธอคิดจะเลี้ยงเพื่อนสักคน ต้องเพลงของฉันสิถึงจะเข้าท่า" หมาป่าอวด

"ของเธอเป็นยังไง?" พอลลี่ถาม

"พอลลี่ต้มน้ำให้ร้อน

พอลลี่ต้มน้ำให้ร้อน

เสร็จแล้วเทใส่หม้อไว้ก่อน

จึงกระโดดลงไป..."

"ไม่มีทาง" พอลลี่เมินหน้า  แต่หมาป่าไม่สนใจ   มันร้องต่อไป

"หมาป่าผู้ชาญฉลาดรู้ว่าควรจะทำอย่างไร

ต้องทิ้งไว้สักหนึ่งหรือสองชั่วโมง

ก่อนจะกินสตูว์พอลลี่

กินจนสตูว์เกลี้ยงหม้อ"

"ฉันไม่มีวันกระโดดลงไปในหม้อเด็ดขาด  ใครทำอย่างนั้นก็โง่สิ" พอลลี่ย้ำ

"ถูกต้องตามที่แม่ฉันบอกไว้ทุกอย่างว่าเธอโง่"

"แต่ฉันไม่ได้กระโดดลงไปในหม้อน้ำร้อนไม่ใช่รึ?"

"ตอนนี้ยังหรอก"

ทั้งคู่นิ่งเงียบไปสักครู่

"เธอมักจะร้องเพลงกล่อมฉัน" หมาป่าเล่า ท่าทางเคลิ้มฝัน

"ใครร้อง?"

"แม่ฉันน่ะสิ  เป็นเพลงที่น่ารักและเพราะมาก" เธอร้องว่า

นอนเสียเถิดลูกที่น่ารัก

พ่อของลูกจักออกไปล่าสัตว์

เขาไปหาพอลลี่ที่บ้าน

มื้อค่ำนี้ท่านจะเอาเธอมากิน

"แต่พ่อเธอก็ทำไม่ได้" พอลลี่บอก

"เพราะพ่อรู้ว่าแค่ฉันก็ทำได้แล้ว"

พอลลี่หยิบเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมา  เธอกำลังคิดว่าบทสนทนาระหว่างเธอกับหมาป่าน่ากลัวหรือว่าน่าเบื่อกันแน่  เธอตัดสินใจไม่ค่อยจะถูก

"นี่เธอจะเปิดเครื่องบ้าๆ นั่นอีกแล้วรึ?" หมาป่าถาม  ท่าทางหวาดหวั่น

พอลลี่เปิดเพลง ส้มและมะนาว  เป็นเพลงที่ยากมากเพลงหนึ่งสำหรับเธอ

"เพลงอะไรน่ะ?" หมาป่าถาม  ยื่นคอข้ามรั้วมา

"เพลงส้มและมะนาว"

"ฟังดูคล้ายเพลง หอมใหญ่กับตับ นะ" หมาป่าบอก

"ไม่มีเพลงชื่ออย่างนั้นหรอก" พอลลี่ท้วง

"มีสิ  มันก็คล้ายๆ กับเพลงที่เธอเพิ่งร้องไปเมื่อกี้นั่นแหละ"

"ไหนลองร้องให้ฉันฟังซิ"

หมาป่าร้องอย่างไม่มีจังหวะจะโคน

"หอมใหญ่กับตับ

ระฆังแห่งเซ็นต์ซิดนี่ย์บอก

ของฉันต้องหวานกว่านั้น

ระฆังแห่งเซ็นต์ปีเตอร์บอก

แยมทาร์ตใช้ได้ไหม

ระฆังแห่งเซ็นต์บ๊าร์ทส์ถาม

ฉันชอบเนื้อเด็กชายย่างสุกๆ

ระฆังแห่งเซ็นต์พ้อยตอบ

เนื้อเด็กหญิงทอดเป็นอย่างไร

เนื้อไหนเราก็ชอบทั้งนั้น

กินกับขนมปังและน้ำชา

ทุกระฆังต่างเห็นด้วย..."

"แต่ฉันไม่เห็นด้วย" พอลลี่รีบค้าน

"ไม่เห็นเป็นไร  ถ้าทุกคนเห็นด้วยเธอถูกกินแน่ มันเป็นกฏ" มันกระโดดข้ามรั้วเข้ามาในสวนทันที  มันเดินมาใต้หน้าต่างที่พอลลี่ยืนอยู่ลิ้นห้อยยาว  มันแยกเขี้ยวอย่างคุกคาม

"โผล่ออกมาอีกหน่อยสิ พอลลี่" มันเรียก

"แม่ห้ามฉันโผล่หน้าออกไปนอกหน้าต่าง"  พอลลี่บอกเรียบๆ

"น่าเสียดาย  แต่ไม่เป็นไร  ทุกคนเห็นชอบว่าฉันควรกินเธอ  ฉันขอรอจนกว่าจะมืด  แล้วค่อยกระโดดเข้าไปเอาตัวเธอมากิน" หมาป่าบอก  นอนรออยู่ใต้หน้าต่างนั่นเอง

พอลลี่คิดอย่างรวดเร็ว

"ฉันคิดว่าไม่ควรนอนตรงนั้นหรอกหมาป่า"

"หมายความว่ายังไง?"

"มันออกจะอันตรายสักหน่อยน่ะสิ"

"อันตรายแน่  แต่สำหรับเธอ ไม่ใช่ฉัน" หมาป่าบอกอย่างเชื่อมั่นในตัวเอง

"หมาป่า  เธอไม่เคยได้ยินเพลง  มาเถิดเด็กชายหญิง มาเล่นกันรึไง?" พอลลี่ถาม

"อ๋อ! เคยสิ เพลงโง่ๆ  ที่พูดถึงขนมปังใช่มั้ย เพลงเด็กเล่น" หมาป่าเหยียดหยาม

"ฉันคิดว่าแม่ของเธอคงสอนเพลงนี้ผิดแล้วล่ะ"

"แม่ฉันเป็นผู้...หมาป่าที่ดี  อย่าพูดถึงแม่ฉันอย่างนั้นสิ"

"งั้นแม่เธอสอนยังไง?" พอลลี่ซัก

หมาป่าหลับตาท่อง

"มาเถิดเด็กชายหญิง มาเล่นกัน

คืนนี้พระจันทร์สว่างราวกลางวัน

ทิ้งอาหารค่ำและอย่าเพิ่งเข้านอน

มาเถิด ชวนเพื่อนออกมาด้วย

มาด้วยความสนุกสนาน  มาเพื่อความรื่นเริง

มาหาความสำราญกัน  หรือไม่อย่างนั้นก็อย่ามา

ขนมปังแสนอร่อยรอพวกเธอทุกคน..."

"ฉันไม่สนหรอกของพรรค์นี้" หมาป่าพูด ส่ายหน้าอย่างไม่ใส่ใจจริงๆ

"ใช่สิ  เพราะเพลงที่เธอร้องน่ะผิด"

"เธอหมายความว่านอกจากขนมปัง ยังมีอย่างอื่นด้วยรึ?" หมาป่ากระตือรือร้น

"มีแน่ ดีกว่าขนมปังเยอะด้วย...

มาด้วยความสนุกสนาน  มาเพื่อความรื่นเริง

หมาป่าน่าอร่อยรอท่าพวกเธออยู่

ทั้งซี่โครงย่าง ทั้งหางในน้ำแกง

อีกทั้งหัวหมาป่าดองรสดีหนึ่งไม่มีสอง..."

พอลลี่แกล้งหยุด

หมาป่าเงียบไปเป็นครู่  มันถาม  "เธอบอกว่าอะไรน่าอร่อยนะ?"

"หมาป่า" พอลลี่ตอบสั้นๆ

"พวกเด็กๆ ชอบกินหมาป่ามากนักรึ พอลลี่?"

"ใช่ ถ้าทำให้อร่อยๆ นะ โดยเฉพาะถ้าเรามีปาร์ตี้ตอนเที่ยงคืน"

พอลลี่หยิบเครื่องบันทึกเสียงขึ้นมาและครุ่นคิดถึงท่อนต่อของเนื้อเพลง  หมาป่ากระโดดโหยง

"อย่านะพอลลี่ อย่าทำ"

"ทำไมล่ะ ฉันเพียงแต่จะปรับเสียงมันนิดหน่อย?"

"แต่ถ้าเด็กคนอื่นได้ยินล่ะ? โดยเฉพาะพวกเด็กร้ายกาจนั่น  พวกเขาจะคิดยังไงถ้าได้ยินเธอร้องเพลงนี้?"

"พวกเขาคงคิดว่าที่ถนนมีอะไรสนุกๆ พระจันทร์ก็เกือบสว่างเท่ากลางวันแล้ว พวกเขาอาจจะมาด้วยความสนุกสนาน..."

"แล้วถ้าพวกเขาออกมา...พวกเขาอาจคิดว่าฉันมานั่งรออยู่ โอย! มันน่ากลัวซะจนฉันไม่อยากจะนึกถึง  พอลลี่ เธอช่วยอะไรฉันหน่อยได้มั้ย?" หมาป่าอ้อนวอน

"ได้สิ  นอกจากจะให้ฉันกระโดดลงไปในหม้อน้ำร้อน"

"ช่างเป็นความคิดที่ป่าเถื่อนอะไรอย่างนั้น  ไม่มีทางหรอกจ้ะ ที่ฉันอยากขอร้องก็คือเธอเลิกเล่นเครื่องบ้าๆ นั่น... ฉันหมายถึงว่าเธอทำอย่างอื่นก่อนได้ไหม  อย่าเพิ่งเล่นของเล่นที่แสนวิเศษของเธอ  ฉันรู้สึกปวดหัว และต้องการอยู่เงียบๆ สักพัก ถ้าเธอช่วยนั่งนิ่งๆ ขณะที่ฉันเดินกลับบ้านไปกินยาแอสไพรินสักสองเม็ด แล้วเข้านอน ฉันจะขอบใจเธอมากๆ เลย" หมาป่าบอก  มันกระโดดข้ามรั้วออกไป  และเดินกลับบ้าน  พอลลี่ได้ยินหมาป่าพึมพำกับตัวเอง "เอาหางฉันไปแกง ความคิดบ้าๆ  เอาหัวฉันไปดอง  ฉันไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมเด็กๆ ถึงร้ายกาจอย่างนี้"

เด็กหญิงปิดหน้าต่าง  อากาศตอนหัวค่ำเริ่มหนาวเย็น เธอเก็บเครื่องบันทึกเสียงไว้ในกล่อง  และไปรับประทานอาหาร

"ลูกหัดเล่นไปได้แค่ไหนแล้ว" คุณแม่ถาม

"เยอะแล้วค่ะ"

"ลูกเล่นเพลง อย่าดูแลฉันอย่างโง่ๆ ที่ลูกจะต้องร้องอาทิตย์หน้าได้รึยัง?"

"เกือบแล้วค่ะ" พอลลี่ตอบ

แต่ถึงอย่างไรเธอก็เล่นเพลง  อย่ายุ่งกับฉันเจ้าหมาป่าหน้าโง่ ได้แล้ว เด็กหญิงคิดในใจ




หมาป่าหน้าแตก  เป็นหนังสือวรรณกรรมสำหรับเด็กที่น่าสนใจเล่มหนึ่งที่ผู้ใหญ่เองก็สามารถสนุกสนานไปได้ด้วย หนังสือเล่มนี้อาจทำให้ผู้ใหญ่ที่ทำตัวเป็นหมาป่า อาจได้ตระหนักสำนึกได้ว่ากำลังสร้างสังคมแบบไหนให้เด็ก  ส่วนเด็กนั้นนอกจากได้ความสนุกสนานแล้วยังได้ข้อคิดในการปฏิบัติตัวของพอลลี่ ทั้งความสุภาพ ,ความมีเมตตา,การรักษาระยะห่างจากสิ่งที่เป็นภัย และการใช้ไหวพริบเพื่อเอาตัวรอด  อ่านเรื่องนี้จบแล้วอยากเปลี่ยนชื่อเรื่องเป็น "หมาป่าหน้าโง่" มากกว่าค่ะ เล่มนี้เป็นอีกเล่มที่ชอบมาก จึงนำมาแนะนำ แต่คงจะหาซื้อยากอยู่ เลยรีวิวให้อ่านทั้งตอน





เอนทรี่นี้เพื่อนๆไม่ต้องโหวตนะคะ แค่แวะเข้ามาอ่านก็ดีใจแล้วค่ะ




 

Create Date : 28 กันยายน 2559
0 comments
Last Update : 28 กันยายน 2559 11:04:27 น.
Counter : 1229 Pageviews.


เรียวรุ้ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 30 คน [?]




...ดอกไม้แห่งมิตรภาพ...
ไม่เคยเลือก
ชั้นหรือวรรณะในการก่อกำเนิดเมล็ดพันธุ์
ไม่เคยเลือก
น้ำใจในการรินรดให้ต้นกล้าเติบโต
ไม่เคยเลือก
สถานที่ในการเบ่งบาน งอกงาม

“กาลเวลา”
จะเป็นผู้พิสูจน์ว่า
“ดอกไม้แห่งมิตรภาพ”
จะเจริญงดงามนานเพียงใด

“ความจริงใจ”
จะเป็นผู้หล่อเลี้ยงให้
“ดอกไม้แห่งมิตรภาพ”
ไม่มีวันโรยรา แม้กาลเวลาจะล่วงผ่านเลย








...ขอบคุณ ณ ที่นี้...
BG จากคุณดอกหญ้าเมืองเลย
กล่อง Comment จากป้าเก๋า(ชมพร)
ของแต่งBlog น่ารักๆจากป้าเก๋า(ชมพร)
emotionหมีจากคุณ On-rainy-days



Group Blog
 
 
กันยายน 2559
 
28 กันยายน 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add เรียวรุ้ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.