Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2564
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
18 มิถุนายน 2564
 
All Blogs
 
No. 996 หลง(ไหล) ป่าแม่วาง @ เชียงใหม่ (ตอนจบ)

No.  996  หลง(ไหล) ป่าแม่วาง @ เชียงใหม่ (ตอนจบ)




พวกเราทำงานในเมืองออกกำลังกายให้ร่างกายแข็งแรง เมื่อมีโอกาสก็จะเดินทางท่องเที่ยวตามป่าเขาเท่าที่จะทำได้
อาชีพแตกต่างกัน เป็นครูสอนภาษา นายตำรวจ คนชุดดำลูกจ้างบริษัท ถัดมาช่างติดวอลเปเปอร์ คนสุดท้าย บังทำรถตู้ทัวร์ให้เช่าหลายคัน คนขับขาด บังขับเองก็เอานี่กลุ่มสวนหลวง ร.9 กท.  แต่ข้างล่างที่เล่า อีกกลุ่มนะครับชอบป่าเขาเหมือนกัน

//////
ไง นพ นอนในป่าแล้วไม่มีถุงนอน
ไหวพี่ไวน์ ผมว่าอากาศเย็นดีกว่าร้อน เมื่อคืนกลัวเย็นมากเลยใส่ถุงเท้าได้ผ้าขาวม้าครูฉัตรห่มสบายวันหลังผมต้องระวัง
ต้องระวัง ตอนนั้นลืมตัวหนีไฟ เลยลืมถุงนอนเมื่อคืนนอนในตูบกับอ้ายเป็งสบายๆ ไม่เสียวปลายเท้า
กล้วอะไรเหรอนพ
ครูคิดดู เรานอนในป่าปลายเท้าโผล่ เกิดหมี เสือค่อยย่องมาดึงอะไรจะเกิดขึ้น
คุณนพ ไม่ต้องกลัวหรอก อ้ายเป็งอยู่ในป่านี่มา 3 ปีไม่เคยเจอเสือมีแต่ไก่ป่า ฟาน(เก้ง)หมูป่าพอมีบ้างคงถูกจับกินหมด
อ้ายเป็ง เขาว่าหน้าแล้ง ไม้ไผ่ถูกลมพัด มันสีกันแล้วเกิดไฟได้เปล่า
ยังไม่เคยเจอครับคุณโต เป็นไปได้ยาก จะมีพวกเดินป่าจุดไฟพอเดินทางต่อดับไฟไม่หมด ถ่านที่แดงถูกขี้เถ้าปิดไว้พอ
 เจอลมพัดขี้เถ้าก็เริ่มลุก ทีนี้มันก็ลามลุกนะคุณโต
แล้วพวกชาวไร่ จุดไฟเผาป่าจะขยายพื้นที่ปลูกพืชก็มีไม่ใช่เหรอ
ยังมีบ้าง แต่น้อยลงทางการออกตรวจบ่อยมั้ง อีกอย่างผมเดาเอานะ บนดอยไม่มีถนนนายทุนเลยไม่จ้างใครเผาป่าเอาที่ดิน
ว่าแต่คำเป็ง ปลูกพริก แบกปุ๋ยขึ้นมาไง ลูกหนึ่งหนักนา
อ๋อ ตอนมาอยู่ใหม่ไม่ต้องใส่ปุ๋ย ดินดีนะครับครู พออยู่นานเข้า ผมเดินขึ้นไปข้างบนมุ่งไปบนดอยทางโน้นเจอถ่ำมีค้างคาว


อยู่เลยปีนเข้าไป เอาขี้ค้างคาวมา มันเค็มมากใส่นิดเดียวพริกก็งามอีกอย่างขี้มันเบาสะดวกหน่อย
แล้วมีเยอะหรือเปล่า
ไม่เยอะ ถ้าผมใช้คนเดียวคงหลายปี แต่ดูแล้วมีคนอื่นเขาไปขนด้วยผมเจอขี้ใต้ของคนอื่นนะ เลยรู้ว่าแต่ไม่รู้ว่าใครเท่านั้น
แหละ ยังกลัวเขาพากันมาหลายคน เสียดายแย่เลยแหละ
เรานั่งคุยกันมืด ๆ ยามอรุณจะรุ่ง ไม่นานแสงอาทิตย์ค่อย ๆ ส่องเงามืดของแอ่งดอยจางหายต้นไม้ใหญ่น้อยปรากฏขึ้นดู
 


เขียวสดใสเสียงน้ำในลำห้วยยังคง ส่งเสียงดังเป็นระยะไม่ขาดสาย
ครู...ผมว่าพวกเรา ทำอาหาร กินกัน แล้วค่อยออกเดินทางกันจะได้มีแรง บ่าย ๆ ค่อยหยุดพักกินข้าวเที่ยงกลางทางกัน
เดินลงดอยน่าจะไม่เกิน หก ชม.
ได้เลย คำเป็ง จะให้พวกผมแบกพริกแห้งไปส่งด้วยก็ได้นะ
555 ไม่ต้องหรอกครู วันนี้เดินตัวเปล่ากันดีกว่าเดี๋ยวผมจะไปหาผักมาทำกับข้าวผมแช่ข้าวเหนียวไว้คุณนพคุณโตช่วยนึ่ง
ข้าวให้ผมหน่อยนะ
ผมไปด้วย คำเป็ง มีผักหวานเปล่า
มีแต่อยู่ไกล เดินไปอีกดอย เราเก็บผักที่ ปลูกไว้ดีกว่า อร่อยนะคุณไวน์
///////////
 
ผักพวกนี้ คนที่มาทำไร่ทิ้งไว้คงนำมาปลูกไว้ ผมเอาต้นผักเซียงดาต้นหอมผักชีใบยาวกับกิ่งผักหละ(ชะอม)มาชำ
ไว้ตอนสองปีก่อนโน้น นั่นไงต้นผักเซียงดา คุณไวน์กินเป็นเปล่า


เป็นซิคำเป็ง ผมคนเจียงใหม่นี่นา 555 มันขม
ใช่ ขมผมเลยเอาพันธ์ข้างล่างปลูกบนดอย ขมน้อยกว่าพันธ์ป่างั้นเก็บผักเซียงดาแกงใส่เนื้อย่างก็ได้
เอ ผมว่า แกงใส่ปลาย่างดีกว่า พอดีครูฉัตรเอาติดตัวมาด้วย
ดีเหมือนกัน งั้นเรา ย่างเนื้อห่อไปกิน กลางวันก็ได้
ที่ครัวของอ้ายคำเป็ง ก็ในตูบที่เป็นดินอัดแน่นเรียบ ครูฉัตรเอาพริกแห้ง 5 เม็ดแช่น้ำพอนิ่มใส่ครกพร้อมหอมกระเทียมเกลือ
ตำไม่นานก็แหลก
ใส่ถั่วเน่าแผ่นปิ้งหรือ ใส่กะปิดี
กะปิหมด ผมไม่ค่อยเอามา ผมปิ้งถั่วเน่าแผ่นใส่ดีกว่า
ถั่วเน่าแผ่นอ้ายเป็ง ปิ้งเหลืองหอม กรอบใส่ในครก 2 แผ่นถูกครูฉัตรโขลกไม่กี่ทีก็ส่งกลิ่นหอมอ้ายเป็งตั้งหม้อมิเนียมเอาน้ำพริก
ลงผัดไอร้อนหอมตักน้ำหน่อยน้ำเดือดตักใส่ครกใช้สากคนไปมา ยกเทใส่หม้อแกงปิดฝาเสียงน้ำ
น้ำเดือดขลุก ๆ ไอร้อนลอดออกมา พร้อมกลิ่นหอมของพริก


 
อ้ายเป็งเปิดฝา ใช้มือบิ หัก ปลาช่อนย่างรมควันครูฉัตรปิ้งไฟจนกรอบ 3 ตัวใช้ทัพพีคนเห็นเนื้อปลาสีเหลืองปนออกมาถูกน้ำแกง
ร้อน ๆ เพิ่มความหอมเข้าไปอีก
 
ครูฉัตร ช้อนยอดผำเซียงดาที่เด็ดแช่น้ำทิ้งไฟ ใส่ในหม้อ เอามือรูดผักหละ(ชะอม)โปรยตามลงไปผมเห็นแล้วเสียว
ก็ยอดชะอมมันไม่อ่อนเท่าใด มีหนามโผล่ แต่มือครูฉัตรไม่ยักเป็นไรอ้ายเป็งใช้มีปาดมะเขือนส้ม(มะเขือเทศลูกเล็ก) ลูกลม
สีแดงออกส้มใส่ไปอีก 7 ลูก แล้วคนไปมา ปิดฝาหม้อ
ไม่ถึง 5 นาทีเสียงหม้อแกงเดือดคลั่ก ๆ ไอ กับกลิ่นลอยออกมาอ้ายเป็บใช้ทัพพีคนตักขึ้นชิมแล้วยกขวดน้ำปลากดคอ
ขวดกระฉอกไปหลายฉึกเพิ่มความเค็ม
ส่งทัพพีให้ ผมเลยตักน้ำแกงขึ้นชิม โห น้ำมีรสเผ็ดนิด หอมถั่วเน่าปิ้งกลิ่นหัวหอมปนรสหวานนิดคงมาจากปลาช่อนย่างที่บิ
ใส่ จนต้องยกนิ้วให้อ้ายเป็งผู้ปรุงน้ำแกง


 
นพ ยกหม้อแกงไป วางบนแคร่ไม้ไผ่ หน้าบ้าน โตเทข้าวเหนียวนึ่งร้อน ๆ ใส่กาละมังจัดแบ่งใส่จานแต่ละคน
แสงแดดอ่อน สาดไปทั่ว พวกเราขึ้นไปนั่งบนแคร่ แต่ไม่หมดก็มันเล็ก ผมโตนพขายาวหน่อยเลยยืนชิดแคร่ไม้ไผ่
ครูฉัตรกับอ้ายเป็งนั่งข้างบน แสงอาทิตย์ส่องถูกหัวครูแสงสวย
 
ทีนี้ต่างคน ต่างใช้ช้อนตักแกงใส่ปาก ตามด้วยข้าวเหนียวอุ่น ๆเข้าปากต้องบอกว่าอร่อยมาก
ปกติแล้วผมไม่ค่อยกิน ผักเซียงดา แหะ ๆ มันขม แต่ที่บ้านอ้ายคำเป็งรสขมนิดเดียวเมื่อเคี้ยวผสมชะอมรสเปรี้ยวมะเขือเทศ
 ช่างเข้ากันจริง ๆ บอกตรง ๆ เช้านี้กินข้าวเหนียวอร่อยอิ่มจนจุกอ้ายเป็งห่อข้าวเหนียวด้วยใบตองตึง(ใบพลวงสด) 5 ห่อ
ตอกมัดแน่น ส่งให้แต่ละคนใส่เป้


 
ส่วนเนื้อที่ย่าง เป็นริ้วยาวตากแห้ง อ้ายเป็งจัดการปิ้งบนเตาซ้ำให้อุ่นห่อใบตองตึกกับน้ำพริกแดงใส่ก๋วย(ตระกร้าไม้ไผ่)ประจำตัว
พวกเรา ต่างเก็บของใส่เป้ ดับไฟ แล้วออกเดินทางสู่เบื้องล่าง อ้ายเป็งเดินนำหน้า ตามด้วยครูฉัตรเป็นแถวเรียงหนึ่ง
ลงดอย ขึ้นดอย บางครั้งก็ต้องลุยน้ำห้วยที่เย็น จนต้องวักขึ้นล้างหน้าแขนทำให้สดชื่นขึ้นมาก


 
อ้ายเป็ง ผมถามจริง ๆ แหะ ๆ เนื้อที่ย่างเป็นริ้ว มันเป็นเนื้ออะไร
คุณนพ กลัวเป็นเนื้อเก้งเอ๋งเหรอ
ใช่ ๆ เวลากินมันยังไงไม่รู้นะอ้ายเป็ง กลัวเป็นหมา
ไม่ใช่หรอก ผมไม่กินหมา ผมไปล่าฟาน(เก้ง) ไหล่ดอยเลยตูบผมไป 3 ดอยมีพื้นที่ราบกว้างแถวนั้นน่าจะมีหลายตัวผมไปส่อง
 ก็ไปนั่งห้างบนต้นไม้ 2 คืนก็ได้มาตัว ผมใช้มีดซุยเลาะหนังตากไว้หลังตูบคุณนพคงไม่ได้สังเกตุ
แล้วเนื้อฟาน กับหมา มันแตกต่างกันหรือเปล่าครับอ้ายเป็ง
เอ...อันนี้ผมไม่ได้เคยเห็นเนื้อหมา รู้แต่ว่า เนื้อฟานเส้นเล็กกว่าเนื้อวัวเนื้อควาย ไขมันมีน้อยด้วยถ้าเป็นเนื้อวัว



จะมีไขมันสีเหลือง
 ถ้าควาย ไขมันสีขาวขึ่นแต่อรอ่ยเหมือนกัน



(กลับมาจากป่า ก็เข้าดูอากู๋ เนื้อวัว กับเนื้อควาย ดูไม่แตกต่างกัน 555  ไขมันสีแตกต่างกันนิดเดียวภาพข้างล่างเป็นเนื้อควายจากอินเดียส่งมาขายในไทย เพื่อนสนิทบังหมัดจัดส่งเนื้อให้หลายตลาดนำเข้าจาก ตปท. เพราะในไทยมีวัวน้อยลงมาก)

 
ระหว่างที่เดินลงดอย อ่ายเป็งจะหยุดดู ทางเดินป่าที่มีทางแยกอยู่หลายครั้ง
อ้ายเป็งเคยหลงป่าหรือเปล่า
เคยครับคุณไวน์ ป่าก็คือป่า บางทีผมเดินหน้าฝน ใบไม้จะเขียวปิดก้อนหินที่เคยเห็นเงยหน้าไปดูดอย ใบไม้ก็ปิดเต็มอีก
เลยไม่มีที่สังเกต ทำเอาหลงทาง แต่จะไม่นาน
ส่วนใหญ่ผมจะจับ ลำห้วยไว้ก่อน ยังไงน้ำมันไหลลง สู่หมู่บ้านคนแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเดินป่าให้หาคนนำทางท้องถิ่นดีกว่า
คำเป็ง ข้างล่างน่าจะเป็นถนนดำ นะ โน่นไง
 
ใช่ครับครู เป็นถนนสาย ผ่านวัดดอยโตน เราเดินเบี่ยงไปทางขวาตัดสันดอยลงไปอีกฝั่งดีกว่าเดินข้ามห้วยอีกนิดเดียก็ถึงถนนดำ
จากบ้านตูบ เราหยุดกินข้าวเที่ยงกลางแอ่งดอย ริมห้วยน้ำไหลเย็น เดินมาถึงจุดนี้ใช้เวลากว่า 7 ชม.นานเอาเรื่อง
แต่คราวนี้ความเหนื่อยมีน้อยกว่าวิ่งหนีไฟอีกอย่างเรามีอ้ายเป็งนำทางทำให้อุ่นใจว่าออกจากป่าได้จนมาสู่วัดถ่ำดอยโตน
ออกจากป่าได้  (ก๋วยคือ ตระกร้าไม้ไผ่สานที่หญิงคนข้างล่างใส่บ่าเดิน)


 
อ้ายเป็งพาพวกเรา ไปพักที่บ้านไม้หลังเล็ก ริมท้องนาที่ลดหลั่น ก็เลยหน้าวัดละแยกนั้นเป็นถนนดำปนแดง แคบพอรถยนต์
สวนกันได้คดเคี้ยวไปมา สองฝั่ง เป็นบ้านคน อยู่ติด ๆ กันแบบชาวภาคเหนือ



 
มีร้านของชำ แทรกเป็นระยะ มีผลไม้ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอมแถม 555 ส้มเขียวหวานคงจะนำมาจากในเมืองขายด้วย
ต้องบอกว่า น้ำใจอ้ายเป็งกว้าง จนเกรงใจ อุตส่าห์พาพวกเราเดินจากดอยหลาย ชม. พวกเรากินข้าวเนื้อไปเยอะมาก
ก็มันอดยากปากแห้งนี่นา ครูฉัตรพยายามเอาเงิน ยัดใส่มือแต่อ้ายเป็งไม่ยอมรับ
เดินหนี หัวเราะร่วนโบกมือไม่เอา
ไม่นานรถคอกหมู กลับพาสู่ตัวตลาด อ.แม่วาง แล้วหาทางกลับไปที่จอดรถ...


กึ๊ดเติง(คิดถึง) อ้ายคำเป็งแห่งบ้านตองกายแต่ เอะตอนนี้ต้องเป็นคนบ้านถ่ำดอยโตนซินะคนเจียงใหม่มีน้ำใจเสมอ
 
 
 
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ(re 199/4821)
 
st ผู้เข้าชม  1,924,145.
                     
ขอบคุณเพื่อนผู้แวะมาเยือน กรุณาเม้นท์/ทิ้งร่องรอยนิด ผมจะได้กลับไปเยี่ยมตอบแทนถูกครับ
 
Diarist



Create Date : 18 มิถุนายน 2564
Last Update : 18 มิถุนายน 2564 9:45:17 น. 18 comments
Counter : 1366 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณกะว่าก๋า, คุณเนินน้ำ, คุณทนายอ้วน, คุณหอมกร, คุณSweet_pills, คุณตะลีกีปัส, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณเริงฤดีนะ, คุณtuk-tuk@korat, คุณtoor36, คุณ**mp5**, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน


 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ไวน์

เวลาคนเราอยู่ใกล้ธรรมชาติ
เหมือนจิตใจได้รับการฟื้นฟูนะครับ
ธรรมชาติช่วยเยียวยาจิตใจได้จริงๆ

อาหารป่าก็มีรสชาติพิเศษไม่เหมือนใคร
ยิ่งกินท่ามกลางป่าเขา ท่ามกลางเพื่อน
ยิ่งได้บรรยากาศเลยนะครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:6:24:25 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไวน์
เห็นด้วยกับคุณก๋านะคะธรรมชาติช่วยเยียวยาจิตใจได้จริง ๆ ค่ะ
เหมือนอยากที่บอกไว้ที่บล็อกก่อนหน้านี้ แม้จะหลงป่าแต่เหมือนมาปิคนิคเลยค่ะ ^__^


โดย: เนินน้ำ วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:7:07:07 น.  

 
ได้กินผักเชียงดาครั้งแรกตอนไปเที่ยวน่านครับ ท่าทางจะเป็นของหายากเพราะพี่เจ้าของร้านรีบมาบอกว่าวันนี้มีน้อย พอผัดได้จานเดียว เลยสั่งเป็นผักเชียงดาคั่วไข่ใส่พริก - มีรสขมน้อยๆนะครับ รู้สึกกินแล้วดีต่อสุขภาพ ฮ่าๆๆ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:7:42:43 น.  

 
ไปแบบพี่ไวน์ทำตอนหนุ่นๆ เนี่ย ไม่ทำเด็ดขาดจ้า



โดย: หอมกร วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:8:45:29 น.  

 
สวัสดีมีสุขค่ะ

ไม่ชอบถุงนอน เพราะเป็นคนนอนดุกดิกตลอด ชอบกางขากางแขนสบายๆ มีถุงนอนรัดตัวนอนไม่หลับค่ะ
ชอบผ้าห่มนุ่มๆห่อตัวขยุกขยุยค่ะ

เป็นคนหลงป่าเหมือนกันค่ะ
แพลนไว้ว่าจะไปช่วงฝนนี้ที่ป่าปงเปียง
แต่โควิดยังไม่คลาย อดไปอีกแล้ว
เนื้อตากเป็นเส้นๆ ชอบย่างกินค่ะ หอม
ผักเซียงดา ยังหาพันธุ์มาปลูกไม่ได้สักทีค่ะ


โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:8:59:16 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่ไวน์

อ้ายคำเป็งช่วยเหลือนำทางไม่ยอมรับเงิน มีน้ำใจมาก หายากน่าจดจำค่ะ
เดินลงดอยจากที่กะไว้ไม่น่าจะเกิน 6 ชั่วโมงเดินจริงใช้เวลากว่าเจ็ดชั่วโมง
ข้าวเหนียวเนื้อช่วยคลายหิวได้ เป็นการเตรียมการที่ดีจังนะคะ
ผักหละมีหนามตอนเตรียมต้องระวังแต่อร่อย ได้รู้จักศัพท์ใหม่ๆ
ขอบคุณพี่ไวน์สำหรับบรรยากาศเดินป่าใกล้ชิดธรรมชาติค่ะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:8:59:19 น.  

 
สวัสดีครับพี่ไวน์

ชอบความบรรยายการทำอาหารมากเลยครับ อ่านแล้วหิวเลยครับพี่

ที่พี่ไวน์บอกว่านอนในป่า ปลายเท้าโผล่ กัวเสือกัวหมีมากัด หืออออ ผมนึกถึงผีนะครับพี่ 5555555
เวลานอนเท้าโผล่จะกัวใครจับขา 5555


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:10:39:19 น.  

 
รูปแรก ดูร่างกายแข็งแรงมากๆเลยค่ะ


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:12:03:31 น.  

 
เข้ามาตอนนี้แล้วกลืนน้ำลายเลยค่ะ
แกงปลาช่อนย่างใส่ผักเซียงดา
ไม่เคยทานแต่เห็นแล้วน่าทานมากๆ


เนื้อวัวมันสีเหลือง
เนื้อควายมันสีขาวนวล
แม่(เจ้าโว้ย) สอนไว้เวลาใช้ไปซื้อเนื้อที่ตลาดตอนเด้กๆ
จำได้ๆค่ะ



โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:17:14:54 น.  

 
ซื้อจิ้นมาละเจ้า เดียวจะห้อยตากไว้ซักแดดเจ้า


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:20:48:13 น.  

 
หมีผมว่ายังไม่น่ากลัวเท่าพวกสัตว์มีพิษนะครับ แต่ไม่ว่าจะประเภทไหน ถ้าเจอมันเล่นงานก็มีโอกาสตายได้ไม่ต่างกันเลย

ปุ๋ยขี้ค้างคาวที่บ้านเคยใช้ ถือว่าดีเลยครับ เนื้อควายผมเคยได้ยินว่ามันสาบ แต่ยังไม่เคยลองครับ


โดย: toor36 วันที่: 18 มิถุนายน 2564 เวลา:21:50:09 น.  

 
ตอนเป็นเด็กก็ชอบป่าเช่นกัน
ในป่ามีอะไรมากมายให้เรา
ผลไม้หลายๆชนิดไม่เคยเห็นในเมือง
แต่ป่ามี...
แถมป่าให้อาหารสดๆแก่เราด้วย

เสียดายสมัยนี้
แค่เดินเฉียดป่าก็เหมือนจะผิดกฏหมายนะ
สำหรับ ปชช. แต่พวกทำลายป่าตัวจริงนั่งจิบไวน์สบายใจในเมืองเฉิบ
5555


โดย: wicsir วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:7:35:39 น.  

 
แวะมาเยี่ยมและส่งกำลังใจครับ


โดย: **mp5** วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:13:56:41 น.  

 
หลายประเทศผู้นำเขาก็ทำผิด ตัดสินใจพลาด
แต่เขายอมรับ และขอโทษครับพี่ไวน์
ไม่ใช่วนอยู่แต่ประโยคเดิมๆ
เราจะสู้ จะชนะ
ผมเป็นคนดี ผมไม่โกงกิน
แต่การกระทำดูจะตรงข้ามกับสิ่งที่พูดเลย




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:15:01:35 น.  

 
ขอบคุณพี่ไวน์สำหรับกำลังใจนะคะ



โดย: Sweet_pills วันที่: 19 มิถุนายน 2564 เวลา:23:50:23 น.  

 
สวัสดียามเช้าครับพี่ไวน์



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:6:41:21 น.  

 
ผมยังไม่เคยอ่านงานของ อ.วัลลภิศร์ สดประเสริฐ เลยครับพี่ไวน์
แต่ผมก็ชอบวิธีเปิดภาพถ่ายขึ้นมา
แล้วก็เขียนงานแบบด้นสดนะครับ
ผมว่าความรู้สึกแรกของการเขียนงานนั้นสำคัญมากๆเลยครับ
มีผลต่อความลื่นไหลในการเขียนงานครับ




โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:13:01:05 น.  

 
สวัสดีคะคุณพี่ไวน์..

ตามมาเที่ยวและทานอาหารด้วยคะ..

ช่วงนี้ฝนคงตกบ่อยนะคะ..แถวแม่วาง







โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 20 มิถุนายน 2564 เวลา:21:02:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไวน์กับสายน้ำ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 92 คน [?]





เขียนการเดินทาง
ด้านธรรมชาติ
จักรยานเสือภูเขา



หลังไมค์ครับ
Friends' blogs
[Add ไวน์กับสายน้ำ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.