นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ผลการประชุมหารือถึงแนวทางการย้ายสถานีขนส่งหมอชิตจากจตุจักร เนื้อที่ 73 ไร่ ไปยังที่แห่งใหม่ ซึ่งตามแผนบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) จะต้องโยกย้ายให้แล้วเสร็จในปี 2560 หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ขอใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าว เพื่อก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อของโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วง บางซื่อ-รังสิต

โดยสรุปมี 2 แนวทาง คือ 1.สร้างบนพื้นที่ใหม่ โดยที่ประชุมได้กำหนดพื้นที่ให้อยู่บนถนนพหลโยธินทั้ง 2 ฝั่งถนน กำหนดรัศมีตั้งแต่ด้านเหนือของศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิตไปจนถึง ม.ธรรมศาสตร์ มีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 80 ไร่ เพื่อรองรับรถที่วิ่งระยะไกลจากภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดย บขส.จะเปิดให้เอกชนนำที่ดินมานำเสนอขาย ขณะนี้อยู่ระหว่างจะออกประกาศเชิญชวน

และ 2.จะคงพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิตเดิมไว้ แต่จะปรับลดขนาดการใช้สอยพื้นที่ จาก 73 ไร่ เหลือ 16.43 ไร่ พร้อมกับปรับลดรูปแบบการบริการลง ให้เป็นสถานีย่อย สำหรับเป็นพื้นที่จอดรถตู้ของ บขส. จำนวน 3,197 คัน และรถรับจ้างไม่ประจำทาง จำนวน 40 คัน

"บขส.จะเขียนแผนการก่อสร้าง สถานีย่อยในพื้นที่ 16.43 ไร่ที่ปรับรูปแบบใหม่ และแผนการก่อสร้างสถานีขนส่งหมอชิตแห่งใหม่ มาเสนอกระทรวงคมนาคมอีกครั้ง จากนั้นจะนำเสนอให้ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมพิจารณา เพื่อขอจัดสรรงบประมาณสำหรับการก่อสร้างโครงการ ซึ่ง บขส.จะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี"60 หรือให้พร้อมกับการเปิดใช้รถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนพื้นที่ใกล้สถานีกลางบางซื่อ จำนวน 9 ไร่ จะใช้เป็นพื้นที่อู่จอดรถของ ขสมก. จะรองรับการเชื่อมต่อมายังสถานีกลางบางซื่อ"

พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า แผนการย้ายสถานีขนส่งหมอชิต ขณะนี้มี 2 แนวทาง คือ 1. บขส.จะหาพื้นที่ใหม่เพื่อสร้างเป็นสถานีขนส่งถาวร และ 2.พื้นที่สถานีขนส่งหมอชิตปัจจุบัน จะปรับบทบาทเป็นจุดเชื่อมต่อรถเพื่อการเดินทางเข้าเมืองเท่านั้น จะเหลือพื้นที่ใช้สอยประมาณ 10-16 ไร่

นายนพรัตน์ การุณยะวนิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายบริหารการเดินรถ และรักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า ในวันที่ 13 กรกฎาคมนี้ บริษัทจะเปิดประกาศเชิญชวนเอกชนที่สนใจจะเสนอขายที่ดินเพื่อสร้างสถานีขนส่ง หมอชิตแห่งใหม่ โดยจะใช้ระยะเวลา 1 เดือนในการคัดเลือกที่ดิน

โดย เจ้าของที่ดินจะต้องมีที่ดินอยู่ในพื้นที่ตั้งแต่เหนือศูนย์การค้าฟิวเจอร์ พาร์ค รังสิตไปจนถึง ม.ธรรมศาสตร์ มีขนาดเนื้อที่ไม่ต่ำกว่า 80 ไร่ มีหน้ากว้างไม่ต่ำกว่า 80 เมตร และที่สำคัญต้องอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดง เพื่อให้เกิดความสะดวกต่อผู้โดยสารที่มาใช้บริการสถานีขนส่งแห่งใหม่ ส่วนงบประมาณจัดซื้อที่ดินยังไม่มีการกำหนดราคาไว้ ขึ้นอยู่กับทำเลพื้นที่และราคาที่เอกชนเสนอขายมาด้วย จากนั้นจึงวางแผนเรื่องงบประมาณในการซื้อที่ดินที่จะสามารถรับได้

"ก่อนหน้านี้เราตั้งงบประมาณซื้อที่ดินขนาด 150 ไร่ไว้แล้วประมาณ 1,500 ล้านบาท รวมกับเงินค่าก่อสร้างไว้ลงทุนอยู่ที่ประมาณ 4 พันล้านบาท แต่เมื่อพื้นที่ปรับลดลงมา คาดว่างบประมาณในการดำเนินโครงการจะต้องลดลงตามไปด้วย แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับราคาที่ดินว่าจะซื้อแพงหรือถูก ซึ่งสถานีขนส่งแห่งใหม่นี้จะเน้นความทันสมัย ไม่ใหญ่มาก สะดวกสบายในการเดินทางเข้าออก ซึ่งทั้งหมดจะต้องนำเสนอคณะกรรมการหรือบอร์ด บขส.พิจารณาอนุมัติก่อน คาดว่าจะเริ่มสร้างได้ปี"59 แล้วเสร็จปี"60" นายนพรัตน์กล่าวย้ำ

รายงานข่าวแจ้งว่า จากผลการศึกษาของมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ศึกษาทำเลที่ตั้งให้ บขส.พิจารณา พบว่ากำหนดพื้นที่ว่างที่เหมาะสม 4 พื้นที่ ได้แก่ 1.ติดกับสนามบินดอนเมืองด้านฝั่งขาเข้ากรุงเทพฯ 2.ติดกับถนนพหลโยธินด้านเหนือจากแยกถนนรังสิต-ปทุมธานี อยู่ฝั่งซ้ายมือก่อนถึงมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 3.ติดถนนพหลโยธินด้านเหนือจากแยกถนนรังสิต-ปทุมธานีฝั่งขวามือก่อนถึง มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และ 4.ติดถนนรังสิต-ปทุมธานี ช่วงก่อนถึงทางด่วนบางปะอิน-ปากเกร็ด โดยบริเวณที่ 2 เป็นพื้นที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า รัศมีทำเลที่ตั้งที่เสนอมานั้น ตรงกับตำแหน่งที่ดินไทยเมล่อนเดิม จำนวน 616 ไร่ ที่กลุ่มเซ็นทรัลซื้อต่อจากผู้กองธรรมนัส พรหมเผ่าไปด้วยวงเงิน 4,000 ล้านบาท