ช.การช่างปรับเป้ารายได้โต 4 หมื่นล้าน แย้ม BEM เทรด ส.ค.ราคา 4.5 บาท
ช.การช่างปรับเป้ารายได้โต 4 หมื่นล้าน แย้ม BEM เทรด ส.ค.ราคา 4.5 บาท
        ช.การช่างปรับเป้ารายได้ปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 4 หมื่นล้านบาท จากเดิม 3.5 หมื่นล้านบาท โดยไตรมาส 2 นี้บันทึกกำไรพิเศษจากการขายหุ้นไซยะบุรี 1.2 พันล้านบาท เผยครึ่งปีหลังจ่อประมูลโครงการภาครัฐประมาณ 1 แสนล้านบาท คาดได้งาน 20-25% จ่อกล่อมบริษัทรับเหมาในตลาดหุ้นตั้งบริษัทร่วมทุนลุยรับงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐ และเตรียมแตกไลน์ธุรกิจไปยังอสังหาริมทรัพย์ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า แย้มหุ้นใหม่ BEM เทรดเดือน ส.ค.นี้ ราคา 4.50 บาท “ปลิว” เปรยวางมือจาก ช.การช่างอีก 5 ปีข้างหน้า หลังส่งมอบงานให้รุ่นลูกบริหารต่อ

       นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) (CK) เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ ปรับเพิ่มเป้าหมายรายได้เพิ่มขึ้นเป็น 4 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่คาดไว้ 3.5 หมื่นล้านบาท หลังจากครึ่งปีแรกรับรู้รายได้โครงการก่อสร้างในมือ (Backlog) ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท และคาดว่าครึ่งปีหลังจะรับรู้รายได้จาก Backlog อีก 2 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันบริษัทมี Backlog รวมทั้งสิ้น 8.7 หมื่นล้านบาท และไตรมาส 2 นี้บริษัทรับรู้กำไรจากการขายหุ้นบริษัท ไซยะบุรี ให้ บมจ.ซีเค พาวเวอร์ ประมาณ 1.2 พันล้านบาท ทำให้ทั้งปี 2558 บริษัทฯ มีรายได้และกำไรสุทธิโตขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้รวม 3.54 หมื่นล้านบาท และกำไรสุทธิ 2.29 พันล้านบาท

       ส่วนการลงทุนในครึ่งหลังปี 2558 บริษัทฯ จะเข้าร่วมประมูลก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ คิดเป็นมูลค่ากว่า 1 แสนล้านบาทจากมูลค่าโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่จะออกมา 4-5 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โครงการรถไฟทางคู่ เส้นทางจิระ-ขอนแก่น โครงการมอเตอร์เวย์พัทยา-มาบตาพุด โครงการก่อสร้างตึกการไฟฟ้านครหลวงบริเวณคลองเตย และโครงการอุโมงค์ระบายน้ำหนองบอน เป็นต้น โดยมั่นใจว่าจะได้ส่วนแบ่งงานก่อสร้าง 20-25% ของงานทั้งหมด รวมทั้งยังพร้อมที่จะเข้าร่วมทุนดำเนินโครงการของภาครัฐแบบ PPP ทั้งโครงการทางด่วน รถไฟฟ้า โรงไฟฟ้า และน้ำประปา โดยมีบริษัทลูกเป็นผู้ร่วมดำเนินการ

       สำหรับงานต่างประเทศโดยเฉพาะพม่า และลาวซึ่งเป็นประเทศเป้าหมาย ก็อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ในการก่อสร้างและพัฒนาโครงการสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานต่างๆ คาดว่าจะมีความชัดเจนภายในปี 2558 โดยครึ่งหลังปี 2558 บริษัทฯ เตรียมลงนามสัญญาก่อสร้างโครงการใหม่อีก 2 โครงการในครึ่งปีหลังนี้ คิดเป็นมูลค่า 1.85 หมื่นล้านบาท ได้แก่ โครงการก่อสร้างศูนย์การแพทย์แม่ฟ้าหลวง สัญญา 2 มูลค่าก่อสร้าง 1.5 พันล้านบาท และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำบาก ที่ สปป.ลาว มูลค่าก่อสร้าง 1.7 หมื่นล้านบาท มั่นใจว่าครึ่งปีหลังนี้จะมี Backlog ใหม่เข้ามาเพิ่มอีก 3 หมื่นล้านบาท

       ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้าหมายใน 3 ปีข้างหน้าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 3.5-4 หมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันก็จะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ในระดับไม่ต่ำกว่า 5% และอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 9% ในการประมูลโครงการภาครัฐ และเอกชน

       นายปลิวกล่าวต่อไปว่า บริษัทฯ สนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาและติดตามโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เนื่องจากเป็นโครงการขนาดใหญ่จำเป็นต้องร่วมทุนกับต่างชาติในการพัฒนาการ อย่างไรก็ตาม ยังเร็วเกินไปที่จะให้คำตอบคงต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐ อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ จะหารือกับบริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดใหญ่ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ จัดตั้งบริษัทร่วมทุนใหม่ เพื่อเพิ่มศักยภาพในการเข้าร่วมประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐด้วย

       นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนจะขยายธุรกิจไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อต่อยอดงานรับเหมาก่อสร้าง คาดว่าจะมีความชัดเจนใน 2-3 ปีนี้ โดยอาศัยจุดเด่นในฐานะบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ และมีบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจรถไฟฟ้าใต้ดิน ทางด่วน จึงเห็นโอกาสในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์

          นายปลิวกล่าวถึงความคืบหน้าการควบรวมกิจการระหว่าง บริษัท รถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BMCL) กับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BECL) ว่า กระบวนการควบรวมจะแล้วเสร็จและพร้อมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ภายใต้ชื่อใหม่ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ภายในเดือน ส.ค.นี้ คาดว่าหุ้น BEM จะเทรดซื้อขายอยู่ที่ราคา 4.50 บาท จากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดย ช.การช่างจะถือหุ้น 30% โดยระยะแรกรายได้และกำไรของบริษัทฯ จะมาจากธุรกิจทางด่วน แต่ในปี 2560 รายได้จากธุรกิจเดินรถไฟฟ้าจะโตแบบก้าวกระโดด หลังรับรู้รายได้จากการเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงเต็มปี

          ส่วน บมจ.ซีเค พาวเวอร์ คาดว่าจะได้ข้อสรุปการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟ (PPA) โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ-น้ำบาก ที่ สปป.ลาว กำลังผลิต 160 เมกะวัตต์ ได้ในครึ่งปีหลังนี้ โดยผลดำเนินงานปีนี้คาดว่าจะมีผลดำเนินงานดีขึ้นกว่าปีก่อน เนื่องจากมีสัญญาขายไฟฟ้าและไอน้ำจากโรงไฟฟ้าบางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น 1 เพิ่มขึ้นในปีนี้

       นายปลิวกล่าวถึงการปรับทีมผู้บริหารใหม่ โดยแต่งตั้งนางสาวสุภามาส ตรีวิศวเวทย์ มาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ ช.การช่าง มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2558 นั้น จะทำให้บริษัทมีความพร้อม ศักยภาพที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต เพราะ เทคโนโลยีและไอทีมีการพัฒนาก้าวหน้า และมีส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วและการแข่งขันที่รุนแรง จำเป็นต้องมีผู้บริหารหนุ่มสาวรุ่นใหม่เข้ามาร่วมบริหารงาน ซึ่งที่ผ่านมาตนได้วางแผนเรื่องดังกล่าวไว้นานนับ 10 ปี โดยการคัดเลือกกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่นี้ดูจากผลงาน วิสัยทัศน์ การบริหารงานที่จะนำพาองค์กรให้เติบโตยิ่งขึ้น โดยนางสาวสุภามาสเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น สุขุ ม รอบคอบ เชื่อว่าจะนำพาบริษัทฯ ให้เติบโตต่อไป โดยตนมีเป้าหมายที่จะทำงานต่อไปอีก 5 ปี หลังจากนั้นจะยุติการทำงานวางมือให้คนรุ่นใหม่ต่อไป เพราะปัจจุบันตนมีอายุ 72 ปี

       นางสาวสุภามาสกล่าวว่า จะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ พร้อมจะเรียนรู้งานจากผู้บริหารเดิมที่สั่งสมความรู้มาก่อน จะกำหนดเป้าหมาย และต่อยอดองค์กรให้เติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต โดยนายปลิวจะยังดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร ช.การช่าง ซึ่งจะกำกับดูแลการบริหารงานบริษัทอยู่ต่อไป


Cr.//manager.co.th/



Create Date : 25 มิถุนายน 2558
Last Update : 25 มิถุนายน 2558 10:05:28 น.
Counter : 1102 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 922554
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]



มิถุนายน 2558

 
1
7
10
14
15
16
19
20
21
22
28
 
 
All Blog