พิธีเคลื่อนศพ-ฝังศพ ของชาวไทยเชื้อสายเวียตนาม
ต่อจากตอนที่แล้ว.... การเคลื่อนศพของชาวบ้านที่นี่ ก็จะทำกันในช่วงเกือบจะบ่ายโมง ของวันที่กำหนด โดยวันเคลื่อนศพจะงดเว้นวันอังคาร เท่านั้น การกำหนดวันก็แต่เจ้าภาพจะเลือกวันที่เหมาะสมและสะดวก ภาพขาวดำชุดนี้เป็นภาพเก่าสมัยงานศพคุณตาทวดเมื่อเกือบ 50 ปีก่อน
มีเรื่องที่อยากเล่าคือ การใช้ ธง ในงานศพ ธงที่ใช้จะมีรูปร่าง สามเหลืยมมีเส้นสีขาวยาวพริ้ว ๆ ดูแล้วให้ความรู้สึกเศร้า แต่แบบทีใช้อยากให้สังเกตว่ามีสองแบบคือ น้ำเงินขาว จะเป็นแบบที่สมาคมหมู่บ้านจัดให้ มากน้อยก็แล้วแต่ อายุผู้ตายโดยกำหนดไว้สูงสุดคือ 6 คู่ ใช้กับคนอายุ 70 ขึ้นไป แต่ถ้าอายุผู้ตายน้อยกว่านี้ก็จะลดหลั่นลงไป สังเกตว่าสมัยก่อนขบวนเค้าสวยมาก เป็นระเบียบดี
ส่วนธงอีกแบบคือ สีขาวดำ เป็นแบบที่ครอบครัวของเขยหรือสะใภ้ผู้ตาย ส่งมาร่วมไว้อาลัยโดยทางตระกูลที่ว่าจะจัดคนมาถือธงเอง และก่อนปักธงต้องมาทำพิธีคารวะศพตอนกลางคืน แบบเป็นทางการต่อจากสมาคมหมู่บ้านในคืนหนึ่งคืนใดของการตั้งศพก็ได้ ธงนี้จึงสามารถบ่งบอกได้ว่าลูกของผู้ตายมีครอบครัวไปแล้วกี่คน
แต่สมัยนี้คงบอกไม่ได้เพราะว่า คนไทยเชื้อสายเวียตนามที่แต่งงานกับ คนไทย คนจีน พี้นถิ่น ก็จะไม่ถือธรรมเนียมส่งธงเข้าร่วมขบวนแล้ว แต่ในกรณีพ่อแม่ของเขยหรือสะใภ้เสียไปก่อนแล้ว ก็จะงดส่งธงมาส่งศพ เช่นกัน
ให้สังเกตธงตระกูลเขยหรือสะใภ้ จะอยู่หลังศพในสมัยก่อน
อีกภาพครับเป็นภาพสมัยงานศพคุณยายทวด เมื่อ 20 ปีกว่า ลองสังเกตธงสีดำที่ว่านะ สมัยนี้จะเปลี่ยนมาเดินนำหน้าศพแล้วโดยต่อจากธงสีน้ำเงินขาวนั่นเอง
ธงทั้งสองแบบนี้ จะปักไว้ที่บ้านงานจนกว่าจะถึงพิธีเคลื่อนศพ มีเคล็ดว่า พอศพลงหลุมปุ๊บ คนถือจะลดธงลงทางตะวันตกเสมอ แล้วก็พับธงเก็บทันที เมื่อก่อนตอนพิธีเคลื่อนศพจะใช้คนถือเดินคู่กันเป็นแถว ๆ แต่ตอนหลัง ๆ จะติดไว้กับรถศพ ค่อยไปถือกันตอนถึงสุสาน ภาพนี้เป็นงานศพคุณยาย เมื่อประมาณ 8 ปีที่แล้ว
ในขบวนเคลื่อนศพจะมีคนเดินนำทิ้งกระดาษเงินกระดาษทอง และข้าวสาร เป็นระยะ ๆ นำขบวน มักเลือกผู้เป็นม่าย หรือคนโสดที่มีอายุ
ถัดมาจะเป็นรถที่นำรูปหน้าศพ และเครื่องเซ่นไหว้ นำหน้าศพ หลาน ๆ ทุกชั้น จะต้องเดินตามรถคันนี้ ยกเว้นลูกๆ เท่านั้นที่จะไป เดินตามหลังศพ แต่ปัจจุบันก็เดินกันมั่ว ๆ แล้วแต่ใครอยากเดินตรงไหน
ลูกสาว และสะใภ้ต้องเดินตามหลังศพ และใช้หมวกผ้าปิดหน้าปิดตา แต่ปัจจุบันมันร้อน จะเปิดบ้างก็ไม่เป็นไร ไม่มีใครว่า
ออ ธรรมเนียม อีกอย่างลูกต้องเดินตามศพพ่อแม่ด้วยเท้าเปล่า ๆ ให้ดูภาพตอนคุณยายทำหน้าที่สะใภ้คุณทวดนะครับ คุณยาย (ชุดขาวริมสุด) จะไม่ใส่รองเท้า
แต่พองานศพยายเอง ยุคสมัยเปลี่ยนไป ลูก ๆ ก็จะใส่รองเท้าเดินกัน เพราะผู้ใหญ่บอกว่าใส่ ๆ ไปเถอะเดินร้อน ๆ เท้าพองเดี๋ยวจะแย่เอา....
อีกคนที่สำคัญคือ คนเดินกั้นศพ (เดินถอยหลัง) ซึ่งจะเป็นตำแหน่งของหลานชายคนโตผู้สืบสกุล หรือถ้าไม่มีก็จะเป็นลูกชายผู้ตายก็ได้ จะเดินตรงนี้คนเดียวไม่เดินหลายคน อาจเพราะเดี๋ยวพลาดเดินเหยียบเท้ากันวุ่นวายก็เป็นได้ ส่วนถ้ามีลูกชายหลายคนก็จะให้ไปเดินตามศพกับพวกลูกสาว ลูกสะใภ้
ให้ดูรูปขบวนพิธีเคลื่อนศพเปรียบเทียบกัน 2 ยุคนะครับ ยุคสัก 20 ปีเศษมานี้จะมีการเช่าที่ครอบโลงศพตามแบบไทย มาใช้แทนแบบเก่า โดยอาจเป็นตามสมัยนิยมขณะนั้น ภาพนี้เป็นงานศพคุณยายทวดผม
ส่วนในยุค ประมาณ 50 ปีก่อนนั้น ก็จะได้บรรยากาศประมาณนี้
เมื่อศพถึงสุสานแล้วก็จะมีการจอดรถเพื่อทำพิธีไว้อาลัยที่ศาลา
แต่สมัยก่อนไม่มีศาลาก็จะเข็นศพไปพิธีที่หลุมศพเลย
ตระกูลผมเป็นชาวไทยเชื้อสายเวียตนามยุคใหม่ นับถือ เคร่งครัดในพุทธศาสนา ก็จะเพิ่มการสวดและทอดผ้าบังสุกุลเข้ามา
ฮวงซุ้ยแบบเวียตนามนั้นมักจะถูกเตรียมไว้ก่อนเสมอในยุคก่อน ๆ ลองสังเกตที่หลุมนะครับปูนจะเก่าแล้ว แต่การขุดหลุม ทำได้สวย เรียบร้อย พอบรรจุศพเข้าไปก็จะใช้แผ่นปูนปิด กลบดินก็เป็นเสร็จเรื่องกัน
แต่พอยุคใหม่งานคุณยายเตรียมฮวงซุ้ยไม่ทันเสร็จ ได้แค่ในรูปนี้ ลองสังเกตการขุดหลุมนะครับ ไม่ค่อยสวยแล้ว ต้องใช้อิฐวาง เพราะระดับดินไม่เท่ากัน เด็กรุ่นใหม่ ๆ ก็ไม่เคยขุดเคยทำกัน
แต่ถ้าเป็นกรณีเสียชีวิตกระทันหัน ก็จะแค่ขุดหลุมฉาบปูนแล้วหย่อน โลงลงไปใช้แผ่นปูนทับแล้วค่อยก่อตัวฮวงซุ้ยขึ้นที่หลัง รูปนี้เป็นงานศพพี่สาว ลูกของลุงผมเอง ลองสังเกตหลุมนะครับ ไม่ลึกเลย เป็นหลุมตื้น ๆ แต่การฝังศพต้องให้ศพลงดิน จะให้ศพอยู่บนดินไม่ได้ (เช่นการวางบนกล่องปูนในวัด) ถือกันมาก ว่าอัปมงคล ลูกหลานจะไม่เจริญ
เวลาก่อนฝังศพ ก็จะยกศพไปตั้งไว้ที่หลุมแล้วพูดอะไรอีกนิดหน่อย
ก่อนจะใช้เชือกดึงโลงศพแล้วยกเหล็กที่วางพาดออกหย่อนลงไปแบบนี้
แล้วค่อย ๆ เลื่อน ค่อย ๆ ดันโลงศพ เข้าไปในหลุม ก่อนจะใช้แผ่นปูนโบกปิดทับ แล้วเขี่ยดินกลบหลุม พอถึงตอนนี้ลูกหลานก็จะถูกไล่กลับบ้าน ไม่ให้ดูต่อ ยกเว้น ลูกชาย ที่ต้องคอยดูความเรียบร้อย
พิธีหลังจากนี้ จะเว้นไป 1 วันหลังจากฝังศพ โดยมีแค่วันรุ่นขึ้นของการ ฝังศพลูกหลานจะมาเยี่ยมศพเป็นการภายในไม่มีพิธีอะไร
และเมื่อครบ 3 วันของการฝังศพจะมีพิธี "เปิดประตูผี" คือการเซ่นไหว้บอกกล่าวเจ้าที่ และบรรพบุรุษผู้ล่วงลับไปก่อนหน้า ให้รับทราบการตาย และโปรดให้ผู้ตายอยู่ร่วมด้วยในสุสานแห่งนี้ จะมีข้อปลีกย่อยอีกมาก ในการทำพิธี เช่น การหว่านเมล็ดงา เมล็ดข้าวตอก ถั่ว ที่ผ่านการคั่วแล้ว รอบ ๆ หลุมศพ (เป็นสัญลักษณ์ว่าผู้ตายเปรียบได้กับเมล็ดพันธุ์ที่ตายแล้วเป็นการเตือนวิญญาณผู้ตายให้รับทราบด้วยนะ)
พิธีก็จะมีการเซ่นไหว้ผู้ตายอีก เมื่อครบ 50 วันครั้งหนึ่ง แล้วก็ทำพิธีใหญ่เมื่อครบ 100 วันอีกครั้งหนึ่ง เพื่อทำพิธีรวมวิญญาณผู้ตายเข้าทำเนียบบรรพบุรุษ เป็นเรียบร้อย โดยจะถือกันว่าเป็นวิญญาณสะอาดแล้ว
แต่ในห้วงก่อน 100 วันถือว่าวิญญาณยังไม่สะอาดหากินเองไม่ได้ ลูกหลานต้องไหว้ น้ำ ข้าวปลาอาหารที่โต๊ะไหว้ 3 มื้อ โดยมีข้อห้ามอย่างเดียวคืองดไห้วอาหารที่เป็นเส้น ๆ แต่หลังจากนี้ก็ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งบรรพบุรุษ ไหว้รวมกันได้แล้ว
ให้ดูภาพฮวงซุ้ยของคุณยายตอนทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว คุณยายผมต้องนอนหลับอย่างสงบโดดเดี่ยวที่นี่มาสัก 8 ปีแล้ว เพราะคุณตาเสียไปก่อนหลายสิบปี คุณตาจึงไปนอนรวมกันกับคุณทวดทั้งสอง (คุณตาเป็นลูกชายคนเดียว) ผมจะมาเยี่ยมคุณยายที่นี่ทุกครั้งที่มีโอกาสกลับบ้าน มันทำให้ผมคิดถึงวันเก่า ๆ ที่ผมเคยอยู่กับคุณยายตอนเด็ก ๆ หลายสิบปี
อีกภาพเป็นฮวงซุ้ยของคุณตาทวด คุณยายทวด และคุณตา ที่ปรับปรุงใหม่ให้สวยงามตามสมัยนิยม
บล๊อกหน้าผมจะเล่าเรื่องรายละเอียดในสุสานให้ฟังพร้อมกับนำเสนอภาพชุดที่หาชมได้ยาก รอติดตามกันนะครับผม
Create Date : 17 พฤษภาคม 2553 |
|
51 comments |
Last Update : 19 พฤษภาคม 2553 23:07:42 น. |
Counter : 17497 Pageviews. |
|
|
|
คือความเสียหายในวินาทีนี้
เศร้าใจครับพี่