นายกเตรียมปรับลดใช้น้ำฟรีเหลือ 30 หน่วยต่อเดือน - สายด่วนประกันภัย 1186
. . .
รัฐบาลเตรียมปรับรายละเอียด 6 มาตรการ 6 เดือน
รัฐบาลเตรียมปรับรายละเอียด 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อคนไทยใหม่โดยจะลดการใช้น้ำประปาฟรี เหลือครัวเรือนละ 30 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน จากเดิม 50 ลูกบาศก์เมตร หลังพบแนวโน้มการใช้น้ำแต่ละครัวเรือนเพิ่มขึ้น
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ทีมเศรษฐกิจรัฐบาลอยู่ระหว่างปรับปรุงรายละเอียดของ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อคนไทยทุกคน ใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เหมาะสมกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนที่แท้จริง และไม่ให้รัฐบาลต้องแบกรับภาระมากเกินไป ที่สำคัญต้องไม่ส่งเสริมให้เกิดการไม่ประหยัด หรือให้ประโยชน์กับคนรวย ขณะที่คนจนไม่ได้รับประโยชน์ โดยจะลดปริมาณการใช้น้ำประปาฟรี เหลือครัวเรือนละ 30 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน จากเดิมที่กำหนดไว้ 50 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน
เนื่องจากพบว่าแนวโน้มการใช้น้ำประปาในแต่ละครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาก โดยเฉพาะในส่วนภูมิภาค ที่เดิมมีการใช้น้ำเฉลี่ยครัวเรือนละ 13.38 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน กลับเพิ่มเป็น 15.27 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ขณะที่ในเขตนครหลวงใช้น้ำเพิ่มขึ้นเฉลี่ยร้อยละ 3 จากเดิมที่เคยใช้น้ำประปาเฉลี่ยเดือนละ 19.66 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน เพิ่มเป็น 20.22 ลูกบาศก์เมตรต่อเดือน
ส่วนการใช้ไฟฟ้าฟรีอาจปรับให้ใช้ไฟฟ้าฟรีเพิ่มขึ้นเป็นไม่เกินครัวเรือนละ 90 หน่วยต่อเดือน แต่จะไม่มีการช่วยจ่ายค่าไฟฟ้าให้ครึ่งหนึ่ง จากเดิมที่กำหนดว่าให้ใช้ไฟฟ้าฟรีเดือนละ 80 หน่วย แต่หากใช้เกินกว่า 80 หน่วยแต่ไม่ถึง 150 หน่วย รัฐจะช่วยจ่ายค่าไฟฟ้าให้ร้อยละ 50 โดยปัจจุบันมีผู้ได้รับประโยชน์จากการใช้ไฟฟ้าฟรีมีจำนวนรวม 10.75 ล้านราย
สำหรับโครงการรถเมล์-รถไฟฟรี อาจคงไว้เหมือนเดิมหรืออาจปรับปรุงให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนผู้มีรายได้น้อยต่อไป
ส่วนมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันนั้น จะไม่มีการต่ออายุแต่อย่างใด เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับลดลงมากแล้ว และไม่ต้องการส่งเสริมให้ประชาชนไม่มีการประหยัดการใช้น้ำมัน มาตรการนี้ลดภาษีให้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ลิตรละประมาณ 3.80 บาท และดีเซลและดีเซลบี5 ลดให้ลิตรละ 2.70 บาท จะครบกำหนดวันที่ 31 ม.ค.52 นี้
ส่วนมาตรการชะลอการปรับราคาก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจี ในครัวเรือน จะยังคงมาตรการไว้เหมือนเดิม
นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การที่รัฐบาลต้องปรับปรุงมาตรการนี้ใหม่ เพราะที่ผ่านมา มีการส่งเสริมให้ประชาชนไม่ประหยัด โดยเฉพาะการใช้น้ำประปาที่พบว่า แต่ละครัวเรือนใช้น้ำเพิ่มขึ้น ทั้งที่ตามปกติไม่เคยใช้ถึง 20-30 หน่วยต่อเดือน แต่เมื่อมีมาตรการนี้ออกมาบางครัวเรือนก็เปิดน้ำทิ้งบ้าง หรือบางบ้านก็ไม่ปิดน้ำเลยก็มี ซึ่งถือว่าไม่ถูกต้อง
ส่วนมาตรการช่วยเหลือค่าไฟฟ้า ที่ระบุว่าหากใช้อยู่ระหว่าง 80-150 หน่วยต่อเดือนจะเสียเพียงร้อยละ 50 ซึ่งไม่เหมาะสม และเป็นจุดอ่อนอย่างมาก ซึ่ง 6 มาตรการ 6 เดือนฯ นี้ถือเป็นส่วนหนึ่งในนโยบายของรัฐบาล โดยจะประกาศอย่างเป็นทางการต่อไปเมื่อแถลงนโยบายแล้วเสร็จ
นายกรณ์ จาติกวณิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ในวันที่ 30 ธันวาคมนี้ คงยังไม่สามารถนำเรื่องการต่ออายุ 6 มาตรการ 6 เดือนของรัฐบาลของชุดเดิม เข้าพิจารณา เนื่องจากจะต้องมีการปรับปรุงในบางมาตรการ ซึ่งคาดว่าจะนำเข้า ครม.ได้ในต้นเดือนมกราคม
ก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บอกว่า เงินจำนวน 300,000 ล้านบาท ที่จะใช้กระตุ้นเศรษฐกิจนั้น ไม่ใช่เงินงบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรมาเพื่อเบิกจ่าย
ส่วนเงินจำนวน 100,000 ล้านบาท ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) นั้น รัฐบาลจะหาวิธีการเร่งรัดให้เบิกจ่ายโดยเร็วที่สุด เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และจะส่งผลให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไป แต่หากติดขัดไม่สามารถเบิกงบประมาณที่มีอยู่ไปใช้จ่ายได้ ก็ให้แจ้งเข้ามา รัฐบาลจะเร่งทำการแก้ไขให้
ส่วนการที่รัฐบาลจะให้ธนาคารของรัฐปล่อยกู้เพื่อนำมาใช้กระตุ้นเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรีมองว่า จะไม่กระทบวินัยการเงินการคลัง โดยเงินจำนวนนี้จะต้องควบคุมไม่ให้เกินจากที่กำหนดให้อยู่ในกรอบของหนี้สาธารณะ และระบุว่า ไตรมาส 1 และ 2 ของปีหน้า เศรษฐกิจยังคงน่าเป็นห่วง เนื่องจากการส่งออกลดลง แต่หากรัฐบาลสามารถออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจได้ภายใน 1-2 เดือนแรก คาดว่า อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ หรือ จีดีพี จะขึ้นมาบวกได้ช่วง 6 เดือนหลังของปี 2552
. . .
คปภ.เปิดให้บริการสายด่วนประกันภัย 1186 ตลอด 24 ชั่วโมง รับเทศกาลปีใหม่
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน จะมีประชาชนเดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัดและท่องเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่ใช้รถยนต์เป็นพาหนะในการเดินทางทำให้ปริมาณรถบนถนนคับคั่ง
สำนักงาน คปภ. จึงมีความห่วงใยในอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ จึงประสานสำนักงาน คปภ. จังหวัดทุกจังหวัด เตรียมอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน และเป็นศูนย์กลางประสานงานเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ ที่จะได้รับจากการทำประกันภัยรถ ตลอดจนอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประสบภัยในการเรียกร้องค่าเสียหายจากบริษัทประกันภัย เพื่อให้การจ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม
นอกจากนี้ สำนักงาน คปภ. ได้จัดเจ้าหน้าที่ให้บริการประชาชน หากเกิดข้อสงสัยเรื่องการประกันภัยในช่วงวันหยุดเทศกาลปีใหม่ สามารถสอบถามข้อมูลได้ทางโทรศัพท์สายด่วนประกันภัย 1186 ตลอด 24 ชั่วโมงทั่วประเทศ
ในส่วนของภาคเอกชนจะมีกิจกรรมและการรณรงค์ต่าง ๆ เช่น สมาคมประกันวินาศภัยร่วมกับบริษัทสมาชิก จัดเตรียม โครงการ เดินทางอุ่นใจ ด้วยประกันภัยอุบัติเหตุเดินทางอุ่นใจ ซึ่งเป็นกรมธรรม์ประกันภัยอุบัติเหตุระยะสั้น เพื่อสร้างความอุ่นใจให้กับประชาชนในการเดินทาง ผู้สนใจสามารถตรวจสอบรายชื่อบริษัทประกันภัยที่เข้าร่วมโครงการได้ที่เว็บไซต์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถร่วมกับกรมขนส่งทางบก จัดกิจกรรม ตรวจรถก่อนใช้ปลอดภัยแน่นอน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 - 31 ธ.ค. 51 และระหว่างวันที่ 29 ธ.ค.51 - 4 ม.ค. 52 ร่วมกับกรมอาชีวะศึกษาจัดกิจกรรม เปลี่ยนหลอดไฟฟรี และในบางพื้นที่มีการจัดกิจกรรมบริการเปลี่ยนผ้าเบรกฟรีให้แก่ประชาชน และบริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด จัดกิจกรรมร่วมกับกรมทางหลวงและตำรวจ ในการจัดกิจกรรม รณรงค์ความปลอดภัยการเดินทาง และตรวจรถก่อนใช้ปลอดภัยแน่นอน ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 1 - 31 ธ.ค.51 นี้
นอกจากนี้ สมาคมอู่กลางประกันภัย ให้บริการตรวจสภาพรถฟรี 20 รายการ ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันที่ 15 ธ.ค.51 เป็นต้นไป ผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดได้จากป้ายการให้บริการของสมาคมอู่กลางประกันภัย และขอให้เจ้าของรถทุกคันขับรถยนต์ ด้วยความระมัดระวัง ควรตรวจสอบการทำประกันภัยรถตาม พ.ร.บ. ตลอดจนวันหมดอายุของการทำประกันภัยก่อนการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ ตรวจสภาพรถและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่พร้อมใช้งาน ปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด และที่สำคัญอย่างยิ่งคือต้องไม่ดื่มสุรา หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระหว่างขับขี่เพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
. . .
คปภ. ปรับปรุงเงื่อนไขค่าเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันต้องจ่ายเอง ลดลงจาก 2,000 บาท เหลือ 1,000 บาทเริ่มตั้งแต่ 1 ม.ค.52
นางจันทรา บูรณฤกษ์ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า สำนักงาน คปภ.มีคำสั่งนายทะเบียนให้มีการปรับปรุงเงื่อนไขความคุ้มครองความเสียหายของตัวรถยนต์ที่ทำประกันภัย ให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรก (Deductible) ลดลงจากเดิมที่กำหนดไว้ 2,000 บาท เป็น 1,000 บาท ในการเกิดอุบัติเหตุแต่ละครั้ง เมื่อรถยนต์ที่ทำประกันภัยได้รับความเสียหายที่ไม่ได้เกิดจากการชนหรือคว่ำ หรือกรณีที่เกิดความเสียหายจากการชนแต่ไม่สามารถระบุคู่กรณีให้บริษัททราบได้ โดยให้เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2552 เป็นต้นไป
รถยนต์ที่ทำประกันภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุชนกับรถคันอื่นได้รับความเสียหาย โดยผู้เอาประกันภัยไม่ทราบคู่กรณี หรือไม่สามารถแจ้งรายละเอียดของรถคู่กรณีได้ ผู้เอาประกันภัยต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าซ่อมรถเองจำนวน 1,000 บาท และกรณีรอยขีดข่วนต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดความเสียหายจากการชนหรือคว่ำ ก็มีการเพิ่มเงื่อนไขให้ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกเอง 1,000 บาท ด้วยเช่นกัน ส่วนความเสียหายจากการชนเสา รั้วบ้าน สัตว์เลี้ยง ต้นไม้ ที่สามารถระบุได้ชัดเจนผู้เอาประกันภัยไม่ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายส่วนแรกเองแต่อย่างใด นางจันทรา กล่าว
จำนวนเงินค่าเสียหายส่วนแรกที่ผู้เอาประกันภัยต้องรับผิดชอบเองนั้น ในเงื่อนไขของกรมธรรม์ฯ กำหนดไว้อย่างชัดเจนให้ผู้เอาประกันภัยรับผิดชอบต่ออุบัติเหตุที่เกิดขึ้นแต่ละครั้ง ดังนั้น หากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นครั้งเดียวแต่มีอุปกรณ์หลายชิ้นได้รับความเสียหาย ผู้เอาประกันภัยก็รับผิดชอบค่าซ่อมเพียง 1,000 บาทเท่านั้น
และเพื่อให้เกิดความชัดเจนในทางปฏิบัติ และสามารถลดข้อพิพาทที่จะเกิดขึ้น สำนักงาน คปภ.ได้เร่งรัดให้มีการออกคู่มือตีความกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ในเงื่อนไขเหล่านี้โดยเร็วต่อไป หากประชาชนมีข้อสงสัยสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนประกันภัย 1186 ได้ทันที
. . .
Create Date : 28 ธันวาคม 2551 |
|
1 comments |
Last Update : 28 ธันวาคม 2551 21:02:05 น. |
Counter : 1097 Pageviews. |
|
|
|
สร้าง Comment ง่ายๆ ด้วยตัวคุณเอง..คลิ๊กที่นี่