Group Blog
 
 
มกราคม 2550
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
6 มกราคม 2550
 
All Blogs
 
...ลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ...


ลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ กับลงทุนเมื่อคิดว่าถูกจังหวะ

การสร้างความมั่งคั่งเริ่มต้นจากการออมเงิน เราทุกคนล้วนเริ่มรู้จักกับการออมเงินตั้งแต่สมัยที่เป็นเด็กๆ ด้วยการเริ่มมีกระปุกออมสินใบแรก แม้เป็นเด็กยังไม่สามารถหารายได้เองได้ ก็เรียนรู้การออมโดยหยอดเงินค่าขนมที่เหลือในแต่ละวันใส่ในกระปุกออมสิน เมื่อเก็บสะสมเงินในกระปุกออมสินจนเต็ม บางคนก็นำไปเก็บออมต่อไปโดยฝากต่อในธนาคาร บางคนก็นำไปซื้อสิ่งของเครื่องใช้ที่ต้องการ

เมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ทำงานหารายได้ ถึงแม้จะมีภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น การออมก็ยังมีความจำเป็น
จุดประสงค์ของการออมก็เพื่อให้มีเงินสำรองไว้ใช้เมื่อต้องการ เพื่อสร้างฐานะ สร้างความมั่งคั่งให้เพิ่มขึ้นในอนาคต

หลักในการออมเงินง่ายๆ สำหรับผู้มีรายได้สม่ำเสมอ คือ เก็บออมประมาณ 10% ของรายได้ที่ได้
ลูกจ้าง พนักงานบริษัทเมื่อได้รับเงินเดือนเบี้ยเลี้ยง ก็ควรกันเงินไว้ 10% ก่อนที่จะใช้จ่าย พ่อค้า แม่ค้า หรือเจ้าของกิจการที่มีรายได้ในแต่ละวัน ก็ใช้หลักการออมเดียวกัน คือกันเงินเก็บไว้ประมาณ 10% ได้เช่นกัน
หากทำได้เช่นนี้ก็จะมีเงินออมที่เพิ่มขึ้นอย่างสม่ำเสมอ และสามารถนำไปลงทุนได้หลากหลายมากขึ้นนอกเหนือจากการฝากธนาคารเพียงอย่างเดียว

อย่างไรก็ตามยังมีอีกหลายคนที่ไม่สามารถมีวินัยการออมได้อย่างสม่ำเสมอ อาจจะเป็นเพราะมีรายได้ที่น้อย ไม่พอกับรายจ่าย ภายใต้สังคมบริโภคนิยม วัตถุนิยม จึงต้องพยายามควบคุมตนเอง ตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็น และสร้างนิสัยประหยัดมัธยัสถ์ แล้วจึงเริ่มต้นการออมเพื่อสร้างความมั่นคงให้ตนเองต่อไปในอนาคต

เมื่อเราทำได้เช่นนี้แล้ว เงินออมที่สะสมไว้จนมีมากขึ้นๆ เป็นเงินก้อนโต จึงหาทางเลือกในการลงทุนอื่นๆ ที่นอกเหนือจากการฝากธนาคาร ที่มีความเสี่ยงต่ำ ขณะที่ได้ผลตอบแทนต่ำไปด้วย ดอกเบี้ยเงินฝากประจำช่วงที่ผ่านมาเฉลี่ยประมาณ 4-4.5% หลังจากหักภาษีที่ต้องจ่ายแล้วก็อาจจะเหลือไม่ถึง 4%

การลงทุนในกองทุนรวมที่มีหลากหลายประเภทนั้น เป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนใช้เงินออมที่มีอยู่ช่วยเราทำงาน ช่วยเราสร้างรายได้ การซื้อหน่วยลงทุน ก็มีจำนวนขั้นต่ำในการซื้อแตกต่างกันไป เช่น กองทุนที่ลงทุนในหุ้นทุน ก็จะมีขั้นต่ำประมาณ 1,000-5,000 บาท กองทุนที่ลงทุนในตราสารการเงิน และตราสารหนี้ก็จะมีขั้นต่ำในการซื้อหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นอาจเป็น 5,000-50,000 บาท แล้วแต่กลุ่มลูกค้าเป้าหมายของแต่ละกองทุน

อย่างไรก็ตามนักลงทุนก็ต้องตระหนักว่า เมื่อนำเงินมาลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้ หรือตราสารทุนที่หลากหลายประเภทมากขึ้น ความเสี่ยงและผลตอบแทนคาดหวังก็มีหลากหลายตามไปด้วย

เมื่อเรามีเงินออมเป็นก้อน จะทำอย่างไรให้การเคลื่อนย้ายเงินออมจากเงินที่ฝากในธนาคาร มาสู่กองทุนที่หลากหลายอย่างเหมาะสม ในกรณีของกองทุนตราสารการเงิน และตราสารหนี้นั้น ความเสี่ยงจะอยู่ที่ความผันผวนของอัตราดอกเบี้ย ซึ่งไม่แตกต่างจากเงินออมที่เราฝากไว้ในธนาคาร และความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยนั้นในแต่ละปีก็ไม่มาก หากเป็นภาวะเศรษฐกิจปกติ นอกจากนี้ก็มีความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารหนี้นั้นจะมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงแข็งแรงพอที่จะคืนเงินให้กองทุนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยที่ตกลงไว้ได้ตามสัญญาหรือไม่ด้วย

นักลงทุนสามารถเคลื่อนย้ายเงินออมมาลงทุนในกองทุนตราสารการเงินระยะสั้น หรือ Money Market Fund ได้ทั้งจำนวน เพราะความเสี่ยงใกล้เคียงกับเงินฝากประจำธนาคาร แต่มีผลตอบแทนเท่าที่ผ่านมาสูงกว่าฝากธนาคาร

หากนักลงทุนต้องการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ระยะยาวมากขึ้น นักลงทุนก็ต้องพิจารณาถึงแนวโน้มทิศทางของอัตราดอกเบี้ยในระยะยาว เนื่องจากตราสารหนี้ หรือหุ้นกู้ระยะยาวจะได้รับความเสี่ยงจากความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยมากกว่าตราสารการเงินระยะสั้น เช่น ถ้าแนวโน้มดอกเบี้ยอยู่ในขาลง กองทุนตราสารหนี้ก็จะได้ประโยชน์ ราคาหุ้นกู้ที่เคยลงทุนไว้แล้วจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต ในทางกลับกันหากแนวโน้มดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น ราคาของหุ้นกู้ในตลาดรองก็จะลดต่ำลง นักลงทุนที่ต้องการความเสี่ยงต่ำๆ ก็อาจจะแบ่งเงินลงทุนบางส่วนในกองทุนตราสารการเงินระยะสั้น และกองทุนตราสารหนี้ตามความเหมาะสม

สำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในกองทุนหุ้นทุน ซึ่งระดับความเสี่ยงมากกว่าสองประเภทแรกที่กล่าวมาแล้ว
เพราะมีทั้งโอกาสที่ได้รับผลตอบแทนที่สูงจากราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้น และมีโอกาสขาดทุนจากการลงทุนได้ถ้าราคาหุ้นลดลงในบางช่วง หากต้องการเคลื่อนย้ายเงินออมมาลงทุนตามจำนวนที่กำหนดไว้ บางคนเขาเลือกจังหวะที่ราคาหุ้นลงมาต่ำๆ แล้วจึงเข้าซื้อกองทุนหุ้น เมื่อราคาหุ้นฟื้นตัวกลับขึ้นมา ก็จะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำ แต่ก็ต้องรู้จักขายออกด้วยเมื่อตลาดขึ้นมาสูงๆ แล้วจึงหาจังหวะเข้าไปซื้อใหม่ การกระทำลักษณะนี้ ก็จะคล้ายๆกับเล่นหุ้นเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งก็ต้องเผื่อใจไว้หากเราคาดเดาตลาดผิด

ถึงแม้กองทุนรวมจะมีการกระจายความเสี่ยง โดยกระจายการลงทุนในหุ้นหลากกลุ่ม หลายตัว แต่ถ้าตลาดหุ้นลงทั้งตลาดก็หนีผลกระทบนี้ไม่พ้น

หากนักลงทุนไม่ชอบซื้อๆขายๆ ในระยะสั้นๆ แต่อยากลงทุนระยะยาวก็หาจังหวะที่เหมาะสมเข้าซื้อกองทุนหุ้น แล้วถือไว้ระยะยาว ผลตอบแทนที่คาดหวังก็จะเป็นเงินปันผลจากหุ้นที่กองทุนไปลงทุน และอีกด้านหนึ่งก็มาจากกำไรส่วนต่างราคาหุ้นจากการที่ผู้จัดการกองทุนบริหารจัดการซื้อขายหุ้นในพอร์ท

อย่างไรก็ตาม ขอแนะนำว่าหากตัดสินใจเลือกลงทุนในกองทุนหุ้น นักลงทุนควรมีความเชื่อหรือมั่นใจว่าในระยะยาวราคาหุ้นในตลาดจะต้องปรับเพิ่มขึ้นเพราะเศรษฐกิจขยายตัว อุตสาหกรรมและภาคธุรกิจจึงโตตาม ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็จะเพิ่มขึ้น สามารถจ่ายเงินปันผลได้ กองทุนที่ไปลงทุนในหุ้นก็จะได้ผลตอบแทนนี้ด้วย มูลค่าหน่วยลงทุนในระยะยาวก็น่าจะเพิ่มมากขึ้น หรือกองทุนสามารถจ่ายเงินปันผลให้นักลงทุนได้ แต่ถ้าไม่มีความเชื่อเช่นนี้แล้ว ก็ควรเปลี่ยนไปลงทุนในกองทุนตราสารการเงิน หรือกองทุนตราสารหนี้ หรือกองทุนประเภทอื่นๆ

ความเชื่อมีแล้ว แต่ไม่มีความรู้ว่าจะเลือกเข้าไปซื้อตอนไหนดี จะใช้เงินลงทุนที่เตรียมไว้ทั้งก้อนเข้าไปซื้อก็กลัวเสี่ยงเกินไป กลัวซื้อผิดจังหวะ นักลงทุนสามารถลดความเสี่ยงนี้ได้โดยการทยอยลงทุน ในการเข้าซื้อแต่ละครั้ง ซื้อถูกจังหวะบ้าง ผิดจังหวะบ้าง แต่ในที่สุดต้นทุนการลงทุนก็จะเฉลี่ยกันไป การลงทุนเพื่อเฉลี่ยต้นทุนเรียกว่า Dollar Cost Average นักลงทุนต้องมีการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นช่วงๆ ต้องมีวินัยในการลงทุน และต้องตัดอารมณ์ความรู้สึกออกไป

ตัวอย่างเช่น นักลงทุนจัดสรรเงินลงทุนมาหนึ่งก้อนเพื่อลงทุนในกองทุนหุ้นแล้ววางแผนจะถือไว้ยาวประมาณ 3 ปี 5 ปี 10 ปี โดยจะทยอยซื้อลงทุนเดือนละครั้ง ทุกๆเดือน ด้วยจำนวนเงินลงทุนที่เท่ากันในแต่ละครั้ง เช่น เดือนละ 2,000 บาท อย่างนี้ก็ต้องซื้ออย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าภาวะตลาดหุ้นตอนนั้นจะเป็นอย่างไร ห้ามซื้อเกินเมื่อเกิดความรู้สึกฮึกเหิม และห้ามกลัวเมื่อเห็นตลาดหุ้นตกต่ำย่ำแย่ การมีวินัยในการลงทุนเช่นนี้จะช่วยตัดความเสี่ยงที่เกิดจากความอ่อนไหวของอารมณ์นักลงทุน ที่แปรปรวนไปตามกระแสในตลาด

การทยอยซื้ออย่างสม่ำเสมอ ด้วยจำนวนเท่าๆกันทุกงวด จะทำให้ตอนที่ราคาหุ้นถูก เราจะได้หน่วยลงทุนจำนวนมากขึ้น และในตอนที่ราคาหุ้นสูงเราจะได้จำนวนหน่วยลงทุนน้อยลง เมื่อเฉลี่ยๆแล้วต้นทุนก็จะอยู่ในระดับกลางๆ และหากระยะยาวตามแผนการลงทุนที่กำหนดไว้ราคาหุ้นเป็นแนวโน้มขึ้น ก็กำไรแน่นอน
แต่หากตลาดลงก็ขาดทุนได้ ถ้าต้นทุนเฉลี่ยของเราที่ทยอยซื้อสะสมมาสูงกว่าราคาตลาดในขณะนั้น แต่จากสถิติระยะยาว การทยอยซื้อสม่ำเสมอแบบ Dollar Cost Averaging นี้ นักลงทุนจะได้ราคาต้นทุนเฉลี่ยที่ต่ำกว่าราคาตลาด ซึ่งเป็นผลดีต่อนักลงทุน





Create Date : 06 มกราคม 2550
Last Update : 6 มกราคม 2550 2:45:19 น. 3 comments
Counter : 682 Pageviews.

 
ขอบคุณคะ สำหรับคำแนะนำ


โดย: อ้อ IP: 125.26.80.234 วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:10:00:31 น.  

 
ฮี่ๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: ติดตาม IP: 125.24.236.215 วันที่: 18 มีนาคม 2550 เวลา:4:37:02 น.  

 
แวะเข้ามาอ่านมารบูรพาแต่เจอข้อความดีๆ สนใจจะลงทุนเหมือนกันครับ


โดย: ordinary_hero (ordinary_hero ) วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:16:06:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.