Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
9 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
ทำไมเราต้องดูจิต, วิธีการ "ดูจิต", วงจรกระแสจิต, อานิสงส์ของการแผ่เมตตา, วิธีแผ่เมตตา...

. . .

ทำไมเราต้องดูจิต

จิต เป็นธรรมชาติที่เกิด-ดับ รับรู้อารมณ์สืบเนื่องไปทุกขณะ .. ทางช่องทางทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เรียกว่า วิญญาณ

จิตดั้งเดิม.. ผ่องใส แต่เศร้าหมอง เมื่อออกไปรับรู้อารมณ์ต่างๆ และถูกกิเลสที่จรมา คือ ความโลภ โกรธ หลง ครอบงำ เพราะไม่รู้ตามความเป็นจริงว่า สิ่งใดเกิดขึ้น สิ่งนั้นย่อมดับไปเป็นธรรมดา

พระพุทธองค์ตรัสไว้ว่า " ธรรมทั้งปวง รวมลงที่จิต"

การที่เราเริ่มต้นดูจิต คุมใจไว้ ชื่อว่า คุมอารมณ์ทั้งหมด ทั้งความรู้สึกพอใจ -ไม่พอใจ ความคิดดี-ไม่ดี ฯลฯ เมื่อเรากลับมารู้สึกที่จิตเนืองๆ เห็นการเกิด-ดับภายใน จึงไม่หวั่นไหวไปในอารมณ์ทั้งปวง...

เมื่อบุคคลมี ราคะ มาก พระพุทธองค์ทรงสอนให้ พิจารณาซากศพช่วย
เมื่อบุคคลมี ความโกรธ มาก พระพุทธองค์ทรงสอนให้ แผ่เมตตา
เมื่อบุคคลมี ความคิด มาก พระพุทธองค์ทรงสอนให้ พิจารณาความไม่เที่ยง
เมื่อบุคคลมี ความสุข มาก พระพุทธองค์ทรงสอนให้ เห็นทุกข์
เมื่อมี ความยึดถือตัวตนอยู่ พระพุทธองค์ทรงสอนให้ เห็นอนัตตา คือ ทุกสิ่งไม่ได้มีตัวตน เป็นเพียงเหตุ-ปัจจัย เชื่อมโยงซึ่งกันและกัน

เมื่อพิจารณาดีแล้ว จิตย่อมตั้งมั่น มีปัญญาเห็นตามความเป็นจริง เห็นทุกข์ที่เกิดขึ้น และทุกข์ที่ดับไป ชื่อว่า .. ดำเนินอยู่บนทางสายกลาง เรารักษาจิต รู้สึกไปเนืองๆ ไม่ยินดี ไม่เพลิดเพลินหลงใหล คลายความติดใจในสิ่งทั้งหลาย .. จิตจึงเป็นอิสระจากความทุกข์ทั้งปวง นี่เป็นเป้าหมายว่า ทำไมเราต้องดูจิต


วิธีการ "ดูจิต"

จิตที่ฝึกดีแล้ว ..ย่อมนำความสุขมาให้

1. การค้นพบจิต

หงายมือทั้ง 2 ข้าง วางบนหัวเข่า
สูดลมหายใจเข้าช้าๆ ลึกๆ ผ่อนลมหายใจออกเบาๆ ลงไปตรงกลางทรวงอก บริเวณลิ้นปี่

นิ่ง.. และสังเกตสักครู่หนึ่ง จะมีความรู้สึกเหมือนชีพจรเต้นอยู่ ตึ้บๆ วึ้บๆ (เกิด-ดับ) บางครั้ง รู้สึกแน่นๆ เหมือนเหนื่อยๆ หรือ รู้สึกว่างๆ อยู่ภายใน ก็ให้สังเกตความรู้สึกไว้ตรงนี้ด้วยอาการที่ผ่อนคลาย

2. เรียนรู้การรับ-ส่งกระแสเพื่อแผ่เมตตา

จากจิต..รู้สึกไปที่มือทั้ง 2 ข้าง ค่อยๆยกมือขึ้น ระยะห่างกันเล็กน้อย นิ่ง.. สังเกตความรู้สึก

จากนั้น ขยับมือเข้า - ออก ช้าๆ จะรู้สึกเหมือนแรงดึงดูด หรือลูกบอลพลังงาน
ให้ส่งกระแสซึ่งกันและกัน โดยฝ่ายรับยกมือค้างไว้ ฝ่ายส่งขยับมือเข้า-ออก ส่งกระแสเข้าไป แล้วให้ผู้รับบอกความรู้สึกของกระแสที่รับได้ จากนั้น ผู้รับเปลี่ยนเป็นผู้ส่ง แล้วให้บอกความรู้สึกซึ่งกันและกัน

เปลี่ยนรูปแบบการส่ง โดยฝ่ายรับ หงายฝ่ามือขึ้น ไม่ต้องเคลื่อนไหว ฝ่ายส่ง คว่ำมือลง ผู้ส่งน้อมกระแสจากจิตไปที่มือทั้ง 2 ข้าง ขยับมือขึ้น-ลงช้าๆ เพื่อสังเกตความรู้สึกที่ส่งไป แล้วบอกความรู้สึกซึ่งกันและกัน เช่น อุ่นๆ ร้อนๆ เหมือนแรงดึงดูด .. หนักๆ เวลาขยับมือเข้าใกล้ เบาๆ เมื่อยกมือออกห่าง ฯลฯ
ฝ่ายรับเปลี่ยนเป็นฝ่ายส่ง ให้ส่งกระแสซึ่งกันและกัน

3.กระแสที่เรียนรู้ .. สูการแผ่เมตตา

การแผ่เมตตาอย่างสั้นๆ.. จากจิต นึกถึงใคร
แผ่เมตตาไป "ให้มีความสุข"
การแผ่เมตตาไม่มีประมาณ

จากจิต น้อมบุญกุศลที่เราได้ทำแล้วในบัดนี้ แผ่ไปให้พ่อ-แม่ ครูบาอาจารย์ ญาติสนิท มิตรที่รัก แผ่เมตตาให้ในหลวงของพวกเรา สมเด็จพระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ บรรพบุรุษที่รักษาผืนแผ่นดินนี้ไว้ ผู้มีพระคุณทุกท่าน เทวดาทั้งสิบทิศ เจ้ากรรมนายเวร สัตว์นรก เปรต อสูรกาย สรรพสัตว์ทั้งหลายอันไม่มีประมาณ ให้ร่วมอนุโมทนาสาธุการ...
ท่านที่มีทุกข์ ขอให้พ้นทุกข์ สุขอยู่แล้ว ขอให้สุขยิ่งขึ้น...

จากจิต.. แผ่พลังความรัก ความปรารถนาดีออกไปรอบๆสถานที่ รอบๆจังหวัด รอบๆประเทศ ออกไปทั่วโลก จักรวาลอันกว้างใหญ่ แผ่ไปไม่มีประมาณ กว้างขวาง ไร้ขอบเขต " ให้ทุกท่านมีความสุข" นิ่งสักครู่หนึ่ง...

เมื่อต้องการออกจากการแผ่เมตตา อย่ารีบลืมตา ให้ตั้งจิตภายในว่า "กลับ" แล้วสูดลมหายใจเข้าช้าๆ ผ่อนความรู้สึกลงมาที่จิต ... ที่มือ... ลงมาที่ขา สัก 2-3 ครั้ง แล้วค่อยๆลืมตา

4. ดวงจิตผ่องใส ได้ตลอดทั้งวัน

ไม่ว่าจะยืน เดิน นั่ง หรือนอน ทุกการเคลื่อนไหว ให้สังเกตความรู้สึกที่จิต เห็นการเกิด-ดับภายในไปตลอดเวลา ศีล-สมาธิ-ปัญญา จึงเดินไปพร้อมกัน

5. ทางสายกลาง..ทางดับทุกข์

จิต..ดำเนินอยู่บนทางสายกลาง เห็นทุกข์ และดับทุกข์ได้ .. เพราะมีปัญญาเห็นความจริงว่า .. ทุกข์ที่เกิดขึ้น มีความดับไปเป็นธรรมดา จิตกับความคิดแยกจากกัน จิตจึงผ่องใส เป็นอิสระจากความคิดดีและไม่ดี ความคิดไม่ดีละทิ้งไป ความคิดดีนำมาใช้ แต่ไม่ยึดมั่นว่าความคิดทั้งหลายเป็นเรา เป็นของเรา จิตจึงหลุดพ้นจากความทุกข์ พบความสุขที่แท้จริงตลอดไป


วงจรกระแสจิต

1. เมื่อบุคคลประสบกับรูปที่เห็น เสียงที่ได้ยิน กลิ่นที่ได้สูดดม รสที่ได้ลิ้ม สัมผัสทางกาย กระแสจะเข้าสู่จิต

2. ถ้าอารมณ์ทั้งหลาย ไม่ได้ถูกกำหนดหยั่งรู้ที่จิต ก็จะถูกส่งไปเก็บที่สมอง(ที่เก็บอารมณ์ในอดีต) และจะส่งลงมาที่จิตอีกครั้ง หมุนเวียนอย่างนี้ เรียกว่าวัฏฏะ คือ การหมุนเวียนของอารมณ์

3. เมื่ออารมณ์ถูกเก็บหมักหมมมากเข้า อารมณ์หมักดอง(อาสวะ) ก็จะกลายเป็นเครื่องผูกรัดมัดจิต(สังโยชน์) ทำให้จิตหลุดพ้นไปไม่ได้

4. เราต้องกำหนดที่จิต อยู่ระหว่างกลางทรวงอกบริเวณลิ้นปี่ ซึ่งเป็นจุดรวมของอารมณ์ทั้งหมด เห็นความเกิด-ดับไปทุกขณะจิต ชื่อว่า เจริญสติปัฏฐานสี่ อริยมรรคมีองค์แปด

5. เมื่อกำหนดที่จิตแล้ว ญาณจะเข้าไปฟอกจิต กระแสจะทะลุไปข้างหลัง ผ่านขึ้นไปฟอกที่สมองเล็ก ซึ่งอยู่บริเวณท้ายทอย และจะเข้าไปฟอกที่สมองใหญ่อีกครั้งหนึ่ง จากนั้น ญาณจะขับกระแสออกมาระหว่างคิ้วทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นทางออกของกระแสวิญญาณ เรียกว่า มโนทวาร

6. เมื่อดูไปเนืองๆ ก็เริ่มเบื่อหน่าย คลายความติดใจในสิ่งทั้งหลาย ที่สุดจิตก็หลุดพ้นเพราะไม่ยึดมั่น


อานิสงส์ของการแผ่เมตตา

ดูก่อน.. ภิกษุทั้งหลาย

เมื่อเมตตาเจโตวิมุติ อันบุคคลน้อมไว้ภายในแล้ว เจริญแล้ว ทำให้มากแล้ว ทำให้เป็นดุจยาน ทำให้เป็นที่ตั้ง ให้ตั้งมั่นโดยลำดับ สั่งสมดีแล้ว ปรารภดีแล้ว.. พึงหวังอานิสงส์ 11 ประการด้วยกันคือ

1. เวลาหลับ ย่อมหลับเป็นสุข
2. เวลาตื่น ย่อมตื่นเป็นสุข
3. เวลาฝัน ย่อมไม่ฝันร้าย
4. ย่อมเป็นที่รักของมนุษย์ทั้งหลาย
5. ย่อมเป็นที่รักของอมนุษย์ทั้งหลาย
6. เทวดาทั้งหลายย่อมรักษา
7. ไฟ ยาพิษ หรือศาสตรา ย่อมไม่อาจกล้ำกลายได้
8. จิตย่อมตั้งมั่นได้โดยรวดเร็ว
9. สีหน้าย่อมผ่องใส
10.ไม่เป็นผู้ที่ตายด้วยความลุ่มหลง
11.เมื่อไม่บรรลุมรรคผลข้อใดข้อหนึ่ง (โสดาบัน, สกทาคามี, อนาคามี, อรหันต์) เมื่อตายไป ย่อมเป็นผู้ไม่ตกต่ำ จะถือกำเนิดในพรหมโลก


วิธีแผ่เมตตา

ขั้นแรก

ขอให้ผู้ปฏิบัติปล่อยวางอารมณ์ต่างๆที่คั่งค้างอยู่ในปัจจุบันทั้งหมดทิ้งไป ไม่ส่งกระแสจิตออกไปภายนอก ผ่อนคลายความฟุ้งซ่าน ความตึงเครียดทั้งหมดทิ้งไป... ให้เหลือแต่ดวงจิตอันบริสุทธิ์ ที่มีปัญญา มีความรู้สึก เห็นการเกิด-ดับอยู่ นิ่งสงบอยู่

เมื่อผู้ปฏิบัติธรรม สามารถรักษาจิตในเส้นทางมหาสติปัฏฐานสี่ เห็นการเกิด-ดับไปเนืองๆได้แล้ว ศีล สมาธิ ปัญญา ย่อมเจริญขึ้นตามลำดับ จึงมีอานิสงส์อันยิ่งใหญ่ สามารถน้อมจิตที่ฝึกดีแล้ว แผ่กระแสแห่งความสุข ความมีเมตตาไปให้แก่เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายอันไม่มีประมาณได้

จากนั้น... น้อมจิต ระลึกถึงผลบุญกุศล คุณงามความดีทั้งหลายที่ตนเองเคยอบรม บ่มบารมีธรรมมา เป็นการบูชาพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ด้วยการปฏิบัติบูชา เป็นการบูชาอันสูงสุด

น้อมกุศลเหล่านั้นเข้ามาไว้ในจิตของเรา ให้กระแสแห่งเมตตาธรรม เปี่ยมอยู่ในดวงจิต

จากจิต... แผ่เมตตาออกมาให้ทั่วร่างกาย ..ร่างกายนี้เกิดจากพ่อแม่ กุศลใดที่ลูกได้ทำ ขอให้พ่อและแม่ มีส่วนด้วยตลอดเวลา ..

จากรอบๆร่างกาย ก็แผ่ไปยังคนรอบข้าง .. แผ่ให้ครูบาอาจารย์ ผู้มีพระคุณทุกๆท่าน ที่ช่วยถ่ายทอดความรู้ ความดีงามให้กับเรา ... คนในครอบครัว ญาติสนิทมิตรที่รัก ... รอบๆสถานที่ที่เราอาศัยอยู่

จากนั้น.. แผ่ไปรอบๆจังหวัด รอบประเทศไทย ให้กับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระบรมราชินีนาถ ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ทุกพระองค์ บูรพมหากษัตริย์ และคนไทยทั้งชาติ ... เราน้อมตอบแทนบุญคุณของแผ่นดิน และบรรพบุรุษ ที่ได้รักษาผืนแผ่นดินไทยนี้ไว้ ...

ค่อยๆแผ่กว้างออกไปทั่วทั้งโลกใบนี้ ไปยังเพื่อนร่วมเกิด แก่ เจ็บ ตาย เจ้ากรรมนายเวร เทวดาทั้งหลายทั่งทั้งสิบทิศ ให้โลกใบนี้มีแต่กระแสแห่งเมตตาธรรม ...

แผ่ไปทั่วจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีประมาณ กว้างขวาง ไร้ขอบเขต แด่ดวงจิตทุกดวง สรรพสัตว์ทั้งหลาย อันไม่มีประมาณ .. ให้มีแต่ความสุข พ้นจากความทุกข์ ถ้าสุขอยู่แล้ว ขอให้สุขยิ่งขึ้น

เราน้อมจิตแผ่เมตตาไม่มีประมาณ .. เหมือนก้อนหินที่โยนลงไปในน้ำ คลื่นน้ำก็แผ่ขยายออกไป เป็นวง กว้างขึ้นๆ ... จากนั้น นิ่งสักครู่หนึ่ง ...

ถ้าต้องการออกจากการแผ่เมตตา อย่ารีบลืมตา ให้ตั้งจิตภายในว่า "กลับ" แล้วจากนั้นประคองความรู้สึกที่จิตไว้ สูดลมหายใจเข้า-ออก 2-3 ครั้งอย่างนุ่มนวล แล้วค่อยๆลืมตาขึ้น...


ที่มา - //www.thammatipo.com

. . .


Create Date : 09 ตุลาคม 2551
Last Update : 9 ตุลาคม 2551 16:38:38 น. 2 comments
Counter : 719 Pageviews.

 


โดย: athena-th วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:20:21:01 น.  

 

สาธุๆ ค่ะ

ขอบคุณนะคะ ดีเลยค่ะดีเลย เมื่อเช้านี้จิตตกค่ะ เหมือนโดนสุนัขบ้ากัดเลยค่ะ พิษแรงชะมัด โมโหสุดๆ คนที่ความคิดเห็นต่างกันไม่จำเป็นต้องเป็นศัตรูกัน และ คนที่มองว่าคนที่เห็นต่างจากตัวเป็นคนโง่นี่ คับแคบจัง คนเราต้องเปิดกว้างรับฟังความเห็นของคนอื่น เคารพในกฎเกณฑ์กติกาของสังคม ไม่ใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย เบื่อชะมัดเลย เศรษฐกิจพังพินาศหมด

มีแต่ความสุข คุณพระรักษา ฝันดีค่ะ




โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 9 ตุลาคม 2551 เวลา:20:49:08 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.