Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
. . . สภาพัฒน์ฯ คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 5.2-5.7% . . .

. . .

สศช.ปรับเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจปีนี้จาก 4.5-5.5% เป็น 5.2-5.7% ขณะที่บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตรา 5.0-5.5%


นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สศช. กล่าวว่า สศช.ได้ปรับประมาณการขยายตัวเศรษฐกิจจากร้อยละ 4.5-5.5 เป็นร้อยละ 5.2-5.7 และปรับลดอัตราเงินเฟ้อเป็นร้อยละ 6.5-7.0 จากเดิมร้อยละ 5.3-5.8 เพราะไตรมาส 3 และ 4 ราคาน้ำมันเริ่มลดลง ทำให้เงินเฟ้อมีแนวโน้มลดลงตาม

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยงจากปัญหาสินเชื่อบ้านด้อยคุณภาพ หรือซับไพร์มในสหรัฐ การเคลื่อนย้ายเงินทุนออกนอกประเทศ เริ่มมีสัญญาณมากขึ้น เพราะเป็นการปรับพอร์ตของนักลงทุนต่างชาติ รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและนักธุรกิจ แม้ราคาน้ำมันจะเริ่มลดลง แต่ยังอยู่ระดับสูง ปัญหาค่าครองชีพแพง ความไม่แน่นอนจากปัญหาการเมืองที่ยังมีอยู่

ขณะที่เศรษฐกิจไตรมาส 2 ปีนี้ ขยายตัวร้อยละ 5.3 ชะลอลงจากร้อยละ 6.1 ในไตรมาสแรก แต่เมื่อรวม 6 เดือนแรกปีนี้ เศรษฐกิจขยายตัวร้อยละ 5.7 สูงกว่าครึ่งแรกปีที่แล้วที่ขยายตัวร้อยละ 4.2 เพราะได้รับผลดีจากการขยายตัวของภาคเกษตร ที่ราคาสินค้าเกษตรเพิ่มขึ้นเกือบทุกรายการ แม้การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการจะชะลอลงบ้าง

การบริโภคภายในประเทศ ยังทรงตัวและใกล้เคียงกับไตรมาสแรก โดยขยายตัวร้อยละ 2.4 จากไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 2.6 แต่ยังต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 3-4 การบริโภคที่ชะลอตัวลง เพราะราคาน้ำมันตลาดโลกยังอยู่ระดับสูง อัตราเงินเฟ้อไตรมาส 2 สูงถึงร้อยละ 7.5 ขณะที่ไตรมาสแรกอยู่ระดับร้อยละ 5

ส่วนการใช้จ่ายภาครัฐติดลบทั้งรายจ่ายประจำ และการลงทุน โดยเฉพาะรายจ่ายประจำของภาครัฐติดลบติดต่อกันทั้ง 2 ไตรมาส จากไตรมาสแรกติดลบร้อยละ 0.1 ไตรมาส 2 ติดลบร้อยละ 2.4 ขณะที่การลงทุนไตรมาส 2 ติดลบร้อยละ 5.2 แต่ไตรมาสแรกขยายตัวร้อยละ 2.0 สะท้อนให้เห็นว่า การเบิกจ่ายของรัฐมีสัดส่วนต่ำ เนื่องจากความล่าช้ากระบวนการจัดซื้อจัดจ้างและการตรวจรับงาน

สำหรับภาคเกษตร ขยายตัวได้ดีทั้งหมวดพืชผลที่เติบโตร้อยละ 11 และหมวดปศุสัตว์ขยายตัวร้อยละ 2 โดยราคาข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นจาก 6,220 บาทต่อตันในไตรมาส 2 ของปีก่อน เป็น 12,985 บาท/ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 99.2 ในไตรมาส 2 ปีนี้ ขณะที่ราคามันสำปะหลังเพิ่มขึ้นจากกิโลกรัมละ 1.24 บาท เป็น 2.18 บาท/กิโลกรัม หรือร้อยละ 75.8

ส่วนภาคอุตสาหกรรม ขยายตัวร้อยละ 8 ต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 9.9 ภาคบริการท่องเที่ยวขยายตัวร้อยละ 5 ต่ำกว่าไตรมาสแรกที่ขยายตัวร้อยละ 8.3

เลขาธิการ สศช.กล่าวอีกว่า 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติเพื่อไทยทุกคนของรัฐบาลเริ่มมีผลกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศส่งผลมาจากการปรับเพิ่มเงินเดือน อัตราค่าจ้างขั้นต่ำ มาตรการลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภาษีช่วยเหลือเอสเอ็มอี

ปริมาณการส่งออกยังมีแนวโน้มขยายตัวได้ดีกว่าเดิม เห็นได้จากการส่งออกรวม 7 เดือนแรกปีนี้ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.4 สูงกว่าคาดการณ์ที่ตั้งไว้ร้อยละ 13.3 ตลอดจนราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง จะส่งผลให้ราคาวัตถุดิบสินค้าปรับตัวลดลงได้

สศช. เสนอแนะให้รัฐบาลเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณทั้งส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ การติดตาม 6 มาตรการฯ อย่างใกล้ชิด เพื่อให้มีผลต่อการใช้จ่าย การดูแลราคาสินค้าเกษตรให้มีเสถียรภาพในช่วงฤดูการเก็บเกี่ยว 4 เดือนสุดท้ายของปีนี้ การเร่งเดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคและนักลงทุน การเดินหน้าโครงการลงทุนขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ซึ่งจะทำให้ภาคเอกชนกล้าตัดสินใจลงทุนมากขึ้น โดยเชื่อมั่นว่าการส่งออกยังเป็นกลไกสำคัญในการทำรายได้และขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงต้องดูแลภาคส่งออกให้มีความสามารถในการแข่งขันต่อเนื่อง


บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดการณ์เศรษฐกิจไทยปีนี้ คาดว่าจะขยายตัวได้ในอัตรา 5.0-5.5% ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายใหม่ที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประเมินที่ 5.2-5.7%

โดยเศรษฐกิจครึ่งปีแรก ที่แม้ขยายตัวได้ 5.7% แต่ครึ่งปีหลังเชื่อว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว โดยคาดว่าขยายตัวไม่เกินร้อยละ 5 เท่านั้น และทั้งปีคาดว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก(เบรนท์) มีค่าเฉลี่ย ที่ 114 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล

เงินเฟ้ออยู่ที่ 6.6%
การบริโภคของภาคเอกชน ขยายตัว 2.4-2.9%
การลงทุนขยายตัว2.3-3.8%
ส่วนการส่งออกในรูปดอลลาร์ ขยายตัวร้อยละ 17-20%
การนำเข้าขยายตัว 26-30%
ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลลดลงจากปีก่อน อยู่ที่ 4-7 พันล้านดอลลาร์

สำหรับปัจจัยสำคัญช่วงครึ่งหลังที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด คือ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลง ซึ่งจะเป็นปัจจัยท้าทายต่อการส่งออก รวมทิศทางอัตราแลกเปลี่ยน ที่แม้การส่งออกจะได้ประโยชน์จากการอ่อนค่าของเงินบาท แต่เงินดอลลาร์ ยังคงเผชิญปัจจัยเสี่ยงของวิกฤติสถาบันการเงินในสหรัฐฯที่จะทำให้ค่าเงินดอลลาร์ผันผวนในอนาคต ขณะที่ในประเทศยังมีความเสี่ยงทางการเมือง ที่ยังอาจกระทบความเชื่อมั่นของภาคเอกชนและนักลงทุนต่างชาติ

อย่างไรก็ตาม ยังคงมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อ ตามราคาน้ำมัน และความเป็นไปได้ของการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ และการผ่านร่าง พ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2552 ที่น่าจะส่งผลดีต่อการใช้จ่ายของภาครัฐ รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่ที่คาดว่าจะออกมาในเร็วๆ นี้

. . .



กกร.มีมติดึงกระเทียม และเอ็นจีวีเป็นสินค้าควบคุม ส่วนการปรับราคานม และน้ำมันพืชยังให้ตรึงราคาเดิมไว้ก่อน


นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวภายหลังประชุมคณะกรรมการว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ว่า ที่ประชุมเห็นชอบให้นำสินค้ากระเทียม และก๊าซเอ็นจีวี เป็นสินค้าควบคุมภายใต้การดูแลของกรมการค้าภายในที่ต้องติดป้ายแสดงราคา และหากมีการเคลื่อนย้ายจะต้องแจ้งกรมการค้าภายใน และค้าภายในจังหวัดในพื้นที่ให้รับทราบก่อน

นายไชยา กล่าวว่า หลังจากกร.มีมติดังกล่าวจะนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีภายใน 1-2 สัปดาห์นี้ ซึ่งจะทำให้สินค้าและบริการอยู่ในบัญชีควบคุมรวมจำนวน 37 รายการ ซึ่งการเป็นสินค้าควบคุมจะทำให้การดูแลราคาสินค้าและบริการเข้มงวดมากขึ้น

โดยเหตุผลที่นำกระเทียมเป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากที่ผ่านมามีการลักลอบนำเข้ากระเทียมจากต่างประเทศจำนวนมาก ทำให้กระเทียมในประเทศได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะออกตรวจจับ แต่ปัญหาดังกล่าวยังมีอย่างต่อเนื่อง จึงต้องนำเป็นสินค้าควบคุม

ส่วนการให้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นสินค้าควบคุม เนื่องจากมีความต้องการใช้สูงขึ้นจึงจำเป็นต้องประกาศเป็นสินค้าควบคุมเพื่อให้ประชาชนผู้ใช้ไม่เสียเปรียบเพราะจะมีมาตรการกำกับดูแลที่เข้มงวดมากขึ้นในการขนย้าย และนำเข้า
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พิจารณาให้มีการปรับราคาจำหน่ายปลีกสินค้าผลิตภัณฑ์นมและน้ำมันพืช โดยจะให้ทางคณะอนุกรรมการพิจารณาราคานมและน้ำมันพืช กลับไปพิจารณาราคาต้นทุนอีกครั้งหลังจากวัตถุดิบมีการเปลี่ยนแปลง

โดยในส่วนของน้ำมันถั่วเหลืองที่มีการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่อาจพิจารณาให้มีการปรับราคาเพิ่มขึ้นได้ในระดับหนึ่ง แต่ในส่วนของน้ำมันปาล์มที่มีราคาผลปาล์มดิบมีราคาลดลงนั้นผู้ผลิตอาจต้องปรับราคาจำหน่ายลดลงด้วย จึงได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการพิจารณาน้ำมันพืชไปศึกษาต้นทุนวัตถุดิบให้มีความชัดเจน และนำกลับมาเสนอให้ พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะกำกับดูแลกรมการค้าภายใน พิจารณาต้นทุนแท้จริงก่อนนำเสนอให้ตนพิจารณาว่าจะอนุมัติให้ปรับขึ้นได้หรือไม่

นายไชยา กล่าวว่า เร็วๆนี้ ตนจะเชิญกลุ่มผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มมาประชุมหารือ เพราะขณะนี้ราคาผลปาล์มดิบในตลาดไม่ได้ปรับตัวสูงมาก ประกอบกับราคาน้ำมันปาล์มดิบในตลาดโลกมีแนวโน้มลดลง กระทรวงพาณิชย์อาจจะขอความร่วมมือให้ผู้ประกอบการน้ำมันปาล์มลดราคาลง แต่จะปรับได้มากน้อยแค่ไหน คงต้องพิจารณาต้นทุนแท้จริงอีกครั้ง

. . .



รมช.คลัง ตีกันแบงก์ชาติ ระบุการประชุมกนง.วันที่ 27 ส.ค.นี้ไม่ควรขึ้นอัตราดอกเบี้ย


นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่าปัญหาของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ได้แก่ ภาวะของแพง และปริมาณเงินน้อย ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยังไม่ควรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก เพราะจะเป็นการซ้ำเติมค่าครองชีพประชาชน และกระทบกับต้นทุนของบริษัท

โดยผู้ประกอบการจะมีภาระเพิ่มขึ้น ก็อาจจะลดต้นทุนด้วยการลดกำลังผลิต และปลดคนงาน ขณะที่ประชาชนจะมีต้นทุนเรื่องการผ่อนชำระสูงขึ้น ทั้งบ้าน-รถยนต์ และอื่น ๆ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมทำให้มีรายจ่ายเพิ่มขึ้น จากปัจจุบันต้องจ่ายเรื่องอาหารขนส่ง และค่าครองชีพอื่นๆ เพิ่มขึ้นอยู่แล้ว จึงคิดว่าการประชุม กนง. วันที่ 27 ส.ค.นี้ไม่ควรขึ้นดอกเบี้ยอีก

นอกจากนี้ ธปท. ควรศึกษาข้อมูลให้รอบคอบ เพราะนโยบายการเงินที่ผิดพลาดในอดีตได้สร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจประเทศไทย เช่น วิกฤตการณ์เงิน "ต้มยำกุ้ง" เมื่อปี 2540 และนโยบายกันเงินทุนสำรอง 30% เมื่อปี 2549

. . .




Create Date : 25 สิงหาคม 2551
Last Update : 25 สิงหาคม 2551 16:05:25 น. 2 comments
Counter : 569 Pageviews.

 
ขอบคุณค่ะที่เอาข่าวมาบอกกัน


โดย: Chulapinan วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:17:22:49 น.  

 
เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ป้าวีดูข่าวผ่านๆตา
เห็นประเทศอะไรก็ไม่รู้ เงินเฟ้อ 110%
ก็คิดว่า..ตายละ คนจะกินอะไรกันเนี่ย

วันนี้ลอง search อยากอ่านรายละเอียด
ดันไปเจอ ซิมบับเว เงินเฟ้อ 4 ล้าน%
พระเจ้าช่วยกล้วยทอด !!!


.....วันนี้ชาวซิมบับเวียน ภายใต้การปกครองของมูกาเบ้ ต้องใช้กระสอบขนเงินไปซื้อข้าวของกันแล้ว สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นมหนึ่งกล่องในซิมบับเวขายในราคา 3,000 ล้านซิมบับเวดอลลาร์ หรือเท่ากับ 30 เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ....

....โอ...ล่มสลายจริงๆ








โดย: AuntieV วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:21:15:49 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.