Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
26 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
งดขายทองคำแท่งเสาร์-อาทิตย์--โอเปคลดการผลิต--หุ้นต่ำสุดรอบ 5 ปี--คาดเฟดลดดอกเบี้ยอีก

. . .

ผู้ค้าทองคำประกาศงดขายทองคำแท่งวันเสาร์-อาทิตย์ เนื่องจากไม่มีราคาอ้างอิง

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า คณะกรรมการของสมาคมค้าทองคำได้มีมติหยุดการซื้อขายทองคำแท่งในวันเสาร์-อาทิตย์ ซึ่งรวมถึงวันหยุดนักขัตฤกษ์ ส่วนทองรูปพรรณยังเปิดซื้อขายตามปกติได้ทุกวัน

นายจิตติ กล่าวว่าสาเหตุที่ต้องหยุดซื้อขายวันเสาร์-อาทิตย์ เพราะต้องการให้ความเป็นธรรมทั้งการซื้อและขายที่จะได้มีราคาอ้างอิงที่ถูกต้องในวันทำการคือ วันจันทร์ถึงวันศุกร์ เพราะขณะนี้ทั่วโลกไม่มีการซื้อขายทองแท่งในวันเสาร์และอาทิตย์ ทำให้ไม่มีราคาอ้างอิง

อย่างไรก็ตาม หากร้านทองบางแห่งที่สามารถรับความเสี่ยงจากราคาทองคำซึ่งไม่มีราคาอ้างอิงในวันหยุดก็อาจเปิดซื้อขายทองคำแท่งได้ และทางสมาคมค้าทองคำไม่ได้ห้ามเอาไว้

นายจิตติกล่าวถึงสถานการณ์การซื้อขายทองคำว่า ขณะนี้แม้ทั่วโลกทองคำขาดตลาด แต่ราคาทองคำยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่องนับเป็นเรื่องที่ผิดปกติ อาจเป็นผลมาจากนักเก็งกำไรทองในตลาดลอนดอน และตลาดนิวยอร์ก โดยราคาทองคำอยู่ต่ำกว่าระดับ 720 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ออนซ์

สำหรับปริมาณการใช้ทองคำของไทย ปีนี้มีการนำเข้ากว่า 100 ตัน เพิ่มขึ้นมากกว่าในอดีตที่มีการนำเข้าประมาณ 100 ตันในช่วงเศรษฐกิจบูม

นายจิตติ กล่าวว่า จากการที่สมาคมค้าทองคำ หารือกับกระทรวงคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทุกฝ่ายมีความเห็นว่าประเทศไทยควรมีตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า เหมือนการซื้อขายหลักทรัพย์ และสินค้าเกษตรล่วงหน้า ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. ได้มีการว่าจ้างให้นักวิชาการศึกษารูปแบบการซื้อขายทองคำล่วงหน้า ซึ่งทางสมาคมค้าทองคำเห็นว่า ยังมีจุดอ่อนหลายอย่างที่ต้องปรับปรุง

ดังนั้น ก.ล.ต. จึงมอบหมายให้สมาคมฯ ช่วยพิจารณารูปแบบการซื้อขายทองคำ เพราะหากประเทศไทยมีตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้า ก็จำเป็นต้องมีหน่วยงานที่กำกับดูแล เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ลงทุนรายย่อย

. . .


นายกสมาคมค้าทองคำชี้แจง สถานการณ์ทองคำขาดตลาด การส่งมอบช้าในช่วงนี้


นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ในอดีตการซื้อทองคำจากต่างประเทศนอกจากชำระค่าทองคำตามที่ตกลงไว้ ยังต้องจ่ายค่าพรีเมี่ยม (คือ ค่าขนส่ง, ค่าประกันภัย, ค่านายหน้า) ให้แก่ผู้ขายประมาณ 2 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ และมีระยะเวลาส่งมอบไม่เกิน 1-2 วัน โดยการขนส่งทางอากาศ

แต่ปัจจุบัน ค่าพรีเมี่ยมเพิ่มสูงขึ้นเป็น 25 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ขณะที่ระยะเวลาการส่งมอบทองคำขยายไปเป็น 10-14 วัน โดยผู้ค้าทองคำในต่างประเทศชี้แจงว่าทองคำขาดตลาด ผลิตได้ไม่ทันตามความต้องการ

ขณะที่ราคาทองคำลดลงต่อเนื่อง ทำให้ลูกค้าแห่ซื้อทองคำแท่งกันมาก แต่ผู้ค้าทองคำในไทย ก็เป็นห่วงในเรื่องความเสี่ยงของผู้ค้าทองคำในต่างประเทศ จึงอยากสั่งซื้อทองคำเป็นล็อตๆ เมื่อได้รับการส่งมอบจึงจะสั่งซื้อล็อตใหม่ เพราะระยะเวลาการส่งมอบยืดออกไปมากเป็น 10-14 วัน หากสั่งซื้อต่อเนื่องๆ แต่ไม่ได้รับการส่งมอบทองคำก็มีความเสี่ยงต่อเงินที่ชำระไป
ทางผู้ค้าทองคำจึงต้องให้ผู้ซื้อทองคำแท่งในช่วงนี้ รับใบจองไปก่อน และจะส่งมอบทองคำให้ภายในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หรือ 14 วันเช่นกัน

. . .

ในปี 2550 ที่ผ่านมา ราคาขายทองคำแท่งในไทย เคลื่อนไหวอยู่ในช่วง 10,000-12,000 บาท โดยช่วง 3 เดือนปลายปี ราคาทองคำแท่งขึ้นไปเหนือระดับ 12,000 บาท และสูงสุดที่ระดับ 13,400 บาทในเดือนพ.ย.50 ราคาขายทองคำแท่งในไทยเฉลี่ยทั้งปี 2550 อยู่ที่ บาทละ 11,401 บาท

ช่วง 10 เดือนแรกของปี 2551 ราคาทองคำแท่งผันผวนในช่วงราคา 12,500- 15,000 บาท โดยมีราคาสูงสุด 15,450 บาท เมื่อวันที่ 15 ก.ค.ที่ผ่านมา ราคาขายทองคำแท่งในไทยเฉลี่ยช่วง 10 เดือนแรก ปี 2551 อยู่ที่ บาทละ 13,916 บาท สูงขึ้นกว่าปีก่อนประมาณบาทละ 2,500 บาท

ราคาขายทองคำแท่ง เมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาบาทละ 12,550 บาท ถือเป็นราคาต่ำสุดในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยราคาขายทองคำแท่งเคยอยู่ระดับเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2550

. . .


คาดเฟดปรับลดดอกเบี้ยอีก 0.25 - 0.50 ในการประชุมสัปดาห์นี้

ในวันที่ 28-29 ตุลาคม 2551 คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (Federal Open Market Committee: FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) จะมีการประชุมเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายการเงิน หรืออัตราดอกเบี้ย Fed Funds ซึ่งขณะนี้ยืนอยู่ที่ร้อยละ 1.50 หลังจากที่เฟดพร้อมด้วยธนาคารกลางอีกหลายประเทศเพิ่งจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงฉุกเฉินในวันที่ 8 ตุลาคมที่ผ่านมา

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) อาจมีแนวโน้มที่จะมีมติให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ลงอีกร้อยละ 0.25-0.50 จากร้อยละ 1.50 มาที่ร้อยละ 1.00-1.25 ในการประชุมวันที่ 28-29 ตุลาคม 2551 นี้

แม้สภาวะตลาดเงินจะเริ่มทยอยปรับตัวดีขึ้นในระยะสั้น แต่สถานะทางด้านเครดิตที่ยังมีปัญหาและคงต้องใช้เวลาในการเยียวยาอีกยาวนาน ตลอดจนความอ่อนไหวที่วิกฤตการเงินจะลุกลามไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริงให้ตกไปอยู่ในภาวะถดถอยที่ลึกและรุนแรง

คาดว่าจะเป็นปัจจัยที่สนับสนุนให้เฟดยังมีความจำเป็นต้องดำเนินนโยบายการเงินและใช้เครื่องมือทางการเงินที่มีอยู่ไปในเชิงที่ผ่อนคลายมากขึ้นเพื่อประคับประคองเศรษฐกิจการเงินในภาพรวมให้คืนกลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน แรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มผ่อนคลายลง ตามการปรับตัวลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ก็น่าจะเอื้อให้เฟดและธนาคารกลางทั่วโลกมีความยืดหยุ่นมากขึ้นที่จะดำเนินนโยบายการเงินไปในแนวทางที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจด้วย

ทั้งนี้ แม้ว่าประสิทธิผลของการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของเฟดในการประชุมรอบนี้ อาจจะไม่สามารถช่วยให้วิกฤตการเงินสิ้นสุดลงหรือทำให้เศรษฐกิจสหรัฐฯรอดพ้นจากภาวะถดถอยไปได้ แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯที่ลดลงดังกล่าว ก็น่าที่จะเป็นข่าวดีที่สนับสนุนบรรยากาศของตลาดในภาพรวม และมีผลในเชิงจิตวิทยาต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน
นอกจากนี้ เป็นที่คาดการณ์ว่าทั้งเฟดและทางการสหรัฐฯ ตลอดจนประเทศต่างๆ ทั่วโลก คงจะยังมีการทยอยประกาศมาตรการกอบกู้วิกฤตการเงินออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อรับมือกับข่าวร้ายหรือปัญหาเฉพาะหน้าที่อาจจะเกิดขึ้นต่อไป

. . .


ตลาดหุ้นไทยดัชนีลดลงต่ำสุดในรอบ 5 ปี

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย รายงานว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 432.87 จุด ปรับลดลง 8.16% จาก 471.31 จุด ในสัปดาห์ก่อน และร่วงลง 49.55% จากสิ้นปี 2550 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์ลดลง 53.29% จาก 89,693 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 41,896 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่ลดลงจาก 17,939 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 8,379 ล้านบาท

โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 5,088 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 4,146 ล้านบาท และ 941 ล้านบาท ตามลำดับ

ดัชนีหุ้นไทยปรับลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 5 ปีในวันศุกร์ ตามตลาดหุ้นส่วนใหญ่ในภูมิภาคที่ร่วงลงแรง โดยมีแรงขายหุ้นขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานและธนาคาร

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ (27-31 ตุลาคม 2551) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนียังมีแนวโน้มปรับตัวอยู่ในกรอบขาลง แม้อาจฟื้นตัวขึ้นได้บ้าง โดยมีปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตาม ได้แก่ การทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน การรายงานตัวเลขเศรษฐกิจรายเดือนของธนาคารแห่งประเทศไทย และสถานการณ์การเมืองโดยเฉพาะประเด็นการแก้รัฐธรรมนูญ

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญได้แก่ ความกังวลต่อวิกฤตการเงินที่อาจนำมาสู่ภาวะถดถอยของเศรษฐกิจโลก การปรับตัวของตลาดหุ้นภูมิภาค ผลการประชุมนโยบายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ตลอดจนการ
รายงานตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3/2551 (Advance) ของสหรัฐฯ ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 410 และ 370 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 454 และ 470 จุด ตามลำดับ

. . .


ตลาดน้ำมันเมินโอเปคลดการผลิต ราคาน้ำมันปิดร่วงแตะ 64.15 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล เนื่องจากความวิตกเศรษฐกิจโลกถดถอย

ราคาน้ำมันดิบตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์ แตะที่ระดับต่ำกว่า 65 ดอลลาร์/บาร์เรลเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ผ่านมา แม้ว่ากลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปค) จะตัดสินใจลดปริมาณการผลิตลง 1.5 ล้านบาร์เรลในการประชุมฉุกเฉินเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ตาม

ที่ประชุมรัฐมนตรีน้ำมันกลุ่มโอเปคได้จัดประชุมฉุกเฉินที่กรุงเวียนนาเพื่อหารือเรื่องการลดโควต้าการผลิต ด้วยความหวังว่าจะช่วยสกัดกั้นการร่วงลงของราคาน้ำมันดิบอย่างต่อเนื่องในช่วงนี้ได้ แต่ดูเหมือนว่าความพยายามดังกล่าวจะไม่เป็นผล เมื่อสัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX (New York Mercantile Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวลง 3.69 ดอลลาร์ ปิดที่ 64.15 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังจากที่ในการซื้อขายระหว่างวัน ราคาได้ขยับลงไปแตะที่ระดับ 62.65 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค. 2550

ทั้งนี้ กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันมีมติเห็นชอบลดการผลิตน้ำมันลง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โควต้าการผลิตใหม่นี้จะเริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งโอเปคเชื่อมั่นว่าการลดกำลังการผลิตครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปีนี้จะสามารถป้องกันไม่ให้ราคาน้ำมันขยับลงไปมากกว่านี้ได้

โดยขณะนี้ ราคาน้ำมันดิบร่วงลง 56% จากระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 147.27 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อวันที่ 11 ก.ค. และลดลงมากกว่า 41 ดอลลาร์/บาร์เรลจากราคาในเดือนก่อน

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า อย่างไรก็ตาม ความกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอยกลับมีอิทธิพลเหนือตลาดมากกว่า โดยรายงานตัวเลขจ้างงานที่กระทรวงแรงงานสหรัฐได้เปิดเผยในเดือนนี้ บ่งชี้ว่ากำลังจะมีคนตกงานมากขึ้นจากปีก่อน 2.2 ล้านคน เป็น 9.5 ล้านคน ขณะที่ สัญญาณความต้องการในยุโรปและเอเชียที่ชะลอตัวลงอย่างมากยิ่งตอกย้ำความวิตกกังวลว่าเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย

สตีเฟน ชอร์ก เทรดเดอร์และนักวิเคราะห์กล่าวว่า การที่ตลาดน้ำมันไม่ขานรับมติลดการผลิตของโอเปคเป็นการยืนยันว่า อุปสงค์น้ำมันทั่วโลกในเวลานี้อ่อนแอมากจริงๆ ซึ่งรายงานเปิดเผยโดยกระทรวงคมนาคมสหรัฐ ชี้ว่าระยะทางการขับขี่ยวดยานของชาวอเมริกันลดลงมากสุดในรอบ 66 ปี ก็ช่วยสนับสนุนความเข้าใจดังกล่าว

ทั้งนี้ หลังจากที่ในเดือนก.ค. ราคาน้ำมันเบนซีนพุ่งแตะ 4.11 ดอลลาร์/แกลลอน (1.08 ดอลลาร์/ลิตร) ในเดือนต่อมา ชาวอเมริกันจึงได้ลดการขับขี่ลงคิดเป็น 5.6% หรือนับเป็นระยะทางที่ลดลง 1.5 พันล้านไมล์ (2.4 พันล้านกิโลเมตร) เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนส.ค.ปีก่อน ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดภายในเดือนเดียวนับตั้งแต่ที่ได้มีการเก็บข้อมูลเป็นครั้งแรกเมื่อปีพ.ศ.2485 โดยชาวอเมริกันหันไปใช้วิธีคาร์พูลและใช้ระบบขนส่งสาธารณะกันมากขึ้น

รายงานประจำสัปดาห์ล่าสุดโดยกระทรวงพลังงานสหรัฐยังได้แสดงให้เห็นว่าความต้องการน้ำมันร่วงลงต่อเนื่อง โดยดีมานด์ในสหรัฐลดลงเกือบ 10% ในช่วงสี่สัปดาห์ล่าสุด เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อน ซึ่งส่งผลสืบเนื่องให้ราคาขายปลีกน้ำมันเบนซีนเฉลี่ยตามปั๊มลดลงต่ำกว่าระดับปี 2550 เป็นครั้งแรกในปีนี้

นอกจากนี้ ปัจจัยเรื่องดอลลาร์แข็งค่าก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบร่วงลงเช่นกัน ตามธรรมชาติของนักลงทุนที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดโภคภัณฑ์ ซึ่งรวมถึงน้ำมันดิบ เมื่อดอลลาร์อ่อนค่า และขายเมื่อดอลลาร์ดีดตัวขึ้น และหมายความว่า ประเทศที่มีอัตราการขยายตัวเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วจะต้องจ่ายค่าเชื้อเพลิงมากขึ้น ซึ่งนั่นบีบให้ประเทศเหล่านี้ต้องลดค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ลง

. . .



Create Date : 26 ตุลาคม 2551
Last Update : 26 ตุลาคม 2551 20:04:09 น. 1 comments
Counter : 676 Pageviews.

 
ทองลดราคา

น้ำมันก็ราคาลดลง

คนดีใจกันถ้วนหน้า

แต่ผู้ขายทองบอกว่างดขาย

เวลาน้ำมันลด

ปั๊มก็ปิดป้ายว่าหมด

หลอกเนอะพี่ท่าน

เซ็งเป็ด


โดย: be-oct4 วันที่: 26 ตุลาคม 2551 เวลา:22:55:52 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.