Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
26 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
. . . หุ้นไทยร่วง 2% หลังเปิดตลาดในภาคเช้า . . .

. . .

หุ้นไทยร่วง 2% หลังเปิดตลาดในภาคเช้า


หุ้นไทยร่วงถึง 2% หลังเปิดตลาดในภาคเช้า จากความกังวลกรณีม็อบพันธมิตรเคลื่อนพลตามยุทธศาสตร์ดาวกระจาย และมีการเข้ายึดสถานีโทรทัศน์ NBT ช่วงเช้าปิดตลาดดัชนีปรับตัวลดลง 15.84 จุด มาปิดที่ 662.36 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายเบาบาง 4,108 ล้านบาท

นายอภิสิทธิ์ ลิมศุภนาค ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายหลักทรัพย์ บล.บีฟิท กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ร่วงลงถึง 2% ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ ทั้งดาวโจนส์ และภูมิภาค เนื่องจากวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาของสถาบันการเงินในสหรัฐ ทำให้นักลงทุนสหรัฐถอนเงินลงทุนทั่วโลก กลับไปอุ้มพอร์ตในประเทศ ประกอบกับตลาดบ้านเราก็มีเรื่องของการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เป็นปัจจัยลบภายในประเทศด้วย

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบทางการเมืองตามที่ได้คาดการณ์เอาไว้ นักลงทุนชะลอเข้าตลาด เพื่อรอดูสถานการณ์ความชัดเจนอีกครั้ง โดยเฉพาะท่าทีของรัฐบาลที่มีต่อกลุ่มพันธมิตรฯ หลังการใช้ยุทธศาสตร์ไทยคู่ฟ้า กระจายกำลังเข้าปิดล้อมสถานที่ราชการต่างๆ ในช่วงเช้าวันที่ 26 ส.ค.

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอาจทำให้การลงทุนในตลาดชะลอตัว และคิดว่าไม่มีแรงเทขายหุ้นจนน่าเป็นห่วง โดยตลาดหลักทรัพย์ฯเฝ้าติดตามสถานการณ์การชุมนุมอย่างใกล้ชิด

. . .



เอกชนระบุสถานการณ์การชุมนุมส่งผลกระทบความเชื่อมั่นต่างชาติต่อเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว


นายดุสิต นนทะนาคร รองประธานหอการค้าไทย กล่าวว่าอยากให้ทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายเรียกร้อง เร่งเจรจาให้ทุกอย่างจบลงโดยเร็วไม่ว่าผลจะออกมาเป็นเช่นไร ไม่อยากให้ยืดเยื้อไปมากกว่านี้ เพื่อจะได้มองแนวทางการพัฒนาประเทศและสร้างความแข็งแกร่งทางด้านเศรษฐกิจของไทยต่อไป

สำหรับปัญหาทางการเมืองแม้ว่าจะเป็นปัจจัยหลักต่อความเชื่อมั่นการลงทุน แต่ในช่วง 3-5 เดือนที่ผ่านมา การชุมนุมไม่ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีปัญหามากนัก เห็นได้จากตัวเลขการส่งออกยังสามารถส่งออกได้เติบโตอย่างต่อเนื่อง การเติบโตทางด้านเศรษฐกิจยังเป็นไปด้วยดี เพราะหากมองเศรษฐกิจไทยมีความเข้มแข็ง จึงอยากให้ทุกเรื่องที่มีปัญหาอยู่ในขณะนี้จบลงโดยเร็ว

นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า สถานการณ์การชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่งผลกระทบต่อความมั่นใจของนักลงทุนเป็นอย่างมาก เพราะเป็นสถานการณ์ที่รุนแรงที่สุดใน 3 เดือน โดยนักลงทุนต่างชาติติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด และเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การเมืองค่อนข้างมาก โดยไม่นับรวมนโยบายส่งเสริมอุตสาหกรรมของรัฐบาลที่ยังไม่มีความชัดเจน ซึ่งทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ได้ย้ายฐานการลงทุนจากประเทศไทย ไปที่ประเทศเพื่อนบ้านแล้ว รัฐบาลไม่ควรจะปล่อยให้เหตุการณ์นี้ยืดเยื้อ

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. กล่าวว่า การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯในสถานที่ต่างๆ ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งจะทำให้ต่างชาติขาดความเชื่อมั่นเข้ามาลงทุน ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานต่างๆ ของรัฐที่อยู่ในต่างประเทศ ต้องเร่งชี้แจงให้นักลงทุนและชาวต่างชาติเข้าใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะสื่อทั่วโลกได้มีการนำเสนอเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง จึงอยากให้ทางกลุ่มผู้ชุมนุมและตำรวจอย่าใช้ความรุนแรงในการชุมนุม เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลายมากกว่านี้

นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (TTAA) กล่าวว่า หากเหตุการณ์ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบานปลายถึงขั้นมีการปะทะกันรุนแรงเกิดขึ้น นักท่องเที่ยวจากประเทศต่างๆ อาจจะยกเลิกการเดินทางมาที่ประเทศไทย หรืออาจเปลี่ยนไปที่ประเทศอื่นแทน โดยเฉพาะอย่างยิ่งมีกลุ่มนักท่องเที่ยวอยู่กลุ่มหนึ่งที่ค่อนข้างจะอ่อนไหวต่อเหตุรุนแรง เช่น นักท่องเที่ยวญี่ปุ่น ยุโรป ออสเตรเลีย ซึ่งตามปกติแล้วนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ จะเข้ามาเที่ยวเมืองไทยประมาณเดือนละ 3-4 แสนคน

นายอภิชาติ สังฆอารี นายกสมาคมไทยธุรกิจท่องเที่ยว (ATTA) บอกว่า ต้องดูเหตุการณ์และทำความเข้าใจ ชี้แจงนักท่องเที่ยวที่จะมาเที่ยวไทย เพราะหากเกิดความรุนแรงขึ้นมา จะกระทบและสร้างความเสียหายให้กับธุรกิจการท่องเที่ยว แต่ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะให้ประเมินว่าจะเกิดความเสียหายกับภาคการท่องเที่ยวมากน้อยแค่ไหน

นายอำพน กิตติอำพน เลขาธิการสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) หรือสภาพัฒน์ กล่าวถึงผลจากการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ส่งผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดใน 2 ด้าน โดยหากมีการปิดสถานที่ราชการก็จะทำให้ข้าราชการไม่สามารถทำงานได้ และหากมีการชุมนุมยืดเยื้อต่อไปก็จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นมากขึ้นต่อเศรษฐกิจของประเทศ

นายอำพน ระบุว่าขณะนี้สิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือดัชนีตลาดหุ้นไทยที่ลดลงไปถึง 15 จุด หรือประมาณ 2% พร้อมกับชี้นำตำรวจให้เร่งเข้าไปแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าว

. . .


Create Date : 26 สิงหาคม 2551
Last Update : 26 สิงหาคม 2551 15:56:48 น. 4 comments
Counter : 740 Pageviews.

 
. . .

นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งข้าวออกต่างประเทศ กล่าว ว่า หากสถานการณ์ยืดเยื้อภาพพจน์ประเทศไทยคงไม่ดีในสายตานักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะด้านการท่องเที่ยว การลงทุนในตลาดหุ้นต่างชาติก็จะไม่กล้าเข้ามาลงทุน จึงอยากให้ทุกฝ่ายมองถึงภาพรวมและเห็นแก่ประเทศชาติ หากสถานการณ์ไม่คลี่คลายก็น่าเป็นห่วง

สำหรับสิ่งที่อยากเสนอแนะรัฐบาล นายชูเกียรติ กล่าวว่ารัฐบาลควรอดทนอดกลั้นไม่ทำรุนแรง เพราะหากเกิดความรุนแรงก็จะมีผลในทางลบ

อย่างไรก็ตาม การปิดล้อมของกลุ่มพันธมิตรฯขอให้เป็นเพียงระยะสั้น ไม่เห็นด้วยหากจะปิดล้อมอย่างยืดเยื้อ เพราะจะเข้าข่ายไม่ชอบธรรม ทำให้เกิดความไม่สงบสุข ผลที่ตามมาจะทำให้เศรษฐกิจไทยมีปัญหาและภาพพจน์ประเทศเสียหาย

นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย กล่าวว่า อยากให้ทุกอย่างจบลงเร็ว เพราะปัญหานี้ยืดเยื้อมานาน จะทำให้ประเทศเสียหาย แต่การแก้ไขปัญหาของรัฐบาล และทุกฝ่ายจะต้องแก้ไขบนเงื่อนไขร่วมเจรจา ไม่ควรใช้กำลัง เพราะจะทำให้ประเทศชาติสะดุด ซึ่งเศรษฐกิจไทยยังมีความแข็งแกร่ง หลายด้านยังไปได้ดี แม้จะมีปัญหาการเมือง อยากให้ทุกฝ่ายไม่ควรยืดเยื้อ ขอให้ทุกคนหรือผู้ที่ทำให้ประเทศชาติปั่นป่วนควรมองถึงประเทศชาติและส่วนรวมดีกว่า

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ขณะนี้ภาคเอกชนกำลังติดตามสถานการณ์การปิดล้อมของกลุ่มพันธมิตรฯ ซึ่งไม่รู้ว่าจะยืดเยื้อหรือจบลงเร็วแค่ไหน แต่อยากเห็นสถานการณ์คลี่คลายและจบลงเร็ว เพื่อไม่ให้กระทบภาพรวมเศรษฐกิจไทย ดังนั้น ขอให้ทุกอย่างชัดเจนก่อน ทางหอการค้าไทยถึงจะประเมินสถานการณ์และแถลงท่าทีความคิดเห็นของภาคเอกชนอีกครั้ง

. . .


โดย: loykratong วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:16:24:38 น.  

 
. . .

กองทุนรวม…ทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจหลังการบังคับใช้ พ.ร.บ. สถาบันคุ้มครองเงินฝาก


เมื่อวันที่ 11 สิงหาคม 2551 ที่ผ่านมา พ.ร.บ. คุ้มครองเงินฝากได้เริ่มมีผลบังคับใช้ไปเรียบร้อยแล้ว โดยผู้ฝากเงินจะได้รับการคุ้มครองเงินฝากที่เต็มจำนวนภายในระยะเวลา 1 ปีนี้เท่านั้น หลักจากนั้น 4 ปีที่เหลือการคุ้มครองจะลดลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งคุ้มครองแค่ 1 ล้านบาทต่อราย / สถาบันการเงิน

ดังนั้นจึงมีความเป็นไปที่ผู้ฝากเงินที่มีจำนวนเงินฝากเกิน 1 ล้านบาทอาจพิจารณาให้น้ำหนักกับช่องทางการลงทุนอื่นๆ นอกเหนือจากเงินฝากมากขึ้น ทั้งนี้ธุรกิจกองทุนรวมก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนหันมาให้ความสนใจ เนื่องจากนักลงทุนอาจจะไม่มีความเชี่ยวชาญในการลงทุนในสินทรัพย์ต่างๆด้วยตนเอง ดังนั้นจึงจะเป็นการดีกว่าที่จะให้ผู้จัดการกองทุนเข้ามาบริหารให้

ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้รวบรวมกองทุนรวมที่น่าสนใจ ซึ่งน่าจะเป็นทางเลือกสำหรับผู้ฝากเงินที่กำลังมองหาช่องทางการลงทุนใหม่ๆเพิ่มเติม ดังนี้


กองทุนรวมที่คาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุน

สำหรับนักลงทุนที่สนใจเข้ามาลงทุนในกองทุนรวม อาจจะพิจารณาถึงผลการดำเนินงานที่ผ่านมาและระดับความเสี่ยงของแต่ละกองทุนเพื่อประกอบการตัดสินใจในการลงทุน ทั้งนี้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้รวบรวมผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนรวมที่น่าสนใจ*ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังเผชิญกับภาวะความผันผวนทางเศรษฐกิจ การเมือง และภาวะเงินเฟ้อเช่นนี้ ดังนี้

กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ น่าจะเป็นกองทุนที่ได้รับการจับตามองจากนักลงทุนในขณะนี้ โดยกองทุนประเภทดังกล่าวเป็นกองทุนที่ระดมทุนไปซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์แล้วนำมาบริหาร โดยได้ผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากค่าเช่าและเงินปันผล และเมื่อพิจารณาถึงผลการดำเนินงานย้อนหลังของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์โดยเฉลี่ย โดยอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ระดับ 2.72% 4.96% และ 12.52% ตามลำดับ

ทั้งนี้การที่นักลงทุนอาจจะเคลื่อนย้ายการลงทุนจากการลงทุนกระแสหลัก มาสู่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ก็เนื่องจากกองทุนทางเลือกดังกล่าวมีแนวโน้มที่จะให้ผลตอบแทนในเกณฑ์ที่ดี ดังจะเห็นได้จากผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี มีค่ามากกว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป ณ เดือน ก.ค. ที่ระดับ 9.20% เลยทีเดียว ขณะเดียวกันเมื่อพิจารณาถึงสภาพคล่อง กองทุนอสังหาริมทรัพย์ถูกกำหนดให้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ดังนั้นการซื้อขายจึงเป็นไปได้ง่ายและคล่องตัวกว่าการซื้อขายในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง

กองทุนรวมตราสารทางการเงินระยะสั้น เป็นกองทุนที่มีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเงินฝาก โดยมีความมั่นคงสูงมาก เนื่องจากเน้นการลงทุนไปที่ตราสารหนี้ของภาครัฐ ขณะที่ระยะเวลาการลงทุนมักจะค่อนข้างสั้น โดยมีกำหนดการชำระคืนเงินต้นเมื่อทวงถามหรือมีอายุคงเหลือไม่เกิน 1 ปี โดยเมื่อเปรียบเทียบแล้วอัตราผลตอบแทนที่ได้จากกองทุนรวมตราสารทางการเงินระยะสั้นยังคงสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากบางประเภท และจากผลการดำเนินงาน 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ย้อนหลังโดยเฉลี่ย พบว่าให้อัตราผลตอบแทน 2.76% 2.70% และ 2.70% ตามลำดับ ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก(หลังหักภาษี)ประมาณ 0.21-0.74%

ทั้งนี้การลงทุนในกองทุนประเภทตราสารทางการเงินระยะสั้น นั้นเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ชอบความคล่องตัวและความเสี่ยงต่ำ ขณะเดียวกันก็ให้อัตราผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก โดยผลตอบแทนที่ได้ไม่ต้องเสียภาษีอีกด้วย

กองทุนรวมที่ลงทุนในทองคำ กองทุนที่ลงทุนในทองคำนั้นเป็นการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ใกล้เคียงกับผลตอบแทนจากการลงทุนในทองคำโดยตรง โดยพบว่าอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ระดับ -3.43% -9.30% และ 17.87% ตามลำดับ

ทั้งนี้แม้ว่าในระยะสั้นอัตราผลตอบแทนย้อนหลังจะติดลบเนื่องจากราคาทองคำปรับลดลงมา แต่คาดการณ์ได้ว่าในระยะยาวการลงทุนในกองทุนรวมประเภทนี้น่าจะให้ผลตอบแทนในระดับสูงขึ้นไปตามราคาทองคำที่คาดว่าจะปรับตัวสูงขึ้นในระยะยาวเมื่อพิจารณาปัจจัยพื้นฐาน

โดยอุปสงค์ในทองคำยังคงมีมากกว่าอุปทานของทองคำที่มีอยู่ในตลาดโลก ซึ่งจากข้อมูลสถิติของสภาทองคำโลก ณ เดือน ก.ค. พบว่าอุปสงค์การลงทุนทั่วโลกในทองคำสูงถึงระดับ 3,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 2/2551 โดยขยับขึ้น 29% จากไตรมาสที่ 2/2550 โดยเฉพาะอย่างยิ่งความต้องการลงทุนในทองคำของประเทศสหรัฐฯ จีน อียิปต์ และเวียดนาม

ขณะที่อุปทานของการผลิตทองคำกลับมีจำกัดเนื่องจากการสำรวจทองคำใน 10 ปีที่ผ่านมามีจำนวนที่ต่ำกว่าอุปสงค์และแม้ว่าการสำรวจจะมีเพิ่มเติมขึ้นมาบ้างแต่ก็ต้องใช้ระยะเวลาถึง 7 ปีในการสร้างเหมืองให้สามารถใช้งานได้อย่างสมบูรณ์

อย่างไรก็ตามการลงทุนในทองคำนั้นแม้จะให้ผลตอบแทนที่สูง แต่ก็ย่อมตามมาด้วยความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาทองคำและอัตราแลกเปลี่ยนอีกด้วย ผู้ลงทุนควรศึกษานโยบายการลงทุนว่า บลจ. จะทำการบริหารสินทรัพย์และป้องกันความเสี่ยงดังกล่าวได้อย่างไรบ้าง

กองทุนรวม Gold Linked ลักษณะของกองทุนรวมประเภทนี้จะมีนโยบายการลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศที่มีลักษณะของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่งจะจ่ายผลตอบแทนอ้างอิงกับราคาทองคำ และจะมีโอกาสได้รับผลตอบแทนไม่ว่าราคาทองคำจะขึ้นหรือลงหากราคาทองคำในแต่ละสัปดาห์เคลื่อนไหวอยู่ในช่วงราคาที่กำหนด

ทั้งนี้ บลจ.ต่างๆอาจป้องกันความเสี่ยงทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนด้วยการทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเอาไว้ โดยเมื่อพิจารณาจากผลการดำเนินงานย้อนหลังในช่วงระยะเวลา 3 เดือน และ 6 เดือน ที่ผ่านมา พบว่าอัตราผลตอบแทนย้อนหลังโดยเฉลี่ยเท่ากับ 3.98% และ 4.39% ตามลำดับ

จะเห็นได้ว่ากองทุนดังกล่าวสร้างผลตอบแทบมากกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากอีกด้วย ดังนั้นกองทุนรวม Gold Linked ก็น่าที่จะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่นักลงทุนเลือกที่จะเข้ามาลงทุนในธุรกิจกองทุนรวมอีกทาง

กองทุนรวมตราสารทุน เนื่องจากปัจจุบันการลงทุนในตลาดหุ้นมีความผันผวนค่อนข้างมาก ทำให้การคาดการณ์ทิศทางดัชนีตลาดหลักทรัพย์เป็นไปได้ยากขึ้น ดังจะเห็นได้จากผลการดำเนินงานย้อนหลังโดยเฉลี่ยของกองทุนรวมตราสารทุน ซึ่งให้อัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี อยู่ที่ระดับ -12.44% -7.74% และ -5.32% ตามลำดับ

ทั้งนี้แม้ว่าผลตอบแทนในช่วงที่ผ่านมาจะอยู่ในช่วงไม่สดใสเท่าที่ควรนัก แต่คาดว่าเมื่อสถานการณ์การณ์เมืองภายในประเทศเริ่มคลี่คลายลงไป รวมถึงแรงกดดันจากเศรษฐกิจภายนอกประเทศที่จะเริ่มชะลอตัวลง ก็น่าจะทำให้กองทุนรวมตราสารทุนกลับมาสร้างผลกำไรให้กับนักลงทุนได้อีกครั้ง

ทั้งนี้ผู้ลงทุนควรจะเลือกลงทุนในกองทุนที่มีนโยบายการลงทุนที่เน้นการลงทุนระยะกลางและระยะยาวในหลักทรัพย์ของบริษัทที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดี รวมถึงมีแนวโน้มการเติบโตทางธุรกิจในระดับสูง

กองทุนรวม FIF ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ เป็นกองทุนที่มีการนำเงินไปลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศเพื่อเพิ่มผลตอบแทนระยะยาวให้กับผู้ลงทุน ทั้งนี้ กองทุนรวมดังกล่าวจะเน้นการลงทุนในหน่วยลงทุนของบลจ. ต่างประเทศที่ลงทุนในตราสารหนี้ต่างประเทศ (Fund of Funds) ที่ให้ผลตอบแทนสูง (ส่วนใหญ่จะเป็นพันธบัตรรัฐบาล) โดยจะเลือกลงทุนในประเทศที่เป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) และเมื่อพิจารณาอัตราผลตอบแทนย้อนหลัง 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี พบว่าอยู่ที่ระดับ 3.58% 3.77% และ 4.22% ซึ่งสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำประมาณ 1.33-1.88%

อย่างไรก็ตามการลงทุนในตลาดต่างประเทศจำเป็นที่จะต้องตรวจสอบว่ามีการป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนไว้หรือไม่เพียงใด โดยกองทุนแต่ละกองอาจจะมีนโยบายในด้านนี้แตกต่างกันออกไป นอกจากนี้ผู้ลงทุนควรที่จะศึกษาเกี่ยวกับประเทศที่ทาง บลจ. จะเข้าไปลงทุนด้วยว่ามีเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการเมืองมากน้อยเพียงใด

กล่าวโดยสรุปแล้ว ภายใต้ภาวะที่ พรบ. คุ้มสถาบันคุ้มครองเงินฝากเพิ่งเริ่มมีผลบังคับใช้ไปเมื่อวันที่ 11 ส.ค. 51 ทำให้ผู้ฝากเงินโดยเฉพาะกลุ่มที่มีเงินออมมากกว่า 1 ล้านบาท เริ่มมองหาทางเลือกในการออมประเภทอื่นๆ ซึ่งการลงทุนในกองทุนรวมก็น่าจะเป็นทางเลือกที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยหากนักลงทุนที่อาจจะยังไม่มีความเชี่ยวชาญพอที่จะลงทุนด้วยตนเอง

โดยพบว่าหลายกองทุนให้อัตราผลตอบแทนย้อนหลังสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากค่อนข้างมาก แม้ว่าคงต้องยอมแลกกับความเสี่ยงที่สูงขึ้นเช่นกัน เช่น กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวม Gold Linked และกองทุนรวม FIF ที่ลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนต่างประเทศ หรือในกรณีที่นักลงทุนต้องการลงทุนในกองทุนที่มีความเสี่ยงต่ำและสภาพคล่องสูง ก็อาจจะเลือกลงทุนในกองทุนรวมตราสารทางการเงินระยะสั้น เนื่องจากมีคุณสมบัติใกล้เคียงกับเงินฝากเลยทีเดียว

อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจลงทุนในกองทุนรวมประเภทต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น ผู้ลงทุนควรที่จะพิจารณาให้สอดคล้องกับระดับผลตอบแทนที่คาดหวังและระดับความเสี่ยงที่สามารถยอมรับได้ของตนเองด้วย นอกเหนือไปจากการพิจารณาผลการดำเนินงานของบลจ. แต่ละแห่ง

นอกจากนั้นผู้ฝากเงินที่สนใจการลงทุนในกองทุนรวมดังกล่าว ยังควรชั่งน้ำหนักปัจจัยแวดล้อมต่างๆที่อาจมีผลต่อแนวโน้มผลการดำเนินงานของกองทุนรวมแต่ละประเภทในระยะถัดไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าโภคภัณฑ์ (ที่รวมถึงทองคำและน้ำมัน) ตลอดจนทิศทางตลาดหุ้น แต่อาจเป็นปัจจัยหนุนต่อราคาพันธบัตร นอกจากนี้ยังมีปัจจัยด้านความไม่แน่นอนทางการเมืองในประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้น แต่อาจส่งผลบวกต่อตลาดพันธบัตร เป็นต้น

. . .


โดย: loykratong วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:17:28:31 น.  

 
. . .

อธิบดีขนส่งทางอากาศ แถลงเหตุเครื่องบินวันทูโกลื่นไถลรันเวย์ จ.ภูเก็ต มาจากนักบินไม่ทำตามขั้นตอน และสภาพอากาศไม่ดี ไม่เกี่ยวกับตัวเครื่องบิน


นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ เปิดเผยผลการสอบกรณีอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับสายการบินวันทูโก ที่ท่าอากาศยานภูเก็ตเมื่อวันที่ 16 ก.ย. ปี 2550 ว่าเกิดจากความผิดพลาดของบุคคลหรือ Human Error โดยนักบินไม่ได้ปฏิบัติตามขั้นตอนที่ถูกต้อง และมาตรการคู่มือความปลอดภัย ประกอบกับสภาพอากาศที่เลวร้าย

ทั้งนี้ ยืนยันว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ไม่เกี่ยวกับสภาพของตัวเครื่องบิน และมาตรการซ่อมบำรุงอากาศยานอย่างแน่นอน โดยกรมการขนส่งทางอากาศจะรายงานผลการสอบสวนต่อกระทรวงคมนาคมในเดือนหน้า

อุบัติเหตุครั้งนี้เป็นของสายการบินวันทูโก เที่ยวบิน TG 269 ลื่นไถลออกจากรันเวย์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 89 คน

. . .



ขยายเวลาสั่งพักสายการบินโอเรียนท์ไทย-วันทูโก ถึงวันที่ 21 ก.ย.


นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ เปิดเผยว่า จากกรณีการพักใบอนุญาตรับรองการเดินอากาศในส่วนของการปฏิบัติการบินที่สายการบินโอเรียนท์ไทย และสายการบินวันทูโก นำเครื่องบินแบบเอ็มพี 80 ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานการบินมาให้บริการกับผู้โดยสาร โดยได้คัดค้านใบอนุญาตผู้เดินอากาศจำนวน 30 วัน และสิ้นสุดในวันที่ 21 ส.ค. ที่ผ่านมานั้น

เมื่อครบกำหนดกรมการขนส่งทางอากาศ ได้ตรวจสอบพบว่า ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องต่างๆ ให้ได้มาตรฐาน ดังนั้นกรมการขนส่งทางอากาศ จึงได้สั่งพักใบอนุญาตเป็นครั้งที่ 2 ออกไปอีก 30 วัน ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 21 ก.ย. นี้ หากครบกำหนดยังไม่ปรับปรุงให้ได้มาตรฐานอีก ทาง ขอ. ก็คงต้องเพิกถอนใบอนุญาตประกอบการบิน

. . .


โดย: loykratong วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:17:38:24 น.  

 

วันนี้เงินบาทอ่อนค่ะ แตะที่ 34.66 / Dollar แล้วล่ะคะ

อะไรก็ตามจะเกิดก็ต้องเกิด ... แล้วก็ผ่านไปนะคะ



น่ากลัวจังนะคะ สถานะช่วงนี้

คุณพระรักษาค่ะ


โดย: ทิวาจรดราตรี วันที่: 26 สิงหาคม 2551 เวลา:23:02:46 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.