ผลกระทบการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
. . .
ผลกระทบการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
รายได้การท่องเที่ยวสูญกว่าแสนล้านบาท
ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ระบุการปิดสนามบินสุวรรณภูมิครั้งนี้ จะทำให้สูญเสียรายได้จากการท่องเที่ยวกว่าแสนล้านบาท
นายกงกฤช หิรัญกิจ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย กล่าวถึงเหตุการณ์ผู้ชุมนุมกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยบุกปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิจะมีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวของไทยไม่ต่ำกว่า 6 เดือน โดยเฉพาะระยะนี้ซึ่งเป็นช่วงเข้าสู่ไฮซีซั่นด้านการท่องเที่ยว และโดยปกติรายได้จากการท่องเที่ยวช่วงเดือน พ.ย.-ก.พ. จะอยู่ที่ร้อยละ 40 ของรายได้ทั้งหมดจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ รวมประมาณกว่า 2 แสนล้านบาท ดังนั้น การปิดสนามบินสุวรรณภูมิครั้งนี้ คาดว่าทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวหายไปเกือบครึ่งหนึ่ง หรือราวๆแสนล้านบาท
อย่างไรก็ดี ทางสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ประสานกับสภาท่องเที่ยวทุกจังหวัดที่มีสนามบินนานาชาติ เช่น ภูเก็ต เป็นต้น ให้เน้นการดูแลนักท่องเที่ยวในเรื่องที่พักให้เรียบร้อย และรอการตัดสินใจของ บมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) และ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด ว่าจะมีการอนุญาตให้เครื่องบินทำการบินตามปกติได้เมื่อใด
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ (สทน.) กล่าวว่า การเข้าไปปิดสนามบินสุวรรณภูมิของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส่งผลให้ภาพลักษณ์ของประเทศไทยเสียหาย ยากที่จะเรียกความเชื่อมั่นจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพราะนักท่องเที่ยวให้ความสำคัญต่อสนามบินนานาชาติมากว่ามีความปลอดภัยสูง และสนามบินถือเป็นด่านแรกในการเข้าประเทศ ขณะนี้ นักท่องเที่ยวทยอยยกเลิกเดินทางเข้ามาในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง คาดว่าภายในระยะเวลาหนึ่งปีหลังจากนี้การท่องเที่ยวไทยก็คงจะยังไม่ฟื้น และธุรกิจที่เกี่ยวข้องจะเสียหายหลายแสนล้านบาท นายเอนก ศรีชีวะชาติ นายกสมาคมส่งเสริมท่องเที่ยวไทย-ญี่ปุ่น และประธานที่ปรึกษาสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวว่า การปิดสนามบินสุวรรณภูมิขณะนี้ในด้านท่องเที่ยวถือว่า จบแล้ว พังแล้ว มีแต่ "เจ๊งกับเจ๊ง" การปิดสนามบินประเทศอื่นไม่ทำ หากมีการชุมนุมจะไม่เกี่ยวข้องกับสนามบินเลย เพราะเป็นสถานที่เข้าออก ทำให้มองได้ถึงความเชื่อมั่นในมาตรการรักษาความปลอดภัย ส่วนความเสียหายขณะนี้ประเมินค่าไม่ได้ และอย่าหวังในปีหน้าที่ตั้งความหวังไว้กับเรื่องท่องเที่ยวจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ลำบากมาก สำหรับนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ติดค้างเวลานี้มีไม่มากนักเพียงหลักร้อย โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่เข้ามาประเทศไทยช่วงนี้ประมาณ 60 เที่ยวบินไฟลท์ต่อวัน หรือประมาณ 10,000-20,000 คน เชื่อว่าหายหมดแน่นอน และจะกระทบยาวนานอย่างน้อยเป็นปี หากไม่สามารถคลี่คลายเหตุการณ์ให้จบในเวลาอันรวดเร็ว รวมทั้งนักท่องเที่ยวตลาดจีนที่บินมาวันละประมาณ 80 ไฟลท์ ร่วม 20,000 คนก็หายหมด
. . .
แอร์คาร์โก้ เสียหาย 1,000 ล้านบาทต่อวัน
นายธนิต โสรัตน์ รองประธาน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และประธานกลุ่มโลจิสติกส์ กล่าวว่าการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ จะทำให้บริการขนส่งสินค้า หรือแอร์คาร์โก้ มีความเสียหายนับ 1,000 ล้านบาทต่อวัน จึงเรียกร้องให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเปิดสนามบินสุวรรณภูมิโดยด่วน
ซึ่งภาพที่ออกไปทั้งการปิดคาร์โก้และสนามบิน ทำให้เกิดความเสียหายทั้งภาพลักษณ์โดยรวมของประเทศไทย การท่องเที่ยว และระบบเศรษฐกิจทั้งหมด ถือเป็นการซ้ำเติมผลกระทบที่ประเทศไทยได้รับจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกที่มีปัญหาส่งผลต่อการตกงานอยู่แล้ว ทำให้เกิดปัญหาหนักมากขึ้น
นายธนิตกล่าวว่า ความรักชาติ สามารถแสดงออกได้โดยไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรง และควรเคารพสิทธิ์ของทุกฝ่าย ซึ่งภาวะในขณะนี้เท่ากับประเทศไทยไมใช่ระบบนิติรัฐ ที่มีรัฐควบคุมได้
อย่างไรก็ตาม ทางออกของปัญหาจะต้องมีผู้เสียสละ ซึ่งเมื่อทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่า ไม่ยอมรับการปฏิวัติ ทางออกก็ควรคืนอำนาจแก่ประชาชน โดยก่อนที่จะยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ทุกฝ่ายรวมทั้งพันธมิตรฯ รัฐบาล และทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องตกลงกันก่อนว่า หากมีการเลือกตั้งใหม่แล้ว พันธมิตรจะต้องยอมรับรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะมาจากกลุ่มใดก็ตาม ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหาเหมือนรัฐบาล 2 ชุดที่ผ่านมา ที่มาจากการเลือกตั้งแต่พันธมิตรไม่ยอมรับ
สำหรับแอร์คาร์โก้ ที่ได้รับความเสียหายมีมูลค่าสูง แม้ว่าจะหยุดไปเพียง 1 วัน เนื่องจากการขนส่งสินค้าด้วยเครื่องบิน เป็นสินค้าที่ต้องใช้ความเร่งด่วนในการขนส่งและมีมูลค่าสูง ทั้งสินค้าเพื่อโรงงานที่ใช้เป็นส่วนประกอบการผลิตด้านต่างๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์, ยานยนต์, และผักผลไม้ ที่ต้องใช้ความเย็นในการดูแล และตรงต่อเวลา ดังนั้นเมื่อขนส่งไม่ได้ ความเสียหายจึงมาก
. . .
การบินไทย เผยสูญเสียรายได้วันละ 500 ล้านบาท
พล.อ.อ.ณรงค์ศักดิ์ สังขพงศ์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ปฏิบัติหน้าที่กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แถลงว่า หลังจากสนามบินสุวรรณภูมิปิดการบริการตั้งแต่เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย. ที่ผ่านมา จนถึงเวลา 13.00 น. วันที่ 26 พ.ย. ทางการบินไทยได้ยกเลิกเที่ยวบินไปแล้วรวม 62 เที่ยวบิน
ส่วนเที่ยวบินที่เหลือที่บินจากต่างประเทศเข้าไทย ทางการบินไทยได้เตรียมแผนให้นำเครื่องลงที่สนามบินอู่ตะเภา และดอนเมืองแทน
สำหรับผู้โดยสารที่ตกค้างจำนวนประมาณ 3,300 คน ทางการบินไทยได้ดูแลอย่างเต็มที่ ทั้งเร่งหาไฟลท์บินเพื่อส่งต่อ รวมทั้งกรณีที่ไม่สามารถเดินทางได้ ก็จัดรถไปรับนำมาพักตามโรงแรมต่างๆ และดูแลการตกค้างในสนามบิน มีการจัดหาอาหารจากครัวการบินไทยโดยตลอด และดูแลผู้โดยสารของสายการบินอื่นๆ ตามคำสั่งของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมที่ให้ดูแลอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม หวังว่าการปิดสนามบินจะสามารถหาข้อยุติได้โดยเร็วที่สุด เพราะหากปิดสนามบินต่อเนื่อง จะสร้างความเสียหายต่อประเทศมหาศาล สำหรับการบินไทยสูญเสียรายได้วันละ 500 ล้านบาท จากผู้โดยสารรวม 30,000 คนต่อวัน รวมทั้งการบริการของครัวการบินที่บริการให้กว่า 40 สายการบิน มีรายได้ประมาณ 10 ล้านบาทต่อวัน และรวมถึงการบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ ที่มีรายได้ประมาณ 483 ล้านบาทต่อสัปดาห์ นอกจากจะเสียโอกาสด้านรายได้แล้ว ยังมีรายจ่ายเพิ่มในการดูแลผู้โดยสาร
. . .
ทอท. ประเมินความเสียหายเบื้องต้นไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท พร้อมสั่งสนามบินในสังกัดเปิดบริการรับเที่ยวบินที่เปลี่ยนจากสุวรรณภูมิ
บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ประเมินความเสียหายเบื้องต้น เฉพาะค่าธรรมเนียมการจอดและหลุมจอดไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท ยังไม่รวมความเสียหายในส่วนของสายการบิน
นายเสรีรัตน์ ประสุตานนท์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. เปิดเผยว่า ตามที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิได้ประกาศงดเที่ยวบินทุกเที่ยวตั้งแต่เวลา 04.00 น.ของวันที่ 26 พ.ย. ได้สั่งการให้ท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท.ทั้งหมด คือ ท่าอากาศยานดอนเมือง ท่าอากาศยานเชียงใหม่ ท่าอากาศยานเชียงราย ท่าอากาศยานภูเก็ต และท่าอากาศยานหาดใหญ่ เตรียมพร้อมในการรองรับเที่ยวบินที่อาจมีการเปลี่ยนมาลงที่ท่าอากาศยานดังกล่าว
นายเสรีรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้ทุกท่าอากาศยานในความรับผิดชอบของ ทอท. มีความพร้อมในการรองรับ ณ ตอนนี้ได้มีเที่ยวบินบางเที่ยว เช่น สายการบินไทยได้ไปลงที่ท่าอากาศยานดอนเมืองแล้ว ซึ่งหากผู้โดยสารต้องการจะถามข้อมูลเพิ่มเติมที่หมายเลข 02-515-9999, 02-132-1882 และ 02-132-1888 ซึ่งท่าอากาศยานภูมิภาคได้มีการเพิ่มเติมอีกจำนวน 10 คู่สาย หรือติดต่อสอบถามสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ที่ 02-325-6901 และ Call Center ของบริษัท การบินไทยฯ 02-536-1111
รักษาการกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ทอท. กล่าวอีกว่า ตั้งแต่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิประกาศงดเที่ยวบิน ตั้งแต่เวลา 22.00 18.00 น. มีเที่ยวบินที่ได้รับผลกระทบทั้งหมด 402 เที่ยวบิน แบ่งเป็นเที่ยวบินขาเข้า 204 เที่ยวบิน และเที่ยวบินขาออก 198 เที่ยวบิน
. . .
ผลกระทบการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
รายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ช่วงไฮซีซั่น) ลดลงประมาณ 1 แสนล้านบาท
รายได้จากธุรกิจบริการขนส่งสินค้า (Air cargo) เสียหายวันละ 1,000 ล้านบาท
รายได้การบินไทย สูญเสียรายได้วันละ 500 ล้านบาท
รายได้ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ค่าธรรมเนียมการจอด และหลุมจอด 50 ล้านบาท
เที่ยวบินที่รับผลกระทบ ทั้งหมด 402 เที่ยวบิน ขาเข้า 204 เที่ยวบิน --ขาออก 198 เที่ยวบิน
. . .
มุมมองภาครัฐ - เอกชน - นักวิชาการ ต่อการปิดสนามบิน ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ-ความเชื่อมั่นการลงทุน-ธุรกิจท่องเที่ยว และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง
ภาครัฐ
นายโอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลกระทบต่อภาพพจน์ของประเทศเสียหายอย่างมาก เพราะเป็นประตูแรกในการเดินทางเข้าประเทศของนักลงทุน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ จึงกระทบต่อความเชื่อมั่นและรายได้จากการท่องเที่ยว เพราะทำให้นักท่องเที่ยวยกเลิกเที่ยวบินเข้าประเทศ จึงขอวิงวอนกลุ่มพันธมิตรให้เลิกกระทำการดังกล่าว
นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการปิดสนามบิน ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น กระทบการลงทุน และกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยว และตอนนี้หลายประเทศเตือนประชาชนของตนเองที่จะเข้ามาในประเทศไทยให้ระมัดระวัง นอกจากนี้ นักลงทุนที่เดินทางมากับเครื่องบิน เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ ก็อาจตัดสินใจเลือกไปลงทุนประเทศอื่นแทน
ภาพรวมการขยายตัวของเศรษฐกิจ ปีนี้ประมาณการว่า เศรษฐกิจของไทย จะเติบโตร้อยละ 4-5 แต่ปีหน้า มีหลายสำนักประเมินว่า จะขยายตัวที่ร้อยละ 2.5-3.0 ซึ่งกระทรวงการคลัง มีความเห็นสอดคล้องกับหน่วยงานอื่น ซึ่งนอกจากผลกระทบจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลกแล้ว ปัญหาการเมืองในประเทศ ส่งผลต่อเศรษฐกิจด้วย เรื่องดังกล่าวจึงน่ากังวล อยากให้คนไทยช่วยกันดูแล เพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน
ภาคเอกชน นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานหอการค้าไทย ประเมินว่า การปิดสนามบินครั้งนี้ส่งผลต่อความเสียหายทางธุรกิจมาก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และธุรกิจที่เกี่ยวข้อง รวมถึงความเชื่อมั่นของนักธุรกิจต่างชาติ ที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย จึงขอให้ทุกฝ่ายเร่งยุติปัญหา นายเฉลิมชาติ นครังกุล รองประธานหอการค้า จ.เชียงใหม่ ระบุว่า การปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ส่งผลกระทบต่อภาคการลงทุนการท่องเที่ยว และจะส่งผลให้ผู้นำประเทศต่างๆ ที่จะเดินทางมาประชุม อาเซียน ซัมมิท ที่ จ.เชียงใหม่ ต้นเดือนหน้าขาดความเชื่อมั่น
ขณะที่หอการค้า จ.สงขลา และหอการค้า จ.นครราชสีมา เห็นตรงกันว่า การชุมนุมปิดสนามบินกระทบต่อการท่องเที่ยว และการลงทุน และทำให้นักท่องเที่ยวไม่มั่นใจในความปลอดภัย
ส่วนที่สนามบินนานาชาติภูเก็ต เชียงใหม่ และเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีนักท่องเที่ยวตกค้างเป็นจำนวนมาก หลังจากสายการบินต่างๆ ประกาศยกเลิกเที่ยวบิน
ส่วนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่สนามบินนานาชาติ จ.กระบี่ ยังสามารถเดินทางได้ตามปกติ เนื่องจากมีสายการบินนานาชาติ บินตรงไปรับนักท่องเที่ยว 3 สายการบิน คือ สายการบินฟินแลนด์, สายการบินสวีเดน, และกัวลาลัมเปอร์แอร์ไลน์ ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งเปลี่ยนแผนไปใช้บริการสนามบินอื่นๆ แทน
นักวิเคราะห์-นักวิชาการ
ปิดสนามบินท่องเที่ยว-รร.-รพ.กระทบหนักสุด
สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ประเมินปิดสนามบินสุวรรณภูมิ กระทบจีดีพีปีนี้เหลือโต 4.55% ปีหน้า 3.05% มองอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกระทบหนักสุด รองลงมา ธุรกิจการบิน และโรงพยาบาล
กรุงเทพธุรกิจ ออนไลน์ : สถาบันวิจัยนครหลวงไทย วิเคราะห์สถานการณ์ที่กลุ่มพันธมิตรฯ เข้าปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิว่า ส่งผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจ (Real GDP Growth) โดยได้ปรับประมาณการลดลง 0.15%-0.25% จากระดับค่าเฉลี่ยเดิมที่ 4.55% และ 3.05% เหลือ 4.40% และ 2.90% ตามลำดับ
ทั้งนี้มองว่ามี 3 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้โดยตรง ได้แก่ อุตสาหกรรมท่องเที่ยว กลุ่มธุรกิจการบิน และกลุ่มโรงพยาบาล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กลุ่มท่องเที่ยวที่ SCRI มีแนวโน้มปรับประมาณการในอนาคตลงอย่างชัดเจน เนื่องจากการเติบโตจำนวนนักท่องเที่ยวปี 2551 คาดจะลดลงมากเป็นประวัติการณ์และลดลงต่ำกว่าวิกฤตการณ์ระเบิดที่ตึกเวิร์ดเทรด ประเทศสหรัฐอเมริกาและเหตุการณ์สึนามิในปี 2545 และ 2548 ที่ระดับ -2% และ -1% ตามลำดับ
ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงพยาบาล แม้ในระยะสั้นอาจได้รับผลกระทบจากจำนวนผู้ป่วยที่ปรับลดลง แต่ SCRI ประเมินในระยะยาว หากปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้อย่างรวดเร็ว โรงพยาบาล ยังเป็นธุรกิจที่มีการเติบโตสูงและสามารถสร้างผลตอบแทนต่อเนื่อง ดังนั้น ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากประเด็นดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวและอยู่เพียงวงจำกัด
โดยประเมินว่า ภาคการท่องเที่ยวในปี 2551 จะเสียหายประมาณ 60,000- 100,000 ล้านบาท ซึ่งในเบื้องต้นแล้วจะส่งผลกระทบโดยตรงต่ออัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้ลดลงอยู่ในช่วง 0.15 - 0.25% เท่านั้น
ทั้งนี้จากการที่มีการออก Travel Warning หลังจากหลายประเทศ และคาดว่าจะมีเพิ่มเติมจากหลายประเทศ คาดว่าจะทำให้ยอดนักท่องเที่ยวลดลงอีกครั้งจากระดับ 14.6 ล้านคน เหลือ 13.9 - 14 ล้านคน หรือลดลงจากประมาณการเดิม ประมาณ 4.3% และสะท้อนระดับที่ลดลง 3.6% yoy (year on year) ซึ่งเป็นระดับที่ลดลงมากเป็นประวัติศาสตร์
สำหรับผลกระทบระยะยาวจะทำให้เม็ดเงินในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่เคยประเมินว่าจะเหลือ 40,000 - 100,000 ล้านบาท จากเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองเดือนกันยายนที่ผ่านมา ครั้งนี้จะทำให้การท่องเที่ยวสูญเสียรายได้เพิ่มขึ้นอีกเป็นประมาณ 60,000 - 100,000 ล้านบาท
ขณะที่ธุรกิจด้านการบิน ได้รับผลกระทบค่อนข้างมาก เนื่องจากช่วงนี้เป็นช่วงไฮซีซั่น การหยุดชะงักของจำนวนผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวในช่วงเวลาดังกล่าวจึงทำให้เกิดการสูญเสียรายได้ในช่วงระยะเวลาที่สำคัญ ทั้งนี้ อิงจากสัดส่วนจำนวนผู้โดยสายและเที่ยวบินปีที่ผ่าน ช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ ถึงไตรมาสแรกของปีหน้าสัดส่วนผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวคิดเป็นประมาณไตรมาสละ 27%-28% ของปริมาณรวมทั้งปี
เบื้องต้นหากประเมินผลกระทบทางตรงในระยะสั้นจากการปิดสนามบินคาดจะกระทบรายได้ต่อปีวันละประมาณ 0.29% หรือประมาณเบื้องต้นวันละ 52-53 ล้านบาท ทั้งนี้ AOT มีค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่เป็นค่าใช้จ่ายคงที่โดยสัดส่วนหลัก เช่น ค่าเสื่อมราคา ค่าใช้จ่ายพนักงาน รวมประมาณ 47 ล้านบาท/วัน
ขณะที่ผลกระทบระยะยาวจะเกิดจากการชะลอตัวของจำนวนผู้โดยสายและเที่ยวบินจากภาวะธุรกิจท่องเที่ยวที่คาดจะซบเซาลง โดย AOT ได้คาดว่า รายได้ที่เกี่ยวข้องกับการบินประมาณ 77% (อิงสัดส่วนรายได้จากรอบ 9M/51) หากประเมินผู้โดยสารลดลงทุก 1 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนที่กระทบต่อรายได้ต่อปีประมาณ 1.37%
ขณะที่การบินไทย ประเมินว่า สัดส่วนรายได้ที่กระทบโดยตรงมาจากรายได้ค่าโดยสารและค่าน้ำหนักส่วนเกินซึ่งมีสัดส่วนรายได้ประมาณ 81% ของรายได้รวม(อิงรอบ 9M/51) ทั้งนี้ หากจำนวนผู้โดยสารปรับลดไปทุก 1% คาดกระทบรายได้ทั้งปีประมาณ 0.81%
สำหรับกลุ่มโรงพยาบาลที่ได้รับผลกระทบครั้งนี้อย่างมาก คือ โรงพยาบาลที่มีจำนวนผู้ป่วยต่างชาติสูง ได้แก่ กลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ สมิติเวช บีเอ็นเฮช โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์
โดย SCRI ประเมิน ความไม่แน่นอนทางการเมือง อาจทำให้จำนวนผู้ป่วยลดลงแบ่งได้เป็น 2 กรณี
1) กรณี Base Case: สถานการณ์สามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับความเชื่อมั่นในธุรกิจโรงพยาบาลของประเทศไทยยังอยู่ในระดับสูง ทำให้ 90% ของผู้ป่วยยังเข้ามารักษาตัวสม่ำเสมอ แต่ 10% ในกลุ่มนักท่องเที่ยวคาดจะยังชะลอตัวเนื่องจากนักท่องเที่ยวอาจต้องการประเมินสถานการณ์เพื่อความมั่นใจอีกครั้ง
2) กรณี Worst Case: สถานการณ์ยืดเยื้อ คาดจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่เข้ารักษาตัวในประเทศจะอยู่ในระดับ 60% ของผู้ป่วยรวม ขณะที่อีก 40% ของผู้ป่วยต่างชาติจะปรับลดลง
นายไพรัช ตระการศิรินนท์ นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า การปิดล้อมสถานที่ต่างๆ ของพันธมิตรฯ จะไม่เกิดขึ้น หากรัฐบาลมีการประเมินสถานการณ์ และเตรียมมาตรการรับมือที่ดี โดยเฉพาะเรื่องของการบังคับใช้กฎหมาย เพื่อไม่ให้ปิดสนามบิน เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล ที่ไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้ นายสุทธิพงษ์ หกสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มองว่าทุกฝ่ายต้องวิเคราะห์เหตุการณ์การปิดล้อมสนามบินสุวรรณภูมิอย่างรอบด้าน ด้านพันธมิตรฯ เองก็ต้องรับผิดชอบความเดือดร้อนของประชาชนโดยทั่วไป และรัฐบาลก็ควรจะแสดงความรับผิดชอบด้วย ที่ไม่สามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ สื่อมวลชนควรทำหน้าที่เสนอข่าวอย่างเป็นกลาง และไม่ควรเสนอข่าวเฉพาะเหตุการณ์ เพราะจะทำให้สถานการณ์บานปลายมากขึ้น
. . .
Create Date : 26 พฤศจิกายน 2551 |
|
18 comments |
Last Update : 26 พฤศจิกายน 2551 19:39:05 น. |
Counter : 2587 Pageviews. |
|
|
|