Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 
18 กันยายน 2551
 
All Blogs
 
. . . น้ำมันลด 60 สตางค์-ทองพุ่ง 13,550 บาท--หุ้นผันผวน--รถไฟหยุดวิ่งน้ำท่วม . .

. . .

รัฐบาลมั่นใจวิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐไม่กระทบการดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์


นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวร่วมกับรัฐมนตรีคลังและหัวหน้าส่วนราชการด้านเศรษฐกิจ ภายหลังประชุมร่วมกันประมาณ 2 ชั่วโมง โดยระบุว่า เป็นการประชุมเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รายงานสถานการณ์ผลกระทบจากกรณีวิกฤติสถาบันการเงินสหรัฐต่อประเทศไทย ซึ่งพบว่าส่งผลกระทบไม่มากต่อประเทศไทย ทั้งแง่สถาบันการเงิน ตลาดหุ้น และบริษัทประกันชีวิตที่ประกอบธุรกิจในไทย ทำให้เห็นว่าปัญหาดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลต่อนโยบายรัฐบาลในการที่จะลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์

นายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า จากการประชุมธนาคารพาณิชย์ไทยเกี่ยวโยงไม่มากกับสถาบันการเงินที่ล้มละลายและมีปัญหา รวมถึงบริษัทประกันชีวิต

ส่วนโครงการเมกะโปรเจกต์ตามนโยบายรัฐบาล ก็ไม่น่าจะถูกกระทบ เพราะการกู้เงินเพื่อดำเนินโครงการ ก็จะกู้จากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ แต่ที่ประชุมก็เห็นว่าต้องติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ ตลอดเวลา โดยมีคณะกรรมการดูภาพรวมเศรษฐกิจ ซึ่งมีรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธานเป็นผู้ดูแลเหตุการณ์ต่าง ๆ ถ้าเกิดผลกระทบ และจะมีการประเมินสถานการณ์ตลอดเวลา

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยยังคงไม่ปรับเป้าหมายอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2551 โดยยังคงอยู่ที่ร้อยละ 4.8-5.8 แต่ยังต้องมีการประชุมเพื่อประเมินสถานการณ์ในเดือนตุลาคมอีกครั้ง

ส่วนเงินทุนเคลื่อนย้ายยังคงไม่มีการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติ และการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่แข็งค่านั้นเป็นไปตามภูมิภาค

ในส่วนของความมั่นใจในสถาบันการเงินนั้น นักลงทุนยังคงมีทางเลือกสามารถย้ายแหล่งเงินกู้จากต่างประเทศมาในประเทศไทยได้ เนื่องจากยังคงมีสภาพคล่องอยู่

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ปัญหาเฉพาะหน้าคงมีไม่มาก แต่ก็ต้องติดตามสถานการณ์ และต่อไปรัฐบาลใหม่ต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในประเทศ สร้างความสามัคคีให้เกิดความเรียบร้อย และการดำเนินโครงการเมกะโปรเจกต์

ส่วนการตั้งกองทุนเพื่อซื้อสินทรัพย์สถาบันการเงินอเมริกา เป็นเรื่องที่ถูกหยิบยกขึ้นมา ก็ต้องพิจารณาเรื่องความเหมาะสม ส่วนอนาคตกับทีมเศรษฐกิจภายใต้รัฐบาลใหม่ ตนได้แจ้งต่อที่ประชุมไปว่าเนื่องจากยังอยู่ระหว่างถูกฟ้องคดีหวยบนดิน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนยังอยู่ในตำแหน่ง เพื่อสร้างให้เป็นบรรทัดฐานตามที่กฤษฎีกาแนะนำ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ทางการเมืองอดีตนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ลาออก และก็ต้องมี ครม.ชุดใหม่ จึงได้แจ้งที่ประชุมว่าตนจะขอเว้นวรรคชั่วคราว เพื่อแสดงให้เห็นว่าไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่ง แต่พร้อมที่จะร่วมมือกับรัฐมนตรีคนใหม่ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคนั้น ยังไม่ได้ลาออกแต่อย่างใด

นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ย้ำว่าคณะทำงานได้แก้ไขปัญหาเศรษฐกิจภาพรวมได้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจไว้บ้างแล้วว่า ถ้าหากเศรษฐกิจได้รับผลกระทบที่รุนแรงขึ้นจะมีมาตรการอะไรออกมาบ้าง โดยจะลำดับความสำคัญของมาตรการไว้ด้วย แต่ขณะนี้เชื่อว่าด้วยความที่ไทยเกี่ยวโยงไม่มากกับสถาบันการเงินที่มีปัญหา ผลกระทบต่อไทยจึงไม่น่าจะมาก เพราะถ้าเปรียบเป็นสึนามิประเทศไทยก็อยู่ท้ายๆ
. . .


ราคาทองคำพุ่งกระฉูดหลังกองทุนเข้าเก็งกำไรแทนหุ้นทั่วโลก

ราคาทองคำในตลาดโลกปรับเพิ่มขึ้นมาก เนื่องจากนักลงทุนไม่แน่ใจสถานการณ์ของสถาบันการเงินสหรัฐ ทำให้ราคาเคลื่อนไหวผันผวน

ราคาทองคำตลาดโลกกระเตื้องจากระดับ 780 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์เมื่อวันที่ 17 ก.ย. เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 860 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ภายในวันเดียว ส่งผลให้ราคาขายทองคำแท่งในประเทศปรับเพิ่มขึ้นจากระดับ 12,800 บาทเป็น 13,700 บาท หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 1,000 บาท ต่อทองคำแท่งหนึ่งบาทก่อนจะปรับลดลงในช่วงบ่าย

ราคาทองคำแท่ง รับซื้อบาทละ 13,450 บาท ขายออกบาทละ 13,550 บาท ราคาทองรูปพรรณ รับซื้อบาทละ 13,249.84 บาท ขายออกบาทละ 13,950 บาท

นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองคำในตลาดต่างประเทศ เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมาบางช่วงเวลา เพิ่มขึ้นไปถึง 100 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์การค้าทองคำ

ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เป็นผลมาจากการเข้าเก็งกำไรของกองทุนเก็งกำไรที่เห็นว่าตลาดหุ้นทั่วโลกมีปัญหาที่ลุกลามมาจากสหรัฐฯ ทำให้หันมาเก็งกำไรทองคำอีกครั้ง และจากราคาทองคำที่ปรับเพิ่มขึ้นวานนี้ ก็ทำให้มีลูกค้านำทองคำมาขายคืนให้กับร้านค้าทองแล้วเป็นจำนวนมาก จนต้องแจกบัตรคิว และเชื่อว่าราคาทองคำคงจะผันผวนอีกระยะหนึ่ง

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าราคาทองคำในตลาดโลกมีโอกาสขึ้นไปถึงระดับ 950 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อออนซ์ภายในปีนี้ เนื่องจากนักลงทุนเคลื่อนย้ายจากตลาดเงินและตลาดทุนเข้าลงทุนในทองคำ ขณะที่การผลิตทองคำในปีนี้จะลดลง 2.3% มาอยู่ที่ 2,422 ตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 1996 เป็นต้นมา

. . .



ราคาน้ำมันทั้งเบนซินและดีเซลลดลง 60 สตางค์ต่อลิตร วันที่ 19 ก.ย.นี้

ผู้ค้าน้ำมันประกาศปรับลดราคาน้ำมัน 60 สตางค์ต่อลิตร หลังวิกฤติสถาบันการเงินโลกกดดันราคาน้ำมันตลาดโลกให้ลดลงในวันก่อน แต่ล่าสุดราคาน้ำมันดิบสหรัฐ-อังกฤษ ได้ขยับขึ้นแรงถึง 6 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลในเขตกรุงเทพฯ –ปริมณฑล ลดลงใกล้ต่ำกว่า 30 บาท/ลิตรแล้ว เป็นที่คาดหวังกันว่าจะเป็นแรงกดดันให้ค่าโดยสารทั้งรถและเรือ ประกาศลดค่าโดยสารลงตามบ้าง หลังน้ำมันลดลงต่อเนื่องมา 20 ครั้ง นับตั้งแต่เดือน ก.ค.ที่ผ่านมา โดยราคาขายปลีกกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ ปรับลดลงไปแล้ว 11.50 บาท/ลิตร น้ำมันดีเซลปรับลดลง 13.50 บาท/ลิตร

ราคาน้ำมันในเขต กรุงเทพฯ-ปริมณฑลวันที่ 19 ก.ย. จะเป็นดังนี้
เบนซิน 91 ราคา 35.19 บาทต่อลิตร
แก๊สโซฮอล์ 95 ราคา 27.69 บาทต่อลิตร
แก๊สโซฮอล์ 91 ราคา 26.89 บาทต่อลิตร
แก๊สโซฮอล์ อี 20 ราคา 26.39 บาทต่อลิตร
แก๊สโซฮอล์ อี 85 ราคา 19.09 บาทต่อลิตร
ดีเซล 30.74 บาทต่อลิตร
ไบโอดีเซล บี 5 ราคา 30.04 บาทต่อลิตร
. . .



ค่าเรือโดยสารเตรียมลดลงวันจันทร์หน้า

นาวาโทปริญญา รักวาทิน อุปนายกสมาคมเรือไทย เปิดเผยว่า หลังจากราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดปรับลดลงเหลือระดับ 30 บาทต่อลิตร ต่ำกว่า 32 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นราคาที่ผู้ประกอบการได้รับการอนุมัติให้ปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งที่ผ่านมา ส่งผลให้ต้นทุนการเดินเรือโดยสารปรับลดลง

นาวาโทปริญญา กล่าวว่า สมาคมฯ ได้ทำหนังสือถึงกรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี เพื่อแจ้งให้ผู้ประกอบการเรือโดยสาร ทั้งเรือด่วนเจ้าพระยา และเรือด่วนคลองแสนแสบ ซึ่งเป็นสมาชิกของสมาคมฯ ดูแลการให้บริการให้เกิดความเป็นธรรม ซึ่งทราบว่า เรือโดยสารจะพร้อมใจปรับลดค่าโดยสารในวันที่ 22 กันยายนนี้ โดยการปรับลดค่าโดยสารดังกล่าวเป็นการปรับลดในส่วนของเรือด่วนพิเศษธงเหลือง และธงส้ม ระยะละ 2 บาท เรือประจำทางธรรมดา ลดลง 1 บาท

ส่วนการปรับลดค่าโดยสารรถประจำทางทั้งรถขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) รถร่วมบริการ ขสมก. รถของบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และรถร่วม บขส. นั้น การจะปรับลดค่าโดยสารอยู่ภายใต้คณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ซึ่งคณะกรรมการฯจะมีการพิจารณาปรับลดค่าโดยสารอีกครั้งเมื่อราคาน้ำมันดีเซลแตะระดับ 29 บาทต่อลิตร เนื่องจากการปรับขึ้นค่าโดยสารครั้งที่ผ่านมาได้ใช้ฐานปรับราคาดีเซลเปลี่ยนแปลงจากระดับ 29 บาท เป็นระดับ 31 บาทต่อลิตร

. . .


ราคาน้ำมันดิ่งลงต่อเนื่อง จับตานโยบาย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่จะขยับภาษีสรรพสามิตน้ำมันหรือไม่

นายวีรพล จิระประดิษฐกุล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า จากราคาน้ำมันที่ลดลงอย่างรวดเร็ว โดยราคาน้ำมันในไทยลดลงประมาณ 12 บาท/ลิตรแล้ว รัฐบาลควรจะปรับขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่จะพิจารณาอย่างไร จากที่มาตรการในปัจจุบันจะสิ้นสุดการลดภาษีในวันที่ 31 มกราคม 2552 อย่างไรก็ตาม คาดว่า ครม.คงจะพิจารณาถึงเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจด้วย เพราะภาวะขณะนี้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และส่งผลมาถึงเศรษฐกิจในประเทศไทย

โดยทิศทางราคาน้ำมันในขณะนี้ยังคงผันผวน ไม่สามารถคาดการณ์ชัดเจนว่าราคาจะลดต่ำลงไปมากน้อยเพียงใด เพราะช่วง 2 วันที่ผ่านมา ตลาดผันผวนขึ้น-ลงวันละ 5-6 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันขึ้นอยู่กับความต้องการใช้น้ำมันของโลกจะลดลงมากน้อยเพียงใด และขึ้นอยู่กับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯหากอ่อนค่าลง ก็อาจจะมีการเข้ามาเก็งกำไรราคาน้ำมัน รวมไปถึงเรื่องการประชุมกลุ่มโอเปก เดือนพฤศจิกายน ว่าจะลดกำลังผลิตหรือไม่

ทั้งนี้ หลังจากมีการลดภาษีน้ำมันสรรพสามิตที่เริ่มต้นปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา ไม่ได้ส่งผลทำให้การใช้น้ำมันเดือนสิงหาคมขยับเพิ่มขึ้นมากนัก โดยการใช้เบนซินยังอยู่ที่ประมาณ 18 ล้านลิตรต่อวัน การใช้กลุ่มดีเซลเพิ่มขึ้น 2 ล้านลิตร มาอยู่ที่ 44 ล้านลิตรต่อวัน

ผู้อำนวยการ สนพ.ยังกล่าวว่า จะรณรงค์ประหยัดพลังงานต่อเนื่อง หลังราคาน้ำมันลดลงเพราะเกรงว่าประชาชนจะใช้น้ำมันแบบไม่ประหยัด โดยล่าสุด เปิดโครงการที่จอดรถจอดแล้วจร (park and ride) ร่วมกับ รฟม.ที่บริเวณศูนย์ฯ สิริกิติ์ จอดรถได้ 100 คัน และสถานีศูนย์วัฒนธรรมจอดรถได้ 150 -200 คัน และเมื่อรวมกับโครงการจอดแล้วจรที่เปิดไปก่อนหน้านี้ คือ สถานีหมอชิตและบางซื่อแล้ว ทำให้จอดรถได้ 3,000 คันต่อวัน ประหยัดน้ำมันได้ 1.5 ล้านลิตรต่อปี มูลค่า 45 ล้านบาทต่อปี

ส่วนการพิจารณาค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) งวดใหม่นั้น วันที่ 19 ก.ย.นี้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (เรกกูเลเตอร์) จะพิจารณาตัดสินใจ

. . .


รฟท. งดเดินรถไฟเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย เหตุจากน้ำท่วม

นายไพรัช โรจน์เจริญงาม ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 17 กันยายนที่ผ่านมาเกิดน้ำท่วมระหว่างสถานีบ้านไผ่–ท่าพระ เป็นเหตุให้ทางรถไฟบางช่วงขาด บางช่วงรางหลุด และคอสะพานรถไฟชำรุด รฟท.จึงจำเป็นต้องงดเดินรถในเส้นทางช่วงดังกล่าว ตั้งแต่เวลา 17.49 น. ของวันที่ 17 กันยายน 2551

ทั้งนี้ รฟท.งดเดินขบวนรถทางไกลในเส้นทางดังกล่าวอย่างไม่มีกำหนด ประกอบด้วย
ขบวนรถด่วนดีเซลรางที่ 75/78 (กรุงเทพฯ-อุดรธานี-กรุงเทพฯ)
ขบวนรถด่วนดีเซลรางที่ 77/76 (กรุงเทพฯ-หนองคาย-กรุงเทพฯ)
ขบวนรถเร็วที่ 133/134 (กรุงเทพฯ-หนองคาย-กรุงเทพฯ)
ขบวนรถด่วนที่ 69/70 (กรุงเทพฯ-หนองคาย-กรุงเทพฯ)

สำหรับขบวนรถท้องถิ่นที่ผ่านเส้นทางช่วง จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนการเดินรถใหม่ ดังนี้ ขบวนที่ 415 (นครราชสีมา-หนองคาย) เดินถึงสถานีบ้านไผ่ ปรับเป็น ขบวนที่ 416 (บ้านไผ่-นครราชสีมา), ขบวนที่ 416 (อุดรธานี-นครราชสีมา) เดินถึงสถานีขอนแก่น ปรับเป็น ขบวนที่ 415 (ขอนแก่น-นครราชสีมา),

ขบวนที่ 431 (แก่งคอย-ขอนแก่น) เดินถึงสถานีบ้านไผ่ ปรับเป็น ขบวนที่ 432 (บ้านไผ่-แก่งคอย), ขบวนที่ 417 (นครราชสีมา-อุดรธานี) เดินถึงสถานีบ้านไผ่ ปรับเป็น ขบวนที่ 418 (บ้านไผ่-นครราชสีมา), ขบวนที่ 418 (หนองคาย-นครราชสีมา) เดินถึงสถานีขอนแก่น ปรับเป็น ขบวนที่ 417 (ขอนแก่น-อุดรธานี)

นายไพรัช กล่าวว่า หลังจากน้ำลดแล้ว รฟท.จะเร่งสำรวจและเข้าซ่อมทางโดยเร็วต่อไป หากการซ่อมทางเสร็จจนสามารถเปิดการเดินรถได้แล้ว ศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว รฟท. จะรีบแจ้งให้ทราบโดยเร็วต่อไป หรือสอบถามข้อมูลการเดินรถเพิ่มเติมที่โทรศัพท์สายด่วน 1690 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือนายสถานีรถไฟทุกแห่งทั่วประเทศ
. . .


ตลาดหุ้นไทยลดลงติดต่อกันเป็นวันที่ 4 โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่มหลัก เช่นเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาค

ภาวะการลงทุน ดัชนีหุ้นไทยดิ่งลงต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ดัชนีเปิดตลาดเช้าปรับลงต่อเนื่อง มีแรงขายหนักในหุ้นกลุ่มหลักทุกตัว เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นในภูมิภาคที่ปรับลดลงอย่างหนักถ้วนหน้า ทั้งตลาดหุ้นฮ่องกงและจีน โดยช่วงเช้าดัชนีลดลงไปกว่า 5% แต่กระเตื้องขึ้นในช่วงบ่าย ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ ปิดที่ 600.38 ลดลง 4.76 จุด มา หลังจากลงไปต่ำสุดที่ 569.94 โดยมีมูลค่าการซื้อขาย 18,763 ล้านบาท

นายกิตติ เหมนิลรัตน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.กรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงบ่ายฟื้นตัวจากช่วงเช้าตามตลาดต่างประเทศ เนื่องจากธนาคารกลางทั่วโลกอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบหวังเสริมสภาพคล่อง

นายจักรกริช เจริญเมธาชัย ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ไซรัส ระบุว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ ปรับตัวลงแรงเช่นเดียวกับตลาดในต่างประเทศ เนื่องจากการล้มละลายของสถาบันการเงินในสหรัฐ จึงทำให้นักลงทุนยังมีความกังวล ตอนนี้ตลาดเข้า สู่สภาวะ bearish ไปเรียบร้อยแล้ว

ขณะนี้นักลงทุนมีความกังวลในปัญหาสถาบันการเงินของสหรัฐ และเกรงว่าโกลด์แมน แซคส์ กรุ๊ป อิงค์ และมอร์แกน สแตนเลย์ ซึ่งเป็น 2 บริษัทวาณิชธนกิจที่ใหญ่สุดของสหรัฐ ซึ่งยังพอยืนได้ อาจโดนผลกระทบโดมิโน่ของตลาดรวม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของแฮมเบอร์เกอร์ไครซิสต์ โดยเชื่อว่าปัญหาดังกล่าว คาดว่าจะยืดเยื้อต่อไปอีกนาน และจะเป็นปัจจัยที่กดดันตลาด ซึ่งจะทำให้นักลงทุนต่างชาติยังขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

นายกวี ชูกิจเกษม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บล.กสิกรไทย กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงต่อเนื่องจากเปิดตลาด ตามตลาดต่างประเทศที่ปรับลงแรงมากกว่า 4% เป็นส่วนใหญ่ อย่างตลาดหุ้นจีนลดลง 6% ตลาดหุ้นฮ่องกง 7% จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่หุ้นไทยจะลงตามไปด้วย หุ้นที่มีนักลงทุนต่างประเทศยิ่งถือเยอะเท่าไรก็ยิ่งลงแรงเท่านั้น

. . .


ภาคแรงงาน โวยกองทุนประกันสังคมนำเงินไปเล่นหุ้นต่างประเทศขาดทุนกว่า 40 ล้านบาท ให้บอร์ดพิจารณาตนเอง แนะจับตาเตรียมขนเงินไปลงทุนต่างประเทศอีก 1.9 หมื่นล้านบาท

นายชาลี ลอยสูง เลขาธิการสหพันธ์แรงงานเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเลกทรอนิกส์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงกรณีสำนักงานประกันสังคม (สปส.) ประสบภาวะขาดทุนกว่า 40 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลกระทบจากบริษัท เลห์แมน บราเธอร์ส ว่า เมื่อ สปส.นำเงินของผู้ประกันตนไปลงทุนแล้วขาดทุน คณะกรรมการประกันสังคม (บอร์ด สปส.) ควรพิจารณาตัวเอง ว่า ควรบริหารงานต่อหรือไม่ เพราะการนำเงินกองทุนไปลงทุนนั้นจะต้องให้เกิดผลกำไร

ส่วนการที่ สปส.จะนำเงินในกองทุนประกันสังคมไปซื้อทรัพย์สินของ บริษัท เลห์แมน ในประเทศไทยนั้น มองว่า จะต้องพิจารณาให้รอบคอบ และต้องดูด้วยว่าแนวโน้มการลงทุนเป็นอย่างไร มีความเสี่ยงมากน้อยแค่ไหน และหากนำเงินกองทุนไปลงทุนแล้วขาดทุนอีก คณะกรรมการประกันสังคม ต้องพิจารณาตัวเองด้วยการลาออก

นายบุญสม ทาวิจิตร ประธานกลุ่มผู้ใช้แรงงานสระบุรีและใกล้เคียง กล่าวว่า เรื่องนี้ผู้บริหารและคณะกรรมการประกันสังคม ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก เนื่องจากนำเงินของผู้ประกันตนไปลงทุนในหุ้นที่มีความเสี่ยงสูง ส่งผลให้ขาดทุนกว่า 40 ล้านบาท และครั้งนี้ไม่ใช่ความผิดพลาดครั้งแรก เพราะเคยขาดทุนจากการซื้อขายหุ้นของไทยธนาคารมาแล้ว

ทางเครือข่ายแรงงานเคยคัดค้านมาตลอด แต่ผู้บริหารยังคงไม่รับฟัง ส่วนคณะกรรมการฝ่ายลูกจ้างเองก็ไม่ได้ทำหน้าที่ของตน ปล่อยให้มีการอนุมัติเงินเป็นจำนวนหลายหมื่นล้านบาทนำไปลงทุนต่างประเทศ ทั้งนี้ ยอมรับว่า การลงทุนต้องมีความเสี่ยง แต่สมควรพิจารณาลงทุนในประเภทที่มีความเสี่ยงต่อการขาดทุนน้อยที่สุด

จากนี้ไปกลุ่มองค์กรแรงงานต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ สปส.อย่างจริงจัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเงินไปลงทุนต่างประเทศ และคณะกรรมการประกันสังคม ควรชะลอการอนุมัติเงินจำนวน 1.9 หมื่นล้านบาท ไปลงทุนในต่างประเทศ ที่ สปส.จะเสนออนุมัติในวันที่ 22 กันยายนนี้

. . .


จีนใช้วิธีลดดอกเบี้ยและเงินสำรองแบงก์พาณิชย์สู้วิกฤติเศรษฐกิจโลก

บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด ระบุว่า จากภาวะซบเซาของเศรษฐกิจโลกและวิกฤติภาคการเงินในสหรัฐฯ ส่งผลต่อเศรษฐกิจสหรัฐและประเทศอื่นๆ ที่เป็นตลาดส่งออกสำคัญของจีนอย่างสหภาพยุโรป (อียู) และญี่ปุ่นชะลอตัวลง ขณะที่การนำเข้าของจีนในเดือนสิงหาคมก็ชะลอลงค่อนข้างมาก โดยขยายตัวในอัตราร้อยละ 23.1 จากร้อยละ 33.7 ในเดือนก่อนหน้า

การชะลอตัวของภาคส่งออกและนำเข้าของจีนส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังภาคเศรษฐกิจภายในด้วย โดยการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาขยายตัวชะลอลงเหลือร้อยละ 12.8 จากที่เติบโตร้อยละ 14.7 ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือว่าการผลิตภาคอุตสาหกรรมของจีนในเดือนสิงหาคม 2551 ขยายตัวต่ำที่สุดในรอบ 18 เดือน

ส่วนภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนก็ต้องเผชิญกับภาวะขาลง โดยราคาอสังหาริมทรัพย์ของจีนชะลอตัวลงหลังจากที่อยู่ในระดับสูงต่อเนื่องในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาราคาอสังหาริมทรัพย์ในเมืองสำคัญ 70 เมืองของจีนมีอัตราเติบโตชะลอลงเป็นร้อยละ 5.3 จากที่ขยายตัวร้อยละ 7.0 ในเดือนก่อนหน้า

ประกอบกับปัญหาภาคการเงินของสหรัฐที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันการเงินชั้นนำของสหรัฐหลายแห่งจนทำให้เกิดวิกฤติสินเชื่อในภาคการเงินโลก อาจทำให้บริษัทลงทุนต่างชาติรายใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีนต้องขายอสังหาริมทรัพย์ที่ถือครองอยู่ออกไป เพื่อรักษาสภาพคล่องทางการเงิน ซึ่งจะส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์ในจีนตกลงอย่างรุนแรงจนส่งผลกระทบไปสู่ภาคเศรษฐกิจอื่นๆ ภายในของจีนให้ชะลอตัวลงไปด้วย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลกดดันต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปีนี้

ขณะที่ภาวะเงินเฟ้อของจีนมีสัญญาณชะลอลง โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนสิงหาคมอยู่ที่ร้อยละ 4.9 ซึ่งเป็นการชะลอตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 4 จากที่พุ่งสูงสุดในรอบ 12 ปี ที่ร้อยละ 8.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ 2551 ภาวะเงินเฟ้อที่ชะลอลง ทำให้ทางการจีนสามารถดำเนินนโยบายรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจภายในจากทั้งภาคการบริโภคและการลงทุนให้ดำเนินต่อไปได้ ขณะเดียวกันก็ดำเนินมาตรการลดผลกระทบของภาคส่งออกที่ชะลอตัวลงเพื่อรักษาอัตราเติบโตของเศรษฐกิจจีนให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง และมั่นคงท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มซบเซาต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปี 2551

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่าหากจำเป็น ทางการจีนคงจะดำเนินมาตรการผ่อนคลายทางการเงินมากขึ้น รวมทั้งใช้นโยบายการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจภายในอย่างต่อเนื่องในช่วงที่เหลือของปีนี้ หลังจากที่ได้ทยอยออกมาตรการหลายด้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง และล่าสุดในวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมาทางการจีนได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้นโยบายระยะ 1 ปี ลงร้อยละ 0.27 จากร้อยละ 7.47 เป็นร้อยละ 7.20 และปรับลดเงินสดสำรองของธนาคารพาณิชย์ลงร้อยละ 1 จากร้อยละ 17.5 เป็นร้อยละ 16.5 เพื่อผ่อนคลายภาวะสินเชื่อตึงตัวที่ส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในจีน ซึ่งมาตรการต่าง ๆ ของทางการจีนที่ออกมาเพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้คาดว่าเศรษฐกิจจีนในปีนี้น่าจะยังคงขยายตัวต่อเนื่องได้ในอัตราร้อยละ 9.8-10.0 จากช่วงครึ่งแรกของปีที่เติบโตร้อยละ 10.4


. . .


Create Date : 18 กันยายน 2551
Last Update : 18 กันยายน 2551 19:14:54 น. 1 comments
Counter : 676 Pageviews.

 


โดย: yosita_yoyo วันที่: 18 กันยายน 2551 เวลา:19:37:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.