|
|
|
- อาทิตย์ จันทร์ เมฆา และวายุ...
- ... กินเจปี’52 ฯ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ ยอดขายดีกว่าปีก่อน...โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... สภาพคล่องในงบดุลของธนาคารพาณิชย์ไทย ส.ค. 52 … เพิ่มขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย....
- ... กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ... ผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวม ...
- บริการคงสิทธิเลขหมาย…กระทบผู้ให้บริการ หลังเปิดใช้ 3G โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ภาวะเงินเฟ้อติดลบใกล้สิ้นสุด ...
- ... ส่งออกรถยนต์ไทยครึ่งหลัง 2552 มีสัญญาณดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- . . . Digital Content Industry . . .โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 : ผลกระทบต่อหลากธุรกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... . ตลาดหนังสือปี’52 : อัตราขยายตัวชะลอลง...สำนักพิมพ์ต้องเร่งปรับตัว โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย.
- ...พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ... ผลต่อสภาพคล่องและดอกเบี้ยแบงก์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... ยางธรรมชาติครึ่งหลังปี 52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- การจัดสรรเงินออม...ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี’52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 2552 ... โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มเงินบาทครึ่งหลังปี 2552 ...
- ... กรมธนารักษ์เปิดจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ครบทุกชนิดราคา ...
- ... ท่องเที่ยวครึ่งหลังปี 2552...มีโอกาสฟื้นตัวปลายปี....
- ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2552
- ธนาคารกรุงไทยจัด 2 โปรโมชั่นกระตุ้นการใช้จ่าย
- ...วิกฤตการณ์ทางการเงินของโลก : เงินทุนต่างชาติชะลอตัว... ผลต่ออสังหาริมทรัพย์ไทย...
- ... ส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยว ไทย-จีน : มีทิศทางปรับดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ตัวเลขว่างงานเดือนเมษายน 2552 พุ่งขึ้น 49.7% ...
- คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25%
- การส่งออกไม่รวมทองคำในเดือนพฤษภาคมหดตัว 27.3%
- ...เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวเพิ่มมากขึ้น... แต่...
- กฎหมายกู้เงินฉุกเฉิน 4 แสนล้านบาท … เปิดทางกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- .... ทำไม ต้องทำประกัน???.... (ด้วยคะ)........
- ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาว : ความท้าทายของเศรษฐกิจไทย
- การนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้
- การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์: ฟื้นตัวแล้ว?
- เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 เดือน
- . . . .กระแสรักสวย-รักงาม...ยังคงทำให้ธุรกิจขยายตัว . . . .
- เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/2552 อาจยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
- เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง … แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องระวัง
- . . .ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นลิตรละ 80 สตางค์ ส่วนดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 21 พ.ค.นี้
- ตัวเลขว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ... ลดลงเพราะผลจากฤดูกาล
- . ตลาดหุ้นไทยร่วง 26 จุด - บุหรี่ในขึ้น 10-13 บาท บุหรี่นอก 15-17 บาท
- ผู้บริโภคร้องเรียนร้านค้ากักตุนบุหรี่กว่า 200 ราย
- . . . กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ตัดสินขึ้นภาษีที่ดิน . . .
- . . . ข่าวดี ที่เกิดขึ้น ก่อนวันพระ หนึ่งวัน . . .
- . . .ขึ้นภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- ครม.ไฟเขียวให้ลูกจ้าง-นายจ้างลดส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเหลือ 3% จาก 5%
- . . .อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน52 ...ติดลบเป็นเดือนที่ 4 . . .
- ขึ้นน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1.55 บาท ยกเว้นอี 85 มีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้
- ครม.มีมติเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันทั้งเบนซิน-ดีเซล มีผลวันที่ 1 ก.พ. นี้
- คลังเตรียมพิจารณากฎหมายเพื่อเก็บภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีมรดก
- เตือนภัยหญิงไทยที่ติดต่อชาวต่างชาติผ่านทางระบบ Internet ระวังถูกหลอกให้เสียเงินจากการรับสินค้า
- 7 มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-- ปิดปั๊มหลังเที่ยงคืน 31 ม.ค.ก่อนขึ้นราคาน้ำมัน
- กรมสรรพากรชี้แจงเงื่อนไขหักลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ที่ทำหลังวันที่ 1 ม.ค.52
- ราคาก๊าซรถยนต์(แอลพีจี)อาจเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อกก.-กระทรวงแรงงานจัดงาน “ตลาดนัดแรงงาน” ทุกวันเสาร์. . .
- กนง. ลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 2.00 -- รมว.แรงงานแจงช่วยค่าครองชีพจ่าย 2,000 บาท ครั้งเดียว
- ครม.อนุมติงบกลางปี 1.15 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ 18 โครงการ
- ต่ออายุ 6 มาตรการฝ่าวิกฤติ - นัดพบแรงงานทุกวันเสาร์ - อนุมัติงบช่วยเหลือผู้ว่างงาน
- ขึ้นราคาน้ำมันลิตรละ 60 สตางค์ 7 ม.ค.นี้
- เงินเฟ้อปี 51 - 5.5% --- หุ้นวันแรกบวก 28 จุด -- ตรึงราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี. . .
- ราคาน้ำมันปีหน้า มีแนวโน้มทรงตัว แต่ค่าไฟฟ้าช่วงครึ่งปีแรกจะปรับขึ้น
- นายกเตรียมปรับลดใช้น้ำฟรีเหลือ 30 หน่วยต่อเดือน - สายด่วนประกันภัย 1186
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 60 สตางค์ 26 ธ.ค.นี้
- ราคาที่ดินลาดพร้าวปรับเพิ่ม 65% -- รัฐเตรียมช่วยคนซื้อบ้านใหม่ปีหน้า -- ค่าไฟฟ้าขึ้นหน่วย 14 สตางค์
- ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. หดตัวสูงถึง 18.6%
- รถไฟฟ้าบีทีเอสขยายเวลาเปิดให้บริการคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ถึง 02.00 น.
- ธปท.เตือนประชาชนระวังธนบัตรปลอมระบาด--รฟท. เพิ่มขบวนรถไฟ 18 ขบวน
- ปตท.เตรียมขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีจาก 8.50 บาท เป็น 11 บาท มีผล 1 ม.ค.52--ลดค่าโดยสารขสมก.-บขส.
- ลดราคาดีเซลลิตรละ 0.50 บาท - เก็บเงินเบนซิน 95 เข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 3 บาท - รัฐบาลใหม่
- คาดเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% - โอเปกประชุม 17 ธ.ค.นี้ - ราคายางตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
- บขส-รถร่วมเตรียมลดค่าโดยสาร--แบงก์ออมสินลดดอกเบี้ย--ปีใหม่ แบงก์หยุด 5 วัน. . .
- อีก 5 ปี . . . ประชาชนจะกลายเป็นมนุษย์ไฮเทค . . .
- แนวโน้มยอดขายรถยนต์ในประเทศ : ชะลอลงต่อเนื่องถึงปีหน้า
- น้ำมันลดลง 60-80 สตางค์ต่อลิตร--ปีหน้าว่างงาน 9 แสนคน--เบียร์ช้างชะลอเข้าตลาดหุ้น--คลังหนุนปรับภาษี
- เงินบาทแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 22 เดือน ที่ 35.83 / หุ้นปิดที่ 392 แนวต้าน 400 แนวรับ 380
- สุวรรณภูมิพร้อมเปิดเต็นรูปแบบ 5 ธ.ค.นี้ 11.00--บขส.เปิดจองตั๋วล่วงหน้าช่วงปีใหม่-น้ำมันลด 40-60 สต.
- เปิดใช้สนามบินดอนเมือง 4 ธ.ค.-สุวรรณภูมิ 5 ธ.ค.--กนง.ลดดอกเบี้ย 1%--น้ำมันถั่วเหลืองลดราคา 3.50 บาท
- สนามบินสุวรรณภูมิเปิดรับส่งสินค้าทางอากาศได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.
- น้ำมันลดลงลิตรละ 0.40 บาท-- เงินเฟ้อเดือนพ.ย.2.2% ต่ำสุดรอบ 14 เดือน--สนามบินยังปิดอยู่...
- ผลกระทบการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
- ..วิกฤติเศรษฐกิจโลก-วิกฤติเศรษฐกิจไทยปี 2552 - ท่องเที่ยว-โรงแรมยอดขายลด 10-15% -- หุ้นบวก 5.73 จุด.
- ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 25 พ.ย.นี้
- ค่าบาทอ่อน - ตลาดหุ้นแนวโน้มทดสอบ 384 - น้ำมันลด 60-0 สตางค์ -ทองคำพุ่ง 400 บาท -คนตกงานกว่า 4 แสนคน
- ผลการประชุม กรอ.- กระทรวงคลังเตรียมปรับลดภาษี
- จีเอ็มลดคนงาน-คำสั่งซื้อยานยนต์ลดลง-ธกส.พร้อมจ่ายเงินรับจำนำข้าว-หุ้นปิดที่ 408.51 ลดลง 11.46 จุด
- เสนอครม.ลดภาษีนิติบุคคลลง 5% - ขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย - ปรับเกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์หุ้นใหม่ 2 ธ.ค.นี้
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 40-80 สตางค์-ซิตีกรุ๊ปประกาศปลดคนงาน 53,000 คนทั่วโลก
- ก.แรงงานรับวิกฤติคนตกงาน-รถติดตั้งแก๊สลดฮวบ ตามราคาน้ำมัน-เผยแพร่ทีโออาร์เช่ารถเมล์ผ่านเว็ป
- เงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงทั้งสัปดาห์
- ขึ้นราคาก๊าซก.ก.ละ 6 บาท-เตือนธุรกิจเกษตร, ส่งออก, เอสเอ็มอีรับผลกระทบปีหน้า
- ลอยกระทงกันดีกว่า เมี๊ยวๆ...
- ราคาน้ำมันเบนซินลด 80 สตางค์--กกร.เสนอลดภาษี--แนวโน้มตกงานเพิ่ม--การใช้พืชพลังงานลดลง
- โอบามา-ผลกระทบต่อไทย
- แก๊สโซฮอล์-เบนซนลด 60-80 สตางค์-
- เงินเฟ้อต.ค.3.9%ต่ำสุดรอบ 10 เดือน--รัฐกู้เงินรับจำนำข้าว--หุ้นฟื้น 32 จุด--จดทะเบียนแรงงานต่างด้าว
- เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 19 เดือน-ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ส่งสัญญาณชะลอตัว
- เฟดลดดอกเบี้ย 0.5%-- หุ้นขึ้นพ้น 400 --เว้นเกณฑ์ silent period--กองทุนยางพารา
- น้ำมันดีเซลลง 60 สตางค์--หุ้นตก 13 จุด--หม่อมอุ๋ยแนะเอาเงินฝากแบงก์เล่นหุ้น--SMEควบบสย.
- ขยายเวลาค้ำเงินฝาก 3 ปี-จำนำข้าวโพด-มันสำปะหลัง--TDRI--สศค.
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker)หยุดซื้อขายหุ้นครั้งที่ 3 -ดัชนี 387 ต่ำสุดรอบ 5 ปี-ยอกตกงาน 6แสน
- งดขายทองคำแท่งเสาร์-อาทิตย์--โอเปคลดการผลิต--หุ้นต่ำสุดรอบ 5 ปี--คาดเฟดลดดอกเบี้ยอีก
- ข้าวแกงลดราคา -- กบง.เก็บเงินเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมัน -- เบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น -- รถไฟฟ้ารอเข้าครม.
- กระทรวงการคลังเสนอแนวคิดขยายเวลาค้ำเงินฝากทั้งจำนวนอีก 3 ปี - กดค่าบาทให้อ่อนลงอีก 5% อุ้มส่งออก
- แนวโน้มอุตสาหกรรมไทยท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลก
- น้ำมันลดลง 10%--ค่าโดยสารรถ-เรือเตรียมปรับลงตาม--ยางพาราราคาตก 43%
- ราคายางลดลงเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ : สาเหตุ ผลกระทบ และทางออก
- วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ - วิกฤติการเงินไทยปี 2540 - ผลกระทบที่แตกต่าง - 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
- ราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ลดลงลิตรละ 1 บาท 15 ต.ค.นี้
- ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาเบนซิน 40 สต.-ดีเซล 80 สต.พรุ่งนี้
- ไอซ์แลนด์ยึดแบงก์โคปทิง--สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ยืนยันฐานะมั่นคง--ธ.กลางทั่วโลกลดดอกเบี้ย...หุ้นฟื้น 1%
- ทำไมเราต้องดูจิต, วิธีการ "ดูจิต", วงจรกระแสจิต, อานิสงส์ของการแผ่เมตตา, วิธีแผ่เมตตา...
- ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 60 สตางค์ --หุ้นหลุด 500
- ภาคเอกชนเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วน
- ราคาน้ำมันทุกประเภทลดลง 20-80 สตางค์---หุ้นตกต่ำสุดรอบ 5 ปี--กกร.เสนอ 7 มาตรการเร่งด่วน. . .
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 3.75%
- รอลุ้นแผนกูวิกฤติการเงินสหรัฐฯ
- ธุรกิจสถานีบริการก๊าซ LPG ปี51--เงินเฟ้อเดือนก.ย.แนวโน้มชะลอลง
- เงินเฟ้อก.ย.6.0%-ปตท.คาดน้ำมันดิบแกว่งตัว 90-100 USD/Barrel. . .
- กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย
- เศรษฐกิจเดือนส.ค.สะท้อนสัญญาณชะลอตัว
- Emergency Economic Stabilization Act of 2008 (link to full and summary in pdf file)
- โครงการที่น่าติดตามภายใต้รัฐบาลสมชาย 1
- วิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ... ผลกระทบต่อภาคการเงินไทย
- ความเชื่อมั่นธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย--กรุงไทยขายกรมธรรม์ประกันภัยรูปแบบใหม่. . .
- เชลล์ขึ้นราคาน้ำมัน 60 สตางค์--คลัง แบงก์ชาติ คปภ มั่นใจสภาพคล่องการเงิน--รายชื่อครม.สมชาย1. . .
- มาตรการกู้วิกฤติการเงินสหรัฐวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์อาจนำทองคำเป็นสินค้าควบคุม--กินเจ 29 ก.ย.- 7 ต.ค.ผักแพง--พันธบัตรคลังปี 52. . .
- นักวิชาการเตือนรับมือวิกฤติเลห์แมน--เก็บเงินกองทุนน้ำมันเพิ่ม--ยอดขายรถยนต์ลด--ธอส.ลดดอกเบี้ย. . .
- Resolution Trust Corporations (RTC) โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ---ผักแพง-ทองขึ้น-ค่าไฟฟ้า-วิเคราะห์วิกฤติเลห์แมน--กินเจปีนี้---
- . . . น้ำมันลด 60 สตางค์-ทองพุ่ง 13,550 บาท--หุ้นผันผวน--รถไฟหยุดวิ่งน้ำท่วม . .
- . . . เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.00 และให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ AIG . . .
- . . . วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ... อาจยังไม่ยุติ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- . . . น้ำมันลง 50 สตางค์--
- . . . หุ้นตก-เลห์แมนฯล้มละลาย--แนะซื้อทองต่ำกว่า 13,000.--จำนำข้าว . . .
- . . . คาดเฟดคงดอกเบี้ย 2.00%--รถไฟเปิดให้บริการ 240 ขบวน--ราคาทองกระเตื้องเล็กน้อย. . .
- . . . ทองแท่งเหลือบาทละ 12,650 บาท--ดีเซลลดอีก 60 สตางค์--ดอกเบี้ยพันธบัตร3ปี 4.65% . . .
- ธอส. เชิญชวนเล่านิทานลงเทปหรือแผ่นซีดีมอบให้มูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ
- . . . ครม.แต่งตั้งปลัด-อนุมัติ 3 G -งบจัดซื้ออาวุธ-สร้างรัฐสภาใหม่. . .
- . . . แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีหลังชะลอตัว . . .
- . . . อาหารสัตว์เลี้ยง : เติบโตต่อเนื่อง...หลากปัจจัยหนุน . . .
- . . . แนะคลายเครียด เสพข่าวการเมือง . . .
- . . . ข่าววันที่ 4 ก.ย.51 . . .
- ราคาน้ำมันดีเซลลดลงลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 4 ก.ย.
- . . . อนุมัตินมกล่อง-น้ำมันถั่วเหลืองขึ้นราคา--เลื่อนหวยบนดิน--หุ้นตก--บาทอ่อน. . .
- Bangkok under state of emergency
- . . . เงินเฟ้อเดือน ส.ค.ลดลงเหลือ 6.4% จาก 9.2% ในเดือนก.ค. . . .
- --- ทิศทางตลาดหุ้นไทย...ยังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ---
- --- ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกรกฎาคม 2551 ---
- ---กนง.ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 3.75%--ธอส.ให้กู้ซื้อบ้าน 1.5 ล้านบาท--บสย.--ไทยแอร์เอเซีย . . .
- . . . ถึงเพื่อนที่มีพันธะ ต่อกัน... ถึง พันธมิตร . . . จาก พรรคพลังไข่. . .
- . . . หุ้นไทยร่วง 2% หลังเปิดตลาดในภาคเช้า . . .
- . . . สภาพัฒน์ฯ คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 5.2-5.7% . . .
- . . . พรบ.ผู้บริโภค เริ่มใช้ 25 ส.ค.51--กกร.ประชุมเรื่องราคาสินค้า---บขส.เปิดเส้นทางกทม.-สมุย. .
- . . .ธปท.-คลังน้อมรับกระแสพระราชดำรัส--ส่งออก 7 เดือนโต 26% . . .
- . . . 23 สิงหานี้ บังคับใช้กฎหมายจัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ --- คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาส 2 โต 5.8% . . .
- . . . น้ำมันจะลดลงอีก--ค่าบาทอ่อนสุดรอบ 9 เดือน . . .
- Rose Rose i love you
- . . . นั่งรถไฟฟรี เชียงใหม่, อุบลฯ, หนองคาย, และสุไหงโกลก----ทองคำขาดตลาด . .
- ...ปลากัดเตือน...
- . . . รถใช้ก๊าซต้องแจ้งตรวจสภาพ--สมัครคนเดินโพยหวยบนดินวันแรก-กราฟราคาทอง. . .
- . . . เพิ่มเงินสมทบกองทุนน้ำมัน--สมัครคนเดินโพย 18 ส.ค.--ราคาทองคำลด--บาทอ่อน . . .
- . . . Storm surge มหันตภัยร้ายแห่งท้องทะเล . . .
- . . . ธุรกิจเดลิเวอรี่สินค้าอาหาร เติบโต 15% . . .
- . . . ตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นปี--น้ำมันลดราคา--ทองคำต่ำสุดรอบ 7 เดือน. . .
- . . . เตรียมประกาศห้ามใช้สารตะกั่วเชื่อมต่อหม้อก๋วยเตี๋ยวเป็นการถาวร . . .
- . . . รถติดก๊าซ NGV ต้องมีใบรับรองเติมก๊าซ--ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์. . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง . . .
- . . . นมกล่อง จะขึ้นราคา อีก 1-2 บาท . . .
- . . . ม.หอการค้าคาดเศรษฐกิจปีนี้ โต 5.5-6.0%---สศช.ระบุสัดส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 25%ในอีก 20 ปี .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 1 บาท - เบนซินลิตรละ 50 สตางค์ ---
- . . . ครม.อนุมัติขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่--โครงข่ายโทรศัพท์ 3 จี---กรมศุลการกร เปิดประมูลรถยึด. . .
- . . . หวยออนไลน์ 1 ต.ค.51 . . .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ พรุ่งนี้-- คาด FED คงดอกเบี้ย 2.00% . . .
- . . . เงินเฟ้อดือน ก.ค.9.2%--ทีมเศรษฐกิจใหม่--รถเมล์ รถไฟ ฟรี . . .
- . . . 1 ส.ค.เริ่มใช้ 6 มาตรการ 6 เดือน -- ดีเซลลดลง 50 สตางค์ -- เลื่อนพิจารณาราคาสินค้า. . .
- . . . พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก -- กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - Sovereign Wealth Fund (SWF) . . .
- . . . สรุปผลการสัมมนาทางวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 5/2551 . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์พรุ่งนี้(30 ก.ค.) . . .
- . . . ปตท.-เชลล์ ปรับลดราคาดีเซลอีกลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 3.50-4.70 บาท --- ทางด่วนขึ้น 5 บาท ---- น้ำมันพืชขึ้นอีก 5 บาท . . .
- . . . ปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี ( LPG ) ควรลอยตัว หรือแบ่ง 2 ราคา . . .
- . . . ตัวเลขการส่งออก มิ.ย.51 ขยายตัว 27.4% . . .คาดทั้งปี 15% . . .
- . . . 11 ส.ค. 51 เริ่มใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกขยายตัว 3% . . .
- . . . ทิศทางค่าเงิน และ ตลาดหุ้น สัปดาห์นี้ (21-25 ก.ค.) . . .
- . . . กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ . . .ประกาศหยุดยิง . . .
- . . . ปตท.ลดราคาน้ำมัน ลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ตามคาด . . .
- . . . 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติค่าครองชีพสูง . . .
- . . . รัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชน หลังการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ค.นี้ . . .
- . . . กรมสรรพากรเตือนประชาชนระวังถูกมิจฉาชีพหลอก เรื่องคืนภาษีและขอรับบริจาค . . .
- . . . ลดราคาเบนซิน พรุ่งนี้ . . .
- . . . ปตท.ลดราคาเบนซินลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . เล่นเกมส์ sudoku กันดีกว่า . . .
- . . . ส่งเสริม E85 เป็นวาระแห่งชาติ . . . /. . . นำเข้า LPG เดือนนี้อีก 1 แสนตัน . . .
- . . . เอ็นจีวี ( NGV ) หรือ แอลพีจี( LPG ) . . .ที่รัฐควรส่งเสริม . . .
- . . . แท็กซี่ยังขึ้นราคาค่าโดยสารไม่ได้ . . .
- . . . เงินเฟ้อ 7.6 ---> 8.9 ---> 9.0 ----> 10 . . .ทั้งปี 2551 เฉลี่ย 8%??...
- . . . เงินเฟ้อเดือน มิ..ย. ... 8.9% . . .
- . . . เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว . . .(อาการภูมิแพ้)
- . . . ลอยตัวราคาก๊าซ LPG วันที่ 1 ก.ค.นี้ . . .
- . . . บางจาก-คาลเท็กซ์-ระยองเพียว ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน . . .
- . . . หุ้นไทยภาคเช้าดิ่งลงกว่า 20 จุด . . .
- . . .หวั่นการเมืองรุนแรง ตลาดหุ้นร่วง1.04% . . .
- . . . ตลาดหุ้นร่วง กังวลข่าว รัฐประหาร . . .
- . . . หุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวผันผวน . . .
- . . . อียูเตรียมลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ช่วยผู้มีรายได้น้อยจากภาวะน้ำมันแพง. . .
- . . . ชวนคนมีฝีมือ ส่งผลงาน ประกวดออกแบบสลากออมสิน . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน . . .
- . . . ธ.ก.ส.เผยยอดซื้อสลากทวีสินเดือนเดียว เฉียด 2 หมื่นล้าน . . .
- . . . ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทางเลือกใหม่สร้างความมั่นคงเกษตรกร . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าหลุดแนวรับ 33.00 แตะระดับต่ำสุดรอบกว่า 4 เดือน . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ร้อยละ 0.375-1.25 . . .
- . . . มาเลเซียประกาศลอยตัวราคาน้ำมันเชื้อเพลิง-ยกเลิกห้ามขายน้ำมันให้ต่างชาติ . . .
- . . . จับ กระเทียม . . .
- . . . NGV ปีหน้าราคาอาจจะขึ้นเป็น 12 บาท . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทย เตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมกด ATM ต่างแบงก์ . . .
- . . .ธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวใหญ่ ซีพี แนะใช้ทฤษฎี 2 สูง . . .
- . . . เงินเฟ้อเดือน พ.ค. ... พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี . . .
- เงินบาทสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสอ่อนค่าลงได้อีก
- ...o...
- ... แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2551 ...
- ... แนะนำงาน Money X-pro ...
- ...อยู่รอดให้ได้...ภายใต้ภาวะผันผวน...
- ...Value Averaging...
- ...ซื้อกองทุนรวมรับของแถม?...
- ...ลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ...
|
|
|
|
|
... ตัวเลขว่างงานเดือนเมษายน 2552 พุ่งขึ้น 49.7% ...
...
ตัวเลขว่างงานเดือนเมษายน 2552 พุ่งขึ้น 49.7% จากช่วงเดียวกันปีก่อน (YoY) ... แนวโน้มคาดว่าอาจยังไม่ฟื้นตัว
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
จากรายงานผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุดตัวเลขผู้ว่างงานในเดือนเมษายน 2552 เพิ่มขึ้นตามคาด โดยอัตราการว่างงานขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.1 เทียบกับร้อยละ 1.9 ในเดือนกุมภาพันธ์ และมีนาคม ซึ่งปัจจัยสำคัญเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทย และเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมต่อเนื่องถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ตัวเลขว่างงานในระยะถัดไป อาจยังได้รับผลกระทบบางส่วนต่อเนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศดังกล่าว และจำนวนนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังทยอยเข้าสู่ตลาดแรงงาน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้ โดยมีประเด็นวิเคราะห์สำคัญ ดังนี้
ตัวเลขว่างงานเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง โดยผู้ว่างงานในเดือนเม.ย. มีจำนวน 8.2 แสนคน เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 14.9 จากเดือนมี.ค. ที่มีผู้ว่างงานจำนวน 7.1 แสนคน และพุ่งขึ้นร้อยละ 49.7 จากเดือนเม.ย. ปี 2551 เทียบกับอัตราการเพิ่มที่ร้อยละ 28.1 (YoY) ในเดือนก่อนหน้า โดยเป็นการเพิ่มขึ้นติดต่อกันเป็นเดือนที่ 6 ตั้งแต่เดือนพ.ย. 2551 ขณะที่อัตราการว่างงานก็ขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.1 เทียบกับร้อยละ 1.9 ในเดือนก.พ. และมี.ค. ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของผู้ว่างงานในกลุ่มที่เคยทำงานมาก่อนทั้งในภาคเกษตร (ขยายตัวร้อยละ 60.3 ในเดือนเม.ย. พลิกจากที่หดตัวร้อยละ 34.7 ในเดือนมี.ค.) ภาคการผลิต (เพิ่มขึ้นร้อยละ 82.5 ในเดือนเม.ย. เร่งตัวขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 61.0 ในเดือนมี.ค.) และภาคการบริการ (ขยายตัวร้อยละ 127.8 ในเดือนเม.ย. พุ่งขึ้นจากที่ขยายตัวร้อยละ 53.7 ในเดือนก่อนหน้า) โดยเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก ซึ่งมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย และปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมีนาคมต่อเนื่องถึงเดือนเมษายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ผู้ว่างงานในกลุ่มที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือน โดยหดตัวร้อยละ 8.3 (YoY) ในเดือนเม.ย. พลิกจากที่ขยายตัวร้อยละ 32.7 ในเดือนมี.ค. แต่ส่วนหนึ่งเนื่องจากผลของฐานเปรียบเทียบที่ค่อนข้างสูงในปีก่อน นอกจากนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่าหากพิจารณาข้อมูลอัตราการว่างงานที่จำแนกตามกลุ่มอายุแล้วจะพบว่าแรงงานกลุ่มเยาวชนที่มีอายุ 15-24 ปี ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าจะรวมแรงงานจบการศึกษาใหม่เป็นส่วนใหญ่ ยังเป็นกลุ่มที่มีอัตราการว่างงานที่ค่อนข้างสูง โดยมีอัตราการว่างงานในเดือนเม.ย. สูงถึงร้อยละ 8.1 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 6.3 ในช่วงเดียวกันของปีก่อน
ภาวะการมีงานทำเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลง โดยผู้มีงานทำในเดือนเม.ย. 2552 มีจำนวน 37.06 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 2.2 ในเดือนก่อนหน้า ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการลดลงของผู้มีงานทำในภาคการผลิตที่หดตัวสูงถึงร้อยละ 6.8 ในเดือนเม.ย. เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 0.4 ในเดือนมี.ค. ขณะที่ผู้มีงานทำในภาคเกษตรก็ขยายตัวเพียงร้อยละ 1.2 ในเดือนเม.ย. ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 1.6 ในเดือนมี.ค. ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตัวเลขว่างงานในระยะข้างหน้า อาจยังไม่ฟื้นตัว นอกจากประเด็นผลกระทบจากจำนวนนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังทยอยเข้าสู่ตลาดแรงงานแล้ว ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงอีกหลายประการไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย รวมทั้งสถานการณ์ความไม่แน่นอนทางการเมือง และการแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ทั้งนี้ แม้ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกจะเริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้น แต่ก็ยังปะปนด้วยข่าวลบโดยเฉพาะจากตลาดแรงงานจึงทำให้การฟื้นตัวน่าจะมีความเปราะบาง ในทำนองเดียวกันแม้เศรษฐกิจไทย อาจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่เชื่อมโยงกับภาคการส่งออก อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ แต่การฟื้นตัวยังไม่กระจายตัวทั่วถึงไปในทุกภาคส่วน ดังสะท้อนได้จากอัตราการใช้กำลังการผลิต (Capacity Utilization) ที่ยังอยู่ในระดับต่ำเพียงร้อยละ 57.7 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เทียบกับร้อยละ 67.7 ในปี 2551 ซึ่งหมายความว่ากำลังการผลิตส่วนเกินยังมีเหลืออยู่มาก นอกจากนี้ แนวโน้มของภาคบริการยังขึ้นกับความสามารถในการควบคุมและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในไทยเนื่องจากความกังวลต่อโอกาสในการติดเชื้อ ปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวอาจทำให้ผู้ประกอบการยังไม่ตัดสินใจเพิ่มการจ้างงานในระยะอันใกล้นี้จนกว่ายอดคำสั่งซื้อจะเริ่มฟื้นตัวในลักษณะที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และกำลังการผลิตส่วนเกินจะทยอยปรับตัวลดลง ส่งผลให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า สถานการณ์แรงงาน โดยเฉพาะตัวเลขการว่างงานในระยะที่เหลือของปีนี้ อาจจะยังไม่ฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจจริงในทันที ทำให้ในภาพรวมแล้ว คาดว่า อัตราการว่างงานเฉลี่ยของปี 2552 น่าจะอยู่ในกรอบร้อยละ 2.1-2.5 เทียบกับอัตราการว่างงานเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.1 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ และร้อยละ 1.4 ในปี 2551 โดยจำนวนผู้ว่างงานในปี 2552 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 8.0-9.2 แสนคน จากในปี 2551 ที่ผู้ว่างงานอยู่ที่ 5.2 แสนคน
โดยสรุป จากรายงานผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติ ล่าสุดตัวเลขผู้ว่างงานในเดือนเม.ย. 2552 เพิ่มขึ้นตามคาด โดยอัตราการว่างงานขยับขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 2.1 เทียบกับร้อยละ 1.9 ในเดือนก.พ. และมี.ค. ซึ่งปัจจัยสำคัญเป็นผลสืบเนื่องมาจากวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจไทย และเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมี.ค. ต่อเนื่องถึงเดือนเม.ย. ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ตัวเลขว่างงานในระยะถัดไป อาจยังได้รับผลกระทบบางส่วนต่อเนื่องจากปัญหาการเมืองในประเทศดังกล่าว และจำนวนนักศึกษาจบใหม่ที่กำลังทยอยเข้าสู่ตลาดแรงงาน นอกจากนี้ ยังมีความเสี่ยงจากโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 และปัญหาการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่ประเทศไทยกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม แม้ตั้งแต่เดือนมี.ค. 2552 ที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกจะเริ่มมีสัญญาณบวกมากขึ้น แต่ก็ยังปะปนด้วยข่าวลบโดยเฉพาะจากตลาดแรงงานจึงทำให้การฟื้นตัวน่าจะมีความเปราะบาง ในทำนองเดียวกันแม้เศรษฐกิจไทย อาจมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในภาคการผลิตที่เชื่อมโยงกับภาคการส่งออก อาทิ ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ แต่การฟื้นตัวยังไม่กระจายตัวทั่วถึงไปในทุกภาคส่วน ดังสะท้อนได้จากอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ยังอยู่ในระดับต่ำเพียงร้อยละ 57.7 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ เทียบกับร้อยละ 67.7 ในปี 2551 ซึ่งหมายความว่ากำลังการผลิตส่วนเกินยังมีเหลืออยู่มาก นอกจากนี้ แนวโน้มของภาคบริการยังขึ้นกับความสามารถในการควบคุมและแก้ปัญหาการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่มีผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาท่องเที่ยวในไทย ปัจจัยต่างๆ ดังกล่าวอาจทำให้ผู้ประกอบการยังไม่ตัดสินใจเพิ่มการจ้างงานในระยะอันใกล้นี้ ส่งผลให้
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่า สถานการณ์แรงงาน โดยเฉพาะตัวเลขการว่างงานในระยะที่เหลือของปีนี้ อาจจะยังไม่ฟื้นตัวตามการฟื้นตัวของกิจกรรมในภาคเศรษฐกิจจริงในทันที ทำให้ในภาพรวมแล้ว คาดว่า อัตราการว่างงานเฉลี่ยของปี 2552 น่าจะอยู่ในกรอบร้อยละ 2.1-2.5 เทียบกับอัตราการว่างงานเฉลี่ยที่ร้อยละ 2.1 ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้ และร้อยละ 1.4 ในปี 2551 โดยจำนวนผู้ว่างงานในปี 2552 คาดว่าจะอยู่ในช่วง 8.0-9.2 แสนคน จากในปี 2551 ที่ผู้ว่างงานอยู่ที่ 5.2 แสนคน
...
Create Date : 24 มิถุนายน 2552 |
Last Update : 24 มิถุนายน 2552 2:18:28 น. |
|
1 comments
|
Counter : 632 Pageviews. |
|
|
|
โดย: loykratong วันที่: 24 มิถุนายน 2552 เวลา:2:21:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|
จับตาราคาสินค้าโภคภัณฑ์ … แรงกดดันต่อเงินเฟ้อและฐานะดุลการค้าไทย
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
การทะยานขึ้นของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมนับตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ จนถึงต้นเดือนมิถุนายน 2552 สร้างความกังขาให้กับนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ว่า การปรับตัวขึ้นอย่างรวดเร็วของราคาสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านั้น เป็นไปในลักษณะที่มีปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งรองรับมากเพียงใด ซึ่งในท้ายที่สุดแล้ว น้ำมัน และตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ก็ต้องเผชิญกับแรงเทขายในช่วงต่อมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แม้จะมีสัญญาณเชิงบวกเพิ่มมากขึ้น แต่ก็ยังคงสะท้อนว่า เศรษฐกิจของหลายๆ ประเทศทั่วโลก ไม่สามารถหลีกเลี่ยงภาวะหดตัว และ/หรือการเติบโตที่ต่ำกว่าระดับศักยภาพในปีนี้ไปได้ แต่อย่างไรตาม มีความเป็นไปได้ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจทั่วโลกที่อาจทยอยฟื้นตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้จนถึงปีหน้า อาจกลายมาเป็นปัจจัยหนุนต่อตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อีกครั้ง ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยได้ทำการวิเคราะห์สถานการณ์และแนวโน้มของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจไทยดังนี้ :-
สินค้าโภคภัณฑ์รับแรงหนุนจากปัจจัยรอบด้าน...ก่อนปรับฐานช่วงกลางเดือนมิถุนายน
การปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกนับตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2551 ได้เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงเดือนมีนาคม-ต้นเดือนมิถุนายน 2552 ทั้งนี้ ดัชนีรอยเตอร์-เจฟเฟอรีส์ ซีอาร์บี (The Reuters/Jefferies CRB Index) ซึ่งอ้างอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 19 ชนิด ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยทะยานขึ้นกว่า 33.0% จากระดับปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งเป็นช่วงต่ำสุดของวัฏจักรขาลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์รอบล่าสุด (เดือนก.ค.51-ก.พ.52) อย่างไรก็ตาม ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต้องเผชิญกับแรงเทขายเพื่อปรับฐานในช่วงปลายสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนมิถุนายน 2552
ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกได้เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงเดือนมีนาคม-ต้นเดือนมิถุนายน 2552 อาทิ ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าระยะ 3 เดือนของทองแดงในตลาดโลหะลอนดอนแตะระดับสูงสุดในรอบ 8 เดือน (5,388 ดอลลาร์ฯ/ตัน) และราคาน้ำมันดิบ NYMEX แตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 7 เดือน (73.23 ดอลลาร์ฯ /บาร์เรล) ทั้งนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ประกอบด้วย ความต้องการเสี่ยงของนักลงทุนที่ฟื้นตัวขึ้นพร้อมๆ กับความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงปลายปี การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ ตลอดจนการกระจายการลงทุนออกจากสินทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์ฯ
อย่างไรก็ตาม ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต้องเผชิญกับแรงเทขายในช่วงต่อมา หลังจากนักลงทุนประเมินว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่ ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่แพงขึ้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น นอกจากนี้ การดีดตัวขึ้นของดัชนีค่าเงินดอลลาร์ฯ จากระดับต่ำสุดของปีนี้ และข้อมูลเศรษฐกิจที่สะท้อนว่า นักลงทุนอาจมีความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อมากเกินไปในขณะนี้ ก็เป็นอีก 2 ปัจจัยที่กระตุ้นแรงเทขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ ดัชนีรอยเตอร์-เจฟเฟอรีส์ ซีอาร์บี ณ วันที่ 22 มิถุนายน 2552 ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 246.07 หรือปรับตัวลงมาแล้ว 7.6% จากระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือนที่ทำไว้ก่อนแรงเทขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์จะเริ่มต้นขึ้น
แนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในครึ่งหลังของปี 2552
สำหรับแนวโน้มราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในระยะเวลาที่เหลือของปีนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แรงขายเพื่อปรับฐานของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2/2552 อาจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม หากประเมินภาพในระยะยาวจะพบว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อาจกลับมาได้รับแรงหนุนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า พื้นฐานที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจดังกล่าวอาจเกิดขึ้นในช่วงจังหวะเวลาเดียวกันกับการก่อตัวขึ้นของแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังกล่าวอาจจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้าลงทุนในสัญญาล่วงหน้าของสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมักจะให้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ แต่เนื่องจากแนวโน้มของเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะยังคงขยายตัวในระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพ (แม้จะพลิกกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งในช่วงปลายปีนี้) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมองว่า ลักษณะของการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงเวลานั้นอาจไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-ต้นมิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม 2 ปัจจัยหลักที่อาจต้องจับตาก็คือ ช่วงจังหวะเวลาการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลักของโลก นำโดย สหรัฐฯ ที่ถูกประเมินว่า อาจเกิดขึ้นในช่วงไตรมาส 3/2552 ซึ่งน่าที่จะทำให้ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ได้รับแรงหนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่อาจจะสดใสขึ้นในปี 2553 ตลอดจนการกลับมาเริ่มสะสมสต็อกสินค้าโภคภัณฑ์ของจีน (โดยเฉพาะสินแร่เหล็ก ทองแดง และถ่านหิน) หลังจากที่ตลาดได้ปรับฐานและทำให้ราคามีระดับลดต่ำลงแล้ว เพี่อรองรับการขยายตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนในระยะถัดไป นอกจากนี้ ประเด็นเกี่ยวกับปัญหาความไม่สงบ/ความผันผวนทางการเมืองของประเทศผู้ผลิตน้ำมัน ก็เป็นปัจจัยที่อาจกระทบความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันและตลาดโภคภัณฑ์โดยรวมได้เช่นกัน
ประเมินผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย
แม้ว่าในขณะนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ โดยเฉพาะราคาน้ำมัน กำลังอยู่ในช่วงของการปรับฐาน หลังจากที่ได้ทะยานขึ้นมาอย่างต่อเนื่องและรวดเร็วในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-ต้นมิถุนายน 2552 อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ความปั่นป่วนทางการเมืองและการก่อเหตุจลาจลที่เกิดขึ้นในประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ ก็อาจเป็นปัจจัยที่ช่วยชะลอการปรับตัวลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกได้ นอกจากนี้ หากประเมินภาพในระยะถัดไป จะเห็นว่า มีความเป็นไปได้สูงมากว่า ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์สำคัญอื่นๆ อาจกลับมาปรับตัวสูงขึ้นได้อีกครั้ง เมื่อเศรษฐกิจโลกฟื้นตัว พร้อมๆ กับแนวโน้มขาขึ้นของแรงกดดันเงินเฟ้อ และความความผันผวนของค่าเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งอาจจะมีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่เข้มแข็งขึ้นของสหรัฐฯ แต่ในขณะเดียวกันก็อาจถูกกดดันจากความกังวลต่อปัญหาการขาดดุลการคลังในระดับสูงของรัฐบาลสหรัฐฯ ไปพร้อมๆ กัน
แม้ว่าอัตราการพึ่งพาน้ำมันของเศรษฐกิจไทยจะทยอยปรับลดลงมาอย่างต่อเนื่องมาอยู่ที่ระดับ 3.7% ในปัจจุบัน จากระดับ 5.1% ในช่วงหลังวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 แต่เมื่อพิจารณาโดยเปรียบเทียบจะเห็นว่า เศรษฐกิจไทยมีอัตราการพึ่งพาน้ำมันอยู่ในระดับที่สูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย ซึ่งมากกว่าหลายๆ ประเทศในภูมิภาคเดียวกัน ดังนั้น ก็มีความเป็นไปได้ว่า ความผันผวนของราคาน้ำมัน ที่มักจะนำไปสู่ความผันผวนของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยทำการศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างความเคลื่อนไหวของราคาน้ำมันกับระดับราคาสินค้าผู้บริโภคและมูลค่าการนำเข้าโดยรวมของเศรษฐกิจประเทศแกนหลักของโลก และประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียในช่วงระหว่างปี 2538-2552 พบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ (Correlation) ระหว่างราคาน้ำมันกับระดับราคาสินค้าผู้บริโภคมีค่าเป็นบวกที่ค่อนข้างสูงในหลายๆ ประเทศ ซึ่งหมายความว่า ราคาน้ำมันและระดับราคาสินค้าผู้บริโภคมักจะปรับตัวไปในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นประเทศ ญี่ปุ่น ซึ่งราคาน้ำมันกับระดับราคาสินค้าผู้บริโภคแทบจะไม่มีความสัมพันธ์กันเลย ในขณะที่ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันกับมูลค่าการนำเข้าโดยรวม ก็ให้ผลการศึกษาในลักษณะที่สอดคล้องกันคือ ราคาน้ำมันและมูลค่าการนำเข้าโดยรวม มักจะแปรผันตามกันในทุกๆ ประเทศ ซึ่งนั่นก็อาจมีสาเหตุมาจากการที่ประเทศเหล่านั้นล้วนมีฐานะเป็นประเทศผู้นำเข้าน้ำมันสุทธินั่นเอง
และหากพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันและระดับราคาสินค้าควบคู่กันกับความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันและมูลค่าการนำเข้าโดยรวมจะพบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของระดับราคาสินค้าและมูลค่าการนำเข้าเทียบกับราคาน้ำมันในกรณีของไทยนั้น มีระดับที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ซึ่งนั่นก็เป็นนัยว่า ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระดับราคาและฐานะดุลการค้าอาจกลายเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากขึ้นหากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในระยะถัดไป และถ้าในช่วงเวลานั้น เศรษฐกิจไทยกำลังอยู่ในช่วงแรกเริ่มของการฟื้นตัว การปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมันดังกล่าว ก็อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้กระบวนการปรับตัวเข้าสู่ระดับศักยภาพของเศรษฐกิจไทยต้องกินเวลายาวนานมากขึ้นไปอีก ซึ่งนั่นก็หมายความว่า เศรษฐกิจไทยจะยังคงมีแนวโน้มขยายตัวในระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพอย่างต่อเนื่องในปี 2553 หลังจากที่อาจหดตัวในกรอบประมาณ 3.5-6.0% ในปีนี้ ตามประมาณการของศูนย์วิจัยกสิกรไทย
นอกจากนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยยังได้ทำการศึกษาผลกระทบจากความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม (โดยใช้ดัชนีรอยเตอร์-เจฟเฟอรีส์ ซีอาร์บี) ที่มีต่อฐานะดุลการค้าของไทย ซึ่งผลการศึกษาพบว่า การเปลี่ยนแปลงของดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อทั้งทางด้านการส่งออกและการนำเข้าของไทย โดยผลต่อการส่งออก พบว่า หากดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไป 1% จะส่งผลทำให้มูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.23% และสำหรับผลต่อการนำเข้า พบว่า หากดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไป 1% จะส่งผลทำให้มูลค่าการนำเข้าปรับตัวขึ้นประมาณ 0.34% ดังนั้น การปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม จึงน่าที่จะส่งผลกระทบต่อเนื่องทำให้ฐานะดุลการค้าของไทยมีแนวโน้มอ่อนแอลง
โดยสรุป การปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกนับตั้งแต่ในช่วงปลายปี 2551 ได้เร่งตัวขึ้นอย่างชัดเจนในช่วงเดือนมีนาคม-ต้นเดือนมิถุนายน 2552 โดยดัชนีรอยเตอร์-เจฟเฟอรีส์ ซีอาร์บี ซึ่งอ้างอิงราคาสินค้าโภคภัณฑ์ 19 ชนิด ได้ทะยานขึ้นกว่า 33.0% จากระดับปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ซึ่งเป็นช่วงต่ำสุดของวัฏจักรขาลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์รอบล่าสุด ทั้งนี้ ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมได้รับแรงหนุนจากหลายปัจจัย ประกอบด้วย ความต้องการเสี่ยงของนักลงทุนที่ฟื้นตัวขึ้นพร้อมๆ กับความคาดหวังต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกในช่วงปลายปี การอ่อนค่าของเงินดอลลาร์ฯ ความกังวลต่อภาวะเงินเฟ้อ ตลอดจนการกระจายการลงทุนออกจากสินทรัพย์ในรูปเงินดอลลาร์ฯ อย่างไรก็ตาม ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ต้องเผชิญกับแรงเทขายในช่วงต่อมา หลังจากนักลงทุนประเมินว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ได้ทะยานขึ้นอย่างรวดเร็วเกินกว่าการปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นของปัจจัยพื้นฐาน ขณะที่ ราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่แพงขึ้น ก็อาจส่งผลกระทบต่อสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า แรงขายในตลาดสินค้าโภคภัณฑ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2/2552 อาจยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่กดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมในระยะถัดไป อย่างไรก็ตาม หากประเมินภาพในระยะยาวจะพบว่า ตลาดสินค้าโภคภัณฑ์อาจกลับมาได้รับแรงหนุนอีกครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั่วโลกมีความแข็งแกร่งมากขึ้น ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่า พื้นฐานที่แข็งแกร่งทางเศรษฐกิจอาจเกิดขึ้นในช่วงจังหวะเวลาเดียวกันกับการก่อตัวขึ้นของแรงกดดันจากภาวะเงินเฟ้อ ทั้งนี้ สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกิจดังกล่าวอาจจูงใจให้นักลงทุนกลับเข้าลงทุนในสัญญาล่วงหน้าของสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งมักจะให้ผลตอบแทนที่ชนะเงินเฟ้อ แต่เนื่องจากแนวโน้มของเศรษฐกิจทั่วโลกที่จะยังคงขยายตัวในระดับที่ต่ำกว่าศักยภาพ ทำให้ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ลักษณะของการปรับตัวขึ้นของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในช่วงเวลานั้น อาจไม่เป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างเดือนมีนาคม-ต้นมิถุนายน 2552 ที่ผ่านมา
สำหรับผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย ซึ่งมีอัตราการพึ่งพาน้ำมันสูงเป็นอันดับต้นๆ ของเอเชีย (อัตราการพึ่งพาน้ำมันของไทยอยู่ที่ระดับ 3.7% ในปัจจุบัน) ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า ความผันผวนของราคาน้ำมัน (ซึ่งมักจะนำไปสู่ความผันผวนของตลาดสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวม) ที่อาจเกิดขึ้นในระยะถัดไปตามสัญญาณการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกนั้น อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยอย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยหากพิจารณาถึงความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันและระดับราคาสินค้าควบคู่กันกับความสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันและมูลค่าการนำเข้าโดยรวมจะพบว่า ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของระดับราคาสินค้าและมูลค่าการนำเข้าเทียบกับราคาน้ำมันในกรณีของไทยนั้น มีระดับที่สูงมากเมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่นๆ (ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันและระดับราคาสินค้ามีค่าประมาณ 0.84 ขณะที่ ค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ระหว่างราคาน้ำมันและมูลค่าการนำเข้าโดยรวมมีค่าสูงถึง 0.95) ซึ่งนั่นก็เป็นนัยว่า ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพของระดับราคาและฐานะดุลการค้า อาจกลายเป็นประเด็นที่มีความสำคัญมากขึ้นหากราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นในระยะถัดไป นอกจากนี้ ผลการศึกษาของศูนย์วิจัยกสิกรไทย ยังพบว่า ความเคลื่อนไหวของราคาสินค้าโภคภัณฑ์โดยรวมนั้น มีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อทั้งทางด้านการส่งออกและการนำเข้าของไทย โดยหากดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์เปลี่ยนแปลงไป 1% จะส่งผลทำให้มูลค่าการส่งออกขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 0.23% พร้อมๆ กับทำให้มูลค่าการนำเข้าปรับตัวขึ้นประมาณ 0.34% ดังนั้น ฐานะดุลการค้าของไทยอาจมีแนวโน้มอ่อนแอลงหากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้น
และสำหรับทางการไทยในช่วงเวลานั้น ก็คงจะต้องเตรียมมาตรการประคับประคองเศรษฐกิจที่อาจได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มในช่วงขาขึ้นของอัตราเงินเฟ้อซึ่งน่าที่จะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2552 และต่อเนื่องไปตลอดปี 2553 ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทยเองก็อาจต้องเตรียมเผชิญกับโจทย์ที่ซับซ้อนในการดำเนินนโยบายการเงินในช่วงเวลานั้น ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจที่อาจเริ่มฟื้นตัวขึ้น พร้อมๆ ไปกับการเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อซึ่งอาจทำให้ต้นทุนของการระดมทุนเพิ่มสูงขึ้น ในขณะที่ โจทย์ในการดูแลค่าเงินบาท ก็อาจจะเผชิญกับความผันผวนได้ หากฐานะดุลการค้าของไทยกลับมาอ่อนแอลงตามการฟื้นตัวของการนำเข้าและราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะในช่วงปลายปี 2552 ต่อเนื่องไปยังปี 2553
...