|
|
|
- อาทิตย์ จันทร์ เมฆา และวายุ...
- ... กินเจปี’52 ฯ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ขนมไหว้พระจันทร์ปีนี้ ยอดขายดีกว่าปีก่อน...โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... สภาพคล่องในงบดุลของธนาคารพาณิชย์ไทย ส.ค. 52 … เพิ่มขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย....
- ... กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) ... ผลกระทบต่อธุรกิจกองทุนรวม ...
- บริการคงสิทธิเลขหมาย…กระทบผู้ให้บริการ หลังเปิดใช้ 3G โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ภาวะเงินเฟ้อติดลบใกล้สิ้นสุด ...
- ... ส่งออกรถยนต์ไทยครึ่งหลัง 2552 มีสัญญาณดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- . . . Digital Content Industry . . .โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 : ผลกระทบต่อหลากธุรกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... . ตลาดหนังสือปี’52 : อัตราขยายตัวชะลอลง...สำนักพิมพ์ต้องเร่งปรับตัว โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย.
- ...พันธบัตรออมทรัพย์ไทยเข้มแข็ง ... ผลต่อสภาพคล่องและดอกเบี้ยแบงก์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- ... ยางธรรมชาติครึ่งหลังปี 52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย...
- การจัดสรรเงินออม...ภายใต้ปัจจัยเสี่ยงในช่วงครึ่งหลังของปี’52 โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มธุรกิจครึ่งปีหลัง 2552 ... โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ... แนวโน้มเงินบาทครึ่งหลังปี 2552 ...
- ... กรมธนารักษ์เปิดจ่ายแลกเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนชุดใหม่ครบทุกชนิดราคา ...
- ... ท่องเที่ยวครึ่งหลังปี 2552...มีโอกาสฟื้นตัวปลายปี....
- ตัวเลขเศรษฐกิจไทยเดือนพฤษภาคม 2552
- ธนาคารกรุงไทยจัด 2 โปรโมชั่นกระตุ้นการใช้จ่าย
- ...วิกฤตการณ์ทางการเงินของโลก : เงินทุนต่างชาติชะลอตัว... ผลต่ออสังหาริมทรัพย์ไทย...
- ... ส่งออก-ลงทุน-ท่องเที่ยว ไทย-จีน : มีทิศทางปรับดีขึ้น โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ...
- ... ตัวเลขว่างงานเดือนเมษายน 2552 พุ่งขึ้น 49.7% ...
- คณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทยน่าจะยังคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25%
- การส่งออกไม่รวมทองคำในเดือนพฤษภาคมหดตัว 27.3%
- ...เศรษฐกิจไทยมีโอกาสฟื้นตัวเพิ่มมากขึ้น... แต่...
- กฎหมายกู้เงินฉุกเฉิน 4 แสนล้านบาท … เปิดทางกระตุ้นเศรษฐกิจ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- .... ทำไม ต้องทำประกัน???.... (ด้วยคะ)........
- ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาว : ความท้าทายของเศรษฐกิจไทย
- การนำเงินทุนสำรองระหว่างประเทศมาใช้
- การส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์: ฟื้นตัวแล้ว?
- เงินบาทแข็งค่าสูงสุดในรอบ 8 เดือน
- . . . .กระแสรักสวย-รักงาม...ยังคงทำให้ธุรกิจขยายตัว . . . .
- เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2/2552 อาจยังคงหดตัวลงอย่างต่อเนื่อง
- เศรษฐกิจไทยอาจฟื้นตัวชัดเจนขึ้นในครึ่งปีหลัง … แต่ยังมีปัจจัยที่ต้องระวัง
- . . .ราคาน้ำมันเบนซินเพิ่มขึ้นลิตรละ 80 สตางค์ ส่วนดีเซลเพิ่มขึ้นลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 21 พ.ค.นี้
- ตัวเลขว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ... ลดลงเพราะผลจากฤดูกาล
- . ตลาดหุ้นไทยร่วง 26 จุด - บุหรี่ในขึ้น 10-13 บาท บุหรี่นอก 15-17 บาท
- ผู้บริโภคร้องเรียนร้านค้ากักตุนบุหรี่กว่า 200 ราย
- . . . กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ ครม. ตัดสินขึ้นภาษีที่ดิน . . .
- . . . ข่าวดี ที่เกิดขึ้น ก่อนวันพระ หนึ่งวัน . . .
- . . .ขึ้นภาษีสรรพสามิตเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- ครม.ไฟเขียวให้ลูกจ้าง-นายจ้างลดส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคมเหลือ 3% จาก 5%
- . . .อัตราเงินเฟ้อเดือนเมษายน52 ...ติดลบเป็นเดือนที่ 4 . . .
- ขึ้นน้ำมันทุกชนิดลิตรละ 1.55 บาท ยกเว้นอี 85 มีผลวันที่ 1 ก.พ.นี้
- ครม.มีมติเพิ่มภาษีสรรพสามิตน้ำมันทั้งเบนซิน-ดีเซล มีผลวันที่ 1 ก.พ. นี้
- คลังเตรียมพิจารณากฎหมายเพื่อเก็บภาษีที่ดิน-สิ่งปลูกสร้าง รวมถึงภาษีมรดก
- เตือนภัยหญิงไทยที่ติดต่อชาวต่างชาติผ่านทางระบบ Internet ระวังถูกหลอกให้เสียเงินจากการรับสินค้า
- 7 มาตรการทางภาษีเพื่อสนับสนุนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ-- ปิดปั๊มหลังเที่ยงคืน 31 ม.ค.ก่อนขึ้นราคาน้ำมัน
- กรมสรรพากรชี้แจงเงื่อนไขหักลดหย่อนภาษีเบี้ยประกันชีวิต สำหรับกรมธรรม์ที่ทำหลังวันที่ 1 ม.ค.52
- ราคาก๊าซรถยนต์(แอลพีจี)อาจเพิ่มขึ้น 2 บาทต่อกก.-กระทรวงแรงงานจัดงาน “ตลาดนัดแรงงาน” ทุกวันเสาร์. . .
- กนง. ลดดอกเบี้ยร้อยละ 0.75 เหลือร้อยละ 2.00 -- รมว.แรงงานแจงช่วยค่าครองชีพจ่าย 2,000 บาท ครั้งเดียว
- ครม.อนุมติงบกลางปี 1.15 แสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจ 18 โครงการ
- ต่ออายุ 6 มาตรการฝ่าวิกฤติ - นัดพบแรงงานทุกวันเสาร์ - อนุมัติงบช่วยเหลือผู้ว่างงาน
- ขึ้นราคาน้ำมันลิตรละ 60 สตางค์ 7 ม.ค.นี้
- เงินเฟ้อปี 51 - 5.5% --- หุ้นวันแรกบวก 28 จุด -- ตรึงราคาก๊าซแอลพีจี และเอ็นจีวี. . .
- ราคาน้ำมันปีหน้า มีแนวโน้มทรงตัว แต่ค่าไฟฟ้าช่วงครึ่งปีแรกจะปรับขึ้น
- นายกเตรียมปรับลดใช้น้ำฟรีเหลือ 30 หน่วยต่อเดือน - สายด่วนประกันภัย 1186
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 60 สตางค์ 26 ธ.ค.นี้
- ราคาที่ดินลาดพร้าวปรับเพิ่ม 65% -- รัฐเตรียมช่วยคนซื้อบ้านใหม่ปีหน้า -- ค่าไฟฟ้าขึ้นหน่วย 14 สตางค์
- ตัวเลขการส่งออกเดือนพ.ย. หดตัวสูงถึง 18.6%
- รถไฟฟ้าบีทีเอสขยายเวลาเปิดให้บริการคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ถึง 02.00 น.
- ธปท.เตือนประชาชนระวังธนบัตรปลอมระบาด--รฟท. เพิ่มขบวนรถไฟ 18 ขบวน
- ปตท.เตรียมขึ้นราคาก๊าซเอ็นจีวีจาก 8.50 บาท เป็น 11 บาท มีผล 1 ม.ค.52--ลดค่าโดยสารขสมก.-บขส.
- ลดราคาดีเซลลิตรละ 0.50 บาท - เก็บเงินเบนซิน 95 เข้ากองทุนน้ำมันลิตรละ 3 บาท - รัฐบาลใหม่
- คาดเฟดลดดอกเบี้ย 0.5% - โอเปกประชุม 17 ธ.ค.นี้ - ราคายางตกต่ำสุดในรอบ 10 ปี
- บขส-รถร่วมเตรียมลดค่าโดยสาร--แบงก์ออมสินลดดอกเบี้ย--ปีใหม่ แบงก์หยุด 5 วัน. . .
- อีก 5 ปี . . . ประชาชนจะกลายเป็นมนุษย์ไฮเทค . . .
- แนวโน้มยอดขายรถยนต์ในประเทศ : ชะลอลงต่อเนื่องถึงปีหน้า
- น้ำมันลดลง 60-80 สตางค์ต่อลิตร--ปีหน้าว่างงาน 9 แสนคน--เบียร์ช้างชะลอเข้าตลาดหุ้น--คลังหนุนปรับภาษี
- เงินบาทแตะระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 22 เดือน ที่ 35.83 / หุ้นปิดที่ 392 แนวต้าน 400 แนวรับ 380
- สุวรรณภูมิพร้อมเปิดเต็นรูปแบบ 5 ธ.ค.นี้ 11.00--บขส.เปิดจองตั๋วล่วงหน้าช่วงปีใหม่-น้ำมันลด 40-60 สต.
- เปิดใช้สนามบินดอนเมือง 4 ธ.ค.-สุวรรณภูมิ 5 ธ.ค.--กนง.ลดดอกเบี้ย 1%--น้ำมันถั่วเหลืองลดราคา 3.50 บาท
- สนามบินสุวรรณภูมิเปิดรับส่งสินค้าทางอากาศได้แล้ว ตั้งแต่วันที่ 2 ธ.ค.
- น้ำมันลดลงลิตรละ 0.40 บาท-- เงินเฟ้อเดือนพ.ย.2.2% ต่ำสุดรอบ 14 เดือน--สนามบินยังปิดอยู่...
- ผลกระทบการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ
- ..วิกฤติเศรษฐกิจโลก-วิกฤติเศรษฐกิจไทยปี 2552 - ท่องเที่ยว-โรงแรมยอดขายลด 10-15% -- หุ้นบวก 5.73 จุด.
- ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 25 พ.ย.นี้
- ค่าบาทอ่อน - ตลาดหุ้นแนวโน้มทดสอบ 384 - น้ำมันลด 60-0 สตางค์ -ทองคำพุ่ง 400 บาท -คนตกงานกว่า 4 แสนคน
- ผลการประชุม กรอ.- กระทรวงคลังเตรียมปรับลดภาษี
- จีเอ็มลดคนงาน-คำสั่งซื้อยานยนต์ลดลง-ธกส.พร้อมจ่ายเงินรับจำนำข้าว-หุ้นปิดที่ 408.51 ลดลง 11.46 จุด
- เสนอครม.ลดภาษีนิติบุคคลลง 5% - ขึ้นภาษีสินค้าฟุ่มเฟือย - ปรับเกณฑ์ซีลลิ่ง-ฟลอร์หุ้นใหม่ 2 ธ.ค.นี้
- ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 40-80 สตางค์-ซิตีกรุ๊ปประกาศปลดคนงาน 53,000 คนทั่วโลก
- ก.แรงงานรับวิกฤติคนตกงาน-รถติดตั้งแก๊สลดฮวบ ตามราคาน้ำมัน-เผยแพร่ทีโออาร์เช่ารถเมล์ผ่านเว็ป
- เงินบาทอ่อนค่าลง ขณะที่ดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงทั้งสัปดาห์
- ขึ้นราคาก๊าซก.ก.ละ 6 บาท-เตือนธุรกิจเกษตร, ส่งออก, เอสเอ็มอีรับผลกระทบปีหน้า
- ลอยกระทงกันดีกว่า เมี๊ยวๆ...
- ราคาน้ำมันเบนซินลด 80 สตางค์--กกร.เสนอลดภาษี--แนวโน้มตกงานเพิ่ม--การใช้พืชพลังงานลดลง
- โอบามา-ผลกระทบต่อไทย
- แก๊สโซฮอล์-เบนซนลด 60-80 สตางค์-
- เงินเฟ้อต.ค.3.9%ต่ำสุดรอบ 10 เดือน--รัฐกู้เงินรับจำนำข้าว--หุ้นฟื้น 32 จุด--จดทะเบียนแรงงานต่างด้าว
- เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 19 เดือน-ตัวเลขเศรษฐกิจเดือนก.ย.ส่งสัญญาณชะลอตัว
- เฟดลดดอกเบี้ย 0.5%-- หุ้นขึ้นพ้น 400 --เว้นเกณฑ์ silent period--กองทุนยางพารา
- น้ำมันดีเซลลง 60 สตางค์--หุ้นตก 13 จุด--หม่อมอุ๋ยแนะเอาเงินฝากแบงก์เล่นหุ้น--SMEควบบสย.
- ขยายเวลาค้ำเงินฝาก 3 ปี-จำนำข้าวโพด-มันสำปะหลัง--TDRI--สศค.
- เซอร์กิตเบรกเกอร์ (circuit breaker)หยุดซื้อขายหุ้นครั้งที่ 3 -ดัชนี 387 ต่ำสุดรอบ 5 ปี-ยอกตกงาน 6แสน
- งดขายทองคำแท่งเสาร์-อาทิตย์--โอเปคลดการผลิต--หุ้นต่ำสุดรอบ 5 ปี--คาดเฟดลดดอกเบี้ยอีก
- ข้าวแกงลดราคา -- กบง.เก็บเงินเพิ่มเข้ากองทุนน้ำมัน -- เบียร์ช้างเข้าตลาดหุ้น -- รถไฟฟ้ารอเข้าครม.
- กระทรวงการคลังเสนอแนวคิดขยายเวลาค้ำเงินฝากทั้งจำนวนอีก 3 ปี - กดค่าบาทให้อ่อนลงอีก 5% อุ้มส่งออก
- แนวโน้มอุตสาหกรรมไทยท่ามกลางมรสุมเศรษฐกิจโลก
- น้ำมันลดลง 10%--ค่าโดยสารรถ-เรือเตรียมปรับลงตาม--ยางพาราราคาตก 43%
- ราคายางลดลงเร็วที่สุดเป็นประวัติการณ์ : สาเหตุ ผลกระทบ และทางออก
- วิกฤติแฮมเบอร์เกอร์ - วิกฤติการเงินไทยปี 2540 - ผลกระทบที่แตกต่าง - 6 มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
- ราคาน้ำมันดีเซล-เบนซิน-แก๊สโซฮอล์ ลดลงลิตรละ 1 บาท 15 ต.ค.นี้
- ผู้ค้าน้ำมันประกาศลดราคาเบนซิน 40 สต.-ดีเซล 80 สต.พรุ่งนี้
- ไอซ์แลนด์ยึดแบงก์โคปทิง--สแตนดาร์ดชาร์เตอร์ยืนยันฐานะมั่นคง--ธ.กลางทั่วโลกลดดอกเบี้ย...หุ้นฟื้น 1%
- ทำไมเราต้องดูจิต, วิธีการ "ดูจิต", วงจรกระแสจิต, อานิสงส์ของการแผ่เมตตา, วิธีแผ่เมตตา...
- ลดราคาขายปลีกน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 60 สตางค์ --หุ้นหลุด 500
- ภาคเอกชนเป็นห่วงสถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทุกภาคส่วน
- ราคาน้ำมันทุกประเภทลดลง 20-80 สตางค์---หุ้นตกต่ำสุดรอบ 5 ปี--กกร.เสนอ 7 มาตรการเร่งด่วน. . .
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาด กนง. คงอัตราดอกเบี้ย 3.75%
- รอลุ้นแผนกูวิกฤติการเงินสหรัฐฯ
- ธุรกิจสถานีบริการก๊าซ LPG ปี51--เงินเฟ้อเดือนก.ย.แนวโน้มชะลอลง
- เงินเฟ้อก.ย.6.0%-ปตท.คาดน้ำมันดิบแกว่งตัว 90-100 USD/Barrel. . .
- กินน้อยตายยาก กินมากตายง่าย
- เศรษฐกิจเดือนส.ค.สะท้อนสัญญาณชะลอตัว
- Emergency Economic Stabilization Act of 2008 (link to full and summary in pdf file)
- โครงการที่น่าติดตามภายใต้รัฐบาลสมชาย 1
- วิกฤตการเงินในสหรัฐฯ ... ผลกระทบต่อภาคการเงินไทย
- ความเชื่อมั่นธุรกิจประกันภัยในประเทศไทย--กรุงไทยขายกรมธรรม์ประกันภัยรูปแบบใหม่. . .
- เชลล์ขึ้นราคาน้ำมัน 60 สตางค์--คลัง แบงก์ชาติ คปภ มั่นใจสภาพคล่องการเงิน--รายชื่อครม.สมชาย1. . .
- มาตรการกู้วิกฤติการเงินสหรัฐวงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์
- กระทรวงพาณิชย์อาจนำทองคำเป็นสินค้าควบคุม--กินเจ 29 ก.ย.- 7 ต.ค.ผักแพง--พันธบัตรคลังปี 52. . .
- นักวิชาการเตือนรับมือวิกฤติเลห์แมน--เก็บเงินกองทุนน้ำมันเพิ่ม--ยอดขายรถยนต์ลด--ธอส.ลดดอกเบี้ย. . .
- Resolution Trust Corporations (RTC) โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย
- ---ผักแพง-ทองขึ้น-ค่าไฟฟ้า-วิเคราะห์วิกฤติเลห์แมน--กินเจปีนี้---
- . . . น้ำมันลด 60 สตางค์-ทองพุ่ง 13,550 บาท--หุ้นผันผวน--รถไฟหยุดวิ่งน้ำท่วม . .
- . . . เฟดคงอัตราดอกเบี้ยที่ร้อยละ 2.00 และให้ความช่วยเหลือด้านเงินกู้แก่ AIG . . .
- . . . วิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ ... อาจยังไม่ยุติ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย . . .
- . . . น้ำมันลง 50 สตางค์--
- . . . หุ้นตก-เลห์แมนฯล้มละลาย--แนะซื้อทองต่ำกว่า 13,000.--จำนำข้าว . . .
- . . . คาดเฟดคงดอกเบี้ย 2.00%--รถไฟเปิดให้บริการ 240 ขบวน--ราคาทองกระเตื้องเล็กน้อย. . .
- . . . ทองแท่งเหลือบาทละ 12,650 บาท--ดีเซลลดอีก 60 สตางค์--ดอกเบี้ยพันธบัตร3ปี 4.65% . . .
- ธอส. เชิญชวนเล่านิทานลงเทปหรือแผ่นซีดีมอบให้มูลนิธิช่วยคนตาบอดฯ
- . . . ครม.แต่งตั้งปลัด-อนุมัติ 3 G -งบจัดซื้ออาวุธ-สร้างรัฐสภาใหม่. . .
- . . . แนวโน้มธุรกิจค้าปลีกครึ่งปีหลังชะลอตัว . . .
- . . . อาหารสัตว์เลี้ยง : เติบโตต่อเนื่อง...หลากปัจจัยหนุน . . .
- . . . แนะคลายเครียด เสพข่าวการเมือง . . .
- . . . ข่าววันที่ 4 ก.ย.51 . . .
- ราคาน้ำมันดีเซลลดลงลิตรละ 60 สตางค์ วันที่ 4 ก.ย.
- . . . อนุมัตินมกล่อง-น้ำมันถั่วเหลืองขึ้นราคา--เลื่อนหวยบนดิน--หุ้นตก--บาทอ่อน. . .
- Bangkok under state of emergency
- . . . เงินเฟ้อเดือน ส.ค.ลดลงเหลือ 6.4% จาก 9.2% ในเดือนก.ค. . . .
- --- ทิศทางตลาดหุ้นไทย...ยังเผชิญแรงกดดันจากหลายปัจจัย ---
- --- ภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนกรกฎาคม 2551 ---
- ---กนง.ขึ้นดอกเบี้ยเป็น 3.75%--ธอส.ให้กู้ซื้อบ้าน 1.5 ล้านบาท--บสย.--ไทยแอร์เอเซีย . . .
- . . . ถึงเพื่อนที่มีพันธะ ต่อกัน... ถึง พันธมิตร . . . จาก พรรคพลังไข่. . .
- . . . หุ้นไทยร่วง 2% หลังเปิดตลาดในภาคเช้า . . .
- . . . สภาพัฒน์ฯ คาดเศรษฐกิจปีนี้โต 5.2-5.7% . . .
- . . . พรบ.ผู้บริโภค เริ่มใช้ 25 ส.ค.51--กกร.ประชุมเรื่องราคาสินค้า---บขส.เปิดเส้นทางกทม.-สมุย. .
- . . .ธปท.-คลังน้อมรับกระแสพระราชดำรัส--ส่งออก 7 เดือนโต 26% . . .
- . . . 23 สิงหานี้ บังคับใช้กฎหมายจัดเก็บข้อมูลคอมพิวเตอร์ --- คาดการณ์เศรษฐกิจไตรมาส 2 โต 5.8% . . .
- . . . น้ำมันจะลดลงอีก--ค่าบาทอ่อนสุดรอบ 9 เดือน . . .
- Rose Rose i love you
- . . . นั่งรถไฟฟรี เชียงใหม่, อุบลฯ, หนองคาย, และสุไหงโกลก----ทองคำขาดตลาด . .
- ...ปลากัดเตือน...
- . . . รถใช้ก๊าซต้องแจ้งตรวจสภาพ--สมัครคนเดินโพยหวยบนดินวันแรก-กราฟราคาทอง. . .
- . . . เพิ่มเงินสมทบกองทุนน้ำมัน--สมัครคนเดินโพย 18 ส.ค.--ราคาทองคำลด--บาทอ่อน . . .
- . . . Storm surge มหันตภัยร้ายแห่งท้องทะเล . . .
- . . . ธุรกิจเดลิเวอรี่สินค้าอาหาร เติบโต 15% . . .
- . . . ตรึงราคาสินค้าถึงสิ้นปี--น้ำมันลดราคา--ทองคำต่ำสุดรอบ 7 เดือน. . .
- . . . เตรียมประกาศห้ามใช้สารตะกั่วเชื่อมต่อหม้อก๋วยเตี๋ยวเป็นการถาวร . . .
- . . . รถติดก๊าซ NGV ต้องมีใบรับรองเติมก๊าซ--ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์. . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง . . .
- . . . นมกล่อง จะขึ้นราคา อีก 1-2 บาท . . .
- . . . ม.หอการค้าคาดเศรษฐกิจปีนี้ โต 5.5-6.0%---สศช.ระบุสัดส่วนผู้สูงอายุจะเพิ่มเป็น 25%ในอีก 20 ปี .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 1 บาท - เบนซินลิตรละ 50 สตางค์ ---
- . . . ครม.อนุมัติขึ้นภาษีเหล้า-บุหรี่--โครงข่ายโทรศัพท์ 3 จี---กรมศุลการกร เปิดประมูลรถยึด. . .
- . . . หวยออนไลน์ 1 ต.ค.51 . . .
- . . . ลดราคาดีเซลลิตรละ 60 สตางค์ พรุ่งนี้-- คาด FED คงดอกเบี้ย 2.00% . . .
- . . . เงินเฟ้อดือน ก.ค.9.2%--ทีมเศรษฐกิจใหม่--รถเมล์ รถไฟ ฟรี . . .
- . . . 1 ส.ค.เริ่มใช้ 6 มาตรการ 6 เดือน -- ดีเซลลดลง 50 สตางค์ -- เลื่อนพิจารณาราคาสินค้า. . .
- . . . พรบ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก -- กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ - Sovereign Wealth Fund (SWF) . . .
- . . . สรุปผลการสัมมนาทางวิชาการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง 5/2551 . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซิน 91 และแก๊สโซฮอล์พรุ่งนี้(30 ก.ค.) . . .
- . . . ปตท.-เชลล์ ปรับลดราคาดีเซลอีกลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ราคาน้ำมันลดลงลิตรละ 3.50-4.70 บาท --- ทางด่วนขึ้น 5 บาท ---- น้ำมันพืชขึ้นอีก 5 บาท . . .
- . . . ปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี ( LPG ) ควรลอยตัว หรือแบ่ง 2 ราคา . . .
- . . . ตัวเลขการส่งออก มิ.ย.51 ขยายตัว 27.4% . . .คาดทั้งปี 15% . . .
- . . . 11 ส.ค. 51 เริ่มใช้ พ.ร.บ.สถาบันคุ้มครองเงินฝาก . . .
- . . . ลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 80 สตางค์ . . .
- . . . ตลาดรถจักรยานยนต์ครึ่งปีแรกขยายตัว 3% . . .
- . . . ทิศทางค่าเงิน และ ตลาดหุ้น สัปดาห์นี้ (21-25 ก.ค.) . . .
- . . . กลุ่มใต้ดินรวมภาคใต้ . . .ประกาศหยุดยิง . . .
- . . . ปตท.ลดราคาน้ำมัน ลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . กนง.ปรับขึ้นดอกเบี้ยร้อยละ 0.25 ตามคาด . . .
- . . . 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤติค่าครองชีพสูง . . .
- . . . รัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชน หลังการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ค.นี้ . . .
- . . . กรมสรรพากรเตือนประชาชนระวังถูกมิจฉาชีพหลอก เรื่องคืนภาษีและขอรับบริจาค . . .
- . . . ลดราคาเบนซิน พรุ่งนี้ . . .
- . . . ปตท.ลดราคาเบนซินลิตรละ 60 สตางค์ . . .
- . . . เล่นเกมส์ sudoku กันดีกว่า . . .
- . . . ส่งเสริม E85 เป็นวาระแห่งชาติ . . . /. . . นำเข้า LPG เดือนนี้อีก 1 แสนตัน . . .
- . . . เอ็นจีวี ( NGV ) หรือ แอลพีจี( LPG ) . . .ที่รัฐควรส่งเสริม . . .
- . . . แท็กซี่ยังขึ้นราคาค่าโดยสารไม่ได้ . . .
- . . . เงินเฟ้อ 7.6 ---> 8.9 ---> 9.0 ----> 10 . . .ทั้งปี 2551 เฉลี่ย 8%??...
- . . . เงินเฟ้อเดือน มิ..ย. ... 8.9% . . .
- . . . เด็ดดอกไม้ สะเทือนถึงดวงดาว . . .(อาการภูมิแพ้)
- . . . ลอยตัวราคาก๊าซ LPG วันที่ 1 ก.ค.นี้ . . .
- . . . บางจาก-คาลเท็กซ์-ระยองเพียว ประกาศปรับขึ้นราคาขายปลีกน้ำมัน . . .
- . . . หุ้นไทยภาคเช้าดิ่งลงกว่า 20 จุด . . .
- . . .หวั่นการเมืองรุนแรง ตลาดหุ้นร่วง1.04% . . .
- . . . ตลาดหุ้นร่วง กังวลข่าว รัฐประหาร . . .
- . . . หุ้นไทยมีแนวโน้มปรับตัวผันผวน . . .
- . . . อียูเตรียมลดภาษีมูลค่าเพิ่ม ช่วยผู้มีรายได้น้อยจากภาวะน้ำมันแพง. . .
- . . . ชวนคนมีฝีมือ ส่งผลงาน ประกวดออกแบบสลากออมสิน . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าสุดในรอบ 5 เดือน . . .
- . . . ธ.ก.ส.เผยยอดซื้อสลากทวีสินเดือนเดียว เฉียด 2 หมื่นล้าน . . .
- . . . ตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้า ทางเลือกใหม่สร้างความมั่นคงเกษตรกร . . .
- . . . เงินบาทอ่อนค่าหลุดแนวรับ 33.00 แตะระดับต่ำสุดรอบกว่า 4 เดือน . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทยปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ร้อยละ 0.375-1.25 . . .
- . . . มาเลเซียประกาศลอยตัวราคาน้ำมันเชื้อเพลิง-ยกเลิกห้ามขายน้ำมันให้ต่างชาติ . . .
- . . . จับ กระเทียม . . .
- . . . NGV ปีหน้าราคาอาจจะขึ้นเป็น 12 บาท . . .
- . . . ธนาคารกรุงไทย เตรียมขึ้นค่าธรรมเนียมกด ATM ต่างแบงก์ . . .
- . . .ธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัวใหญ่ ซีพี แนะใช้ทฤษฎี 2 สูง . . .
- . . . เงินเฟ้อเดือน พ.ค. ... พุ่งสูงสุดในรอบเกือบ 10 ปี . . .
- เงินบาทสัปดาห์นี้ยังมีโอกาสอ่อนค่าลงได้อีก
- ...o...
- ... แนวโน้มเศรษฐกิจในปี 2551 ...
- ... แนะนำงาน Money X-pro ...
- ...อยู่รอดให้ได้...ภายใต้ภาวะผันผวน...
- ...Value Averaging...
- ...ซื้อกองทุนรวมรับของแถม?...
- ...ลงทุนทุกเดือนสม่ำเสมอ...
|
|
|
|
|
ตัวเลขว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ... ลดลงเพราะผลจากฤดูกาล
. . .
ตัวเลขว่างงานเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ... ลดลงเพราะผลจากฤดูกาล
จากรายงานผลการสำรวจภาวะการทำงานของประชากรไทยล่าสุดโดยสำนักงานสถิติแห่งชาติเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ที่ผ่านมา ตัวเลขผู้มีงานทำในเดือนกุมภาพันธ์ 2552 ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่อัตราการว่างงานขยับลงมาอยู่ที่ร้อยละ 1.9 เทียบกับร้อยละ 2.4 ในเดือนม.ค. 2552 ซึ่งอาจทำให้มองดูเหมือนว่าตลาดแรงงานเริ่มมีเสถียรภาพ และภาวะการว่างงานอาจจะไม่รุนแรงอย่างที่คาด อย่างไรก็ตาม การปรับลดของอัตราการว่างงานดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านฤดูกาล (Seasonal Effect) ขณะที่ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า สถานการณ์ตลาดแรงงานในประเทศยังคงเปราะบาง ท่ามกลางปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการเมือง ทำให้สถานการณ์แรงงานที่ดีขึ้นในเดือน ก.พ. 2552 ที่ผ่านมายังคงต้องติดตามต่อไปอย่างใกล้ชิด โดยประเด็นวิเคราะห์สำคัญ มีดังนี้
การมีงานทำและการทำงานต่ำระดับในเดือนก.พ. ปรับตัวดีขึ้น ... ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยด้านฤดูกาล ขณะที่ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552 ยังคงถดถอยจากไตรมาส 4/2551
ผู้มีงานทำในเดือนก.พ. 2552 มีจำนวน 36.67 ล้านคน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แม้จะเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นกว่าเดือนม.ค.ที่ขยายตัวเพียงร้อยละ 0.8 (Y-o-Y) ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของผู้มีงานทำในนอกภาคเกษตรที่เติบโตเร่งขึ้นจากร้อยละ 1.1 ในเดือนม.ค. มาที่ร้อยละ 3.8 ในเดือนก.พ. ในขณะที่ผู้มีงานทำในภาคเกษตรขยายตัวเพียงร้อยละ 0.06 ในเดือนก.พ. ชะลอลงเล็กน้อยจากที่ขยายตัวร้อยละ 0.1 ในเดือนม.ค.
แต่ตัวเลขผู้มีงานทำที่เพิ่มขึ้นในเดือนก.พ. มีปัจจัยด้านฤดูกาลเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยทำให้ต้องระมัดระวังในการตีความ เพราะหากย้อนกลับไปดูข้อมูลการมีงานทำในช่วงที่ผ่านมาจะพบว่า จำนวนผู้มีงานทำในเดือนก.พ.มักจะเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้าของทุกปี และมักจะกลับมาลดลงอีกในเดือนถัดไป ดังนั้น การเพิ่มขึ้นของผู้มีงานทำในเดือนก.พ ทำให้ยังไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นสถานการณ์ที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง แม้ตัวเลขผู้มีงานทำในเดือนก.พ.ของปีนี้จะเพิ่มขึ้นจากเดือนม.ค.ถึงร้อยละ 1.3 ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 0.2 ในช่วง 3 ปีก่อน แต่จากการวิเคราะห์ตัวเลขผู้มีงานทำในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าเพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 1.6 ยังคงชะลอลงจากในช่วงไตรมาส 4/2551 ที่ขยายตัวร้อยละ 1.8
การทำงานต่ำระดับลดลงจากเดือนก่อนหน้า โดยจำนวนของผู้ที่ทำงานน้อยกว่า 35 ชม.ต่อสัปดาห์ และพร้อมที่จะทำงานเพิ่มพลิกกลับมาติดลบร้อยละ 2.9 (YoY) ในเดือนก.พ. 2552 หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 20.2 ในเดือนม.ค. แต่ในภาพรวมช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ ภาวะการทำงานต่ำระดับยังคงรุนแรงกว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2551 (จากที่เคยติดลบร้อยละ 7.1 ในไตรมาส 4/2551 พลิกกลับมาเป็นบวกร้อยละ 11.3 ในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้)
ภาวะการว่างงานเพิ่มขึ้นในอัตราที่ลดลงในเดือนก.พ. ... แต่ก็ได้รับอิทธิพลจากปัจจัยด้านฤดูกาลเช่นกัน
จำนวนผู้ว่างงานมีอัตราการเพิ่มที่ชะลอลง โดยมีผู้ว่างงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 27.1 (Y-o-Y) ในเดือนก.พ. ชะลอลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 39.2 ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการลดลงในกลุ่มผู้ว่างงานที่เคยทำงานมาก่อนเฉพาะในภาคเกษตร (หดตัวร้อยละ 16.0 ในเดือนก.พ. พลิกจากที่ขยายตัวร้อยละ 418.2 ในเดือนม.ค.) และภาคบริการและการค้า (ขยายตัวร้อยละ 38.8 ในเดือนก.พ. ลดลงจากที่ขยายตัวร้อยละ 54.0 ในเดือนก่อนหน้า) ส่วนการว่างงานในภาคการผลิตยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยพุ่งขึ้นจากร้อยละ 44.5 (Y-o-Y) ในเดือนม.ค. มาอยู่ที่ร้อยละ 57.1 ในเดือนก.พ.
แต่อัตราการขยายตัวของการว่างงานในเดือนก.พ.ที่ชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากปัจจัยทางด้านฤดูกาล ซึ่งเมื่อย้อนไปดูข้อมูลในอดีต จะพบว่าผู้ว่างงานในเดือนก.พ.มักจะลดลงจากเดือนม.ค.ของทุกปี โดยผู้ว่างงานในเดือนก.พ. 2552 ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 18.7 (M-o-M) เทียบกับค่าเฉลี่ยในช่วง 3 ปีก่อนที่ลดลงประมาณร้อยละ 15.7 ขณะที่การวิเคราะห์ตัวเลขผู้ว่างงานในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ พบว่าการว่างงานรวม (ทั้งกลุ่มที่ไม่เคยทำงานมาก่อน และเคยทำงานมาก่อน) ขยายตัวร้อยละ 33.5 สูงกว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีก่อนที่ขยายตัวร้อยละ 20.6 หากพิจารณาเฉพาะกลุ่มที่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อน จะพบว่าสถานการณ์การเลิกจ้างในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ยังคงทวีความรุนแรงกว่าในช่วงไตรมาส 4/2551 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.2 เทียบกับที่ขยายตัวร้อยละ 24.4 ในไตรมาส 4/2551) โดยเฉพาะจำนวนผู้ว่างงานในภาคการผลิตที่เติบโตในอัตราที่เร่งขึ้นจากร้อยละ 7.2 ในช่วงไตรมาส 4/2551 มาอยู่ที่ร้อยละ 50.2 ในช่วง 2 เดือนแรกของปี 2552
ขณะที่ การว่างงานในกลุ่มผู้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานมาก่อนยังเติบโตในอัตราที่เร่งขึ้น โดยขยายตัวร้อยละ 13.8 (YoY) ในเดือนก.พ. เพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากที่ขยายตัวร้อยละ 11.5 ในเดือนม.ค. ทั้งนี้ เนื่องจากผู้ว่างงานในกลุ่มนี้เป็นผู้จบการศึกษาใหม่ และไม่มีประสบการณ์ทำงานมาก่อน ทำให้โอกาสในการได้รับคัดเลือกให้เข้าทำงานมีน้อยกว่ากลุ่มแรงงานที่มีประสบการณ์ / เคยทำงานมาก่อน
นอกจากนี้ อัตราการว่างงานยังเพิ่มขึ้นในทุกภาคเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะเดียวกันก็ยังมีอิทธิพลจากปัจจัยด้านฤดูกาลด้วย ทั้งนี้ แม้อัตราการว่างงานในเดือนก.พ. 2552 ที่ร้อยละ 1.9 หรือ 7.1 แสนคน จะลดลงจากเดือนก่อนที่มีอัตราการว่างงานสูงถึงร้อยละ 2.4 หรือ 8.8 แสนคน แต่ส่วนหนึ่งก็สะท้อนอิทธิพลจากปัจจัยด้านฤดูกาลเหมือนกับข้อมูลการมีงานทำและการว่างงาน ขณะที่อัตราการว่างงานดังกล่าวยังคงเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.4 จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีอัตราการว่างงานเพียงร้อยละ 1.5 หรือ 5.6 แสนคน และภาพรวมในช่วง 2 เดือนแรกของปีนี้ที่มีอัตราการว่างงานเฉลี่ยร้อยละ 2.2 หรือ 8 แสนคน สะท้อนให้เห็นว่าปัญหาการว่างงานของไทยทวีความรุนแรงขึ้นจากไตรมาส 4/2551 ที่มีอัตราการว่างงานเพียงร้อยละ 1.3 หรือ 5 แสนคน ซึ่งเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของอัตราการว่างงานในทุกภาคของประเทศ โดยภาคอีสานเป็นภาคที่มีอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดถึงร้อยละ 1.4 รองลงมาเป็นภาคใต้เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.9 ภาคเหนือ และภาคกลาง เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 และ 0.5 ตามลำดับ ส่วนในเขตกรุงเทพฯ มีอัตราการว่างงานเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเพียงร้อยละ 0.04
แนวโน้มสถานการณ์แรงงานในระยะที่เหลือของปี 2552 ยังเผชิญกับหลายปัจจัยเสี่ยง
สำหรับในเดือนมี.ค. 2552 ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดว่า สถานการณ์การจ้างงานมีโอกาสที่จะยังทรงตัวหรือปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในลักษณะเดียวกันกับในเดือนก.พ. ทั้งนี้ เนื่องจากตัวเลขผู้ประกันตนที่มาขึ้นทะเบียนขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานจากสำนักงานประกันสังคมในเดือนมี.ค. 2552 ลดลงเหลือ 80,000 คน จากเดือนก่อนที่มีจำนวน 101,939 คน (เป็นการลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนต.ค. 2551) ซึ่งอาจเป็นเครื่องชี้เบื้องต้นว่าตัวเลขผู้ว่างงานในเดือนมี.ค.ที่จะมีการรายงานในครั้งถัดไปอาจชะลอลงได้
ส่วนสถานการณ์แรงงาน โดยเฉพาะตัวเลขว่างงานในระยะหลังจากไตรมาส 1/2552 เป็นต้นไป นอกจากจะได้รับผลกระทบจากจำนวนนักศึกษาจบใหม่ที่คาดว่าจะมีจำนวนเฉลี่ยประมาณ 4 แสนคนในแต่ละปี ที่กำลังจะทยอยเข้าสู่ตลาดแรงงาน ซึ่งอาจสูงเกินความต้องการของตลาดแรงงาน / หรือความสามารถในการรองรับของภาคเศรษฐกิจแล้ว ก็ยังจะขึ้นกับปัจจัยหลายประการไม่ว่าจะเป็นภาวะเศรษฐกิจโลก การแพร่ระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 หรือ Influenza A (H1N1) สถานการณ์การเมืองในประเทศ และผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยถ้าหากเศรษฐกิจโลกเริ่มปรากฏสัญญาณบวกในลักษณะที่มีเสถียรภาพมากขึ้น และมีการควบคุมการแพร่ระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ฯ ไม่ให้ทวีความรุนแรงขึ้นได้ ขณะที่สถานการณ์ทางการเมืองมีความสงบเรียบร้อยและไม่มีเหตุการณ์อันไม่คาดคิด รวมทั้งมีการเร่งผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจและการใช้จ่ายงบประมาณของรัฐบาล ก็อาจมีผลให้การชะลอการเลิกจ้างและปัญหาการว่างงานอาจไม่รุนแรงเท่ากับช่วงที่เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในปี 2540 ที่ผลักดันให้อัตราการว่างงานพุ่งขึ้นสู่ระดับร้อยละ 4.4 ในปี 2541 อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย คาดว่า สืบเนื่องจากภาวะการหดตัวของเศรษฐกิจในปีนี้ อัตราการว่างงานในช่วงที่เหลือของปีอาจจะค่อยๆ ขยับสูงขึ้นเข้าหาระดับร้อยละ 3.0-3.7 เฉลี่ยในปี 2552 โดยจำนวนผู้ว่างงานอาจจะอยู่ในช่วง 1.1-1.4 ล้านคน จากในปี 2551 ที่อัตราการว่างงานอยู่ที่ร้อยละ 1.4 และผู้ว่างงานอยู่ที่ 5.2 แสนคน
. . .
Create Date : 18 พฤษภาคม 2552 |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2552 19:32:44 น. |
|
2 comments
|
Counter : 535 Pageviews. |
|
|
|
โดย: loykratong วันที่: 18 พฤษภาคม 2552 เวลา:19:35:17 น. |
|
|
|
โดย: Oakley Sunglasses Sale IP: 94.23.252.21 วันที่: 3 สิงหาคม 2557 เวลา:18:16:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|
การประชุม 20 พ.ค. ... นโยบายการเงินยังคงเผชิญกับดักสภาพคล่อง
ในวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะมีการประชุมรอบที่สี่ของปีเพื่อกำหนดทิศทางนโยบายการเงิน หรืออัตราดอกเบี้ยซื้อคืนพันธบัตรระยะ 1 วัน ซึ่งขณะนี้อยู่ที่ 1.25% หลังจากที่ กนง.ได้มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมาแล้วรวม 2.50% ในการประชุมสี่รอบก่อนหน้า (3 ธันวาคม 2551, 14 มกราคม 2552, 25 กุมภาพันธ์ 2552 และ 8 เมษายน 2552 โดยปรับลดในอัตรา 1.00%, 0.75%, 0.50% และ 0.25% ตามลำดับ) ซึ่งจากผลสำรวจพบว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า กนง.คงจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% มาที่ 1.00% ในการประชุมวันที่ 20 พฤษภาคมที่จะถึงนี้ ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มีความคิดเห็นต่อประเด็นการดำเนินนโยบายการเงินของ กนง. ดังนี้
กนง.เผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญเกี่ยวกับปัญหากับดักสภาพคล่อง
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่า กนง.มีทางเลือกสองทางในการตัดสินใจดำเนินนโยบายการเงินในการประชุมวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 นี้ คือ
การปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25%
ภายใต้สถานการณ์ที่ความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจยังคงมีน้ำหนักอยู่มากและชัดเจนเมื่อเทียบกับความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ หาก กนง.มีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงตามการคาดการณ์ของตลาดอีก 0.25% จาก 1.25% มาที่ 1.00% ในการประชุมวันที่ 20 พฤษภาคม 2552 ก็น่าจะยังคงมีพื้นที่และเหตุผลมากพอให้สามารถดำเนินการได้ เพราะนอกจากจะเป็นการดำเนินการเพื่อดูแลเสถียรภาพของเศรษฐกิจไทยโดยรวมแล้ว ยังเป็นการส่งสัญญาณอย่างต่อเนื่องให้ธนาคารพาณิชย์พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก
อย่างไรก็ตาม ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า ผลสัมฤทธิ์จากการเลือกแนวทางการลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ อาจจะมีน้อย เนื่องจากในภาวะที่ความเสี่ยงด้านเครดิตยังคงมีอยู่สูงในปัจจุบัน การดำเนินธุรกิจด้วยความระมัดระวังและความจำเป็นต้องรักษาผลประกอบการหรือมาร์จิ้นไว้ คงจะทำให้ธนาคารพาณิชย์ ถ้าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงตามอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ก็คงจะเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยทั้งสองขา คือ ทั้งขาดอกเบี้ยกู้และขาดอกเบี้ยฝาก ซึ่งในกรณีที่อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับลดลงอีกนั้น ก็ไม่ได้หมายความว่าสินเชื่อจะขยายตัวได้มากขึ้น เพราะในยามที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัว ความต้องการสินเชื่อเพื่อขยายกิจการของภาคเอกชนก็ย่อมมีทิศทางที่ชะลอตัวเช่นกัน นอกจากนี้ การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงอีก ย่อมส่งผลกระทบต่อผู้ออมเงินโดยเฉพาะกลุ่มผู้เกษียณอายุซึ่งหวังพึ่งพิงผลตอบแทนจากดอกเบี้ยเงินฝากในการประทังชีวิต รวมถึงผู้ออมเงินที่ไม่สะดวกจะโยกย้ายเงินออมของตนไปลงทุนในช่องทางอื่นๆ แทนการฝากเงินไว้ที่ธนาคารพาณิชย์ ดังนั้น การที่ผู้ออมกลุ่มเหล่านี้มีรายได้หรือผลตอบแทนลดลง ก็อาจทำให้จำเป็นต้องลดการใช้จ่ายหรือประหยัดมากขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ฉะนั้นแล้ว ความมุ่งหวังของ กนง.ที่จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ อาจทำให้ในท้ายที่สุดกลายเป็นว่าภาคเอกชนเกิดชะลอการใช้จ่าย หรืออาจกล่าวได้ว่า ประสิทธิภาพของการดำเนินนโยบายที่ผ่อนคลายมากขึ้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ คงมีจำกัด
การคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ระดับเดิม
ในขณะเดียวกัน หาก กนง.มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 1.25% ตามเดิมในการประชุมวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เห็นว่า กนง.ก็สามารถตัดสินใจเลือกแนวทางนี้ได้เช่นกัน ถ้าหาก กนง. มองว่า สภาวะเลวร้ายที่สุดของภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ได้ผ่านพ้นไปแล้ว อีกทั้งความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่แม้อาจยังเบาบางในระยะอันใกล้นี้ แต่อาจมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในระยะถัดไป โดยเฉพาะในช่วงปลายปีต่อเนื่องถึงปีหน้า ซึ่งทำให้ผู้เล่นในตลาดการเงินบางส่วนคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยในระบบอาจจะผ่านพ้นจุดต่ำสุดไปแล้ว นอกจากนี้ กนง.ก็อาจมองว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียงประการเดียว อาจไม่ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้มากนักด้วย
อย่างไรก็ตาม การเลือกแนวทางนี้ ย่อมหมายความว่า บทบาทสำคัญในการกระตุ้นเศรษฐกิจในรอบนี้ คงจะตกอยู่ที่การดำเนินนโยบายการคลังของรัฐบาลเป็นหลัก ซึ่งการดำเนินนโยบายการคลังเพิ่มเติมนั้นก็กำลังมีข้อจำกัดด้านงบประมาณและการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมที่ยังต้องรอการอนุมัติจากสภาฯ นอกจากนี้ การแข็งค่าขึ้นของเงินบาทเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ หากเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ย่อมมีผลซ้ำเติมภาคการส่งออกของไทยให้เลวร้ายลงไปอีก ฉะนั้นแล้ว การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ อาจทำให้ กนง.ต้องตอบคำถามต่อสาธารณชนถึงเหตุผลที่เลือกแนวทางนี้
ถึงเวลาหรือยัง.. ถ้าจะทบทวนกลไกการส่งผ่านของนโยบายการเงินไทย
จากข้อคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยข้างต้น อาจกล่าวได้ว่า กนง.กำลังเผชิญกับโจทย์ที่ท้าทายอีกครั้งในการตัดสินใจนโยบายการเงินสำหรับการประชุมวันที่ 20 พฤษภาคมนี้ เพราะไม่ว่า กนง.จะลดหรือไม่ลดดอกเบี้ยลงอีก ผลสัมฤทธิ์จากนโยบายดังกล่าว คงจะมีจำกัดต่อระบบเศรษฐกิจและการเงินไทย เหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะการส่งผ่านนโยบายการเงินไปสู่ภาคเศรษฐกิจจริงของไทย (Real Sector) ยังคงอาศัยช่องทางธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก และเมื่อเกิดภาวะวิกฤตที่ทำให้ธนาคารพาณิชย์ไม่สามารถทำงานได้ตามกลไกปกติ เพราะผู้เล่นในตลาดการเงินและธนาคารพาณิชย์ต่างพากันหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ในขณะที่ ระบบการค้ำประกันสินเชื่อที่ทางการนำมาใช้ผ่านการดำเนินการของสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ ก็ยังมีขอบเขตของธุรกรรมที่ค่อนข้างจำกัดและอาจไม่สามารถรองรับความต้องการของภาคธุรกิจและสถาบันการเงินในประเทศได้อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ การขาดช่องทางในการกระจายความเสี่ยงนี้ จึงทำให้การปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายไม่ได้นำมาสู่การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จากธนาคารพาณิชย์ในลักษณะเดียวกันอย่างทันท่วงที ระบบเศรษฐกิจจึงถูกผลักดันให้เคลื่อนเข้าสู่ภาวะกับดักสภาพคล่อง (Liquidity Trap) อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่งผลให้การผ่อนคลายนโยบายการเงินด้อยประสิทธิภาพลง
ท่ามกลางภาวะกับดักสภาพคล่องในลักษณะดังกล่าว ตัวอย่างของธนาคารกลางที่สามารถผลักดันการดำเนินนโยบายการเงินจนส่งผลให้ภาวะการตึงตัวของตลาดเงินค่อยๆ คลายตัวลง คงจะได้แก่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่นอกจากจะมีมติปรับลดอัตราดอกเบี้ย Fed Funds ลงมาอย่างมากและรวดเร็วจนเข้าสู่กรอบ 0.00-0.25% ณ ปัจจุบัน จาก 5.25% ในช่วงกลางปี 2550 แล้ว เฟดยังเดินหน้าอัดฉีดสภาพคล่องอย่างต่อเนื่องผ่านการทำธุรกรรม Open Market Operations กับตัวกลางทางการเงิน การรับซื้อตราสารเพื่อการพาณิชย์ (Commercial Paper) และการดำเนินนโยบายการเงินในเชิงปริมาณเพิ่มเติม (Unconventional Quantitative Easing) ซึ่งรวมถึงการรับซื้อตราสารหนี้ที่หนุนหลังด้วยสัญญาจำนองที่ออกโดยหน่วยงานด้านการจำนองที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล (Agency Mortgage-Backed Securities) การรับซื้อตราสารหนี้ที่ออกโดยหน่วยงานด้านการจำนองที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล (Housing Related Government Sponsored Enterprises) และการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวของรัฐบาลสหรัฐฯ จนกระทั่งล่าสุด ณ วันที่ 13 พฤษภาคม 2552 ขนาดสินทรัพย์ในงบดุลของเฟดได้เพิ่มขึ้นมาเป็นประมาณ 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ฯ เทียบกับที่อยู่ที่เพียง 8.94 แสนล้านดอลลาร์ฯ ณ วันที่ 26 ธันวาคม 2550 อย่างไรก็ตาม ธปท.อาจจะไม่สามารถขยายขอบเขตการดำเนินนโยบายการเงินไปได้มากเท่ากับเฟด เพราะภายใต้กรอบของกฎหมายแล้ว การเข้าซื้อตราสารของ ธปท.จะถูกจำกัดไว้เฉพาะตราสารที่มีระดับความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเท่านั้น ซึ่งมักจะเป็นตราสารที่ออกหรือค้ำประกันโดยภาครัฐเป็นส่วนใหญ่
ดังนั้น ศูนย์วิจัยกสิกรไทยจึงมองว่า หากแม้ กนง.จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอีก 0.25% ตามการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นเรื่องของประสิทธิผลของนโยบายและการส่งผ่านผลของนโยบายการเงินไปยังภาคเศรษฐกิจจริง ทำให้เกิดประเด็นคำถามที่สำคัญว่า กนง. หรือ ธปท. ควรจะหยิบยกประเด็นกลไกการส่งผ่านนโยบายการเงิน (Monetary Transmission Mechanism) ขึ้นมาพิจารณาหรือไม่ ทั้งนี้ก็เพื่อที่จะขยายขอบเขตด้านการส่งผ่านนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายหรือการอัดฉีดสภาพคล่องไปสู่มือของภาคเอกชนที่ต้องการเงินทุนด้วยช่องทางที่หลากหลายหรือกว้างขวางมากขึ้นกว่าการพึ่งพาเพียงช่องทางธนาคารพาณิชย์เป็นหลักเช่นในปัจจุบัน ซึ่งแน่นอนว่า ประเด็นคำถามนี้ ธปท.คงจะต้องชั่งน้ำหนักระหว่างความต้องการที่จะอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ภาคเอกชนโดยตรงเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริงผ่านช่องทางใหม่ที่ครอบคลุมและเข้าถึงภาคส่วนต่างๆ ของเศรษฐกิจได้มากกว่าแบบดั้งเดิมที่อาศัยช่องทางธนาคารพาณิชย์เป็นหลัก กับความสามารถในการรับความเสี่ยงภายใต้กรอบของกฎหมายที่เปิดช่องให้ดำเนินการได้ ว่า อะไรมีน้ำหนักมากกว่ากัน หรือจุดสมดุลของสองสิ่งนี้อยู่ที่ตรงไหน
. . .