Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
20 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 
Rose Rose i love you

...

ROSE, ROSE, I LOVE YOU นัมเบอร์วันในมาเลเซีย พ.ศ.2494

Get this widget | Track details | eSnips Social DNA


ฝรั่งโกรธจีนว่าละเมิดลิขสิทธิ์ทางปัญญามากมายหลายอย่าง แต่เมื่อห้าสิบกว่าปีมานี้ เห็นแน่ๆ ว่าฝรั่งแอบนำทำนองเพลงจีนไปใส่เนื้อร้อง ให้ชื่อว่า Rose, Rose, I Love You และกลายเป็นเพลงดังเพลงหนึ่งของนักร้องที่ชื่อ Frankie Laine

คุณตาแฟรงกี้ เลน เพิ่งจากโลกนี้ไปเมื่อต้นปี 2550 นี้เอง ทิ้งเสียงน่าฟังของคุณตาไว้ในแผ่นซีดี เผื่อจะมีคนรุ่นหลานเหลนโหลนอยากจะซื้อหาไปฟังบ้าง สุ้มเสียงของคุณตานั้นกว้าง เข้ม แข็งแรง เป็นลูกทุ่งแท้ ไม่ใช่ลูกทุ่งเทียม ฟังแล้วสดชื่นเหมือนนั่งแคร่ไม้ไผ่ ตากสายลมเย็นอยู่ข้างคลอง

ส่วนนักร้องจีนและฮ่องกง ได้ยินมาว่าหลายคนบันทึกแผ่นเพลงนี้ไว้ รวมทั้งนักร้องหญิงที่จำได้เลาๆ ว่าชื่อ "เยาลี" แต่ไม่เคยได้ยินชื่อผู้แต่งเลย ในแผ่นภาษาอังกฤษก็ไม่ได้เอ่ยถึง



ผู้ใหญ่ท่านเล่าให้ฟังว่า ในครั้งกระโน้นเพลง Rose, Rose, I Love You นี้เป็นที่นิยมไปทั่วเอเชีย ทั้งในรูปแบบของเพลงฝรั่งและเพลงจีน แต่ในมลายูหรือมาเลเซีย คนชอบเพลงนี้กันมากกว่าที่ไหนๆ เพราะในเนื้อภาษาอังกฤษเอ่ยถึง "แม่กุหลาบ" หรือแม่โรส ว่า เป็น Flower of Malaya

คงเข้าทำนอง "มาลา" หรือ "บุหงาแห่งมลายู"


เนื้อเพลงบอกว่า หนุ่มฝรั่งที่กำลังจะจากไปด้วยหัวใจปวดร้าวรายนี้ ท่าทางจะหัวปักหัวปำเพราะคุณโรสผู้หอมหวน และแบบบางราวใบหลิว เธอคงจะสวยจัดอยู่หรอก จะไปไหนมีหนุ่มๆ ล้อมเป็นโหล ไม่ว่าจะอยู่บนรถลาก (rickshaw) หรือในคาบาเร่ต์

คาบาเร่ต์เป็นบาร์ แต่เป็นบาร์ชั้นดีมีอาหารขาย แถมยังมีโชว์ด้วย

สงสัยคุณโรสเธอจะเป็นสาวคาบาเร่ต์ ส่วนจะร้องเพลง หรือเต้นโชว์ หรือเป็นแค่เพื่อนคุย ชนิดที่สามารถใช้ฟันเปิดเม็ดกวยจี๊ แล้วพ่นพลั้วเข้าปากลูกค้าได้แม่นยำ อย่างที่เคยมีนักเขียนรุ่นเก่าบางท่านเล่าไว้หรือเปล่าก็ไม่ทราบ คนรุ่นหลังต้องจินตนาการกันเอาเอง

ถึงคุณโรสจะเจ้าเสน่ห์สักปานใด หนุ่มฝรั่งหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็ไม่คิดจะพากลับบ้าน บอกลาลับ กลับไปแล้วคงไม่ได้พบกันอีก โดยให้ข้อแก้ตัวว่า East is East and West is West…our worlds are far apart. โลกตะวันตกและตะวันออกนั้นแตกต่างห่างไกลกันเหลือเกิน

นี่ยกเอาท่อนดังของบทกวีชื่อ The Ballad of East and West จากฝีมือของ Rudyard Kipling เจ้าของ "เมาคลีลูกหมาป่า" "กุงกาดิน" ฯลฯ มาเลยทีเดียว

ท่านรัดยาร์ดเขียนไว้ว่า East is East and West is West นั้น หมายถึงว่าฝรั่งกับคนเอเชียนั้น จะมีความแตกต่างกันเสมอไป ไม่มีวันจะเข้ากันได้สนิท

คงจริงอยู่ แม้ว่าเราจะนุ่งกางเกงยีนส์ ใส่เสื้อยืด และย้อมผมแดงกันไปครึ่งทวีปเอเชียแล้ว ก็ยังเป็นได้แค่ฝรั่งปลอม เมื่อครึ่งศตวรรษที่แล้ว สมัยที่คุณโรสยังนั่งรถลากอยู่ เชื่อได้ว่าต้องแตกต่างและเข้าใจกันยากยิ่งกว่าเดี๋ยวนี้อีกหลายเท่าตัว

คนเขียนนั้น นอกจากจะชอบสำเนียงจีนของเพลงแล้ว ชอบที่สุดเห็นจะเป็นภาพคุณโรสนั่งรถลาก คิดเอาเองว่าเธอคงจะเก๋จัด ใส่ฉงซำซึ่งกระพือพั่บๆ เห็นขาขาวๆ ขณะที่รถลากแล่นฉิวไปด้วยแรงคน



รถลากที่ว่านี้ ครั้งหนึ่งคนไทยเคยเรียกอย่างไม่เกรงใจว่า "รถเจ็ก" เพราะมีจีนเป็นคนลาก

แต่จริงๆ เขาว่าเป็น "รถฝรั่ง" เพราะเมื่อร้อยกว่าปีมาแล้ว สาธุคุณอเมริกันที่เคยไปเผยแผ่ศาสนาคริสต์ (แบ็บติสท์) ในเมืองโยโกฮามา คิดประดิษฐ์ขึ้น เพื่อภรรยาที่พิการของเขาจะได้นั่งไปเที่ยวนอกบ้านบ้าง ออกแบบแล้วก็ไปจ้างให้คนญี่ปุ่นทำ คราวนี้เป็นปัญหา เพราะอดีตซามูไรซึ่งเป็นคนทำ บอกว่าสาธุคุณแค่อธิบายให้ฟัง แต่เขาเป็นคนออกแบบและลงมือทำให้

ไม่รู้จะเชื่อใคร เพราะส่วนท้ายของรถลากนั้น จริงๆ คล้ายกับรถเทียมม้าขนาดเล็ก ที่หลายชาติใช้กันมาแต่ครั้งโบราณ

ใครจะคิดก็ช่าง แต่หลวงพ่อฝรั่งได้รถมาแล้ว ก็จ้างให้กรรมกรญี่ปุ่นเป็นคนลาก และเรียกตามญี่ปุ่นว่า jinriksha (jin=คน rik=กำลัง sha=รถ) หรือรถที่ลากด้วยกำลังคน ก่อนที่จะเพี้ยนเป็น rickshaw

เผลอแวบเดียว คนก๊อบปี้รถลาก หรือ "ริคชอ" นี้กันเต็มเมืองญี่ปุ่น ยุบยับไปหมดคล้ายๆ กับมอเตอร์ไซค์ในบ้านเราสมัยนี้ จากนั้นก็ลุกลามไปในจีน อินเดีย รวมทั้งไทย มาเลเซีย และสิงคโปร์

คนเอเชียใช้รถลากกันมาถึงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เนื่องจากในยุคที่น้ำมันขาดแคลน รถลากซึ่งใช้แรงคนช่วยประหยัดไปได้มาก เพราะคนกินน้ำ ไม่ได้กินน้ำมันอย่างรถยนต์ แถมยังไม่มีควันออกมาทำลายสิ่งแวดล้อม ในขณะเดียวกันก็ไม่ได้อึเรี่ยราดตามถนนอย่างที่ม้าทำ

ดีไปเสียหมด จนพวกเราน่าจะกลับไปนั่งรถลาก… ขัดอยู่แต่ว่าจะมีแต่คนยินดีนั่ง ไม่มีใครเต็มใจลากเท่านั้นแหละ

จากคอลัมน์ CD-D มีอดีต
นสพ.มติชน13/5/2550
โดย ศุภาศิริ สุพรรณเภสัช




Birth name Francesco Paolo LoVecchio
Born March 30, 1913
Died February 6, 2007
Genre(s) Pop Standards
Jazz
Rhythm and Blues
Gospel
Folk
Country
Frankie Laine was one of the most successful American singers of the twentieth century. Often billed as America's Number One Song Stylist, his other nicknames include Mr. Rhythm, Old Leather Lungs, and Old Man Jazz.
Laine died of heart failure on February 6, 2007
at 94 yrs. old.

Lyrics for Song: Rose, Rose I Love You

Rose, Rose I love you with an aching heart.
What is your future, now we have to part?
Standing on the jetty as the steamer moves away,
Flower of Malaya, I cannot stay.

Make way, oh, make way for my Eastern Rose.
Men crowd in dozens everywhere she goes.
In her rickshaw on the street or in a cabaret,
"Please make way for Rose," you can hear them say.
(ฝรั่งร้องว่า make way oh make way ถ้าพูดเร็วๆ ก็คือ
เหม่ยก๊วย (ภาษาจีนแมนดาริน แปลว่ากุหลาบ )

All my life I shall remember,
Oriental music and you in my arms.
Perfumed flowers in your tresses,
Lotus-scented breezes and swaying palms.

Rose, Rose I love you with your almond eyes.
Fragrant and slender 'neath tropical skies.
I must cross the seas again and never see you more.
Way back to my home on a distant shore.

(All my life I shall remember,)
(Oriental music and you in my arms.)
(Perfumed flowers in your tresses,)
(Lotus-scented breezes and swaying palms.)

Rose, Rose I leave you, my ship is in the bay.
Kiss me farewell now, there's nothin' to say.
East is East and West is West, our worlds are far apart.
I must leave you now but I leave my heart.

Rose, Rose I love you with an aching heart.
What is your future, now we have to part?
Standing on the jetty as the steamer moves away,
Flower of Malaya, I cannot stay.

(Rose, Rose I love you, I cannot stay.)
...




Frankie Laine Lyrics
Rose, Rose I Love You Lyrics




Create Date : 20 สิงหาคม 2551
Last Update : 20 สิงหาคม 2551 5:26:04 น. 4 comments
Counter : 1540 Pageviews.

 
สาวงาม น้องหมุย แอนนิต้า โลกกลม และ เมรัยทั้งห้า
เลยเป็นเช่นนี้แล เฮ้อ !!!

เน๊าะว่าป่ะ...

ปอ ลอ ...เอ้อ !!...ละ...

ไว้..ดีกว่า

เดี๋ยวโดนหมั่นไส้นิ

อิอิอิ



โดย: ป้าซ่าส์ วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:13:41:57 น.  

 
//komn-mrmiddleman.blogspot.com/






โดย: http://komn-mrmiddleman.blogspot.com/ IP: 124.120.174.243 วันที่: 23 สิงหาคม 2551 เวลา:11:39:24 น.  

 
. . .

ไทยเจ๋งผลิตรถพลังนํ้า
วันที่ 22 สิงหาคม 2551 เวลา 08:53 น.

แปลงไฮโดรเจนผสมกับเบนซินลองวิ่งไร้ปัญหา

ผลิตรถเติมน้ำคันแรกสำเร็จ!! คนไทยอดีต จนท. “องค์การนาซ่า” จับมือนักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีร่วมคิดค้นศึกษาประดิษฐ์อุปกรณ์แยกก๊าซ “ไฮโดรเจน” จากน้ำเปล่านำมาเป็นเชื้อเพลิงผสมใช้กับรถยนต์คันแรกของประเทศสำเร็จ เผยซิ่งรถต้นแบบโดยผสมเบนซิน หรือ LPG 40 เปอร์เซ็นต์ กับไฮโดรเจน 60 เปอร์เซ็นต์ จากกรุงเทพถึงอุดรฯ ใช้น้ำมันเพียง 10 ลิตร ระบุวิ่งทดสอบมาแล้วกว่า 40,000 กิโล ไร้ปัญหา

ที่ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 21 ส.ค. ผศ.จรูญ ถาวรจักร อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี ผศ.วิเชียร จันทะโชติ อ.ประจำ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี นายสมชาย ไตรสุริยธรรมา ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีช่างเครื่องบิน ร่วมกันแถลงข่าวในความสำเร็จของเรื่องการคิดค้นรถเติมน้ำแทนน้ำมันว่า เป็นความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานีกับภาคเอกชนคือ นายสุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ทรงคุณวุฒิมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี อดีตเจ้าหน้าที่ “นาซา” ประจำอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา และนายศักดิ์ชัย ตันคงจำรัสกุล นักธุรกิจ จ.อุดรธานี

ผศ.จรูญ กล่าวว่า การคิดริเริ่มโครงการนี้เกิดขึ้นจาก นายสุมิตร อิศรางกูร ณ อยุธยา เป็นผู้ผลิตอุปกรณ์แยกก๊าซ “ไฮโดรเจน” จากน้ำแล้วนำมาเป็นเชื้อเพลิงใช้กับรถยนต์สำเร็จ โดยเริ่มแรกทางมหาวิทยาลัยฯ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกันในความร่วมมือที่จะประดิษฐ์อุปกรณ์แยกก๊าซ โดยทางมหาวิทยาลัยฯ ได้ให้การสนับสนุนเครื่องมือประกอบชิ้นส่วน ซึ่งจะมีการแลกเปลี่ยนความรู้และปรึกษาหารือกับ ผศ.วิเชียร จันทะโชติ ตลอดเวลา เมื่อ มีโอกาสก็จะช่วยประดิษฐ์อุปกรณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ พร้อมกับนำเครื่องมือไปช่วยทำจนกระทั่งได้เครื่องต้นแบบออกมาเป็นรูปเป็นร่างและเป็นที่พอใจจึงได้นำไปติดตั้งกับรถยนต์ แล้วจึงได้ทดลองวิ่งดู

สำหรับรถต้นแบบ “รีแอคเตอร์ 1” นั้นใช้รถเก๋งนั่ง 4 ประตู ขนาด 2,000 ซีซี เป็นรถทดลองใช้ชื่อว่าเป็น “H2O เทคโน โลยีแห่งอนาคต” หรือ “HGV Hydrogas Vehicle” ซึ่งเป็นรถที่ใช้พลังผสมระหว่างเบนซินกับไฮโดรเจน หรือแอลพีจีกับไฮโดรเจน โดยในสัดส่วนของเบนซินหรือแอลพีจี 40 เปอร์เซ็นต์ กับไฮโดรเจน 60 เปอร์เซ็นต์ ซึ่ง ในการทดสอบที่ผ่านมา รถวิ่งจากกรุงเทพฯ มาอุดรธานี ระยะทาง 560 กม. ใช้น้ำมันเบนซินไปประมาณ 10 ลิตร ขณะที่น้ำใช้ผลิตไฮโดรเจน ไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ด้านนายสุมิตรกล่าวถึงการใช้อุปกรณ์ว่า เริ่มต้นที่น้ำบริสุทธิ์เหมือนน้ำกลั่น (ดีไอโอไนซ์) เติมเข้าไปในเครื่องรีแอคเตอร์ที่จะแยกไฮโดรเจนและออกซิเจนออกมาเป็น HH-O ผ่านออกมายังเซฟตี้วาล์วเพื่อส่งตรงไปที่เครื่องยนต์ หากรถมีหัวฉีดก็ผ่านหัวฉีด โดยทั้งหมดจะควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์คอนโทรลที่ติดตั้งอยู่ภายในตัวรถเพื่อให้เครื่องผลิตไฮโดรเจนออกมาเท่าที่เอาไปใช้เท่านั้น จะไม่มีการเก็บรักษาไว้ หากอุณหภูมิความดันผิดปกติ ก็จะมีระบบป้องกันตัวเอง สำหรับ อุปกรณ์ที่ผลิตขึ้นมาใช้กับไฮโดรเจนแทนน้ำมันเชื้อเพลิงนั้นจะติดตั้งอยู่ในที่เก็บของท้ายรถประกอบไปด้วย กล่องคอนโทรลจุดระเบิดอัจฉริยะ แบตเตอรี่ 12 v. มอเตอร์ อินเวอเตอร์ ขวดบรรจุน้ำกลั่นพิเศษไมโคคอนโทรล และอื่น ๆ อีกจำนวนหนึ่ง โดยควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์คอนโทรลที่อยู่บริเวณแผงหน้าปัดเหนือพวงมาลัย ส่วนในห้องเครื่องรถจะติดตั้งมอเตอร์ควบคุมระบบแยกน้ำไว้

อดีตเจ้าหน้าที่องค์การนาซากล่าวอีกว่า เทคโนโลยีไฮโดรเจนเกิดหลังการแยกน้ำด้วยไฟฟ้า ซึ่งจะได้ก๊าซไฮโดรเจน 2 อะตอมกับออกซิเจน 1 อะตอม โดยรีแอคเตอร์ ซึ่งเป็นเทคโนโลยีของเรา ถ้านำมาใช้กับยานยนต์โดยใช้ไฟฟ้ากระแสตรงจากแบตเตอรี่รถยนต์เพื่อแยกโมเลกุลน้ำให้ได้ไฮโดรเจนออกมาเป็นเชื้อเพลิงเข้าไปใช้สันดาปของเครื่องยนต์ โดยไม่ต้องใช้ถังเก็บก๊าซไฮโดรเจนเลย ซึ่งการควบคุมอุณหภูมิปกติการแยกน้ำโดยรีแอกเตอร์ทั่วไปทำให้ความร้อนสูงยากแก่การควบคุมซึ่งอาจจะเป็นอันตราย แต่รีแอกเตอร์ที่พัฒนาขึ้นนี้สามารถควบคุมความร้อนให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ ประการที่สาม วัตถุดิบที่ใช้เป็นต้นกำเนิดเชื้อเพลิงคือ น้ำซึ่งหาได้ง่าย ราคาถูก และไอเสียที่ได้จากการสันดาปจะกลับมารวมตัวกับออกซิเจนได้น้ำ เป็นไอเสียที่บริสุทธิ์

“สิ่งประดิษฐ์ชิ้นนี้ผมคิดมาเมื่อ 4 ปีก่อน เมื่อครั้งยังทำงานอยู่ที่องค์การนาซา แต่เมื่อ 2 ปีที่แล้วได้รถต้นแบบซึ่งเป็นรถใหม่ป้ายแดงมาทดลองโดยการสนับสนุนงบประมาณจาก นายศักดิ์ชัย ตันคงจำรัสกุล นักธุรกิจ จ.อุดรธานี และได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี โดยรถคันดังกล่าวนี้จะเป็นรถที่มีระบบเชื้อเพลิง 3 ประเภท คือ น้ำมันเบนซิน, ก๊าซ LPG. และก๊าซไฮโดรเจน และทดลองวิ่งมาแล้ว กว่า 4 หมื่นกิโลเมตร ก็ยังไม่พบปัญหาอะไร”อดีตเจ้าหน้าที่องค์การนาซากล่าวและว่า ขณะนี้ ได้ขอจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว เพราะต้องการให้เทคโนโลยีชิ้นนี้เป็นสมบัติของชาติไทย คนไทยสามารถนำเอามาต่อยอดในแนวความคิดให้มีความหลากหลายมากขึ้นไป แม้จะประสบกับความสำเร็จไปแล้วแต่ก็ต้องการที่จะพัฒนาให้ก้าวไกลไปอีก.

. . .


โดย: loykratong วันที่: 24 สิงหาคม 2551 เวลา:19:36:15 น.  

 

ขิมดูใน " เรื่องเล่าเช้านี้ " แล้วฮะ รถต้นแบบเป็นรถซีวิคด้วยล่ะฮะ น่าทึ่งนะฮะ


โดย: ขิมทอง IP: 202.12.118.61 วันที่: 25 สิงหาคม 2551 เวลา:16:36:38 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.