Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
14 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
. . . รัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชน หลังการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ค.นี้ . . .

. . .

รัฐบาลเตรียมแถลงมาตรการช่วยเหลือประชาชน หลังการประชุม ครม. วันที่ 15 ก.ค.นี้



นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในวันนี้ (15 ก.ค.) หลังจากประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เสร็จแล้ว นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วยรัฐมนตรีหลายกระทรวงจะร่วมแถลงข่าวเกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือประชาชนผ่านสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ เนื่องจากเป็นมาตรการที่เกี่ยวข้องกับหลายกระทรวง


กระทรวงการคลัง-มาตรการลดภาษี E85

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่ากระทรวงการคลังจะมีมาตรการเกี่ยวข้องกับเรื่องภาษี เช่น การลดอัตราภาษีสรรพสามิตสำหรับแก๊สโซฮอล์ อี 85 จาก 2.5795 บาท/ลิตร ลงมาเหลือ 0.50 บาท/ลิตร, แนวทางการแจกคูปองช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย เป็นต้น

ทั้งนี้ กระทรวงการคลังจะมีการจัดงานมั่นใจไทยแลนด์ ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ค.นี้ ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค เมืองทองธานี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้มีรายได้น้อยสามารถซื้อสินค้าราคาถูก

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังมีความน่าเป็นห่วง แม้อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีแรกจะขยายตัวได้ถึง 6% ทำให้รัฐบาลจำเป็นต้องออกมาตรการระยะสั้นเร็วขึ้นกว่าเดิมที่รัฐบาลคาดว่าจะออกมาตรการดังกล่าวออกมาในช่วงปลายปีนี้

ทั้งนี้ เพื่อลดผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพงขึ้นเร็วกว่าที่คาดหมายมาก ส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัวเร็วขึ้นมากตามไปด้วย โดยล่าสุดเดือน มิ.ย.เงินเฟ้ออยู่ที่ 8.9% ซึ่งถือว่าสูงสุดในรอบ 10 ปี

นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สำหรับมาตรการระยะยาวนั้น รัฐบาลจะเร่งเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็คต์อย่างจริงจัง โดยโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงจะเริ่มก่อสร้างได้ภายในปลายปีนี้ ส่วนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง และสายสีน้ำเงินจะเดินหน้าไปตามแผนงานที่วางไว้ พร้อมกันนี้รัฐบาลจะเดินหน้าโครงการเมกะโปรเจ็คต์ด้านการศึกษา

โดยในปี 2552 ประเทศไทยจะมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานครั้งใหญ่ ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจ เนื่องจากจะเป็นการส่งสัญญาณให้เอกชนเกิดความมั่นใจที่จะลงทุน


กระทรวงคมนาคม เสนอโครงการเช่ารถเมล์ NGVเข้าครม.

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการเช่ารถเอ็นจีวี 6,000 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือ ขสมก. ขณะนี้เป็นหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ฯ ในการดูรายละเอียดตามที่คณะกรรมการพัฒนาระบบขนส่งทางราง และขนส่งมวลชนได้มอบหมาย ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเข้าพิจารณาในการประชุมคณะรัฐมนตรี หรือ ครม. ในวันนี้ (15 ก.ค.)

ทั้งนี้ ในเรื่องของความโปร่งใสที่มีความกังวลนั้น จะใช้วิธีการจัดซื้อจัดจ้างแบบe-auction ซึ่งเชื่อว่าจะเป็นการป้องกันการทุจริตได้ รวมทั้งยังเข้าระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยการพัสดุปี 2535 ซึ่งให้สามารถเปิดประมูลทั่วไปไม่มีข้อจำกัด ซึ่งมั่นใจได้ว่ามีความโปร่งใส

รมว.คมนาคม กล่าวว่า ปัจจุบัน ขสมก. มีหนี้อยู่กว่า 7 หมื่นล้านบาท หากไม่เร่งดำเนินการแก้ไขภายใน 3-5 ปี จะทำให้หนี้ของ ขสมก. เพิ่มเป็นกว่าแสนล้านบาทและจะยากแก่การเยียวยา


กระทรวงพลังงานส่งเสริม E 85 เป็นวาระแห่งชาติ

พ.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี จะมีการหารือการนำเข้าน้ำมันดีเซลกำมะถันสูงจากรัสเซียราคาถูกกว่าดีเซลปกติลิตรละ 8 บาท, การส่งเสริมการใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E 85 เป็นวาระแห่งชาติ โดยลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน E 85 เหลือ 55 สตางค์/ลิตร และลดภาษีสรรพสามิตนำเข้ารถยนต์ E 85 เหลือร้อยละ 20 เท่ากับรถยนต์ NGV

พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ กล่าวว่าปัจจุบันการใช้น้ำมันดีเซลกำมะถันสูงในประเทศไทยก็มีใช้อยู่สำหรับน้ำมันประมง ทั้งน้ำมันเขียว และน้ำมันม่วง ในส่วนของน้ำมันม่วงกระทรวงพลังงานได้จัดสรรประมาณ 15 ล้านลิตรต่อเดือน เพื่อช่วยเหลือชาวประมงชายฝั่ง

. . .



ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน มิ.ย.ปรับลดลงจากผลกระทบราคาน้ำมัน-เงินเฟ้อ

นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ รองอธิการบดี ฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือนมิถุนายนลดลงมาอยู่ที่ระดับ 70.8 ลดลงจากระดับ 71.8 ในเดือนที่ผ่านมา, ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสการหางานทำ ลดลงจาก 71.8 ในเดือนก่อนหน้ามาอยู่ที่ 71.1 ในดือน มิ.ย., และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตจากเดือนก่อนหน้า 92.8 ลดลงเหลือ 92

สาเหตุหลักที่ดัชนีความเชื่อมั่นข้างต้นลดลง เนื่องจากปัญหาสถานการณ์ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับความวิตกกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางการเมือง ซึ่งในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ค่อนข้างร้อนแรง และปัญหาซับไพรม รวมทั้งเงินบาทที่อ่อนค่าลงเล็กน้อย ประกอบกับทิศทางของอัตราเงินเฟ้อที่มีแนวโน้มสูงขึ้น

สำหรับผลการสำรวจเกี่ยวกับการซื้อรถยนต์คันใหม่, การซื้อบ้านหลังใหม่, การใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยว, และการลงทุนทำธุรกิจ SMEs ปรับตัวลดลงทุกรายการ เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนขาดความเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของรัฐบาลและความวุ่นวายทางการเมือง

สำหรับปัญหาเงินเฟ้อที่มีความเห็นหลากหลายเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหา ทั้งที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุม 16 ก.ค.นี้ จึงเป็นสิ่งที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะต้องส่งสัญญาณให้ชัดเจน เพราะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นมาจากปัญหาราคาน้ำมัน จึงต้องดูว่าหากจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อ แล้วทำให้เกิดการชะลอตัวของการบริโภค จะกระทบต่อภาพรวมเศรษฐกิจหรือไม่อย่างไร และยังเห็นว่าการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ สามารถใช้นโยบายที่หลากหลาย ไม่ใช่การปรับดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียว

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าเศรษฐกิจมีสัญญาณชะลอตัว ศูนย์พยากรณ์ฯ จะทบทวนภาพรวมเศรษฐกิจไทยภายในสิ้นเดือน ก.ค.นี้ จากที่ก่อนหน้านี้เคยคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวร้อยละ 5.0-5.5 เงินเฟ้อร้อยละ 7.2-7.8 แต่สัญญาณที่ไม่ดีนัก ทำให้คาดว่า อาจต้องปรับเป้าหมายเศรษฐกิจใหม่ โดยอยากให้รัฐบาลเดินหน้าการเบิกจ่ายผ่านโครงการเมกะโปรเจกต์ เพื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากการส่งออกที่เป็นปัจจัยสำคัญ

. . .



ภาคเอกชนหนุนปรับครม.ทีมเศรษฐกิจ

นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมาการทำงานของทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลยังไม่มีเอกภาพ ปัญหาเศรษฐกิจไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร หวังว่าการตัดสินใจปรับคณะรัฐมนตรีครั้งนี้จะช่วยให้รัฐบาลทำงานได้ดีขึ้นอยากได้ผู้ที่มีความรู้ความสามารถในการทำงาน และสามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ ในการปรับคณะรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจครั้งนี้

นายดุสิต นนทนาคร เลขาธิการหอการค้าไทย กล่าวว่า ขณะนี้ปัญหาเศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤต ดังนั้นรัฐมนตรีที่จะเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นคนในรัฐบาลหรือบุคคลภายนอก ต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชน ผ่านการทำงานของคณะร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.)

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมอาคารชุดไทย ระบุว่า หากรัฐบาลตัดสินใจทำงานต่อ ก็ควรทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ และตัดสินใจดำเนินโครงการต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว เพราะรัฐมนตรีใหม่ต้องใช้เวลาในการศึกษา จะทำให้เกิดช่องว่างในการทำงานอย่างน้อย 1 เดือน อยากให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจเป็นอันดับแรก ด้วยการเร่งเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และการลงทุนภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการขนาดใหญ่ที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้นทุกวัน และต้องให้ความสำคัญมากกว่าการให้น้ำหนักเรื่องการเมือง หรือการเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ

นายสมภพ มานะรังสรรค์ อาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งใหม่ จะต้องสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับภาคเอกชน และเชื่อว่ามีบุคคลภายนอกจำนวนมาก พร้อมจะเข้ามารับตำแหน่งหน้าที่ แต่ต้องไม่กำหนดเงื่อนไขการทำงาน จนไม่มีใครอยากร่วมทำงานด้วย และสิ่งที่คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ต้องเร่งแก้ไข คืออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น และกระทบต่อค่าครองชีพ

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่าการปรับคณะรัฐมนตรีในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ ควรจะมีการปรับใหม่ทั้งหมด ทั้งในส่วนของกระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยจะต้องเลือกบุคคลที่เป็นที่ยอมรับในแวดวงธุรกิจ สามารถทำงานได้ทันที ซึ่งในส่วนของกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงการคลัง ควรนำคนนอกเข้ามารับตำแหน่ง เรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุนให้มั่นใจในประเทศไทย

. . .



เลื่อนปรับราคาก๊าซแอลพีจีเป็นเดือนสิงหาคม

คณะทำงานแอลพีจีระบุ ปรับราคาแอลพีจี เสร็จสิ้นในเดือน ส.ค. เหตุที่ล่าช้าอยู่ที่การพิจารณามาตรฐานความปลอดภัย ส่วนโครงการไฟฟ้าลาว ยังเจรจาค่าไฟฟ้าไม่จบหลังต้นทุนก่อสร้างพุ่งสูงมาก

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะทำงานแก้ไขปัญหาขาดแคลนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) เปิดเผยว่า การพิจารณาเตรียมพร้อมปรับโครงสร้างราคาแอลพีจี ออกเป็น 2 ราคาในขณะนี้ยังไม่เสร็จสิ้น เนื่องจากต้องดูเรื่องความพร้อมด้านความปลอดภัย และ การป้องกันการลักลอบถ่ายเทก๊าซจากครัวเรือนไปใช้ในรถยนต์

โดยมีแนวโน้มว่าการศึกษาทั้งหมดอาจเสร็จสิ้นในเดือนสิงหาคม ซึ่งถือว่าไม่ล่าช้าไปกว่าเดิม เพราะช่วงที่ประกาศนโยบายก๊าซหุงต้ม 2 ราคาตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคมนั้น ได้ประกาศว่าจะใช้ราคาใหม่ ภายใน 6 เดือน ส่วนเรื่องปริมาณการใช้นั้นยืนยันไม่ขาดแคลน เพราะ ปตท.นำเข้ามาสูงถึง 88,000 ตันในเดือนนี้

โดยจะต้องนำพระราชบัญญัติน้ำมันเชื้อเพลิงและประกาศคำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่องการป้องกันและขาดแคลนเชื้อเพลิงมาบังคับใช้อย่างจริงจัง โดยเฉพาะคำสั่งนายกรัฐมนตรี เรื่องป้องกันการขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงที่ห้ามถ่ายเทก๊าซฯในครัวเรือนไปใช้ขนส่ง มีโทษจำคุก 10 ปี ปรับ 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนความช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการรถแท็กซี่หลังปรับราคา LPG ในภาคขนส่งนั้น ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานจะดูแลให้รถแท็กซี่ใช้ราคาเดียวกับภาคครัวเรือนไปจนถึงสิ้นปีนี้ แต่จะต้องเป็นกลุ่มรถแท็กซี่ที่เข้าร่วมโครงการปรับเปลี่ยนเครื่องยนต์ไปใช้ NGV ของบริษัท ปตท. ซึ่งขณะนี้มีอยู่จำนวน 50,000 คัน

. . .



ปตท.ระบุ เดือน ก.ค.ต้องนำเข้าก๊าซแอลพีจีกว่า 100,000 ตัน และลดลงเหลือ 88,000 ตันในเดือน ส.ค.

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า เนื่องจากความต้องการใช้ก๊าซหุงต้ม หรือแอลพีจีในประเทศสูงขึ้นมาก และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากเดิมในปีที่ผ่านมา ประมาณ 3 ล้านตัน เป็น 3.5 ล้านตันในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นจากการใช้ในรถยนต์ ถึงร้อยละ 22.7 ปตท.จึงต้องปรับแผนการนำเข้าก๊าซแอลพีจีใหม่

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ตามแผนในเดือน ก.ค.นี้ จะมีการนำเข้าก๊าซแอลพีจีเพิ่มจาก 40,000 ตัน เป็น 60,000 ตัน และ 80,000 ตัน แต่จากปริมาณความต้องการใช้ที่สูงขึ้นมาก ทำให้ล่าสุด ปตท. ต้องปรับแผนการนำเข้าก๊าซแอลพีจี ในเดือน ก.ค.ใหม่ เป็นนำเข้าในปริมาณกว่า 109,800 ตัน หรือเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 37.25 โดยในเดือน ส.ค.นี้ ปตท. มีแผนนำเข้าก๊าซแอลพีจี ปริมาณ 88,000 ตัน

ทั้งนี้ ในวันที่ 2 ก.ค. 51 ได้นำเข้าก๊าซแอลพีจีในปริมาณ 23,000 ตัน ณ ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรี, วันที่ 14 ก.ค. 51 นำเข้าก๊าซแอลพีจี ในปริมาณ 40,000 ตัน และปริมาณ 23,000 ตัน ณ ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรี ในวันที่ 16 ก.ค. 51 นำเข้าก๊าซแอลพีจี ในปริมาณ 1,800 ตัน ณ ท่าเรือคลังก๊าซสงขลา จ.สงขลา และวันที่ 27 ก.ค. 51 นำเข้าก๊าซแอลพีจี ในปริมาณ 22,000 ตัน ณ ท่าเรือคลังก๊าซเขาบ่อยา จ.ชลบุรี

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปตท. พร้อมที่จะจ่ายก๊าซแอลพีจีให้แก่ลูกค้า และผู้ค้าตามมาตรา 7 ตามที่กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้กำหนด เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาก๊าซแอลพีจีที่มีไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้ โดยปตท.ขอให้ประชาชนพิจารณาการใช้เชื้อเพลิงให้เหมาะสมกับพาหนะ และการใช้งาน

. . .



รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดทางให้ขึ้นค่าทางด่วน 1 ก.ย.นี้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่จะมีการขึ้นค่าทางด่วน ในวันที่ 1 ก.ย. นี้ว่า เรื่องดังกล่าวเป็นไปตามสัญญาที่ทำไว้กับเอกชน เพราะสัญญาที่ทำกันมาก็มีระยะเวลามาแล้วนานกว่า 10 ปี ซึ่งหากไม่ปฏิบัติตามสัญญาก็จะมีปัญหา

นายเผชิญ ไพโรจน์ศักดิ์ ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ( กทพ.) เปิดเผยว่า ในวันที่ 16 กรกฎาคมนี้จะมีการเจรจากับบริษัท ทางด่วนกรุงเทพ จำกัด มหาชน หรือบีอีซีแอล ถึงการปรับขึ้นค่าทางด่วน ซึ่งข้อเสนอของ กทพ.จะให้ขึ้นค่าทางด่วน 5 บาทจาก อัตรา 40 บาทเป็น 45 บาท และเมื่อรวมภาษี 3 บาท จะเก็บในอัตรา 48 บาท

แต่ทางบีอีซีแอลจะขอปรับขึ้นค่าทางด่วนจาก 40 บาท เป็น 55 บาท ตามฐานราคาที่ไม่ได้ปรับเมื่อปี 2541 ซึ่งฐานราคาเดิมอยู่ที่ 45 บาท และเชื่อว่าวันที่ 16 กรกฎาคมนี้จะได้ข้อสรุปสุดท้ายว่าราคาที่ปรับขึ้นจะเป็นเท่าไร เพราะจะต้องเก็บอัตราค่าผ่านทางใหม่ในวันที่ 1 กันยายน

วานนี้( 14 ก.ค.) นายสันติ ยังเป็นประธานในพิธีมอบหนังสือตามโครงการ “ส่งหนังสือให้น้อง ดับไฟชายแดนใต้” ที่ได้รับบริจาคจากประชาชนที่ใช้บริการทางด่วน ซึ่งขณะนี้มีหนังสือที่ได้รับบริจาคจำนวน 93,000 เล่ม โดยมอบให้แก่นายบุญลือ ประเสริฐโสภา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำไปมอบให้กับเยาวชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ โดยกระทรวงศึกษาธิการจะส่งต่อให้กับสำนักงานเขตการศึกษาในพื้นที่ เพื่อจัดสรรไปยังห้องสมุดของโรงเรียนต่าง ๆ เพื่อให้เยาวชนได้เข้าถึงแหล่งความรู้ สำหรับหนังสือที่ได้รับบริจาคมีหลายประเภทซึ่งจะเป็นประโยชน์กับเยาวชน

ทั้งนี้ ประชาชนที่สนใจ สามารถบริจาคหนังสือได้ที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษทั้ง 83 ด่าน ตลอด 24 ชั่วโมง ไปจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคมนี้

. . .



สถาบันการเงินร่วมออกผลิตภัณฑ์ออมเงินดอกเบี้ยสูงในงาน “มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ฯ”

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การจัดงาน "มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย" ระหว่างวันที่ 17 – 20 ก.ค.นี้ ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2-3 อิมแพค เมืองทองธานี โดยกระทรวงการคลังร่วมกับกระทรวงคมนาคม, กระทรวงพลังงาน, กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา, และกระทรวงมหาดไทย จัดงานดังกล่าวขึ้น เพื่อเป็นแหล่งพบกันระหว่างผู้ประกอบการรายย่อยให้มีแหล่งจำหน่ายสินค้า และประชาชนผู้บริโภคมีสถานที่ซื้อสินค้าราคาไม่สูงมากเกินไป

ในงานจะมีบูธร้าน 30 บาททุกชิ้น, การติดตั้ง NGV ราคาพิเศษ, การประมูลรถยนต์ และของหลุดจำนำ, ร้านค้าดารา, ไข่ไก่ราคาพิเศษ, และสินค้าอื่นๆ มาร่วมงาน

นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) กล่าวว่า ในงาน “มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย” กระทรวงการคลังจะนำพันธบัตรออมทรัพย์มาจำหน่ายในงานนี้ ด้วยอัตราดอกเบี้ยสูงเป็นพิเศษร้อยละ 5.50 ต่อปี ซึ่งถือเป็นอัตราดอกเบี้ยสูงที่สุดในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา เพื่อให้เงินออมของประชาชนผู้ลงทุนรายย่อยได้รับความคุ้มครองจากภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในขณะนี้

สำหรับพันธบัตรรุ่นดังกล่าวเป็นพันธบัตรออมทรัพย์ในปี งบประมาณ 2551 ครั้งที่ 10 อายุ 3 ปี วงเงินซื้อขั้นต่ำ 10,000 บาท วงเงินซื้อสูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท จำกัดการซื้อ 1 คำเสนอขอซื้อพันธบัตร ต่อ 1 รุ่นพันธบัตรต่อคน

นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่าธนาคารได้ออก 2 ผลิตภัณฑ์สำหรับลูกค้าและประชาชนที่ไปร่วมงาน “มั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย” ระหว่างวันที่ 17-20 ก.ค.นี้ ที่เมืองทองธานี เป็นเงินฝากประจำ 3 เดือน ชื่อ “KTB เงินฝากสู้เงินเฟ้อ” ให้อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี รับฝากตั้งแต่ 1 แสนถึง 1 ล้านบาท และ “สินเชื่อกรุงไทยธนวัฏสู้เงินเฟ้อ” สำหรับลูกค้าที่ผ่านบัญชีเงินเดือนกับธนาคารทั้งรายเก่าและรายใหม่ คิดดอกเบี้ยในอัตรา MRR บวกร้อยละ 0.50 ต่อปี หรือเท่ากับ ร้อยละ 8.25 ต่อปี เป็นระยะเวลา 3 เดือน

นายสถิตย์ ลิ่มพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในงานมหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ฯ ธนาคารจะนำเสนอโครงการลด และเลิกใช้สารทำลายชั้นบรรยากาศในประเทศไทย ด้วยความร่วมมือกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมและธนาคารโลก ผันเงินช่วยเหลือแบบให้เปล่าแก่ผู้ประกอบการทั่วประเทศฟรี มูลค่ากว่า 50 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถนำไปช่วยโครงการของผู้ที่สนใจไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย โดยผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ ร้านซ่อมตู้เย็น ตู้แช่ ร้านซ่อมเครื่องปรับอากาศที่ใช้สาร R-12 ศูนย์ตรวจสภาพรถยนต์เอกชน โรงงานหรืออาคารที่ต้องการเลิกการใช้สารดับเพลิงเฮลอน 1301

. . .



Create Date : 14 กรกฎาคม 2551
Last Update : 14 กรกฎาคม 2551 19:18:52 น. 2 comments
Counter : 635 Pageviews.

 
ทำไมหมู่นี้เราถึงไม่ได้คุยกันเลยล่ะ !




โดย: ป้าวี (AuntieV ) วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:10:55:54 น.  

 
เมื่อวานเห็นรถเมล์
ติดตั้งถังแก๊สใบใหญ่ 4 ใบ
ใบใหญ่ขนาดพี่ๆของถัง 200 ลิตรเลยหละ
เอาไว้ใต้ทองรถทางด้านหลัง
มองเห็นเป็น banana boat 4 ลำ
ถ้าใครชนท้ายแรงๆคงเกิดเรื่องใหญ่แน่ๆ


โดย: เด็กถูกมดกัด IP: 124.120.16.64 วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:13:52:03 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.