. . . ลดราคาน้ำมันเบนซินลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 80 สตางค์ . . .

. . .


ปตท. ประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซินลิตรละ 1 บาท และดีเซลลิตรละ 80 สตางค์


นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปตท.ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกประเภท โดยกลุ่มเบนซินปรับลดลงลิตรละ 1 บาท ส่วนน้ำมันดีเซลปรับลดลงลิตรละ 80 สตางค์ มีผลวันที่ 22 ก.ค.นี้

ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันของปั๊ม ปตท. ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นดังนี้ เบนซิน 91 อยู่ที่ 39.39 บาท , แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.79 บาท , แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 34.99 บาท และดีเซล 42.24 บาท

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันอ่อนตัวลง เนื่องจากความต้องการใช้น้ำมันของประเทศสหรัฐอเมริกาฯ ในเดือน มิ.ย.2551 ลดลง ร้อยละ 1.4 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มาอยู่ที่ระดับ 20.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐ ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ลดลงร้อยละ 3 นับว่าลดลงมากที่สุดในรอบ 17 ปี ประกอบกับการเจรจาระหว่างประเทศอิหร่านและกลุ่มประเทศมหาอำนาจตะวันตกเกี่ยวกับโครงการพัฒนาพลังงานนิวเคลียร์เริ่มคลี่คลายความตึงเครียดลง

นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า ปตท. ได้นำร่องปรับลดราคาต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 ติดต่อกันแล้ว โดยรวมลดราคาน้ำมันดีเซล และเบนซินลงไปแล้ว 2 บาท และ 3.40 บาทต่อลิตร ตามลำดับ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายของ ปตท. ที่พร้อมเป็นผู้นำในการปรับลดราคาลงทันทีที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลง เพื่อสะท้อนตามต้นทุน และจะเป็นรายสุดท้ายที่จะพิจารณาปรับขึ้นราคาน้ำมัน

ทั้งนี้ ราคาน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ระดับ 128.10 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปเบนซิน 95 อยู่ที่ระดับ 130.04 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล และน้ำมันสำเร็จรูปดีเซลอยู่ที่ระดับ 164.59 ดอลลาร์สหรัฐฯต่อบาร์เรล

. . .



ปิดปั๊มน้ำมันทั่วประเทศชั่วคราว หลังเที่ยงคืน 24 ก.ค. เพื่อเช็คสต็อคก่อนขายราคาใหม่ในวันที่ 25 กรกฎาคม


นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า ในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 24 กรกฎาคม เจ้าหน้าที่จากกรมการค้าภายใน กรมการปกครอง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกรมธุรกิจพลังงาน จะเข้าไปตรวจเช็คปริมาณน้ำมันคงเหลือ ของผู้ค้าน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศกว่า 10,000 แห่ง ซึ่งการเช็คสต็อคครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกหลังประเทศไทยได้ลอยตัวราคาน้ำมันตั้งแต่ปี 2534

ทำให้สถานีบริการน้ำมันทั่วประเทศต้องหยุดจำหน่ายน้ำมันในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 24 กรกฎาคม หลังจากการตรวจเช็คสต็อคเสร็จสิ้นลงก็สามารถจำหน่ายน้ำมันได้ตามปกติในราคาใหม่ ตามประกาศราคาขายปลีกของสำนักนโยบาย และแผนพลังงาน คือน้ำมันแก๊สโซฮอล์ลดลงลิตรละ 3.88 บาท ดีเซลลดลง 2.71 บาท และไบโอดีเซลบี 5 ลดลง 2.47 บาท

สถาบันบริหารพลังงานจะเป็นผู้จ่ายเงินชดเชย หลังจากที่กรมธุรกิจพลังงานแจ้งผลการตรวจสต๊อกปริมาณคงเหลือมาให้ คาดว่าจะมีน้ำมันคงเหลือจากการตรวจสต็อค ครั้งนี้ ประมาณ 210 ล้านลิตร หรือคิดเป็นเงินที่รัฐจะต้องจ่ายชดเชยให้กับผู้ค้าประมาณ 500-600 ล้านบาท

หลังหมดช่วงการลดภาษีแล้ว ในเวลาเที่ยงคืนของวันที่ 31 มกราคม 2552ต่อเนื่องถึงวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2552 จะมีการตรวจสต็อคอีกครั้ง และจะมีการจ่ายเงินส่งกลับเข้ากองทุนน้ำมันตามเดิม

ทั้งนี้ การชดเชยราคาน้ำมันเป็น 1 ใน 6 มาตรการตามโครงการ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน ซึ่งจะมีผลตั้งแต่วันที่ 25 กรกฎาคม ถึงสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า

ซึ่งทางกรมธุรกิจพลังงานได้ขอความร่วมมือไปยัง กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ เพื่อตรวจสอบการกักตุน หรือปฏิเสธการจำหน่าย กรมการค้าภายในมีกฎหมายเฉพาะดูแล ซึ่งผู้ประกอบการที่ปฏิเสธการจำหน่าย จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือ ทั้งจำทั้งปรับ

. . .



กรมขนส่งทางอากาศ พักใบอนุญาตวัน-ทู-โก 30 วัน


นายชัยศักดิ์ อังค์สุวรรณ อธิบดีกรมการขนส่งทางอากาศ(ขอ.) แถลงข่าวการดำเนินการกับสายการบินวัน-ทู-โก และสายการบินโอเรียนท์ไทย หลังจากก่อนหน้านี้สายการบินวัน-ทู-โก ได้ประกาศหยุดบิน 45 วัน โดยจะมีตั้งแต่วันที่ 22 ก.ค. อ้างสาเหตุภาวะต้นทุนดำเนินกิจการที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมัน

นายชัยศักดิ์ กล่าวว่า การที่วัน-ทู-โก อ้างความจำเป็นต้องหยุดบิน 45 วันนั้น ถือเป็นเรื่องของบริษัท แต่ในส่วนของกรมการขนส่งทางอากาศ ได้แจ้งให้ผู้บริหารสายการบินวัน-ทู-โก และโอเรียนท์ไทย ทราบว่าจะมีการสั่งพักใบอนุญาตทำการบินเป็นเวลา 30 วัน หลังจาก ขอ.ตรวจสอบพบการกระทำผิดในหลายประเด็นของสายการบินวัน-ทู-โกที่กระทบต่อความปลอดภัยในการให้บริการ

ประกอบด้วย การยื่นเอกสารอันเป็นเท็จต่อหน่วยงานราชการ เช่น การตรวจสอบความเชี่ยวชาญตามวาระของนักบิน ซึ่งต้องกระทำเพื่อตรวจความพร้อมในการปฏิบัติหน้าที่ของนักบิน ก่อนจะอนุญาตให้นักบินแต่ละคนสามารถปฏิบัติการบินในประเทศ

ซึ่งตรวจสอบย้อนหลังพบว่า ผู้ตรวจสอบที่ได้รับใบอนุญาตของวัน-ทู-โก ได้เซ็นผ่านผลการตรวจเช็คไว้ล่วงหน้าให้กับนักบินต่างชาติของวัน-ทู-โก จำนวน 4 ราย ซึ่งเรื่องนี้นอกจากจะมีโทษถูกพักการบินแล้ว ยังจะมีความผิดทางกฎหมายอาญา ซึ่งขอ.จะแจ้งความดำเนินคดีกับนักบิน ผู้ตรวจสอบ และสายการบิน ตาม พ.ร.บ.การเดินอากาศ มีโทษจำคุก 6 เดือน ปรับไม่เกิน 1,000 บาท โดยผู้กระทำผิดแต่ละรายจะมีความผิดต่างกรรมต่างวาระที่ดำเนินการ

นอกจากนี้ การกระทำผิดของวัน-ทู-โก ยังมีอีกหลายประเด็น เช่น การไม่มีระบบควบคุมคุณภาพ และตรวจสอบตนเอง โดยเฉพาะการกำหนดเวลาปฏิบัติหน้าที่ของนักบินตามคู่มือความปลอดภัย ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายในการเดินอากาศ โดยในส่วนของวัน-ทู-โก ตรวจพบว่าการจัดเวลาพักผ่อนให้นักบินตามหลักเกณฑ์ เช่น เมื่อบินไม่เกิน 8 ชั่วโมง ต้องหยุดพักไม่น้อยกว่า 8 ชั่วโมง หรือหากปฏิบัติงานเกิน 8 ชั่วโมง แต่ไม่เกิน 16 ชั่วโมง ก็ต้องให้พัก 16 ชั่วโมง กฎเกณฑ์เหล่านี้อยู่ในคู่มือที่ได้รับการรับรองจาก ขอ.

นอกจากนี้ สายการบินวัน-ทู-โก ยังไม่มีระบบจัดการที่เหมาะสมในเรื่องขององค์กรและบุคลากร เช่น การจัดฝึกอบรมนักบิน สำหรับเครื่องบินแบบเอ็มดี 82 ซีรีส์ ซึ่งในเครื่องรุ่นนี้ ขอ.จะให้หยุดพักใบอนุญาตทำการบินชั่วคราวทั้งหมด โดยยังคงเหลือเฉพาะเครื่องโบอิ้ง 747 เท่านั้นที่จะยังทำการบินได้ แต่ ขอ.ก็จะเข้าไปตรวจสอบการปฏิบัติตามขั้นตอนของกฎหมาย และระเบียบการบินของโบอิ้ง ว่า วัน-ทู-โก มีการกระทำผิดเพิ่มเติมหรือไม่ ซึ่งจะกำหนดแล้วเสร็จสิ้นเดือนนี้

ส่วนปัญหาการใช้บุคลากรพบว่า ในระดับปฏิบัติการมีการใช้พนักงานใกล้กันระหว่างสายการบินวัน-ทู-โก และสายการบินโอเรียนท์ไทย ซึ่งบินเส้นทางระหว่างประเทศ และเป็นคนละบริษัท ซึ่งเรื่องดังกล่าวเกรงว่าจะกระทบต่อเวลาปฏิบัติงานการบิน

“ความผิดที่เบื้องต้น ขอ.จะให้วัน-ทู-โก และโอเรียนท์ไทย หยุดพักการบินเป็นเวลา 30 วัน โดยการพักใบอนุญาตและให้ดำเนินการแก้ไขให้แล้วเสร็จก่อนรายงานผลการแก้ไขให้ ขอ.รับทราบ แต่หากไม่สามารถแก้ไขข้อบกพร่องได้ ก็จะถูกพักใบอนุญาตถาวรต้องเลิกทำการบินในที่สุด” นายชัยศักดิ์ กล่าวว่า

ส่วนความบกบพร่องของวัน-ทู-โก ครั้งนี้เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุเมื่อวัน-ทู-โก ประสบอุบัติเหตุที่ จ.ภูเก็ต มีผู้เสียชีวิต 89 คนหรือไม่นั้น เรื่องนี้ผลตรวจสอบอุบัติเหตุดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากต้องมีการตรวจสอบข้อมูล และหลักฐานที่ส่งไปตรวจสอบในต่างประเทศ ซึ่งนายชัยสวัสดิ์ กิตติพรไพบูลย์ ปลัดกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรมการตรวจสอบ จะเป็นผู้แถลงรายละเอียดอีกครั้ง

หากพบว่าสาเหตุของอุบัติเหตุมาจากความบกพร่องของสายการบิน ก็จะมีการพิจารณาโทษเพิ่มเติมในเรื่องใบอนุญาตแน่นอน แต่ในข้อมูลเบื้องต้นขณะนี้ พบว่าอุบัติเหตุดังกล่าวไม่ได้มาจากสภาพของเครื่องบิน
ส่วนข้อสงสัยการสั่งพักการบินวัน-ทู-โก ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมการบินในประเทศนั้น นายชัยศักดิ์ เชื่อว่าการเปิดเผยข้อมูลครั้งนี้น่าจะส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการบินในประเทศมากกว่า เนื่องจากแสดงให้เห็นว่าไทยมีการตรวจสอบและติดตามแก้ไขปัญหาการปฏิบัติงานของสายการบินอย่างเข้มงวด

สำหรับสายการบินวัน-ทู-โก ปัจจุบันมีนักบินต่างชาติทั้งหมด 51 คน ทำการบินในเครื่องบินรุ่นเอ็มดี 82 จำนวน 27 คน ที่เหลือเป็นนักบินทำการบินเครื่องโบอิ้ง 747 ซึ่งนักบินส่วนใหญ่เป็นชาวอินโดนีเซีย และเวเนซุเอลา ขณะที่มีผู้ตรวจสอบนักบิน 1 คน เป็นชาวอินโดนีเซีย ส่วนนักบินไทยมีทั้งหมด 29 คน ส่วนเครื่องบินของสายการบินโอเรียนท์ไทย และวัน-ทู-โก
ปัจจุบันมีเครื่องบิน แบบเอ็มดี 82 จำนวน 8 ลำ และเครื่องโบอิ้ง 7 ลำ

สายการบินโอเรียนท์ไทยเริ่มดำเนินกิจการตั้งแต่ปี 2533 ให้บริการเส้นทางบินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่วนสายการบินวัน-ทู-โก เริ่มก่อตั้งและเริ่มทำการบินในปี 2546 ภายหลังรัฐบาลในขณะนั้น มีนโยบายเปิดเสรีการบิน ทำให้มีสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) เกิดขึ้น โดยทั้ง 2 สายการบิน มีนายอุดม ตันติประสงค์ชัยเป็นเจ้าของ ปัจจุบัน บินเส้นทางในประเทศสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-เชียงราย, กรุงเทพฯ-หาดใหญ่, กรุงเทพฯ-ภูเก็ต, และกรุงเทพฯ-สุราษฎร์ธานี ส่วนเส้นทางการบินระหว่างประเทศ มีเส้นทางบินสู่ ฮ่องกง และอินชอน ของเกาหลีใต้

. . .



กระทรวงพาณิชย์ จะจัดงาน “มหกรรมเมดอินไทยแลนด์” วันที่ 8-17 ส.ค.นี้ ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี

นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า งานแสดงสินค้าเมดอินไทยแลนด์ (Special) ที่จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 8 -17 สิงหาคม 2551 ที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี จะเน้นแก้ไขปัญหาค่าครองชีพ, ลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชน และกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวม โดยงานนี้ คาดว่าจะมีผู้เข้าชมงานทั้งชาวไทยและต่างประเทศประมาณ 5 แสนถึง 1 ล้านคน และมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

โดย ปีนี้พื้นที่การจัดงานจะเพิ่มจาก 27,000 ตารางเมตร เป็น 83,500 ตารางเมตร ทั้งอาคารชาเลนเจอร์ 1-3 และอาคาร 3-6 อิมแพ็ค เมืองทองธานี มีออกบูททั้งสิ้นกว่า 4,200 คูหา จากเดิมจำนวน 2,500 คูหา

นายศิริพล กล่าวว่า จากความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภายในกระทรวงพาณิชย์ กับหอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง ได้มีการนำสินค้า และธุรกิจบริการทุกประเภทฝีมือคนไทยมาจัดแสดง และจำหน่ายปลีก ครอบคลุมทั้งแฟชั่นเสื้อผ้า สิ่งทอ เครื่องหนัง อัญมณี เครื่องประดับ อาหารและเครื่องดื่ม เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ยานยนต์ อะไหล่และอุปกรณ์ เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม

รวมถึงสินค้า OTOP ธุรกิจบริการ โรงแรม ท่องเที่ยว โครงการพิเศษ: ธงฟ้าราคาประหยัด ธุรกิจ แฟรนไชส์ รวมถึงโครงการประกันภัยและประกันวินาศภัยอีกด้วย

ทั้งนี้ การจัดงานมหกรรม “มั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย” โดยกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 17-20 ก.ค. ที่ผ่านมา มีผู้เข้าชมงาน 976,000 คน มีเงินสะพัด 30,000 ล้านบาท ไม่รวมเงินฝากของธนาคารกรุงไทย (ฝากประจำ 3 เดือน ดอกเบี้ยร้อยละ 6 ต่อปี ที่มียอดเงินฝากเกือบ 30,000 ล้านบาท จำนวนผู้ฝาก 26,800 ราย เพราะให้ดอกเบี้ยสูง)

โดยร้าน 30 บาท ทำรายได้ให้ผู้ประกอบการ 1.6 -2 แสนบาท ต่อบูธ บ้านเอื้ออาทร มีประชาชนจอง 300 ยูนิต ไข่ไก่ราคาถูกจำหน่ายได้ 1.5 ล้านฟอง ส่วนการติดตั้งเครื่องยนต์เอ็นจีวี มีประชาชนสนใจเป็นจำนวนมาก เกินโควตาที่เตรียมไว้ โดยกรรระทรวงการคลังเตรียมจัดงานมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย ในต่างจังหวัดช่วงปลายปีนี้


. . .

Create Date : 21 กรกฎาคม 2551		1 comments
Last Update : 21 กรกฎาคม 2551 18:51:09 น.
Counter : 616 Pageviews.
Share Tweet