. . . ปรับโครงสร้างราคาก๊าซแอลพีจี ( LPG ) ควรลอยตัว หรือแบ่ง 2 ราคา . . .

. . .


กำหนดโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ใหม่ : เร่งตัดสินใจ ก่อนปัญหาบานปลาย
โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย


ด้วยโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ที่ถูกบิดเบือนมาเป็นระยะเวลานาน ด้วยการที่ภาครัฐได้ทำการเข้าแทรกแซงราคาน้ำมันรวมถึงก๊าซ LPG เป็นระยะ เพื่อรักษาระดับราคาในประเทศไม่ให้ปรับสูงขึ้นตามราคาตลาดโลกมากเกินไป เพื่อบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจ และค่าครองชีพของประชาชน ทำให้ประชาชนเคยชินกับการใช้ก๊าซ LPG ในราคาถูกเป็นระยะเวลานาน ซึ่งได้ส่งผลเสียสะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะการใช้ก๊าซ LPG ปริมาณมากในหลากหลายกิจกรรมนอกเหนือจากการใช้ในภาคครัวเรือนตามวัตถุประสงค์ของการเข้าแทรกแซงราคาเมื่อครั้งอดีต เช่น ภาคอุตสาหกรรม ปิโตรเคมี และขนส่ง

นอกจากนั้นยังได้เกิดปัญหาการลักลอบจำหน่ายก๊าซ LPG ให้กับประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดน ขณะที่นับตั้งแต่ต้นปี 2551 ราคาน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดต่างๆ เช่น เบนซิน และดีเซล ได้ปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็วตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ทำให้ความแตกต่างด้านราคาระหว่างน้ำมันเชื้อเพลิงหลัก และก๊าซ LPG มีสูงขึ้นมากถึงเกือบสี่เท่าตัว ทำให้ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซ LPG ในภาคการใช้ต่างๆ ที่มิใช่เพียงภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นมาก จนปริมาณก๊าซ LPG ที่ผลิตได้ในประเทศมีไม่เพียงพอ จึงต้องนำเข้าจากต่างประเทศ ส่งผลให้ภาครัฐต้องแบกรับภาระส่วนต่างของราคาก๊าซในประเทศและต่างประเทศ จากการใช้ที่ผิดวัตถุประสงค์ในปริมาณและมูลค่าที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จนอาจแบกรับต่อไปไม่ไหว จึงเกิดแนวคิดที่จะปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ขึ้น


การออกมาเสนอแนวคิดปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ของหลากหลายฝ่าย โดยเฉพาะแนวคิดการแบ่งแยกราคาออกเป็นสองตลาด ซึ่งภาครัฐจะให้ความช่วยเหลือในส่วนของราคาก๊าซที่ใช้ในภาคครัวเรือน โดยจะตรึงราคาจำหน่ายต่อไปอีกอย่างน้อยจนถึงสิ้นเดือนมกราคม 2552 ขณะที่อาจจะทยอยปล่อยลอยตัวในส่วนของก๊าซที่ใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม

ล่าสุดการพิจารณาของคณะทำงานแก้ไขปัญหาขาดแคลนก๊าซหุงต้ม ที่พิจารณาการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ยังคงอยู่ในช่วงการเตรียมพร้อมที่ยังดำเนินการไม่เสร็จสิ้น และยังไม่แน่ชัดว่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องโครงสร้างราคาใหม่นี้เมื่อไร

เนื่องจากการแบ่งแยกราคาก๊าซนี้มีประเด็นที่ทำให้เกิดข้อกังวลในเรื่องของการขาดความพร้อมที่จะรับมือกับปัญหาต่างๆ ที่อาจตามมาจากโครงสร้างราคาที่แยกเป็นสองส่วน ทั้งปัญหาในด้านความปลอดภัย และการป้องกันการลักลอบถ่ายเทก๊าซจากภาคครัวเรือนไปใช้ในรถยนต์

ทั้งนี้แนวทางการแบ่งแยกราคาก๊าซนี้เป็นเพียงทางเลือกหนึ่งในหลายทางเลือก เพื่อพยายามแก้ปัญหาที่สะสมมานาน โดยในแต่ละทางเลือกที่มีความเป็นไปได้ที่จะนำมาปฏิบัติมีทั้งข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกัน ดังนี้


ทางเลือกที่ 1 : ตรึงราคาก๊าซ LPG ทั้งระบบไว้เช่นเดิม

ทางเลือกนี้มีข้อดีคือ ไม่เป็นการสร้างภาระหรือซ้ำเติมภาระค่าครองชีพของประชาชนที่มีสูงในปัจจุบันจากราคาสินค้าอุปโภคและบริโภคที่ทยอยปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ผลกระทบและปัญหาที่จะเกิดขึ้นและตามมามีค่อนข้างมาก จากส่วนต่างของราคาก๊าซ LPG ในประเทศ และราคาเชื้อเพลิงอื่นๆ ที่จำหน่ายในประเทศจะมีสูงขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้เกิดการใช้ก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นในทุกส่วน

ซึ่งปัญหาสำคัญที่จะเกิดตามมา ได้แก่ การนำเข้าก๊าซ LPG มากขึ้น จนอาจสูงมากกว่าเดือนละ 100,000 ตัน ซึ่งบริษัทผู้ผลิตปิโตรเลียมในประเทศจะเข้ามาแบกรับส่วนต่างราคาก๊าซ LPG ตันละมากกว่า 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ ไว้ก่อน (ก๊าซ LPG ในต่างประเทศมีราคาสูงมากกว่า 900 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน ขณะที่ราคาจำหน่ายในประเทศอยู่ที่ประมาณ 330 ดอลลาร์สหรัฐฯ/ตัน) ซึ่งในท้ายที่สุดภาครัฐจะเข้ามาชดเชยส่วนต่างราคาดังกล่าว ซึ่งยิ่งนานวันปริมาณการนำเข้าและมูลค่าที่ภาครัฐจะต้องเข้ามาชดเชยจะยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ

รวมไปถึงปัญหาการลักลอบจำหน่ายก๊าซแก่ประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดนที่จะยังคงมีอยู่และอาจรุนแรงมากขึ้น และที่สำคัญคือจะยิ่งทำให้ประชาชนในประเทศเกิดความเคยชินกับการใช้ก๊าซ LPG ในปริมาณมาก ซึ่งจะทำให้การแก้ปัญหาในภายหลังทำได้ยากลำบากมากขึ้น และเผชิญกับการต่อต้านจากประชาชนที่ใช้ก๊าซ LPG ที่มีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ


ทางเลือกที่ 2 : แบ่งแยกราคาก๊าซ LPG ออกเป็นสองตลาด

ทางเลือกนี้ เป็นแนวทางที่ได้มีการพูดถึงกันมาก ในภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวลง ประชาชนมีภาระค่าครองชีพที่สูง ทำให้การปล่อยลอยตัวก๊าซทั้งระบบอาจส่งผลกระทบต่อผู้ใช้ก๊าซหุงต้มเพื่อใช้หุงหาอาหารในภาคครัวเรือน ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ใช้ก๊าซ LPG ที่มีสัดส่วนมากที่สุดประมาณ 50% และเป็นกลุ่มประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ขณะที่การใช้ก๊าซ LPG

ในส่วนอื่นๆ ก็มีสัดส่วนการใช้และปริมาณการใช้ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยการใช้ในภาคปิโตรเคมีเป็นภาคการใช้ที่มีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วงปี 2550–2551 รองลงมาได้แก่ การใช้ในภาคขนส่ง อุตสาหกรรม และครัวเรือนตามลำดับ ขณะที่สัดส่วนการใช้ก๊าซ LPG ในภาคขนส่งเพิ่มขึ้นค่อนข้างมากจากประมาณ 10% ในปี 2548 มาอยู่ที่ประมาณ 15 % ในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2551 นี้ จึงทำให้ภาครัฐมีแนวคิดที่จะปล่อยลอยตัวในภาคการใช้อื่นที่มิใช่ภาคครัวเรือน

อย่างไรก็ตาม การแบ่งแยกราคาก๊าซ LPG เป็นสองตลาดนี้ รัฐบาลจะต้องพิจารณากำหนดช่วงห่างระหว่างราคาในสองตลาดให้เหมาะสม รวมถึงหาแนวทางป้องกันการลักลอบซื้อหรือขายก๊าซจากตลาดที่มีราคาต่ำไปยังตลาดที่มีราคาสูงในกรณีที่คุณสมบัติก๊าซในสองตลาดเหมือนกัน

ทั้งนี้แนวทางป้องกันการลักลอบจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น หากสามารถทำให้ก๊าซ LPG ในสองตลาดแตกต่างกันและไม่สามารถใช้ร่วมกันได้ เช่นในประเทศจีน ได้ประยุกต์ใช้ด้วยการผสมสาร Dimethyl Ether (DME) (สามารถผลิตได้จากก๊าซธรรมชาติ และถ่านหิน) ประมาณ 20% ในก๊าซ LPG เพื่อให้คุณสมบัติก๊าซเปลี่ยนแปลงไป โดยยังคงสามารถนำมาใช้ในภาคครัวเรือนได้ดี แต่หากนำก๊าซที่ผสมนี้ไปใช้ในรถยนต์หรือเครื่องจักรจะส่งผลให้เครื่องยนต์ขัดข้อง

ทั้งนี้การแบ่งแยกราคาก๊าซ LPG ออกเป็นสองตลาดมีข้อดีคือ สามารถช่วยบรรเทาภาระการแบกรับส่วนต่างของราคาที่ภาครัฐจะต้องแบกรับอยู่ในทุกภาคการใช้ โดยจะสร้างภาระค่าครองชีพแก่ประชาชนภาคครัวเรือนไม่มากนักหากมีการขยับขึ้นราคาก๊าซในภาคครัวเรือนบ้าง แต่ยังคงมีราคาต่ำกว่าการใช้งานในส่วนอื่นๆ

ทั้งนี้การแยกราคาที่ภาครัฐกล่าวถึงมากคือการแบ่งแยกราคาเป็น 2 ตลาด โดยให้ความช่วยเหลือราคาก๊าซที่ใช้ในภาคครัวเรือน และทยอยปล่อยลอยตัวในภาคอุตสาหกรรมและขนส่ง

แต่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่าการใช้ก๊าซ LPG ในส่วนของภาคปิโตรเคมีก็มีสัดส่วน และปริมาณการใช้ที่ค่อนข้างสูง ซึ่งหากภาครัฐจะดำเนินการแบ่งแยกราคาก๊าซออกเป็นสองตลาดจริง ด้วยเหตุผลหลักที่ไม่ต้องการให้เกิดผลกระทบกับประชาชนส่วนใหญ่ในภาคครัวเรือน ภายใต้ภาวะที่ประชาชนต้องเผชิญกับค่าครองชีพที่สูงอยู่แล้ว และต้องการลดภาระการแบกรับส่วนต่างของราคาก๊าซที่ต้องนำเข้าจากต่างประเทศจากการใช้ในปริมาณมาก ภาครัฐก็ควรจะปล่อยลอยตัวราคาก๊าซ LPG ในภาคปิโตรเคมีร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและขนส่งด้วย เพื่อลดภาระการแบกรับส่วนต่างราคาให้ต่ำลงมากที่สุด

สำหรับข้อเสียของทางเลือกนี้ก็คือ จะก่อให้เกิดปัญหาตามมามาก หากขาดความพร้อมของมาตรการต่างๆ ที่จะมารองรับปัญหาเมื่อแบ่งแยกราคาไปแล้ว ซึ่งปัญหาที่สำคัญที่ต้องเผชิญ ได้แก่

 การลักลอบซื้อขายก๊าซ LPG จากภาคครัวเรือนสู่ภาคขนส่งและ
อุตสาหกรรม

ในอดีตเมื่อครั้ง 20 ปีที่แล้ว ประเทศไทยได้เคยแบ่งแยกราคาก๊าซ LPG โดยมีราคาต่างกันในแต่ละตลาดเพียง 2 บาท/กิโลกรัม ก็ยังเกิดปัญหาการถ่ายเทก๊าซจากภาคครัวเรือนมาใช้ในภาคขนส่ง ซึ่งในภาวะราคาก๊าซ LPG ในปัจจุบัน หากแบ่งแยกราคาจริงจะทำให้ส่วนต่างของราคาก๊าซ LPG มีมากกว่าในอดีตอย่างน้อยประมาณ 5 -10 บาท/กิโลกรัม ซึ่งเป็นระดับราคาที่มากพอที่จะก่อให้เกิดการลักลอบจำหน่ายและใช้ก๊าซ LPG จากภาคครัวเรือนสู่ภาคขนส่ง อีกทั้งการตรวจสอบการลักลอบทำได้ยากมาก ซึ่งผู้ขายก๊าซครัวเรือนอาจลักลอบจำหน่ายแก่ผู้ใช้ภาคขนส่งที่ได้ราคาที่ดีกว่า รวมไปถึงผู้ใช้ก๊าซในภาคขนส่งก็จะลักลอบใช้ก๊าซในภาคครัวเรือนที่มีราคาถูกกว่า แต่ปัญหาจะทวีความรุนแรงมากขึ้น จากการที่ผู้นำเข้าก๊าซ LPG บางรายอาจนำเข้าก๊าซเพื่อใช้ในภาคขนส่งแต่แจ้งว่าจำหน่ายแก่ภาคครัวเรือน เพื่อขอเงินชดเชยส่วนต่างจากกองทุนน้ำมันอีกทอดหนึ่ง

 ความปลอดภัยจากการใช้ก๊าซ LPG ในภาคขนส่งลดลง

เนื่องจากผู้ใช้ก๊าซ LPG ในภาคขนส่งส่วนหนึ่งย่อมมีการลักลอบใช้ก๊าซ LPG จากภาคครัวเรือน อาทิ การลักลอบเติมก๊าซตามสถานีบรรจุ และร้านจำหน่ายก๊าซภาคครัวเรือน ซึ่งก่อให้เกิดอันตรายได้ง่ายจากขั้นตอนการเติมก๊าซที่ไม่ได้มาตรฐาน ที่อาจเกิดการรั่วไหล และระเบิดได้ง่ายหากมีปฏิกิริยาจากประกายไฟเพียงเล็กน้อย หรือการลักลอบนำถังก๊าซภาคครัวเรือนไปใช้ในรถยนต์โดยตรง ซึ่งถังก๊าซ LPG ตามบ้านเรือนไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ทนต่อแรงกระแทกในการขับขี่ อีกทั้งการติดตั้งและจัดวางที่ไม่ถูกวิธีจะก่อให้เกิดอันตรายจากการรั่วไหลและระเบิดได้ง่ายเช่นกัน

 ยังคงต้องนำเข้าก๊าซ LPG จากต่างประเทศ

แม้ว่าจะปล่อยลอยตัวราคาก๊าซ LPG ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมอย่างสมบูรณ์ แต่ด้วยราคาก๊าซ LPG ที่จะยังคงต่ำกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงหลักที่ใช้ในภาคขนส่งทั้งน้ำมันเบนซิน และดีเซลอยู่ค่อนข้างสูงมากกว่าลิตรละ 10 บาท และการจะเปลี่ยนไปใช้พลังงานทางเลือกอื่นก็มีต้นทุนในการปรับเปลี่ยนที่ค่อนข้างสูง จึงจะยังคงทำให้ความต้องการใช้ก๊าซ LPG ยังคงมีอยู่ในระดับที่สูง ประกอบกับการลักลอบใช้ก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือนที่จะเกิดขึ้นอีกบางส่วน ย่อมจะส่งผลให้ปริมาณก๊าซ LPG ที่ผลิตได้ภายในประเทศมีไม่เพียงพอ จนต้องนำเข้าจากต่างประเทศ แม้ว่าปริมาณการนำเข้าอาจลดลงบ้างจากในปัจจุบัน อันจะยังคงก่อให้เกิดการสูญเสียเงินตราต่างประเทศในปริมาณมาก

 การลักลอบขนส่งก๊าซ LPG ไปขายยังประเทศเพื่อนบ้าน

เดิมทีการลักลอบขนส่งก๊าซ LPG ไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านตามแนวตะเข็บชายแดนเป็นปัญหาที่หาทางป้องกันได้ค่อนข้างยากอยู่แล้ว หากทำการแบ่งแยกราคาก๊าซออกเป็นสองตลาดโดยที่ยังคงช่วยเหลือราคาขายในภาคครัวเรือนอยู่ ก็อาจจะส่งผลให้การลักลอบขนส่งก๊าซ LPG ที่ใช้ในภาคครัวเรือนไปจำหน่ายยังประเทศเพื่อนบ้านยังคงมีอยู่ต่อไป เนื่องจากราคาก๊าซ LPG ที่จำหน่ายในประเทศจะยังคงต่ำกว่าราคาจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านมากกว่าหนึ่งเท่าตัว ประกอบกับการลักลอบใช้ก๊าซ LPG จากภาคครัวเรือนที่จำหน่ายในประเทศไปใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรม ย่อมจะส่งผลให้ปริมาณก๊าซ LPG ที่ใช้ในภาคครัวเรือนประสบปัญหาขาดแคลนได้เป็นระยะๆ ซึ่งผู้ค้าก๊าซภาคครัวเรือนบางรายอาจฉวยโอกาสขยับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มขึ้นไปอีก อันจะส่งผลให้ในท้ายที่สุดภาระกลับตกอยู่ที่ผู้บริโภคภาคครัวเรือนภายในประเทศ


ทางเลือกที่ 3 : ก๊าซ LPG ราคาเดียวทั้งระบบ แต่ทยอยปรับขึ้นราคา

แนวทางนี้เป็นการดำเนินการตามหลักการที่พยายามลดการแทรกแซงกลไกตลาด ด้วยการปล่อยให้ราคาก๊าซเคลื่อนไหวสะท้อนถึงต้นทุนการใช้ที่แท้จริง สอดคล้องกับแนวคิดการปล่อยลอยตัวก๊าซ LPG เดิม ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดปัญหาการลักลอบใช้ก๊าซจากตลาดที่มีราคาต่ำไปยังตลาดราคาสูง

ในขณะที่ภาครัฐคงจะยังต้องกำหนดระดับราคาที่จะขยับสูงขึ้นในแต่ละขั้นและแต่ละช่วงเวลาให้เหมาะสม โดยในทางปฏิบัติสุดท้ายแล้วอาจไม่สามารถปล่อยลอยตัวราคาให้สูงเท่ากับราคาในตลาดโลก เนื่องจากข้อจำกัดในทางปฏิบัติคือระดับราคาที่ปรับขึ้นไปสูงสุดจะต้องเป็นระดับราคาที่ผู้ใช้สามารถยอมรับได้ด้วย ซึ่งอาจเป็นระดับราคาที่ภาครัฐจะยังคงต้องเข้ามาช่วยเหลือบ้าง

แนวทางนี้มีข้อดีคือ สามารถลดปัญหาที่จะเกิดขึ้นตามมาจากกรณีที่แบ่งแยกราคาเป็นหลายตลาด ขณะที่สามารถลดภาระการแบกรับส่วนต่างราคาของภาครัฐลงได้ อีกทั้งทำให้การใช้ก๊าซ LPG ในประเทศเป็นไปตามความจำเป็นมากขึ้น สามารถลดการใช้ก๊าซปริมาณมากตามความเคยชินลงได้ อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้ก็มีข้อเสีย คือ ประชาชนโดยเฉพาะในภาคครัวเรือนต้องรับภาระราคาก๊าซ LPG ที่จะสูงขึ้น ซึ่งภาครัฐต้องชี้แจงแก่ประชาชนให้เข้าใจอย่างชัดเจน

รวมถึงอาจยังคงเกิดปัญหาการลักลอบจำหน่ายแก่ประเทศเพื่อนบ้านได้ หากราคาจำหน่ายในประเทศในท้ายที่สุดที่ประชาชนและภาครัฐต่างยอมรับได้ยังคงต่ำกว่าราคาจำหน่ายในประเทศเพื่อนบ้านมากพอสมควร แต่ปัญหาการลักลอบจำหน่ายนี้น่าจะทุเลาลงเมื่อเทียบกับโครงสร้างราคาที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และกรณีที่กำหนดราคาแบบสองตลาด


บทสรุป

ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่าการดำเนินการใดๆ ของภาครัฐในปัจจุบันเกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนราคาก๊าซ LPG จะเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก เนื่องจากปัญหาราคาก๊าซ LPG ได้สะสมมาอย่างยาวนาน และเกี่ยวข้องกับประชาชนผู้ใช้ในประเทศเป็นจำนวนมาก ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพิจารณาให้รอบคอบก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ออกมา แต่ก็ไม่ควรจะปล่อยให้ระยะเวลาล่วงเลยไปนานมากนัก

เนื่องจากหากรัฐบาลไม่มีความชัดเจนใดๆ ออกมาก็จะเหมือนกับว่ารัฐบาลได้เลือกแนวทางการตรึงราคาก๊าซ LPG ทั้งระบบอยู่ต่อไป ประชาชนก็จะยิ่งรู้สึกว่าราคาก๊าซ LPG มีราคาที่ถูกกว่าน้ำมันเชื้อเพลิงประเภทอื่นอย่างมาก จนทำให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซ LPG กันมากขึ้น และสั่งสมพฤติกรรมการใช้ก๊าซปริมาณมากจนเกิดความเคยชินที่ยากจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งจะยิ่งทำให้ปัญหาต่างๆ สะสมและขยายวงกว้างมากขึ้น เช่น การลักลอบส่งออกก๊าซ LPG ไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้น การนำเข้าก๊าซ LPG ปริมาณมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งภาครัฐจะต้องแบกรับส่วนต่างราคาขายในประเทศและต่างประเทศในปริมาณและมูลค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

ขณะที่แนวทางการแบ่งแยกราคาก๊าซ LPG ออกเป็นสองตลาด โดยการคงให้การช่วยเหลือก๊าซ LPG ที่ใช้ในภาคครัวเรือนออกไปอย่างน้อยอีก 6 เดือนนับตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2551 จนถึงวันที่ 31 มกราคม 2552

ขณะที่อาจจะมีการทยอยปล่อยลอยตัวราคาในภาคอุตสาหกรรมและขนส่งแบบค่อยเป็นค่อยไป อาจสามารถช่วยบรรเทาภาระค่าครองชีพของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่ใช้ก๊าซในภาคครัวเรือน และสามารถลดภาระการแบกรับส่วนต่างราคาก๊าซ LPG จากการนำเข้าเพื่อใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมที่นับวันจะมีปริมาณการใช้เพิ่มมากขึ้นได้บ้าง แต่อาจจะก่อให้เกิดปัญหาตามมาได้ในภายหลัง หากภาครัฐไม่มีแนวทางการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นอย่างรัดกุม โดยเฉพาะปัญหาการลักลอบนำก๊าซจากภาคครัวเรือนที่มีราคาถูกมาใช้ในภาคอุตสาหกรรมและขนส่ง รวมทั้งการลักลอบส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้านตามแนวชายแดน จนก่อให้เกิดปัญหาการขาดแคลนก๊าซในประเทศได้ ซึ่งภาครัฐอาจจะต้องนำเข้าก๊าซ LPG เพื่อมาใช้ในภาคครัวเรือน และต้องรับภาระส่วนต่างราคาเช่นเดิม ขณะที่การลักลอบใช้ก๊าซที่ผิดประเภทนี้จะก่อให้เกิดปัญหาด้านความปลอดภัยมากขึ้นด้วย

สำหรับอีกทางเลือกหนึ่งคือ การใช้ราคาก๊าซ LPG ราคาเดียว และปรับขึ้นราคาทั้งระบบ โดยทยอยปรับขึ้นเป็นลำดับ ซึ่งสุดท้ายราคาน่าจะขยับขึ้นไปถึงจุดที่ผู้ใช้และผู้จำหน่ายยอมรับราคาร่วมกันได้จริง แนวทางนี้จะไม่ก่อให้เกิดปัญหาการลักลอบใช้ก๊าซเช่นกรณีการแบ่งแยกราคา แต่ประชาชนโดยเฉพาะภาคครัวเรือนต้องรับภาระราคาก๊าซที่จะสูงขึ้นกว่าในปัจจุบัน ซึ่งภาครัฐจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนในทุกส่วนอย่างชัดเจน

ในขณะที่ภาครัฐจะยังคงต้องตรวจสอบการลักลอบขนส่งก๊าซไปขายยังประเทศเพื่อนบ้านซึ่งอาจจะยังคงเกิดขึ้น หากราคาจำหน่ายในประเทศยังคงต่ำกว่าในประเทศเพื่อนบ้านมากพอสมควร

ทั้งนี้ หากพิจารณาถึงผลดีและผลเสียในระยะยาวแล้ว การลดการเข้าไปแทรกแซงและทยอยปล่อยให้ราคาก๊าซ LPG สะท้อนต้นทุนที่แท้จริง น่าจะเป็นทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากจะทำให้ประชาชนในทุกส่วนเกิดการใช้ก๊าซอย่างประหยัด และใช้ตามวัตถุประสงค์ที่ควรจะเป็น รวมทั้งจะเป็นการลดการใช้ตามความเคยชินที่แต่เดิมภาครัฐเป็นผู้จ่ายเงินอุดหนุนราคาทำให้ราคาก๊าซ LPG บิดเบือนไปจากราคาที่เป็นจริงอย่างมาก ส่งผลให้เป็นภาระหนักแก่ภาครัฐเช่นที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

. . .

Create Date : 23 กรกฎาคม 2551		5 comments
Last Update : 23 กรกฎาคม 2551 17:12:41 น.
Counter : 826 Pageviews.
Share Tweet