Group Blog
 
<<
กันยายน 2551
 
7 กันยายน 2551
 
All Blogs
 

. . . แนะคลายเครียด เสพข่าวการเมือง . . .

. . .

แนะคลายเครียด เสพข่าวการเมือง
วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2551 15:04 โพสต์ทูเดย์


นักวิชาการแนะผู้ร่วมชุมชนต้องรู้จักผ่อนคลายและขยับกายบ้าง เผยสามีภรรยาบางคู่ถึงขั้นหย่าร้างแล้ว เพราะความเห็นต่างทางการเมือง

ดร.จิตรา ดุษฏีเมธา ประธานโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) กล่าวถึงเหตุการณ์บ้านเมืองในขณะนี้ว่าคนไทยมีความเครียดสะสมอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุที่เราซึมซับรับรู้ข่าวสารข้อมูลที่เกิดขึ้นกับบ้านเมืองอย่างไม่รู้ตัว และเมื่อไหร่ที่เหตุการณ์บ้านเมืองมีการเปลี่ยนแปลงรายวันก็จะยิ่งส่งผลต่อความเครียดอย่างเห็นได้ชัด แม้บางวันเหตุการณ์อาจจะดูนิ่งๆ ผู้คนก็ยังระแวงอีกว่า ตกลงแล้วเหตุการณ์มันจะมีทางออกอย่างไร

ความเครียดในขณะนี้จึงเป็นลักษณะเกิดขึ้นกับตัวเอง และเกิดเป็นความระแวง วิตกกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นกับบ้านเมืองหรือไม่ ความเครียดจะสะสมอยู่ในจิตใจของคนไทยทุกคนแต่ขึ้นอยู่ที่ว่าคนไหนหมกมุ่นกับการติดตามข่าวสารบ้านเมืองมากน้อยแค่ไหน
นอกจากนี้คนที่จริงจังกับชีวิตก็จะเครียดง่าย และเมื่อไหร่ที่กลุ่มคนกลุ่มนี้ติดตามและสนใจเหตุการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่เขาก็จะเครียดมากกว่ากลุ่มคนกลุ่มอื่นๆ

“อยากให้เฝ้าสังเกตตัวเองว่าถ้าเราเกิดความเครียดแล้วมีอาการกินไม่ได้ นอนไม่หลับ หรือมีอาการปวดหัว ความดันโลหิตสูงขึ้น มีการซึมเศร้า หมดอาลัยต่อชีวิต มองโลกในแง่ร้าย ส่วนอารมณ์จะมีอาการหงุดหงิด ฉุนเฉียวง่าย ความคิดจะคิดเรื่องเดียวคือการเมือง พูดคุยก็จะมุ่งไปเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องการเมือง บางคนเปิดโทรทัศน์ก็จะดูแต่ข่าวการเมืองเพียงอย่างเดียว เปิดดูรายการเดียว สถานีโทรทัศน์ช่องเดียว เวลาดูก็ไม่ได้ดูเพียงอย่างเดียว แต่จะมีอารมณ์ร่วมไปด้วยทุกครั้ง ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่าคนๆ นั้นกำลังเครียด และเป็นความเครียดสะสมเพิ่มขึ้นๆ

การหมกมุ่นติดตามสถานการณ์บ้านเมืองแบบไม่รู้จักปลดปล่อยตัวเองนั้น อาจส่งผลถึงความบาดหมางขึ้นในครอบครัว สามีภรรยาบางคู่ทะเลาะกันเพียงเพื่อให้ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลือกข้างสนับสนุนทางการเมือง บางคู่ถึงขั้นหย่าร้างเพราะไม่ยอมกัน

นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องบางครอบครัวเริ่มเสียไป บางครอบครัวพ่อ แม่ ลูกทะเลาะกันเอง เพราะสถานการณ์บ้านเมืองที่เป็นอยู่ในขณะนี้ แม้เราจะพูดว่าความคิดที่แตกต่างสามารถพูดคุยแลกเปลี่ยนกันได้ก็ตาม แต่เมื่อไหร่ที่ความคิดเห็นของแต่ละคนมันยึดติด ยึดขั้ว ยึดข้าง ยึดฝ่ายอย่างชัดเจนแล้ว มันจึงไม่อาจจะแลกเปลี่ยนกันได้อีกต่อไป”

ดร.จิตรา กล่าวแนะนำอีกว่าเราต้องรู้จักผ่อนคลายการรับข่าวสารข้อมูลลงบ้าง แต่ไม่ได้หมายความว่าให้ปิดหูปิดตาไม่สนใจข่าวสาร แต่อยากให้รับข่าวสารบางช่วง หรืออาจจะดูข่าวเพียงวันละไม่เกิด 2 เวลา ดูข่าวเช้าข่าวเย็นก็เพียงพอแล้ว หรืออาจจะติดตามข่าวสารที่ส่งมาทางมือถือ บางคนขณะทำงานก็เอาแต่โทรพูดคุยติดตามข่าวสารบ้านเมืองจนไม่เป็นอันทำงาน

อยากบอกว่าไม่ว่าบ้านเมืองจะมีทางออกอย่างไร เราต้องบอกกับตัวเองว่าชีวิตเราต้องอยู่ให้ได้ ต้องทำให้ชีวิตมีความสุขในสถานการณ์ที่มันอาจจะแปรเปลี่ยนได้ ต้องรู้จักปรับชีวิตให้ผ่อนคลาย ต้องรู้จักเปลี่ยนกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นบ้าง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ชุมนุมควรจะเปลี่ยนกิจกรรม ลุกขึ้นขยับร่างกายบ้าง อย่าเอาแต่นั่งชุมนุมเป็นเวลานานๆ เพราะระบบโลหิตในร่างกายอาจติดขัดได้ และจะทำให้เกิดความเครียดคั่งค้างขึ้นในจิตใจเพิ่มขึ้น ความเครียดมันจะค้างอยู่ในร่างกาย อารมณ์ จิตใจและจิตวิญญาณจนยากจะสลัดมันออกได้

. . .



รฟท.สูญรายได้กว่า 80 ล้านบาทจากผลกระทบที่รถไฟหยุดวิ่ง


นายไพรัช โรจน์เจริญงาม ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์และบริการท่องเที่ยว การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงความคืบหน้าการเจรจาให้รถไฟสายใต้สามารถเดินรถได้ หลังจากที่มีการหยุดเดินรถมาตั้งแต่วันที่ 28 สิงหาคม ว่า การเจรจายังมีแนวโน้มที่ไม่ค่อยดีนัก ทำให้ยังไม่สามารถเปิดการเดินรถได้ตามปกติ เนื่องจากมีปัจจัยภายนอกที่ควบคุมไม่ได้เข้ามาเกี่ยวข้อง รวมทั้งกรณีการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีผลทำให้ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่สามารถลงไปเจรจาในพื้นที่ได้ อย่างไรก็ตาม รฟท. ยืนยันว่าจะเจรจาให้สามารถเดินรถได้เหมือนกับที่เคยเจรจาสำเร็จ ในเส้นทางสายเหนือ และสายอีสาน

สำหรับความเสียหายจากเหตุการณ์หยุดวิ่งรถไฟจนถึงขณะนี้ นายไพรัช ระบุว่า รฟท. สูญเสียรายได้ไปแล้วกว่า 80 ล้านบาท โดยในส่วนของเส้นทางรถไฟสายใต้ที่จนถึงขณะนี้ยังไม่สามารถเดินรถได้ มีความเสียหายประมาณวันละ 3 ล้านบาท

ทั้งนี้นายไพรัช ได้กล่าวขออภัยประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และยืนยันที่จะดำเนินการแก้ไขให้อย่างต่อเนื่อง เพื่อยุติปัญหาทั้งหมดโดยเร็ว

การเดินรถของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ขณะนี้ พบว่า เปิดให้บริการประชาชนทั่วประเทศ รวม 204 ขบวน จากทั้งหมด 244 ขบวน โดยเส้นทางสายเหนือ เดินทางจากกรุงเทพฯ ไปยังเชียงใหม่ได้ทุกขบวน และสายอีสาน เดินทางจาก กรุงเทพฯ ไปหนองคาย และอุบลราชธานี ส่วนเส้นทางสายใต้ เปิดเดินรถวันละ 18 ขบวน ส่วนใหญ่เป็นรถธรรมดา รถชานเมืองและรถท้องถิ่น แต่ยังงดเดินรถขบวนรถไฟสายหลัก ช่วง จ.ชุมพร อ.หาดใหญ่ อ.สุไหงโก-ลก จำนวน 40 ขบวน

ขบวนรถไฟสายใต้เริ่มทยอยเปิดให้บริการเพิ่มขึ้นโดยในวันที่ 7 ก.ย. ได้มีการเปิดเดินรถไฟสายใต้ซึ่งเป็นขบวนรถท้องถิ่นแล้ว 6 ขบวน

ประกอบด้วย
ขบวน 255 ธนบุรี-หลังสวน,
ขบวน 177 ธนบุรี-หลังสวน,
ขบวน 254 หลังสวน-ธนบุรี,
ขบวน 178 หลังสวน-ธนบุรี,
ขบวน 490 สุราษฎร์ธานี-คีรีรัฐนิคม,
ขบวน 489 คีรีรัฐนิคม-สุราษฎร์ธานี

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของขบวนรถไฟไปกลับธนบุรี-หลังสวนนั้น จะวิ่งรับส่งผู้โดยสารแค่สถานีประจวบคีรีขันธ์เท่านั้น ไม่ได้วิ่งถึงสถานีหลังสวน จ.ชุมพร

ส่วนการให้บริการรถไฟสายใต้ในภาพรวมทั้งรถด่วนและรถเร็วเส้นทางกรุงเทพฯ-สุไหงโก-ลก รวมทั้งขบวนท้องถิ่น จากสถานีหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนบนถึงสถานีชุมพร รวมทั้งจากหาดใหญ่ไปยังภาคใต้ตอนล่างถึงสถานีสุไหงโก-ลก ยังหยุดให้บริการติดต่อกันเป็นวันที่ 10 ส่งผลให้บรรยากาศที่สถานีชุมทางหาดใหญ่ ยังคงเงียบเหงามีเพียงเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแลความสงบเรียบร้อยภายในสถานีเท่านั้น

นายสุพิเชฐ สุวรรณชาตรี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย สาขาหาดใหญ่ ระบุว่า ยังไม่มีกำหนดการเปิดเดินรถไฟสายใต้เนื่องจากต้องรอมติจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นผู้ตัดสินใจเนื่องจากการหยุดเดินรถไฟเป็นไปตามข้อตกลง ที่ได้มีการหารือกันในกลุ่มของสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ การเปิดเดินรถจึงเป็นอำนาจตัดสินใจจากส่วนกลางเป็นหลัก

. . .



พนักงานการท่าเรือฯ กลับทำงานตามปกติแล้ว


นางสุนิดา สกุลรัตนะ ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานการณ์การขนส่งสินค้าเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ หลังจากได้เจรจากับตัวแทนกลุ่มสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) โดยขอให้ทุกคนกลับเข้าทำหน้าที่ตามปกติ เพื่อลดความสูญเสีย และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับองค์กร โดยกลุ่มตัวแทนพนักงานรับปากว่าจะเข้าทำหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

สำหรับช่วง 3 วันที่พนักงานลาหยุดงาน ทำให้ไม่มีเรือเข้าเทียบท่า การท่าเรือฯ ต้องสูญเสียรายได้ไปกว่า 30 ล้านบาท

นายทองอยู่ คงขันธ์ นายกสมาคมขนส่งสินค้าเพื่อการนำเข้าและส่งออก กล่าวว่า การหยุดงานของพนักงานการท่าเรือฯ ส่งผลให้การนำเข้าวัตถุดิบ และส่งออกสินค้าต้องหยุดชะงัก สร้างความเสียหายให้กับธุรกิจนำเข้าส่งออก วันละกว่า 450 ล้านบาท ซึ่งทางสหภาพแรงงานการท่าเรือฯ ต้องออกมารับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

สำหรับการให้บริการสนามบิน ก็กลับเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว โดยการปิดสนามบินช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทท่าอากาศยานไทยสูญเสียรายได้ไปประมาณ 6.9 ล้านบาท

. . .







 

Create Date : 07 กันยายน 2551
2 comments
Last Update : 7 กันยายน 2551 18:30:08 น.
Counter : 583 Pageviews.

 

. . .

“เงินบาทอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี ขณะที่ ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงลงต่ำสุดในรอบกว่า 19 เดือน”


ตลาดเงิน เงินบาทอ่อนค่าแตะระดับต่ำสุดในรอบ 1 ปี

อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นทรงตัวใกล้ระดับ 3.75% ต่อเนื่องจากปลายสัปดาห์ก่อนหน้า โดยมีการทยอยไหลกลับเข้ามาของสภาพคล่องหลังจากการเบิกถอนเงินสดของลูกค้าในช่วงสิ้นเดือน และมีการตัดจ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำงวดครึ่งปี 2551 ในช่วงต้นสัปดาห์ด้วย ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยอินเตอร์แบงก์ประเภทกู้ยืมข้ามคืน (Overnight) หนาแน่นอยู่ในกรอบระหว่าง 3.70-3.75% เทียบกับ 3.49-3.75% ในสัปดาห์ก่อนหน้า โดยอัตราผลตอบแทนถัวเฉลี่ยที่ประมูลได้ของธุรกรรมซื้อคืนพันธบัตรแบบทวิภาคี (Bilateral Repo) ระยะ 1, 7 และ 14 วัน เคลื่อนไหวใกล้ระดับ 3.75%

ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทในประเทศ (Onshore) ร่วงลงแตะระดับอ่อนค่าสุดในรอบ 1 ปีเทียบกับเงินดอลลาร์ฯ เงินบาทปรับตัวในทิศทางที่อ่อนค่าลงเกือบตลอดทั้งสัปดาห์ โดยถูกกดดันจากความแข็งแกร่งของเงินดอลลาร์ฯ ตลอดจนแรงเทขายสุทธิหุ้นไทยอย่างหนักของนักลงทุนต่างชาติท่ามกลางสถานการณ์ทางการเมืองที่ยังคงมีความไม่แน่นอน

นอกจากนี้ การอ่อนค่าของเงินบาทในช่วงนี้ยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับสกุลเงินส่วนใหญ่ในภูมิภาค อย่างไรก็ตาม ยังคงมีแรงขายเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งตลาดคาดการณ์ว่า เป็นการเข้าแทรกแซงเพื่อลดความผันผวนของค่าเงินบาทของ ธปท. สำหรับในวันศุกร์ เงินบาทอ่อนค่าลงอีกครั้งมายืนที่ระดับประมาณ 34.57 (ตลาดเอเชีย) โดยในระหว่างวันได้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปีที่ระดับประมาณ 34.60 เทียบกับระดับ 34.23 บาทต่อดอลลาร์ฯ ในวันศุกร์ก่อนหน้า (29 สิงหาคม)

ในสัปดาห์นี้ (8-12 กันยายน 2551) ธนาคารพาณิชย์จะมีการปิดสำรองสภาพคล่องรายปักษ์ในวันอังคารและเข้าสู่ปักษ์ใหม่ในวันพุธ ในขณะที่จะมีการตัดจ่ายเงินภาษีหัก ณ ที่จ่ายผ่านระบบธนาคารในช่วงต้นสัปดาห์ ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นน่าจะยังทรงตัวใกล้เคียงระดับ 3.75% ภายใต้ภาวะสภาพคล่องในตลาดเงินที่น่าจะไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก

ส่วนเงินบาทในประเทศอาจมีกรอบการเคลื่อนไหวที่ 34.30-34.70 บาทต่อดอลลาร์ฯ โดยปัจจัยที่ควรจับตา ได้แก่ สถานการณ์การเมืองในประเทศ สัญญาณการเข้าดูแลเสถียรภาพตลาดของ ธปท. แรงซื้อเงินดอลลาร์ฯ ของผู้นำเข้าและนักลงทุนต่างชาติ และทิศทางของสกุลเงินในภูมิภาค ตลอดจนทิศทางค่าเงินดอลลาร์ฯ ซึ่งจะขึ้นกับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญประกอบด้วย ยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) ดุลการค้า ข้อมูลสต็อกสินค้าภาคค้าส่ง เดือนกรกฎาคม ยอดค้าปลีก ดัชนีราคาผู้ผลิต ดัชนีราคานำเข้าและส่งออกเดือนสิงหาคม และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ เดือนกันยายน (ขั้นต้น) จัดทำโดยรอยเตอร์/มหาวิทยาลัยมิชิแกน


ตลาดหุ้นไทย “ดัชนี SET ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 19 เดือน”


ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีหุ้นไทยปิดที่ 645.80 จุด ปรับตัวลดลง 5.65% จาก 684.44 จุด จุดในสัปดาห์ก่อน และร่วงลง 24.74% จากสิ้นปี 2550 ขณะที่มูลค่าการซื้อขายรวมทั้งสัปดาห์เพิ่มขึ้น 11.48% จาก 44,869.11 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อนหน้า มาอยู่ที่ 50,021.70 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันที่เพิ่มขึ้นจาก 8,973.82 ล้านบาทในสัปดาห์ก่อน มาอยู่ที่ 10,004.34 ล้านบาท

ส่วนตลาดหลักทรัพย์ MAI ปิดที่ 234.02 จุด ขยับลง 1.94% จาก 238.65 จุดในสัปดาห์ก่อน และร่วงลง 14.08% จากสิ้นปีก่อน โดยนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิที่ 11,992.33 ล้านบาท ขณะที่นักลงทุนรายย่อยและนักลงทุนสถาบันซื้อสุทธิที่ 11,491.04 ล้านบาท และ 501.31 ล้านบาท ตามลำดับ

สำหรับแนวโน้มในสัปดาห์นี้ (8-12 กันยายน 2551) บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทยและบริษัทศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด มองว่า นักลงทุนยังคงต้องจับตาประเด็นความเคลื่อนไหวทางการเมืองในประเทศต่อ ซึ่งอาจทำให้ยังคงมีแรงขายจากนักลงทุนต่างชาติ ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมของกลุ่มโอเปกในวันอังคาร และการปรับตัวของตลาดหุ้นในภูมิภาค รวมทั้งการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ อาทิ ยอดทำสัญญาซื้อขายบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sales) และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนสิงหาคม ทั้งนี้ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีจะมีแนวรับที่ 642 และ 600 จุด และแนวต้านคาดว่าจะอยู่ที่ 660 และ 674 จุด ตามลำดับ

. . .

 

โดย: loykratong 7 กันยายน 2551 18:40:02 น.  

 

ลูกเพ่ หลอกกันชัดๆ
ไม่เห็นหายเครียดเลย
ไม่มีตังค์จะใช้แร่ะเนี่ย
ขอตังค์ใช้มั่งดิ
น่ะ น่ะ น่ะ

 

โดย: ป้าซ่าส์ 8 กันยายน 2551 18:35:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.