Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
11 สิงหาคม 2551
 
All Blogs
 

. . . รถติดก๊าซ NGV ต้องมีใบรับรองเติมก๊าซ--ราคาน้ำมันลดลงอีก 60-80 สตางค์. . .

. . .

กรมขนส่งทางบกเพิ่มมาตรการความปลอดภัย ผู้ใช้รถติดตั้งก๊าซ NGV ต้องแสดงบัตรก่อนเติมแก๊ส


นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึง กรณีเกิดเหตุถัง NGV ระเบิดขณะเติมแก๊สเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เพื่อเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัยรถยนต์ ทั้งรถยนต์ส่วนตัวและรถโดยสารสาธารณะที่เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นเอ็นจีวี โดยล่าสุดกรมการขนส่งทางบกได้หารือร่วมกับบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เพื่อเปลี่ยนแปลงขั้นตอนการตรวจสอบ การติดตั้งและการออกใบรับรอง เพื่อให้ผู้เปลี่ยนเครื่องยนต์นำใบรับรองไปใช้เติมก๊าซเอ็นจีวีได้

นายทรงศักดิ์ กล่าวว่า เดิมเมื่อผู้ใช้รถนำรถไปเปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์ บริษัทผู้ติดตั้งระบบที่ได้รับอนุญาตสามารถออกใบรับรอง และเจ้าของรถยนต์นำใบรับรองไปขอรับการเติมก๊าซเชื้อเพลิงจากปตท.ได้
แต่หลังจากนี้ เมื่อมีการเปลี่ยนเครื่องยนต์แล้ว เจ้าของรถจะต้องนำรถมาให้กรมการขนส่งทางบกตรวจความปลอดภัย และออกใบรับรอง จากนั้นจึงจะนำใบรับรองดังกล่าวไปขอเติมก๊าซแต่ละครั้ง มาตรการดังกล่าวจะช่วยเพิ่มการตรวจสอบรถยนต์ที่เปลี่ยนเครื่องยนต์เป็นก๊าซมีมาตรฐานความปลอดภัยมากขึ้น

ในการดูแลความปลอดภัยช่วงที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกเปิดให้ผู้ขับรถยนต์ส่วนตัว และรถสาธารณะที่เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซทั้งเอ็นจีวี และก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ก่อนหน้านี้ มาแจ้งการเปลี่ยนเครื่องยนต์ที่กรมการขนส่งทางบกภายใน 15 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 16 ส.ค.นี้ แต่หลังจาก 16 ส.ค.นี้ รถยนต์ที่เปลี่ยนแปลงเครื่องยนต์มาใช้ก๊าซจะมีระยะเวลา 15 วัน ในการแจ้งจดทะเบียนให้ถูกต้อง

ปัจจุบันมีประชาชนแจ้งการเปลี่ยนเครื่องยนต์แล้วทั่วประเทศ 430,000 คัน เมื่อครบกำหนดคาดว่า จะมียอดรถยนต์แจ้งเปลี่ยนเครื่องยนต์สูงถึง 600,000-700,000 คัน แต่ข้อมูลกรมการขนส่งทางบกประเมินว่า ปัจจุบันมีรถยนต์ดัดแปลงมาใช้ก๊าซเอ็นจีวีและแอลพีจีแล้วกว่า 1 ล้านคัน

. . .



ผลสอบถังก๊าซเอ็นจีวีระเบิดต้องรออีก 2 สัปดาห์ เบื้องต้นเรียกถังรุ่นเดียวกันที่ติดตั้งในรถเมล์คืนทั้งหมด 376 ถัง


นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะประธานคณะกรรมการเร่งรัดและติดตามการใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์ กล่าวว่า การตรวจสอบสาเหตุการระเบิดของถังเอ็นจีวีในรถเมล์เมื่อวันศุกร์ที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเกิดจากหลายสาเหตุ คือ ถังไม่ได้คุณภาพ, การติดตั้งถังไม่ได้มาตรฐาน, วัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตถัง, และการใช้งานของถังเกิดการกระแทก

เนื่องจากถังดังกล่าวมีการนำเข้าที่ถูกต้องตามกฎหมาย และผ่านการทดสอบคุณภาพแรงดันก๊าซ จึงได้เตรียมนำชิ้นส่วนถังที่ระเบิดไปตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงอย่างละเอียด โดยผู้เชี่ยวชาญจากกรมธุรกิจพลังงานและภาควิชาวิศวกรรมเครื่องกล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ จะเป็นผู้ตรวจสอบ คาดว่าได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์

ทั้งนี้ ถังดังกล่าวเป็นของบริษัทไฟน์เทคจากเกาหลีใต้ ที่ใช้วัตถุดิบเหล็กจากจีนผลิตออกจำหน่ายจำนวน 1,000 ใบ ขนาดบรรจุ 145 ลิตรซึ่งใช้ในรถยนต์ขนาดใหญ่คือนำไปติดตั้งกับรถเมล์เกือบทั้งหมด ซึ่งนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศจำนวน 376 ถังโดยบริษัทสยามราชธานี มีการเรียกเก็บถังคืนทั้งหมด และให้ลูกค้าที่ติดตั้งถังเอ็นจีวีรุ่นดังกล่าวหมายเลขถังตั้งแต่เบอร์ 545187 – 545562 กลับมาเปลี่ยนถังที่ได้มาตรฐานใหม่โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย

รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รถที่ติดตั้งถังเอ็นจีวีรุ่นดังกล่าวของสยามราชธานีจะไม่ได้รับอนุญาตให้เติมก๊าซเอ็นจีวีในสถานีบริการจนกว่าจะทราบสาเหตุที่ชัดเจนก่อน เพราะเกรงเกิดอันตรายซ้ำสอง พร้อมทั้งขอให้ประชาชนที่ใช้เอ็นจีวีมั่นใจในความปลอดภัย และมาตรฐานของถัง หากติดตั้งในอู่ที่มีมาตรฐาน และผ่านการตรวจสอบคุณภาพ

ทั้งนี้ ระบบการนำเข้าถังก๊าซเอ็นจีวีของประเทศไทย เป็นการเปิดเสรีนำเข้าจาก 5 ประเทศ ได้แก่ จีน เกาหลีใต้ แคนาดา อาร์เจนตินา และอิตาลี มีผู้นำเข้ากว่า 10 ราย โดย ปตท.เป็นผู้นำเข้ารายใหญ่ที่สุด ซึ่งนำเข้ามาจากอาร์เจนตินาและอิตาลี

ถังก๊าซฯ ที่นำเข้าจะต้องมาจากผู้ผลิตที่ผ่านการรับรองระดับมาตรฐานโลกคือ ไอเอสโอ 11439 ซึ่งถังไฟน์เทคได้รับรองมาตรฐาน และบริษัทแห่งนี้ผลิตและส่งออกทั่วโลก ผลิตถังก๊าซมานานกว่า 20 ปี

ส่วนการติดตั้งเครื่องยนต์ และถังเอ็นจีวีจะต้องติดตั้งจากอู่ติดตั้งที่ได้มาตรฐานผ่านการรับรองจากกรมการขนส่งทางบก ปัจจุบันมีผู้ได้ใบรับรอง 23 แห่ง และผ่านการตรวจจากบุคคลที่ 3 หรือผู้ตรวจทดสอบที่ได้รับใบอนุญาตจากกรมการขนส่งทางบก ซึ่งปัจจุบันมีผู้ได้รับการรับรอง 46 แห่ง โดยกรณีที่เกิดปัญหาถังระเบิดครั้งนี้ พบว่า สยามราชธานีเป็นผู้ที่ติดตั้ง และยังเป็นผู้ตรวจทดสอบด้วยตนเองอีกด้วย

. . .



กระทรวงการคลัง เผยรถไฟฟ้าสายสีม่วงพร้อมเริ่มปลายปีนี้


รัฐมนตรีคลังเผย รถไฟฟ้าสายสีม่วงพร้อมเริ่มดำเนินการในปลายปีนี้ซึ่งกระทรวงการคลังเตรียมของบประมาณคณะรัฐมนตรี 30 ล้านบาท เพื่อประชาสัมพันธ์โครงการเมกะโปรเจค

น.พ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือกับภาครัฐและเอกชนในการผลักดันโครงการเมกะโปรเจกต์ทั้งหมด โดยเตรียมเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้าเพื่อที่จะของบประมาณ 30 ล้านบาท ในการจัดงาน “มั่นใจไทยแลนด์การลงทุนเพื่อคนไทยในอนาคต” ที่จะจัดขึ้น ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ระหว่างวันที่ 12-14 ก.ย. 2551

การจัดงานในครั้งนี้ จะเป็นการจัดงานเชิงสัมมนาเพื่อให้นักลงทุนได้รู้ถึงรายละเอียดในโครงการเมกะโปรเจคต์ และเชื่อว่าจะเรียกความสนใจและความมั่นใจจากนักลงทุนได้อย่างมาก

ส่วนเรื่องโครงการรถไฟฟ้า 9 สาย ขณะนี้สายสีม่วง พร้อมดำเนินการได้ภายในปลายปี 2551 นี้ และสายสีอื่น ๆ ที่เหลืออยู่คาดว่าจะดำเนินการได้ในปี 2552


โครงการรถไฟฟ้าที่ครม.อนุมัติดำเนินการแล้วมี 4 สาย ประกอบด้วย

โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่ 23 กม. ได้ลงนามรับอนุมัติเงินกู้จากธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (JBIC) 32,000 ล้านบาท เมื่อ 31 มี.ค. 51 และได้ขายเอกสารประกวดราคาแล้ว จะยื่นข้อเสนอทางเทคนิคในกลางเดือน ส.ค.นี้ คาดว่าจะลงนามสัญญาก่อสร้างได้ในเดือน ม.ค.52

โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-บางซื่อ 15 กม. อยู่ระหว่างเลือกผู้ประมูล เนื่องจากมีผู้ประมูลเพียงรายเดียว (อาจประมูลใหม่)

โครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต 36 กม. อยู่ระหว่างศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม และอยู่ระหว่างเจรจาเงินกู้วงเงินประมาณ 80,000 ล้านบาทกับ JBIC

โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางซื่อ-ท่าพระ และหัวลำโพง-บางแค 27 กม. คาดว่าจะประกวดราคาได้ในเดือน ธ.ค.2551 อยู่ระหว่างเจรจาเงินกู้วงเงินประมาณ 80,000 ล้านบาทกับ JBIC

. . .



รัฐบาลยกเลิกการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ และเตรียมนำข้าวในสต๊อก 3 ล้านตันออกประมูลขายให้ผู้ส่งออก


นายไชยา สะสมทรัพย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เรื่องการบริหารจัดการสต๊อกข้าวของรัฐ โดยระบุว่า นายกฯได้เห็นชอบให้เปิดประมูลข้าวในสต๊อกของรัฐทั้งหมด ซึ่งเป็นสต๊อกเก่ากว่า 2 ล้านตัน และสต๊อกใหม่ที่รับจำนำไว้ล่าสุดอีกกว่า 1 ล้านตัน โดยจะเปิดให้เอกชนประมูลซื้อ ซึ่งจะต้องเสนอราคาไม่ต่ำกว่าราคาตันละ 14,000 บาท

นายไชยา กล่าวว่า รัฐบาลจะไม่ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐแล้ว แต่จะส่งต่อออเดอร์ที่มีให้กับเอกชนไปเสนอขายทั้งหมด เพราะเอกชนจะมีวิธีการบริหารจัดการที่ดีกว่า โดยจะเรียกเอกชนหารือภายในสัปดาห์นี้ เพื่อชี้แจงในรายละเอียด และเห็นว่าจะต้องเร่งดำเนินการระบายข้าวจำนวนดังกล่าว เพราะเหลือเวลาอีก 2-3 เดือนที่ข้าวเปลือกนาปีฤดูกาลใหม่จะออกสู่ตลาด หากไม่เร่งระบายจะมีปัญหา

สำหรับการที่กระทรวงพาณิชย์จะดึงการจัดการข้าวทั้งระบบมาดูแลเอง ปรากฏว่านายกรัฐมนตรี ได้ตั้งทีมขึ้นมาดูแลทั้งในส่วนการรับจำนำ, การจัดเก็บ, การแปรรูป, และการระบายข้าว ซึ่งนายกรัฐมนตรีเห็นว่า คณะที่ดำเนินการอยู่ได้ดำเนินการไปแล้ว แต่ก็มอบหมายให้กระทรวงพาณิชย์ได้เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในคณะอนุกรรมการดังกล่าว

ส่วนการรับจำนำข้าวข้าวเปลือกนาปีปี 51/52 ในเดือน พ.ย.ที่จะถึงนี้ ในเบื้องต้นได้มีมาตรการเตรียมพื้นที่จัดเก็บเพื่อรองรับข้าวนาปีที่กำลังจะออกในฤดูกาลผลิตนี้ และในส่วนของข้าวเปลือกใหม่คาดว่าจะตั้งราคาที่ 14,500 บาทต่อตัน โดยเชื่อว่าจะไม่ทำให้รัฐบาลขาดทุน และราคาข้าวจะไม่ตก

นายไชยา กล่าวว่าสำหรับการจัดสร้างไซโล เพื่อดูแลคุณภาพข้าว เบื้องต้นจะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) เพื่อให้สหกรณ์การเกษตร แต่ละจังหวัดรวมกลุ่มเพื่อจัดสร้าง 1 ไซโล 1 จังหวัด ซึ่งรายละเอียดจะพิจารณาต่อไป

ปริมาณและมูลค่าส่งออกข้าว 7 เดือน (มกราคม-กรกฎาคม) ส่งออกได้ทั้งสิ้น 6.86 ล้านตัน เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาที่ส่งออกได้ 4.69 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 46% เฉพาะเดือนกรกฎาคมเดือนเดียวส่งออกได้ 887,451 ตัน โดยปริมาณการส่งออกต่อเดือนได้ลดระดับความร้อนแรงลงจากที่ส่งออกเดือนละ 1 ล้านตันติดต่อกันตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเดือนมีนาคม หลังจากนั้นเดือนเมษายนลงเหลือ 812,633 ตันและเพิ่มขึ้นระดับหลักล้านตันอีกครั้งเดือนพฤษภาคม ในเดือนมิถุนายนส่งออกได้ 950,020 ตัน สำหรับ 5 เดือนที่เหลือ คาดว่าจะส่งออกได้เดือนละประมาณ 600,000 ตัน

. . .



ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายเบนซิน 60 สตางค์ และดีเซล 80 สตางค์


ผู้ค้าน้ำมันปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันทุกชนิด โดยกลุ่มเบนซินลดลงลิตรละ 60 สตางค์ ส่วนดีเซลปรับลดลงลิตรละ 80 สตางค์ มีผล 5.00 น.วันที่ 12 ส.ค. ส่งผลให้ราคาเบนซิน 91 อยู่ที่ลิตรละ 36.89 บาท,
แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 29.39 บาท,
แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 28.59 บาท
และดีเซลลิตรละ 34.24 บาท

นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การปรับลดราคาเป็นผลจากราคาตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสปิดตลาดเมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ปรับลดลง 4.82 ดอลลาร์สหรัฐ ปิดที่ 115.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน เมื่อเทียบกับสกุลยูโร และเหตุการณ์ระเบิดที่ท่อขนส่งน้ำมันดิบในตุรกี กำลังการผลิตประมาณ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันได้คลี่คลายลง แต่ตลาดกำลังติดตามความขัดแย้งระหว่างจอร์เจียและรัสเซียว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันหรือไม่

นอกจากนี้ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือน กันยายนปรับลดลง 4.53 ดอลลาร์ ปิดที่ 113.33 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลง 1.22 ดอลลาร์ ปิดที่ 114.08 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันเบนซินที่ตลาดสิงคโปร์ปรับลดลง 0.33 ดอลลาร์ ปิดที่ 116.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดีเซล ปรับลดลง 2.36 ดอลลาร์ ปิดที่ 133.49 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เนื่องจากไม่มีแรงซื้อน้ำมันจากจีนหลังจากเข้าสู่ช่วงกีฬาโอลิมปิก เพราะจีนมีนโยบายปิดโรงงานบางแห่งชั่วคราว และลดการใช้ยานพาหนะเพื่อลดมลพิษในอากาศลง

นายเทียนไชย จงพีร์เพียร นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลควรทบทวนมาตรการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่ได้ประกาศใช้วันที่ 24 ก.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากราคาน้ำมันตลาดโลกได้ปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติแล้ว และการสนับสนุนใช้น้ำมันถูกกว่าความเป็นจริงเป็นการส่งเสริมไม่ให้ประชาชนประหยัด รวมทั้งภาษีสรรพสามิตที่ลดไปถือว่าค่อนข้างมากเกิน ดังนั้นรัฐควรพิจารณาถึงรายได้ที่หายไปกับความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ เพราะหากส่งเสริมให้ใช้น้ำมันเพิ่มขึ้นก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร

. . .




 

Create Date : 11 สิงหาคม 2551
5 comments
Last Update : 11 สิงหาคม 2551 19:14:18 น.
Counter : 1134 Pageviews.

 


ราคาตลาดโลกของน้ำมันลดลงอย่างต่อเนื่องเลยนะคะ ข่าวดีจริงๆ เลย หวังว่าปัญหาของรัสเชียกับจอร์เจียคงไม่มีผลกระทบนะคะ ค่าเงินบาทของไทยวันนี้ก็แข็งค่าไม่แพ้ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐค่ะ

นำโยคะมาฝากค่ะ ขอบคุณข่าวดีๆ ทุกวันนะคะ

มีแต่ความสุขค่ะ

 

โดย: ทิวาจรดราตรี 11 สิงหาคม 2551 22:31:53 น.  

 

 

โดย: ดราก้อนวี 12 สิงหาคม 2551 8:14:02 น.  

 


เย้ๆๆ วันนี้พวงมาลัยขายดีสุดๆ เลยฮะพี่


 

โดย: ขิมทอง IP: 125.25.126.66 12 สิงหาคม 2551 16:20:33 น.  

 




สุขสันต์วันแม่จ้า

 

โดย: loykratong 12 สิงหาคม 2551 19:35:38 น.  

 

//komn.blogth.com

 

โดย: http://komn.blogth.com IP: 124.120.162.110 14 สิงหาคม 2551 9:33:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.