Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2551
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
1 ธันวาคม 2551
 
All Blogs
 

น้ำมันลดลงลิตรละ 0.40 บาท-- เงินเฟ้อเดือนพ.ย.2.2% ต่ำสุดรอบ 14 เดือน--สนามบินยังปิดอยู่...

. . .

ภาครัฐ-เอกชนร่วมหารือแก้ปัญหาการปิดสนามบิน เบื้องต้นเตรียมเสนอครม.ช่วยเหลือภาคธุรกิจท่องเที่ยวด้วยการตั้งกองทุน และให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ตกค้าง


ในวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา มีการประชุมร่วมระหว่างภาครัฐ กับ ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยวภาคเอกชนกว่า 200 คน โดยมี ดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี และนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ เป็นประธาน เพื่อพิจารณาเรื่อง ผลกระทบจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง ซึ่งในที่ประชุมเอกชนมีข้อเสนอหลากหลายในการแก้ปัญหา

ดร.โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลพร้อมรับข้อเสนอ เพื่อหาทางยุติปัญหาทั้งหมด แนวทางใดที่จะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ก็พร้อมดำเนินการ

โดยเรื่องการท่องเที่ยวนั้น ในวันที่ 2 ธ.ค.จะของบประมาณ 1,500 ล้านบาทเพื่อให้ความช่วยเหลือ ทั้งนักท่องเที่ยวต่างชาติในไทย และคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศ

ส่วนการจัดตั้ง กองทุนช่วยเหลือเอสเอ็มอีด้านการท่องเที่ยว ที่ได้รับผลกระทบหนัก สามารถทำได้ โดยใช้รูปแบบเดียวกับที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เคยจัดตั้งกองทุนช่วยเอสเอ็มอี เมื่อครั้งเกิดปัญหาสึนามิ

อย่างไรก็ตาม อยากขอให้ทุกฝ่ายช่วยกันพิจารณาว่า จะทำอย่างไรให้เปิดสนามบินได้อย่างเร็วที่สุด โดยขอให้มีจิตสำนึกในการทำให้ประเทศไทยเดินหน้า เพราะหากยิ่งปิดสนามบินนาน มูลค่าความเสียหายจะสูงนับหลายแสนล้านบาท

นายโอฬารกล่าวว่า ได้มีการคาดการณ์ว่า GDP ในปี 2552 จะไม่มีการขยายตัวหรืออยู่ที่ 0% ซึ่งอาจจะติดลบได้ และมีคนตกงานไม่ต่ำกว่า 1.2 ล้านคน รวมถึงอาจเกิดภาวะเงินฝืดตามมา และเชื่อว่าเหตุการณ์นี้จะหนักกว่าวิกฤตต้มยำกุ้งในปี 2540

. . .



รมว.ท่องเที่ยวเสนอ ครม.ของบฯช่วยธุรกิจท่องเที่ยววันที่ 2 ธ.ค.นี้


นายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า จะเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรีขอจัดสรรงบประมาณเพื่อเยียวยาภาคการท่องเที่ยวจากผลกระทบการปิดสนามบิน แบ่งออกเป็นงบเร่งด่วน 10 ล้านบาท ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวตกค้างในประเทศ ด้วยการช่วยเหลือค่าใช้จ่ายให้ 2,000 บาทต่อคนต่อวัน

นอกจากนี้ จะมีเงินงบประมาณ 1,000 ล้านบาท ให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ตกค้างในประเทศ และคนไทยที่ตกค้างในต่างประเทศที่มีรายงานว่าไม่ต่ำกว่า 50,000-60,000 คน

ส่วนที่ 3 จะเสนอจัดตั้งกองทุนพิเศษดูแลผู้ประกอบการท่องเที่ยว 10,000 ล้านบาท เพราะคาดว่าผลกระทบครั้งนี้จะสร้างปัญหาระยะยาว โดยแม้ว่าหากจะเปิดสนามบินแต่ความเชื่อมั่นยังไม่กลับคืนมา ผู้ประกอบการจะมีปัญหาขาดสภาพคล่อง จึงจะจัดตั้งกองทุนขึ้นมามาช่วยเหลือผู้ประกอบการให้อยู่ได้

สำหรับการให้ความช่วยเหลือนักท่องเที่ยวที่ตกค้างจากภาคเอกชน บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้เปิดให้บริการเช็คอินสำหรับผู้โดยสารที่ ศูนย์นิทรรศการและการประชุมไบเทค ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสาร และเพื่อป้องกันการพลาดเที่ยวบิน เนื่องจากมีผู้โดยสารที่ทำการเช็คอินจำนวนมาก ผู้โดยสารควรจะเดินทางมาถึงไบเทค ก่อนเวลาเครื่องบินออก 7 ชั่วโมง

ทั้งนี้ บริษัทฯ จะทำการเช็คอินให้ผู้โดยสาร และนำผู้โดยสารขึ้นรถบัสเดินทางไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา จ.ระยอง

นายวีระศักดิ์ กล่าวว่า นักท่องเที่ยวที่ตกค้างขณะนี้เหลือประมาณ 240,000 คน คาดว่าจะขนส่งกลับประเทศได้ภายใน 10 วันนี้ จากที่ก่อนหน้านี้ขนส่งไปแล้ว 50,000 คน

นายเจริญ วังอนานนท์ นายกสมาคมไทยบริการท่องเที่ยว กล่าวว่า วันที่ 2 ธ.ค.นี้ เวลา 14.00 น. ทางสมาคมจะประชุมบริษัททัวร์ ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 500 ราย เพื่อประเมินผลกระทบ และเร่งให้ความช่วยเหลือ โดยล่าสุดมีการแจ้งว่า มีคนไทยตกค้างไม่ต่ำกว่า 5,000 คน โดยเฉพาะในจีน และฮ่องกงมีประมาณ 700-800 คน ซึ่งต้องประสานหาทางช่วยเหลือให้เดินทางกลับโดยเร็วที่สุด

. . .



กกร. เตรียมออกแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลยุบสภาฯ และเรียกร้องพันธมิตรออกจากการปิดสนามบินทั้งสองแห่ง


คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เตรียมออกแถลงการณ์ 4 ประเด็น เรียกร้องรัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหา และให้พันธมิตรฯ ออกจาก 2 สนามบินโดยด่วน

ภายหลังการประชุมร่วมของ กกร. ที่มีสมาชิกสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย ร่วมประชุมเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา

นายสันติ วิลาสศักดานนท์ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) จะออกแถลงการณ์ 4 ข้อ ในเวลาประมาณ 10.30 น. ของวันที่ 2 ธ.ค.
สำหรับข้อเสนอของ กกร.ทั้ง 4 ข้อ คือ

1. ขอให้มีการแก้ไขปัญหาตามระบอบประชาธิปไตย เมื่อรัฐบาลไม่สามารถบริหารประเทศได้ ก็ควรจะเปลี่ยนให้พรรคอื่นเข้ามาจัดตั้งรัฐบาล

2. เมื่อข้อแรกไม่ประสบความสำเร็จ ก็ควรมีการยุบสภาฯ แล้วจัดเลือกตั้งใหม่

3. ขอเรียกร้องไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ยึดทั้งท่าอากาศยานดอนเมืองและท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ขอให้ถอยออกจากสนามบินโดยด่วนที่สุด เพราะการยึดครองสนามบินเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง สร้างความเสียหายมหาศาลทั้งเศรษฐกิจและสังคม

และ 4. ที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ คือ จะเรียกร้องรัฐบาลแห่งชาติ หรือรัฐบาลพระราชทานหรือไม่นั้น จะต้องขอความคิดเห็นจากทุกฝ่าย เพื่อให้ออกมาดีที่สุด

. . .



เบนซิน และแก๊สโซฮอล์ (ยกเว้นอี 85) ลดลงลิตรละ 40 สตางค์ มีผลวันที่ 2 ธ.ค.นี้


ผู้ค้าประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน และแก๊สโซฮอล์ 40 สตางค์ต่อลิตร มีผลวันที่ 2 ธ.ค. ส่งผลให้ราคาน้ำมันเป็นดังนี้

เบนซิน 95 ลิตรละ 26.79 บาท
เบนซิน 91 ลิตรละ 22.59 บาท
แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 17.89 บาท
แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 17.09 บาท
แก๊สโซฮอล์ อี 20 ลิตรละ 16.59 บาท
แก๊สโซฮอล์ อี 85 ลิตรละ 18.29 บาท
ดีเซล ลิตรละ 21.04 บาท
ดีเซล บี 5 ลิตรละ 19.54 บาท

โดยการลดลงเป็นไปตามราคาน้ำมันตลาดโลกที่ยังคงดิ่งลง เพราะพิษเศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่เนื่องจากราคาเอทานอลอยู่ในระดับสูง (ราคาเอทานอลอ้างอิง ลิตรละ 22.11 บาท) จึงทำให้ไม่สามารถลดราคาอี 85 ได้ ส่งผลให้ราคาสูงกว่าอี 10 และอี 20

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวลดลงมาเล็กน้อย โดยวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันดิบดูไบอยู่ที่ 47.95 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล น้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ เบนซินอยู่ที่ 44.98 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และดีเซลอยู่ที่ 64.60 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ทำให้ ปตท. สามารถประกาศลดราคาขายปลีกน้ำมันเบนซิน 91 และกลุ่มแก๊สโซฮอล์ (อี 10 ออกเทน 91, 95 และ อี 20) ลงให้ผู้บริโภคได้อีก 40 สตางค์ต่อลิตร

ปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาน้ำมันเริ่มอ่อนตัวลง เนื่องจากการที่สมาชิกกลุ่มโอเปกมีมติเลื่อนการพิจารณาปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน จากวันที่ 29 พ.ย.51 ไปเป็นวันที่ 17 ธ.ค.51 และการคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันของประเทศจีนจะลดลง หลังจาก World Bank ปรับลดตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 51 จากเดิม 9.2% มาอยู่ที่ 7.5% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่ปี 2533 รวมทั้งความต้องการน้ำมันของสหรัฐอเมริกาในปี 51 ลดลง 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน มาอยู่ที่ 19.56 ล้านบาร์เรลต่อวัน

. . .



เงินเฟ้อเดือน พ.ย. 2.2% - ขยายตัวในอัตราต่ำสุดในรอบ 14 เดือน


นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (เงินเฟ้อ) เดือนพฤศจิกายน 2551 เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 1.2 เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ที่ผ่านมา แต่เมื่อคิดเฉลี่ยช่วง 11 เดือนแรกของปี 2551 เงินเฟ้อสูงขึ้นร้อยละ 5.9

ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภคพื้นฐาน เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.0 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 0.3 เมื่อเทียบกับเดือนต.ค.ที่ผ่านมา และเมื่อคิดเฉลี่ย 11 เดือน สูงขึ้นร้อยละ 2.5

นายศิริพล กล่าวว่า เงินเฟ้อเดือนพฤศจิกายนเป็นอัตราขยายตัวต่ำสุดในรอบ 14 เดือน และลดลงเป็นเดือนที่ 2 เทียบจากเดือนที่ผ่านมาของปีเดียวกัน มีแนวโน้มที่เงินเฟ้อในเดือนธันวาคมยังลดลงต่ำกว่าร้อยละ 3 และทำให้เงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 51 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.6 - 5.9

สำหรับเงินเฟ้อในปี 2552 กระทรวงพาณิชย์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 - 3.5 บนสมมุติฐานราคาน้ำมันเฉลี่ย 60-70 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล, เศรษฐกิจประเทศขยายตัวร้อยละ 3 , อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 35-36 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ, และการสิ้นสุดการใช้ 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชนซึ่งทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นร้อยละ 1

สาเหตุที่ทำให้เงินเฟ้อในเดือนพฤศจิกายน 2551 ลดลง เนื่องจากราคาสินค้าในหมวดไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่ม ลดลงร้อยละ 2.9 เป็นอัตราลดลงมากกว่าเดือนตุลาคมที่ลดลงร้อยละ 1.9 สินค้าสำคัญที่ราคาลดลง คือ ราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศลดลงร้อยละ 17.1, ค่าโดยรถประจำทางสาธารณะ ลดลงร้อยละ 3.3 อย่างไรก็ตาม ราคาสินค้าเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ปรับขึ้นร้อยละ 0.6 เช่น ผงซักฟอก น้ำยาปรับผ้านุ่ม แชมพู ค่าแต่งผมชาย เป็นต้น

นางวัชรี วิมุกตายน รองอธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า กรมการค้าภายในได้ ขึ้นบัญชีอาหารสำเร็จรูปเป็นสินค้าอ่อนไหว และเตรียมเรียกผู้ประกอบการมาหารือเพื่อขอให้ปรับลดราคาอาหาร เนื่องจากที่ผ่านมาต้นทุนลดลง แต่ราคาขายยังคงเดิม และอาจมีบางรายปรับขึ้นราคาสินค้า หากผู้ประกอบการเพิกเฉยก็จะมีมาตรการทางกฎหมายเข้าดูแล

. . .



ศูนย์วิจัยกสิกรฯคาดเงินเฟ้อกลางปี 52 อาจติดลบ หลังจากราคาน้ำมันดิ่ง และ เศรษฐกิจไทยชะลอตัว


บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค(CPI) หรืออัตราเงินเฟ้อในช่วง 6 เดือนถัดไป อาจยังอยู่ในแนวโน้มขาลงอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์ประกาศอัตราเงินเฟ้อในเดือน พ.ย.51 อยู่ที่ 2.2% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 14 เดือน

ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินแนวโน้มในปี 52 คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะต่ำลงมาอยู่ในช่วง 1.8-2.3% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 1.4-2.0% เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดโลกจะคงอยู่ในระดับต่ำ ท่ามกลางแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก

สำหรับเหตุผลที่คาดว่าเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วงขาลงต่อเนื่องไป 6 เดือน มาจาก 3 เหตุผลสำคัญ คือ มาจากการเปรียบเทียบกับฐานที่สูงในช่วงเดียวกันของปีก่อน ดังนั้นอาจจะส่งผลให้อัตราเงินเฟ้ออาจปรับตัวเข้าใกล้ 0% หรือติดลบในช่วงกลางปีหน้า

นอกจากนี้ ยังมีสาเหตุจากการปรับตัวลงของราคาน้ำมัน และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งหากราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวลดลงหรือทรงตัวอยู่ใกล้ระดับปัจจุบัน จะส่งผลให้ราคาสินค้าในหมวดที่เกี่ยวข้อง เช่น หมวดยานพาหนะและน้ำมันเชื้อเพลิง ปรับตัวลดลงต่อเนื่องตามไปด้วย โดยราคาสินค้าในหมวดดังกล่าวอาจมีอัตราการเปลี่ยนแปลงที่ติดลบเกือบจะตลอดทั้งปี 52 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 51

สาเหตุสำคัญประการสุดท้ายคือ แนวโน้มการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทย ซึ่งศูนย์วิจัยกสิกรไทยประเมินว่าแรงกดดันเงินเฟ้อในระยะถัดไปจะผ่อนคลายลงตามแนวโน้มการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่เริ่มส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/2551 และอาจต่อเนื่องไปจนถึงปี 2552

"อัตราเงินเฟ้อที่ลดต่ำลงจะเป็นปัจจัยที่มีน้ำหนักมากขึ้นในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย (กนง.) ในรอบถัดๆ ไป โดยความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่คลายตัวลงอย่างมากดังกล่าว อาจเป็นปัจจัยที่เอื้อให้ กนง.สามารถดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายมากขึ้น เพื่อสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจ" เอกสารเผยแพร่ ระบุ

ประเด็นสำคัญที่ต้องติดตาม คือ สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในขณะนี้อยู่ในจุดที่เปราะบาง โดยผลกระทบจากวิกฤติการเงิน และปัญหาเศรษฐกิจโลก เริ่มปรากฏให้เห็นผ่านการผลิต และการจ้างงานที่ลดลง

ขณะที่ปัญหาทางการเมืองในประเทศที่เลวร้ายมากขึ้นกำลังบั่นทอนความเชื่อมั่นต่อประเทศไทยในสายตาของต่างชาติ และจะยิ่งส่งผลให้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยในปี 52 อ่อนแอลงมากยิ่งขึ้น สภาวะเช่นนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเงินฝืดให้แก่เศรษฐกิจไทยในระยะข้างหน้า โดยอัตราเงินเฟ้อบางเดือนในปี 52 อาจจะเป็นตัวเลขติดลบได้

. . .




 

Create Date : 01 ธันวาคม 2551
1 comments
Last Update : 1 ธันวาคม 2551 20:11:23 น.
Counter : 543 Pageviews.

 

 

โดย: loykratong 1 ธันวาคม 2551 20:27:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


loykratong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]






ไม่มีอะไรขึ้นตลอด
ไม่มีอะไรลงตลอด
...ไม่มี the end of the world ...

Web Site Hit Counters

ราคาทองคำ
 

ราคาทองคำต่างประเทศ



Friends' blogs
[Add loykratong's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.