สิงหาคม 2559

 
28
29
30
31
 
 
All Blog
เรื่อง ความฝันที่ว่าไกลแต่ใกล้เพียงแค่เอื้อม



เรื่องความฝันที่ว่าไกลแต่ใกล้เพียงแค่เอื้อม

ชีวิตคนเรานี้ช่างสั้นนักเราควรรีบไขว่คว้าและทำในสิ่งที่เราอยากทำแม้จะได้ตามความฝันไหมหรือป่าวก็ตาม ก็ยังดีกว่าไม่ได้ทำเลยฉันเคยใฝ่ฝันตอนเด็กว่าอยากเป็นครูสอนหนังสือเด็กๆฉันตั้งใจเรียนและศึกษาจนสอบได้ระดับจังหวัดได้ทุนการศึกษามากมายในชั้นประถมพอจะเข้ามัธยมก็ต่างมีโรงเรียนในจังหวัดที่มาจองตัวเพื่อให้ไปศึกษาต่อแต่ด้วยทางบ้านฉันมีฐานะที่ค่อนข้างลำบากและการเดินทางเข้าไปเรียนในตัวจังหวัดก็ยากเหลือเกินฉันจึงตัดสินใจเรียนโรงเรียนแถวๆบ้านแต่เรียนไม่เท่าไหร่ทางบ้านฉันก็มีปัญหาเรื่องการเงิน ทำให้ฉันต้องออกมาเรียนต่อแบบกศน. หรือที่เรียกว่า”การศึกษานอกโรงเรียน” ฉันใช้เวลาเรียนอยู่ปีกว่าๆ ฉันก็จบมัธยมปลายในอายุเพียงแค่15ปี

ฉันไปทำงานที่กรุงเทพทำงานโรงงานซึ่งสมัยนั้นค่าแรงวันล่ะ118บาทเองดีที่มีที่พักแต่อาหารหากินเองมีทั้งต่างด้าวและคนไทยมาทำงานร่วมกันในโรงงานนั้นยอมรับว่าชีวิตตอนนั้นลำบากมากเช้ามาหุงข้าวครึ่งโลไว้ในหม้อหุงข้าวเพื่อไว้กินทั้งวัน ส่วนอาหารคือปลากระป๋องคืออาหารที่วิเศษมากในตอนนั้น ฉันจะเอาปลากระป๋อง ทำผัดกะเพราผัดพริกบ้างใส่น้ำเยอะๆเพื่อไว้คลุกกับข้าวกินได้ 2 เวลา คือ เช้า-เที่ยงส่วนเย็นข้าวที่เหลือก็เอามาผัดกับไข่เป็นข้าวผัด ซึ่งถ้าไปสั่งตามร้านคงจานนึง 20บาท ในตอนนั้น

ฉันทำงานโรงงานหลายเดือนแล้ว แต่ยังไม่มีเงินเก็บสักเท่าไหร่เลยคิดยังไงก็คิดไม่ออกว่าจะทำยังไงดีพอดีได้มีเพื่อนที่ทำงานโรงงานด้วยกันชวนไปทำร้านคาราโอเกะ เพราะเป็นงานที่สามารถหาเงินได้มากและง่ายที่สุดแต่ก็เสี่ยงอันตรายมากมายถ้าโง่ เชื่อคนมากเกินไปก็อาจโดนหลอกให้ขายตัวได้ฉันคิดอยู่นานว่าจะทำดีไหม แต่ด้วยว่าฉันต้องการเงินฉันจึงตัดสินใจไปทำงานวันแรกที่เข้าไปตื่นเต้นมากมือเย็นหน้าชาด้วยความกลัวด้วยผู้หญิงอายุ16ปีกว่าๆได้มานั่งทำงานกลางคืน นุ่งกระโปรงสั้นนิดเดียวคิดๆแล้วยังนั่งหัวเราะตัวเองอยู่เลยในตอนนั้นว่าทำไปได้ไง เงินตัวเดียวซินะทำงานคืนแรกได้ค่าดริ๊ง ค่าแรง ค่าทิป รวมแล้ว 2พันกว่าบาทเป็นเงินที่มากเลยในตอนนั้น ถ้าเทียบกับทำงานโรงงานตั้งครึ่งเดือนแล้วฉันก็มาทำงานทุกวันที่ร้านคาราโอเกะเกือบเดือนแล้ว

แต่สุดท้ายเรื่องก็เกิดเมื่อเกิดมีแขกที่มาเที่ยวรู้สึกพอใจฉัน ต้องการอ๊อฟฉันไปเที่ยวต่อข้างนอกแม่เล้าหรือเรียกให้ดีหน่อยคือผู้จัดการร้านก็ได้มาพูดกล่อมฉันบอกว่ายังไงทำงานแบบนี้ก็ต้องมีบ้างเรื่องอย่างว่าหรือไม่ถ้ามีแฟนก็ต้องมีเรื่องแบบนี้ดีไม่ดีอาจไม่ได้เงินด้วยอาจจะฟรีๆก็ได้เธอพูดเกลี้ยกล่อมสารพัดจนฉันเกือบคล้อยตาม ในตอนนั้นฉันได้คบกับผู้ชายคนนึง ซึ่งทำงานที่เดียวกันเขาเป็นพนักงานรับรถด้วยเราไม่เคยเจอใครเขาเป็นคนแรกที่เราพูดคุยในฐานะเพื่อนต่างเพศ เขาจะคอยดูแลเอาใจใส่จึงไว้ใจและได้ไปขอคำปรึกษาเขาเขาก็ได้บอกฉันว่า อย่าไปเชื่ออย่าไปทำแบบนั้นมันไม่ดี ฉันเชื่อเขาและไว้ใจเขามากขึ้นเพราะคิดว่าเขารักและหวังดีต่อมาไม่นานเราก็ได้อยู่ด้วยกันแบบแฟน ถึงเวลาไปทำงานก็ไปด้วยกันกลับห้องพร้อมกันจนเวลาผ่านไปเป็นเดือนก็ได้มีเด็กใหม่เข้ามาทำงาน ฉันก็ได้แอบเห็นปฏิกิริยาเขาเปลี่ยนไปเขาเริ่มไม่ค่อยมาหาฉันเวลาทำงาน จะอยู่ห่างๆ เวลากลับห้องก็ต่างคนต่างกลับจนวันหนึ่งผู้จัดการได้มาคุยกับฉันอีกที เรื่องที่มีแขกสนใจต้องการชวนฉันออกไปข้างนอกฉันเลยไปปรึกษาเขาแต่คราวนี้เขาไม่ได้พูดเหมือนเดิม เขากลับบอกฉันว่า ไปเลยแค่ไปเที่ยวข้างนอกจะเป็นไรไปจะเสียหายตรงไหนนักหนาผัวก็เคยมีแล้วนี่ฉันถึงกับหน้าชาหูอื้อเลยในตอนนั้น ฉันเลยตอบตกลงกับผู้จัดการไม่ใช่เพราะต้องการเงินหรือเชื่อใครแต่เพราะประชดเขาต่างหากคืนนั้นฉันออกไปข้างนอกกับแขกเขาจ่ายเงินให้ฉัน5พันบาทแถมยังพามาส่งแถวห้องเช่าด้วยแต่พอฉันเปิดประตูห้องเข้าไปก็เจอเขากับเด็กใหม่กำลังนอนกอดกัน ฉันโกรธกำลังจะเข้าไปตบแต่กลับถูกเขาตบก่อนแถมยังโดนเขาแย่งเงินในกระเป๋าจนหมดฉันนั่งร้องไห้นั่งคิดทบทวนเรื่องราวต่างๆนาๆว่าทำไมถึงได้โง่ขนาดนี้ ฉันนั่งเงียบๆคนเดียวจนค่ำคืนนั้นฉันไปทำงานตามปกติ

แต่ในความโชคร้ายยังมีความโชคดีแฝงอยู่ในคืนนั้นได้มีเสี่ยคนนึงขอซื้อชั่วโมงฉันออกไปข้างนอกเขาเป็นคนสุภาพมากเขาเห็นฉันยังเด็กอยู่ เขาเลยขอดูบัตรประชาชนเขาว่าฉันเพิ่ง16ปีเองนี่ทำไมมาทำงานแบบนี้ ฉันจึงเล่าเรื่องราวให้เสี่ยฟังทุกอย่างเสี่ยสงสารฉันจึงบอกว่าจะส่งฉันกลับบ้านแล้วจะเอาเงินให้ไปเรียนต่อและใช้หนี้ให้พ่อแม่ฉันไม่นึกเลยว่าโลกนี้จะมีคนใจดีแบบนี้อยู่ในโลก อาจเป็นบุญเก่าที่ฉันเคยทำไว้ฉันคิดพอเช้าเสี่ยมาส่งฉันขึ้นรถพร้อมมอบเงินให้ฉันก้อนหนึ่ง แล้วบอกว่าให้ลืมสิ่งที่ร้ายๆที่เคยพบเจอที่ผ่านมาซะและคิดแต่สิ่งดีๆที่จะเจอในวันข้างหน้าฉันนั่งรถกลับบ้านด้วยความดีใจกอดเงินที่อยู่กระเป๋าแน่น คิดฝันมาตามทางรถแล่นจนถึงบ้านฉันซึ่งรถวิ่งมานานตั้งเกือบ12ชั่วโมงพ่อแม่ฉันกำลังจะออกไปรับจ้างเขา พอดีกับที่ฉันมาถึงท่านทั้ง2ดีใจมากแม่วิ่งมากอดฉันร้องไห้ด้วยความดีใจ เป็นอันว่าวันนั้นพ่อกับแม่ไม่ได้ไปทำงานเลย นั่งฟังฉันคุยทั้งวันแม่ฉันได้ใช้หนี้ไม่เป็นหนี้อีกแล้ว ส่วนฉันก็ได้ไปสมัครเรียนราชภัฎแห่งหนึ่งฉันจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เลวร้ายฉันจะล้างกายล้างใจตัวเองใหม่ตั้งต้นใหม่ให้กับชีวิตฉันคิดในใจ

แต่แล้วทุกอย่างก็ไม่ได้ราบลื่นไปอย่างคิดอย่างที่ฉันฝันพอฉันเรียนได้ปีที่3ฉันรู้สึกว่าไม่สบายฉันไปหาหมอและสิ่งที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนคือสิ่งที่หมอบอกฉันติดเชื้อHIVหรือเอดส์นั่นเอง มันเหมือนโดนฟ้าผ่าลงมากลางใจเหมือนวิญญาณหลุดลอยแต่มียังมีลมหายใจอยู่ฉันไม่นึกเลยการที่ไปนอนกับผู้ชายแค่2คนจะทำให้ฉันเป็นโรคนี้ได้ แต่ในทางกลับกันชายทั้ง2 ล่ะเคยนอนกับใครมามากน้อยเพียงไหน ฉันไม่ไปเรียน ไม่กล้าบอกพ่อแม่ใจคิดอยากจะแก้แค้นผู้ชายทั้งโลก หมอนัดฉันเพื่อไปรับยาและเข้ากลุ่มผู้ติดเชื้อ ฉันไม่อยากไปฉันกลัวฉันอายคนแต่จำใจที่ต้องไปฉันถูกส่งไปห้องๆหนึ่งที่ออกจะอยู่โรงพยาบาลอยู่บ้าง ฉันยืนมองข้างหน้าต่างลอดสายตามองเห็นคนเยอะแยะทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ ทั้งหญิงและชายนั่งจับกลุ่มกัน พวกเขาก็เป็นผู้ป่วยเหมือนเราหรือ ฉันคิดทำไมมีเยอะจัง ทำไมมีทั้งเด็กเล็กๆที่เพิ่งเกิดด้วยล่ะพยาบาลเดินผ่านมาชวนฉันเข้าไปข้างใน กล้าๆหน่อยฉันคิดในใจ แต่พอเข้าไปแล้วเขาก็เหมือนเราไม่ได้ผิดปกติอะไรแต่แค่บางคนอาจมีร่างกายเสื่อมไปมากหน่อย บางคนอาจจะหน้าตาซีดเซียวสายตาเศร้าโศกเพราะคิดมากเหมือนเราไปบ้างฉันเข้าไปคุยกับหลายๆคนจนได้รู้เรื่องราวเยอะแยะ บางคนเป็นมา7-8ปีบางคนเป็นมาแต่เกิด พวกเขามารับยาทุกเดือน ร่างกายแข็งแรงดีมีแต่ทางด้านจิตใจเท่านั้นที่อาจทรมานเพราะจากฟังพวกเขาบอกถ้าชาวบ้านแถวเขาอยู่รู้ก็จะรังเกียจเดียดฉันท์ อย่างเด็กๆไปโรงเรียนก็จะโดนเพื่อนๆล้อบ้างแกล้งบ้าง ฉันถามว่าเพราะอะไรคนอื่นถึงรู้ได้ พวกเขาบอกแทบเสียงเดียวกันเลยว่าการไปขอเงินอนุเคราะห์รายเดือนจากอบต. เทศบาล ตามที่เขาอยู่ก็จะมีคนรู้แล้วมาพูดต่อปากกันไปเรื่อยบางคนทนไม่ได้ตรอมใจตายก็มี ส่วนเด็กเล็กๆที่เห็นส่วนมากพ่อแม่ตาย เด็กก็จะถูกส่งตัวไปเลี้ยงที่บ้านเด็กเอื้ออาทรซึ่งน่าสงสารมาก ตอนนั้นฉันไม่ได้คิดไรเลยนอกจากสงสารและอยากช่วยเหลือไม่มากก็น้อยเพราะอย่างน้อยเราก็เป็นคนร่วมชะตากรรมเดียวกัน

ฉันจึงตัดสินใจจะทำตามฝันในวัยเด็กที่อยากเป็นครูฉันใช้เวลาว่างเสาร์-อาทิตย์เหลือจากทำงานรับจ้างมาช่วยสอนหนังสือ พาเด็กๆเล่นเกมในบ้านเด็กเอื้ออาทรให้คำปรึกษาในการดำรงชีวิตต่อไปอย่างถูกวิธี ถึงฉันจะช่วยได้ไม่มากแต่อย่างน้อยฉันก็สุขใจเสมอที่เด็กๆเรียกฉันว่า”ครู”ถึงจะเป็นครูปลอมๆก็ช่างไม่ได้เรียนจบปริญญาก็ตามแต่ก็สอนก.ไก่ได้

ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้9ปีแล้วที่ฉันได้เป็น”ครู”ตามที่ฝันไว้แม้ไม่มีเงินเดือน แต่ก็มีรอยยิ้มเสียงหัวเราะตอบแทนจากเด็กๆและก็คราบน้ำตาที่ได้มองเด็กจากไปอย่างสงบบางครั้งฉันได้ไปเป็นตัวแทนของกลุ่มผู้ติดเชื้อเป็นสื่อกลางบอกว่า เราสามารถอยู่ร่วมกันได้พวกเราไม่ใช่ไวรัสหรือสิ่งที่น่ารังเกียจ ถึงในตอนนี้จะมีคนไม่น้อยที่รังเกียจ แต่ก็หวังเป็นอย่างมากที่ในอนาคตเราอาจมีคนเข้าใจมากกว่านี้

ชีวิตนี้เรายังมีหวังและความฝันถึงจะไม่สมบูรณ์แต่เราก็สามารถทำให้คล้ายกันได้ถ้าตั้งใจจะทำ...





คอนโดแมว , พัดลมมือถือ , หมอนผ้าห่ม , หมอนหัวทุย  , เก้าอี้หัดนั่ง




Create Date : 18 สิงหาคม 2559
Last Update : 18 สิงหาคม 2559 16:25:36 น.
Counter : 911 Pageviews.

2 comments
  
สวัสดีคะ..

ชีวิตนี้เรายังมีหวังคะ...

สู้ๆๆๆๆๆๆ

โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 18 สิงหาคม 2559 เวลา:18:39:14 น.
  
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: peepoobakub วันที่: 8 มีนาคม 2560 เวลา:16:58:42 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3067369
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments