เงินแค่ไหนควรให้ลูกไปโรงเรียน

วันนี้ได้ยินเสียงคนหนึ่งเป็นคำตำหนิการให้เงินลูกมาโรงเรียน "พ่อแม่ไม่รักลูกเลยทำไมเขาให้เงินลูกทำไมน้อยจัง" ทำให้กลับมาคิดเรื่องการให้เงินลูกไปโรงเรียนเท่าไรถึงเหมาะสม

ถามคุณเล่นๆ กับเงินค่าขนมและมื้อกลางวันไปโรงเรียน คุณคิดว่าควรให้เท่าไรดีสมมุติว่าลูกคุณอยู่ระดับมัธยม บางคนบอกว่า 100 บาทบางคนบอกว่า 200 บาท บางคนบอก 50 บาทสรุปแล้วการให้เงินค่าขนมขึ้นอยู่กับฐานะของแต่ละครอบครัวยิ่งมีฐานะมากก็ยิ่งให้มาก ครอบครัวที่ไม่ค่อยมีฐานะแม้อยากให้มากแต่ก็ไม่มีให้แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเรื่องฐานะไม่ได้สำคัญหรอกจำนวนเงินที่ให้นั่นแหละคือประเด็นใหญ่ ที่จะมาคุยกันค่ะอยากให้เราคำนวณการใช้เงินของเด็กๆจากราคาอาหารของที่โรงเรียนก่อนที่จะให้เงินไปโรงเรียน สมมุติว่า อาหารจานละ 30 บาท น้ำเปล่า 10 บาท ขนมราคาประมาณที่ 10 บาท รวมทั้งหมด 50 บาทเมื่อคำนวณได้เงินที่ควรให้ไปน่าจะอยู่ที่ 50 บาท หรือ บวกลบเผื่อไว้ 20-30 บาท ก็น่าจะ 70-80 บาทให้เท่านี้พอคะ แต่หลายท่านจะแย้งทันทีเลยว่าให้แค่นี้ จะพอใช้ได้อย่างไร เด็กๆ จะต้องซื้อกินมากอยากซื้ออะไรก็จะได้มีเงินซื้อ เพราะกลัวเด็กๆ จะอดอยากไม่พอกิน จึงให้เงินเด็กๆในจำนวนที่สูงไว้

คุณรู้ไหมคะว่าการยิ่งให้เงินเด็กๆ มากเท่าไหร่พวกเขาจะถูกสอนให้ฟุ่มเฟือยมากเท่านั้นมันคือถูกปลูกฝังการใช้เงินในวัยเด็ก เด็กจะรู้คุณค่าของเงินน้อยลงทันที พวกเขาไม่มีทางใช้เงินไปกับการกินเกินการคาดการณ์พื้นฐานของมนุษย์ได้หรอกค่ะมนุษย์เรากินเท่าท้องอิ่มเท่านั้น พอให้เงินมากๆพวกเขาจะนำเงินไปใช้จ่ายเกี่ยวกับขนมที่อาจไม่มีประโยชน์แม้เราจะพร่ำสอนอยู่เสมอว่าลูกไม่ควรซื้อน้ำอัดดื่ม ไม่ควรซื้อท๊อฟฟี่ทาน ไม่ควรซื้อมาม่ากิน และ ของเล่นเกมตู้เกม หรืออะไรต่างๆนาๆ ที่พวกเขาซื้อได้จากเงินส่วนเกินเวลาซื้อพวกเขาอาจลืมคำสอนมากกว่าความรู้สึกอยากได้เพราะเขายังเด็กเกินไปที่จะห้ามใจตัวเอง นี่แหล่ะคือการสอนให้เด็กๆ ใช้เงินอย่างไม่รู้คุณค่าแล้ว พวกเขาถูกสอนให้ซื้อสิ่งที่ต้องการตามอำเภอใจไม่ได้เรียนรู้ว่าเขาควรจะซื้อหรือไม่ซื้อสิ่งใด การให้เงินที่จำกัดและเพียงพอจะทำให้เด็กๆ รู้ว่าเขาควรซื้ออะไรทานเพราะก่อนที่จะซื้อเขาจะต้องคิดก่อนว่าเงินส่วนที่ได้มาส่งเป็นเงินค่าอาหารกลางวันเท่าไหร่และเหลือเท่าไรถึงจะซื้อขนมกินได้ เพื่อเป็นการสอนการเตือน ให้พวกเด็กๆ เรียนรู้การใช้เงินให้มีคุณค่าแก่ตัวเองเรียนรู้การวางแผนการ การใช้เงินไปด้วยตนเอง

เงินส่วนที่เกินนอกจากที่กล่าวมายังอาจนำเรื่องไม่คาดคิดตามมา เมื่อพกเงินเยอะมันก็เป็นเป้าหมายของเด็กๆเด็กรุ่นพี่อันธพาล ทุกโรงเรียนมีค่ะ ไม่มีโรงเรียนไหนสมบูรณ์แบบอย่างที่เราคิด รวมไปถึงมิจฉาชีพที่แอบอยู่หน้าโรงเรียนอีกด้วยพวกนี้เจาจะจับตามองเด็กๆ ที่พกเงินเยอะ บางคนโดนรีดไถบางคนถูกหลอกให้ซื้อยาเสพติด เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ทั้งสิ้น ในวัยเด็กมัธยมเป็นวัยที่เสี่ยงในเรื่องพวกนี้ค่อนข้างมากเงินจำนวนมากอาจเป็นภัยแก่พวกเขาก็เป็นได้

สุดท้ายของเงินสำหรับเด็กอีกเรื่องมิตรภาพค่ะในวัยเด็กก็ไม่ได้ต่างจากวัยผู้ใหญ่ในเรื่องการอยากมีเพื่อนมีมิตรภาพใครมีเงินเยอะ เพื่อนๆ จะอยากให้เลี้ยงขนม ซื้อของให้ พอไม่ซื้อก็จะถูกตำหนิหรืองอนกัน หรือเพื่อนที่ได้เงินเยอะก็อยากจะเอาใจเพื่อนโดยการซื้อโน้นนี่นั่นให้เพื่อนเพื่อจะให้เพื่อนๆ รักเด็กเหล่าจะเติบโตอย่างหามิตรแท้ได้อยากไปด้วยไหม แค่จะมองมิตรด้วยเงินทั้งสิ้นเหล่านี้ไม่ได้เป็นเรื่องที่คิดไปเอง ไม่ได้เป็นเรื่องกังวลไปเอง ลองเปิดใจกว้างๆสังคมของเด็กไม่ได้ต่างกับสังคมของผู้ใหญ่ และเด็กๆมีเรื่องที่เป็นส่วนตัวเหมือนผู้ใหญ่เหมือนกัน พวกเขามีความลับ มีเรื่องส่วนตัวเราไม่อาจรู้ทุกเรื่องของพวกเขาค่ะ การให้เงินไว้ในกระเป๋าเราสามารถสอนพวกเขาได้มากมายเป็นโอกาสเดียวที่เราจะสอนให้พวกเขาเป็นผู้ใหญ่ที่เห็นคุณค่าของเงิน

หมอนหลุม , พัดลมusb , หมอนผ้าห่ม , หมอนหัวทุย  , เก้าอี้หัดนั่ง