ใช้โอกาสในการรับ-ส่งลูกไปโรงเรียนให้เป็นประโยชน์

เวลาที่จะได้อยู่กับลูกมีไม่มากนักยิ่งในสังคมสมัยนี้เวลาที่มีอยู่มักจะถูกบีบด้วยความเร่งรีบ และภาระหน้าที่ของพ่อ-แม่ที่ต้องดิ้นร้นทำงานเพื่อหาเงินมาจุนเจือครอบครัวให้ได้มากที่สุด เพราะต้องแข่งกับค่าครองชีพที่ขยับตัวขึ้นทุกๆวันและภาระค่าใช้จ่ายจิปาถะในชีวิตประจำวัน เวลาอันน้อยนิดที่มีอยู่กับลูกจึงควรใช้ให้คุ้มค่าที่สุดเพราะบางครอบครัวไม่มีเวลามานั่งกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตาบางครอบครัวไม่มีเวลานั่งดูทีวีด้วยกัน บางครอบครัวไม่มีเวลาทำกิจกรรมร่วมกันในวันหยุด

การใช้เวลาในการไปรับ-ส่งลูกแม้จะเป็นเวลาอันน้อยนิดแต่เป็นช่วงเวลาที่มีความสำคัญและมีคุณค่ามากมายให้กับลูกของเราเองฉะนั้นน่าจะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดที่พ่อ-แม่ลูกต้องนั่งอยู่ด้วยกันอย่างใกล้ชิดและลูกก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงหรือหลบไปทางไหนได้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีและไม่อาจมองข้ามถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากการรับ-ส่งลูกตัวอย่างเช่น

1.เป็นการสร้างความผูกพันที่ดีระหว่างครอบครัวสร้างความใกล้ชิดสนิทสนมภายในครอบครัว ทั้งพ่อ-แม่และลูกจะได้มีความรู้สึกที่ดีให้แก่กันซึ่งความรู้สึกผูกพันที่เกิดขึ้นนี้เองจะส่งผลให้เกิดสิ่งที่ดีๆตามมาอีกมากมาย

2.จากความสนิทสนมจะทำให้ลูกมีความกล้าที่จะเล่าเรื่องราวต่างๆที่ผ่านเข้ามาในแต่ละวันให้พ่อ-แม่ได้ฟังทั้งเรื่องเล็กและเรื่องใหญ่ การเล่าของลูกก็จะกลายเป็นความเคยชินที่จะเล่าให้พ่อ-แม่ฟังโดยที่ลูกก็จะไม่รู้สึกเขินอาย หรือคิดว่าเป็นเรื่องแปลกที่จะเล่าให้พ่อ-แม่ฟังในทุกๆเรื่องส่วนพ่อ-แม่ก็ต้องคอยเป็นผู้ฟังที่ดีด้วยอย่าฟังผ่านๆเท่านั้น ควรใส่ใจในเรื่องที่ลูกเล่าให้ฟังด้วยเพราะการเป็นผู้ฟังที่ดีจะทำให้พ่อ-แม่ได้รับรู้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับตัวลูกมากยิ่งขึ้น

3.เวลาที่ลูกมีปัญหาลูกก็จะไม่ค่อยมีเรื่องปิดบังกับพ่อ-แม่เพราะมีความรู้สึกไว้วางใจ และกล้าที่จะเล่าให้พ่อ-แม่ฟังเพื่อให้พ่อ-แม่ช่วยแก้ไขปัญหาหรือช่วยเป็นที่ปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้นให้กับลูกได้ทันท่วงทีก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องที่ร้ายแรงจนสายเกินแก้เช่นปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเรียน ปัญหาเกี่ยวกับการคบเพื่อน ปัญหาเกี่ยวกับเรื่องของสุขภาพเรื่องการเงิน เป็นต้น

4.เมื่อลูกมีความไว้วางใจพ่อ-แม่ ตัวพ่อ-แม่ก็สามารถใช้ช่วงเวลานี้สอดแทรกการอบรมสั่งสอนลูกไปพร้อมๆกันอาจจะใช้วิธีการคุยเล่นเพื่อให้ซึมซับไปทีละน้อย เป็นการสอนลูกแบบไม่ให้ลูกรู้ตัวเพราะลูกๆมักไม่ชอบฟังเวลาที่พ่อ-แม่สั่งสอน หรือบ่นหรือพูดเป็นกิจจะลักษณะจนเกินไป เพราะเด็กๆจะรู้สึกเบื่อหน่ายไม่อยากฟัง (บางครั้งเด็กจะฟังแบบเข้าหูซ้ายทะลุหูขวา)แต่ถ้าเป็นคุยเล่นเค้าจะยอมรับฟังมากกว่า

5.การได้ใกล้ชิดกับลูกทำให้พ่อ-แม่ได้รู้จักกับตัวตนและอุปนิสัยที่แท้จริงของลูกว่าเป็นคนอย่างไรเพราะอุปนิสัยของเด็กแต่ละคนมีความแตกต่างกันขึ้นอยู่กับพื้นฐานของแต่ละครอบครัวที่ปลูกฝังมาและพื้นฐานของนิสัยส่วนตัวแต่ละบุคคลด้วย ถ้าพ่อ-แม่ไม่เข้าใจลูกหรือไม่รู้จักลูกดีพอเมื่อเกิดปัญหากับลูกก็ไม่สามารถช่วยแก้ไขปํญหาได้ถูกทาง

ประโยชน์ที่จะได้จากการรับ-ส่งลูกมีมากมายพ่อ-แม่ส่วนใหญ่ไม่ได้มองเห็นถึงความสำคัญ แต่มักจะหาตัวช่วยด้วยการหารถประจำรับ-ส่งเพื่อความสะดวกและประหยัดเวลา หรือไม่ก็ชอบอ้างว่าไม่มีเวลาไปรับ-ส่งลูกแต่หารู้ไม่ว่ากำลังจะเสียโอกาสที่ดีที่จะได้อยู่กับลูกไปอย่างน่าเสียดาย สำหรับเรื่องของเวลาของคนเรามีอยู่เท่าๆกันขึ้นอยู่กับการบริหารเวลาของพ่อ-แม่เองเช่น ต้องมีการวางแผนเวลาในการไปรับ-ส่งลูกเพราะเวลาในการรับ-ส่งลูกเป็นเวลาที่แน่นอนพ่อ-แม่เองก็สามารถวางแผนเวลาล่วงหน้าได้อยู่แล้ว และการไปรับ-ส่งลูกไม่จำเป็นจะต้องไปทั้งพ่อ-แม่อาจจะสลับกันไปรับ-ส่งตามความสะดวกก็ได้ ถ้าพ่อ-แม่รักและอยากให้ลูกเป็นเด็กที่มีคุณภาพในอนาคตก็ไม่ควรละเลยกับสิ่งเล็กๆน้อยๆที่จะทำเพื่อลูก

หมอนหัวทุย , พัดลม USB , หมอนผ้าห่ม