สิงหาคม 2559

 
28
29
30
31
 
 
All Blog
ดูแลตัวเองหลังคลอด


จากบทความที่ผ่านมาดิฉันได้พูดถึงประสบการณ์คุณแม่มือใหม่และเหตุการณ์ต่างๆที่เข้ามาและมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่สำหรับคุณแม่ฉบับนี้ ดิฉัน จะนำประสบการณ์หลังจากลูกวัยแรกเกิดหรือเข้าวัยคลานจนกระทั่งปัจจุบันว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง คุณแม่ท่านอื่นๆลองอ่านดูค่ะ ว่าจะเหมือนกันหรือเปล่า

วิธีดูแลลูกน้อยวัยแรกเกิด

พอลูกลืมตาดูโลกดิฉันเชื่อว่าคุณแม่ทุกคนก็ฝันอยากจะเห็นพัฒนาการลูกไปเรื่อยๆและอยากจะอยู่เคียงข้างไปกับเขาทุกช่วงวัยแน่นอนคะตั้งแต่เริ่มแบเบาะเราก็พยามยามที่ชวนเขาคุยบ้าง เล่นกับเขากับทั้งๆที่เขายังไม่รู้เรื่องเลยว่าเราพูดอะไรกับเขาแต่เราก็ชอบ เพราะดิฉันคิดว่ามันคือความสุขอย่างหนึ่ง ดิฉันจะติดตามพัฒนาการเขาตั้งแต่เขาแรกเกิดเลยค่ะครั้งที่แรกที่ออกจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่บ้าน สิ่งแรกเลยค่ะที่กังวลมาก เราจะต้องดูแลเขาอย่างไรไหนจะเป็นการอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างกายของเขา แล้วจะรู้อย่างไรว่าเวลาไหนที่เขาหิวแล้วถ้าเขาร้องขึ้นมา เราจะรู้ได้อย่างไรว่าเขาปวดหรือเจ็บตรงไหนทุกสิ่งทุกอย่างมันผ่านเข้ามาในสมอง ทำให้เราได้คิดได้เรียนรู้ว่าเราต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนเป็นอันดับแรก คุณมาบางท่านโชคดีหน่อย อาจจะมีคนช่วยดูแลส่วนดิฉันก็ถือว่าโชคดีค่ะ เพราะว่ามีคุณยายมาช่วยดูแลมาช่วยบอกว่าเราต้องทำอย่างไร

- การอาบน้ำ

สิ่งที่คุณแม่มือใหม่อย่างดิฉันหนักใจมากที่สุดคือการอาบน้ำ ดิฉันไม่เคยอาบน้ำให้กับเด็กตัวเล็กๆแบบนี้เลย(เพราะว่าลูกของดิฉันน้ำหนักตัวแค่2,340 กก ค่ะ ซึ่งเล็กมากค่ะ)คุณยายก็จะสอนว่าเราต้องเริ่มจากขั้นการทำว่าต้องทำอย่างไรก่อน คุณยายบอกกับดิฉันว่าการอาบน้ำให้ลูก คือจะอาบประมาณ 2ช่วงเวลา คือช่วงสายๆหน่อย และอีกช่วงจะเป็นช่วงเย็นก่อนค่ำสิ่งแรกที่ต้องเตรียมคืออุปกรณ์ในการอาบน้ำ ก็จะเป็น สบู่ แชมพู ฟองน้ำผ้าเช็ดตัวส่วนน้ำ ก็ไม่ควรเย็นจนเกินไป ใช้น้ำที่อุ่นพอประมาณ หลังจากนั้นก็เอาน้ำมาลูบที่หน้าเด็กก่อน เพื่อให้เขาได้ปรับตัว ถ้าต้องการสระผมให้ลูกเราต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ควรใช้นิ้วโป้งและนิ้วก้อยปิดใบหูก่อนเพื่อป้องกันน้ำเข้าหูลูก แต่ถ้ายังไม่สะดวกที่จะทำเองควรให้คุณแม่ที่เขาถนัดกว่าช่วยก่อนดีกว่าหลังจากนั้นเราก็ทำความสะอาดร่างกายลูกโดยจะเน้นที่ข้อพับมือแขน ขา เพื่อลดการระคายเคืองก่อน แต่ถ้าไม่ถนัดแบบนี้ดิฉันคิดว่าให้ลูกนอนบนผ้ายางแล้วค่อยทำความสะอาดดีกว่า ปลอดภัยด้วย

- เสื้อผ้าเด็ก

เราควรเลือกเสื้อผ้าที่สวมใส่สบายอาจจะเป็นเสื้อผูกแขนแล้วผูกปมด้วยเชือกแต่ดิฉันคิดว่าเสื้อผ้าส่วนใหญ่ของเด็กก็จะมีประมาณนี้ ส่วนกางเกงก็ควรเลือกมี่จะเป็นขอบยางเพื่อการสวมใส่ได้ง่ายแต่ถ้าเป็นช่วงกลางคืนให้เลือกชุดที่ค่อนข้างหนา เพื่อควบคุมอุณหภูมิในร่างกายลูกลูกจะได้นอนหลับสบาย

- เป็นคนแม่ช่างสังเกต

ช่วงแรกเกิด คุณแม่ทุกคนต้องเป็นเหมือนกันคือจะสังเกตเห็นว่าลูกจะร้อง เราก็ไม่เข้าใจตรงจุดนั้นว่าที่เขาร้องอาจจะเป็นเพราะว่าเขาหิวนม หรือว่าเขาจะเจ็บตรงไหนหรือเปล่า เราต้องสังเกตเขาบ่อยๆว่าลูกต้องการจะสื่ออะไรกับเราหรือไม่ถ้าเรายังไม่เข้าใจ ควรจะปรึกษาคนที่มีประสบการณ์ก่อนหรือไม่ก็ปรึกษาคุณหมอ อาจจะเป็นทางช่วยเหลือที่ดีที่สุดค่ะ

- นมแม่เป็นสิ่งที่มีค่ามากที่สุด

ใช่ค่ะนมแม่มีค่ามากที่สุดมีประโยชน์มากที่สุดมีสารอาหารครบทุกอย่าง ตรงจุดนี้ดิฉันคิดว่าคุณแม่ทุกท่านต้องทราบเป็นที่แน่นอนส่วนตัวดิฉันนั้นจากประสบการณ์คนแม่มือใหม่หลังจากคลอดแล้วน้ำนมดิฉันแทบจะไม่มีให้ลูกเลยค่ะ ดิฉันต้องปรึกษาคุณหมอคุณหมอแนะนำหลายอย่างค่ะ แต่ที่ดิฉันคิดว่าเห็นผลมากที่สุดคือ การกินน้ำขิงและการนวด จากที่ไม่มี ก็เห็นผลขึ้นมาทันใด แต่กระนั้นดิฉันได้ให้นมลูกแค่ระยะเวลา 3 เดือนเท่านั้น ผลมาจากร่างกายดิฉันเองฉันเป็นโรคภูมิแพ้ (ถือว่าทุกอย่าง ทั้งอาหาร และอากาศค่ะ)จนทำให้ดิฉันต้องทานยาแก้แพ้เป็นประจำและนั้นจะส่งผลต่อน้ำที่เราให้กับลูกเพราะฤทธิ์ของยาภูมิแพ้ คือ ทานแล้ว จะทำให้ง่วงนอน มากดิฉันเสียใจมากที่ร่างกายตัวเองไม่สมบูรณ์ จนส่งผลเสียกับลูก จนต้องเลิกให้นมลูกและไปหาซื้อนมผงให้ลูกทานแทนตอนแรกก็กลัวและเลือกไม่ถูกว่าจะให้ลูกทานนมยี่ห้ออะไรดีเพราะกลัวว่าลูกจะไม่ได้รับสารอาหารเพียงพอ ตอนนั้นคิดมากจนต้องไปปรึกษาคุณหมออีกครั้งสุกท้ายก็เลือกได้ค่ะ แต่ก็อย่างที่บอกค่ะ ว่าเสียใจ เพราะนมแม่คือนมที่ดีที่สุดสำหรับลูกเป็นการประหยัด และยังสามารถสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างแม่กับลูกได้อย่างดีเยี่ยมอย่างที่เคยบอกไว้ว่าเราต้องดูแลร่างกายของเราให้ดีเพราะทุกสิ่งทุกอย่างจะส่งผลต่อลูกทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็นร่างกาย จิตใจ สุขภาพ ดังนั้นเราต้องเตรียมความพร้อมทุกอย่างล่วงหน้า

เรียนรู้หลังจาก 3เดือนผ่านไป

หลังจาก3 เดือนผ่านไปเหตุการณ์ที่น่าประทับใจก็เกิดขึ้นมาหลายอย่าง ดิฉันคิดว่าคุณแม่ท่านอื่นๆคงคิดเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางด้านร่างกาย ด้านสมอง และอื่นๆก็จะเริ่มเห็นได้ชัดเจนจนทำให้คนเป็นแม่ สามารถยิ้มออกไม่ว่าจะเหนื่อย แค่ไหน เพราะว่ามันคือความสุขที่แท้จริงหลังจาก 3 เดือนสิ่งที่เราเห็นได้ชัด คือ ลูกจะเริ่มอ้อแอ้ เสียงในลำคอออกมา ยิ่งถ้าเราชวนเขาคุยด้วยเขาจะยิ่งชอบรอยยิ้มของเขา สายตาที่เขามาองเรา เหมือนจะบอกอะไรเราสักอย่าง พัฒนาการเขาจะเริ่มตรงนี้ค่ะเรามาเรียนรู้กันดีกว่าค่ะว่าประสบการณ์ของดิฉันจะเหมือนกับคุณแม่ท่านใดบ้าง มาดูพัฒนาการด้านๆต่างของเจ้าตัวเล็กกันดีกว่าค่ะ

- พัฒนาการทางด้านร่างกาย

ส่วนตัวของดิฉันคิดว่าการพัฒนาทางด้านร่างกายนั้นมีอยู่หลายอย่างและอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ การนอนพลิกคว่ำ คลาน น้องจะเริ่มคลานได้ประมาณ 5-6 เดือนค่ะ ตอนเริ่มคลานแรกๆน่าสงสารมากเพราะว่าน้องจะไม่คลานสักทีเดียว เรียกว่าคีบไปดีกว่า ตอนแรกคิดว่าเอ๊ะน้องจะคลานได้หรือเปล่า คือถ้าคลานจะต้องเขาและมือยันพื้น ใช่ใหม่คะ แต่ลูกไม่ทำอย่างนั้นคือที่บอกว่า ลูกจะนอนราบกับพื้น แล้วก็ตะเกียกตะกายไป แต่ไปเร็วมากคะแต่ที่แปลกคือ หลังจากนั้นนอกจะไม่คลาน แต่ดันเกาะยืนเลยค่ะแล้วก็เริ่มที่ก้าวเดินเอง โดยการไต่ตามราวที่ทำเอาไว้และอาศัยช่วงเช้าๆจะคอยช่วยพยุงลูกเดินด้วย คุณปู่ คุณย่า บอกไว้ว่าถ้าเดินตอนเช้าๆจะดีค่ะ จะช่วยทำให้ลูกเดินได้เร็วมากและช่วยให้ลูกได้ออกำลังกายแขนและขาด้วย

- พัฒนาการทางด้านอารมณ์และจิตใจ

ดิฉันเคยกล่าวมาข้างต้นว่าตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์เราต้องทำจิตใจให้สบาย เพราะทุกอย่างจะส่งผลต่อลูกโดยตรงแน่นอนค่ะ จากประสบการณ์ของดิฉันดิฉันไม่ผิดหวังเลยค่ะที่ได้ทำสิ่งที่ดีตั้งแต่ตั้งครรภ์ เพราะลูกอารมณ์ดีมากดิฉันจะช่วยเขาคุยตลอดและเล่นกับเขาตลอด ตอนตั้งครรภ์เปิดเพลงให้เขาฟังในท้องตอนเขาออกมาดิฉันก็เปิดเช่นเดียวกัน บางครั้งก็ร้องเพลงให้เขาฟังเขาก็มองใหญ่เลยค่ะ เหมือนว่าจะชอบ จะกระทั่งตอนนี้ น้อง อายุ 2ขวบ กับ 2 เดือนแล้วน้องก็ยังชอบเสียงเพลงมาก ชอบร้อง ชอบเต้น และชอบชวนคุยตลอดดิฉันคิดว่ามันน่าจะเป็นผลที่เราทำไว้ในตอนนั้นด้วย

- พัฒนาการทางด้านภาษาและสมอง

ดิฉันไม่ได้เป็นคนเก่งมากเท่าไรแต่ก็จะพยายามเรียนรู้ทุกอย่าง ถ้าคิดว่าสิ่งนั้นจะเป็นผลดีกับคนใกล้ตัว ตอนเรียนดิฉันเป็นเด็กคนหนึ่งที่ไม่ชอบด้านภาษาเลย ไมว่าจะเป็นภาษาไทย หรืออังกฤษแต่พอเริ่มเข้ามหาวิทยาลัยดิฉันคิดว่าถ้าดิฉันเก่งภาษามากเท่าไรดิฉันก็จะสามารถสอนให้ลูกได้โดยไม่ต้องอายคนอื่น พ่อของดิฉันเคยสอนไว้ว่าพ่อเรียนมาไม่สูงเท่าไรอยากให้เราได้เรียนสูงๆ จะได้หาเลี้ยงตัวเองและครอบครัวได้ดิฉันคิดว่าทุกอย่างเป็นผลจริงๆพอลูกเริ่มที่จะพูดได้ดิฉันก็เริ่มสอนคำง่ายๆสำหรับเขา“แต่คำเรียกที่ออกจากปากเขา”คำแรกคือคุณย่า(น่าน้อยใจค่ะ) แต่ก็ไม่เป็นไรค่ะ อย่างน้อยก็ดีใจที่ลูกพูดหลังๆเขาจะพูดเก่งมาก ดิฉันเลยเริ่มสอนภาษาอังกฤษให้เขา คำง่ายๆค่ะ เช่นก่อนนอนต้องบอก GOOD NIGHTกับคุณปู่ คุณย่าพ่อและดิฉันทุกครั้ง พูดคำว่าขอบคุณทุกครั้งที่ได้รับของพร้อมกับการไหว้ทุกครั้งเช่นกัน จนปัจจุบันนี้ เขาทำโดยติดเป็นนิสัยไปเลยค่ะและที่ดิฉันประทับใจน้องมาก คือ ตอนนี้น้องท่อง A-Zได้(ตอนนี้น้อง 2 ขวบ กับ 2 เดือน)คุณแม่บางท่านบอกว่าไม่อยากบังคับลูก อยากให้เขาเรียนรู้ตามวันค่ะดิฉันอยากจะบอกว่า ดิฉันไม่เคยบังคับลูกเลยค่ะ แต่จะเอาวิธรการเล่นกับเขาสมากกว่าแต่ดิฉันจะเล่นประมาณว่า ชวนลูกมาท่องภาษากัน หรือซื้อสิ่งของที่เขาชอบเล่นแต่เราก็จะพยายามหาคำนั้นมาบอกเขาเล่นกับเขาทุกวันหลังเลิกงาน หรือในวันหยุด น้องเขาจะจำได้คุณแม่อย่าคิดว่าถ้าลูกท่องได้ แล้วปล่อยคะเราต้องพยามฝึกความจำเขาเรื่อยๆส่วนภาษาไทยเช่น ก.ไก่ได้แต่ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไรท่องได้ แต่ ยังไม่จบ ส่วนเลขก็นับ1-10 ได้ ชื่อคุณพ่อคุณแม่น้องจะจำได้หมดทุกอย่าง จำได้แม้กระทั้งเสียงรถมอเตอร์ไซด์คุณพ่อ อีกอย่างหนึ่งผลไม้น้องจำเรียกชื่อได้ถูกเช่นแอปเปิ้ล ส้ม มะละกอ กล้วย (อีกอย่างหนึ่งค่ะ ดิฉันอยากบอกว่า กล้วยน้ำว้าเป็นผลไม้ที่ดีอย่างหนึ่งที่ดีช่วยในเรื่องความจำและสุขภาพได้เป็นอย่างดี)เพราะว่าน้องชอบกินมากช่วยในเรื่องการขับถ่ายด้วยค่ะ อีกอย่างหนึ่งที่ดิฉันอยากจะแนะนำคือการทานปลาไม่ว่าจะเป็นปลาทู หรือปลาชนิดใดอย่าลืมสอนให้ลูกทานผักด้วยค่ะนี้ก็จะส่งผลต่อการพัฒนาการทางด้านสมองและความจำของเขาด้วยดิฉันภูมิใจมากทุกครั้งที่เห็นลูกถามว่า นั้นคืออะไร สิ่งนี้คืออะไรไม่เคยเบื่อที่จะตอบคำถามลูกเลย เพราะนั้นคือการช่วยสงเสริมเขาเด็กชอบสงสัยไปทุกอย่าง เลยคิดว่าสิ่งดีๆที่เราเคยทำในเวลาที่เราตั้งครรภ์ส่งผลมาจนถึงปัจจุบันได้เป็นอย่างดี เพราะลูกคือสิ่งที่มีค่ามากที่สุดจึงอยากจะหาทุกสิ่งทุกอย่างที่คิดว่าดีที่สุดให้กับเขา

- พัฒนาการทางด้านสังคม

ข้อนี้ดิฉันเริ่มจะรู้สึกแย่นิดหนึ่งค่ะว่าเราสอนลูกผิดหรือเปล่า หรือเพราะเขาเป็นลูกคนแรกและเป็นหลานคนแรกในบ้านทุกคนเลยรักและโอ๋เขาตลอดไม่ว่าเขาอยากจะได้อะไรยิ่งถ้าเป็นคุณย่าไปกันใหญ่ค่ะรักมาก(อย่างว่าหลานคนแรก)จนดิฉันเริ่มสังเกตพฤติกรรมของเขาคือจะไม่ยอมแบ่งของให้เพื่อนเล่นด้วย เอาแต่ใจตัวเองคือรู้ว่าถ้าอยากได้แล้วไม่ได้ ร้องไห้แล้วจะได้ของสิ่งนั้นมาและจะทำเป็นประจำถ้าไม่ดั่งใจ ตรงประเด็นดิฉันก็อยากจะขอคำแนะนำจากคุณแม่ท่านอื่นๆด้วยว่าเราต้องแก้ปัญหาอย่างไรดีแต่ดิฉันคิดว่าตอนนี้เขายังเด็ก ยังไม่เข้าโรงเรียนเราต้องค่อยๆปรับนิสัยของเขาไปเรื่อยๆน่าจะเป็นทางที่ดีที่สุดค่อยๆสอนให้เขามีการแบ่งปันของเล่นหรือช่วยเหลื่อผู้อื่น ดิฉันเชื่อว่าไม่ยากค่ะ

ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางด้านไหนก็ตามถ้าคุณแม่ร่วมมือกันกับทุกคนในครอบครัวและสังเกตค่อยๆปรับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยความรักเชื่อว่าไม่มีอะไรยากเกินไปแน่นอน ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างในอนาคตคือสิ่งที่สมบูรณ์แบบ คือสิ่งที่ทำให้เรามีรอยยิ้มแค่คุณแม่ทุกท่านคิดเท่านี้ก็มีความสุข และสนุกกับสิ่งที่ทำทุกอย่าง


คอนโดแมว , พัดลมมือถือ , หมอนผ้าห่ม , หมอนหัวทุย  , เก้าอี้หัดนั่ง




Create Date : 08 สิงหาคม 2559
Last Update : 8 สิงหาคม 2559 19:01:47 น.
Counter : 1106 Pageviews.

1 comments
  
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาทักทาย สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ
โดย: nokyungnakaa วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2560 เวลา:12:53:25 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สมาชิกหมายเลข 3067369
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



New Comments