|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ดาราวิทยาลัย
ด.ว.
ดาราวิทยาลัย
โรงเรียนดาราวิทยาลัยก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2421 เป็นโรงเรียนสตรีแห่งแรกของภาคเหนือ ก่อตั้งโดยมิชชั่นนารีชาวอเมริกัน คือ ศาสนาจารย์ ดร.ดานิเอล และนาง โซเฟียบรัดเลย์ แมคกิลวารี จุดประสงค์ของการจัดการศึกษา ในระยะแรก คือการให้การศึกษาแก่สตรีได้เรียนหนังสือทัดเทียม กับ ผู้ชายดังนั้นในปี พ.ศ. 2421 นางโซเฟียบรัดเลย์ แมคกิลวารี จึงได้เปิดสอนเด็กผู้หญิง ขึ้นที่บ้านพักของ ท่านโดยสอนการเย็บปักถักร้อย และคริสตจริยธรรม ต่อมาผู้ปกครองได้เริ่มเห็นความสำคัญของการให้การศึกษาแก่สตรี จึงส่งบุตร หลานไป เรียนหนังสือมากขึ้น ทางมิชชั่นนารีก็ได้รายงานไปยังสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพฯและสำนัก งานใหญ่ได้ส่งครู มาช่วยสอนจนสามารถจัดตั้งเป็นโรงเรียนสตรีแห่งแรกในจังหวัดเชียงใหม่ใช้ชื่อ ว่า" โรงเรียนสตรี "สถานที่ตั้งคือเชิงสะพานนวรัฐ (ปัจจุบันคือที่ตั้งของคริสตจักรที่หนึ่ง เชียงใหม่)
ประวัติโรงเรียนดาราวิทยาลัยที่เชิงสะพานนวรัฐแห่งนี้ มีประวัติว่า เป็นพื้นที่ที่เจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าหลวงเชียงใหม่ประทานให้ ดร.แมคกิลวารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาคริสต์ โดยมอบเมื่อปี พ.ศ. 2413 ดร.แมคกิลวารีเห็นว่าการศึกษาของเด็กหญิงมีความสำคัญจึงได้เริ่มเปิดสอนเด็กหญิงขึ้น เริ่มจากให้ภรรยาคือ นางแมคกิลวารีรวบรวมเด็กหญิงที่เข้ารีตศาสนาคริสต์ประมาณ 7-8 คนมาอยู่ที่บ้านและสอนหนังสือให้ ต่อมาดร.แมคกิลวารีได้ขอครูสตรีโสด 2 คนจากทางสำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ครูสตรี 2 คนดังกล่าว คือ น.ส.แมรี่ แคมแบลและ น.ส.เอ็ดน่า โคล เมื่อทั้งคู่เดินทางมาถึงเมืองเชียงใหม่เมื่อปี พ.ศ. 2422 จึงเริ่มเปิดการสอนอย่างจริงจัง โดยมีนักเรียนที่เคยเรียนกับนางแมคกิลวารี 2 คนช่วยสอน ขณะนั้นมีนักเรียน 20 คน ชาวบ้านทั่วไปเรียกโรงเรียนนี้ว่า "โรงเรียนสตรีสันป่าข่อย" ต่อมามีนักเรียนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ โรงเรียนเปลี่ยนชื่อจากโรงเรียนสตรีเป็น "โรงเรียนพระราชชายา" เพื่อเป็นเกียรติแก่เจ้าดารารัศมี พระราชชายาในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
นอกจากนี้ต่อมาด้านข้างโรงเรียนพระราชชายาได้มีการจัดตั้งโรงเรียนเพรนเนอร์เมมโมเรียลขึ้นในปี พ.ศ. 2434 เพื่อเป็นการระลึกถึงมิชชันนารีที่ชื่อเพรนเนอร์ ซึ่งเป็นผู้ที่ได้อุทิศชีวิตทำงานเผยแพร่ศาสนาจนกระทั่งเสียชีวิต แต่ต่อมาโรงเรียนได้ยุบเลิก นักเรียนมารวมกับโรงเรียนพระราชชายา
ในสมัยที่มิสยูเลีย แฮตช์ เป็นอาจารย์ใหญ่นั้น ในปี พ.ศ. 2464 ทางมิชชั่นเห็นว่าสถานที่เดิมคับแคบจึงได้ไปซื้อที่ดินที่บ้านหนองเส้งติดโรงพยาบาลแมคคอร์มิคเนื้อที่ 70 ไร่เศษใช้เป็นหอพักนักเรียนประจำและต่อมาได้ก่อสร้างอาคารเรียนและบ้านพักอาจารย์ใหญ่ อีก 2 ปีต่อมาจึงเปิดสอนได้และได้ย้ายนักเรียนชั้นมัธยมไปเรียนสถานที่แห่งใหม่ซึ่งเรียกกันว่า "ดาราเหนือ" ได้ขออนุญาตพระราชชายาเจ้าดารารัศมีเปลี่ยนชื่อโรงเรียนเป็นโรงเรียน "ดาราวิทยาลัย" ตามพระนามของ "เจ้าดารารัศมี"(ประวัติโรงเรียนดาราวิทยาลัย,หนังสือปีการศึกษา 2546)
ปี พ.ศ. 2501 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 และสมเด็จ พระนางเจ้าสิริกิติ์ ได้เสด็จเยี่ยมโรงเรียน โรงเรียนได้ปิดทำการระยะหนึ่งเพราะ เป็นช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง และเมื่อ สงครามสงบลง ดร.เค อี แวลส์ ได้กลับจาก ประเทศสหรัฐอเมริกา มารับมอบทรัพย์สินคืนจากรัฐบาลไทย โรงเรียนจึงได้เปิดทำ การอีกครั้งหนึ่ง โดยมีนางไฝคำ พันธุพงศ์ เป็นอาจารย์ใหญ่
ปี พ.ศ. 2490 โรงเรียนก็ได้เปิดแผนกมัธยมปลายขึ้น และวันที่ 1 พฤษภาคม 2506 ได้ย้ายแผนกอนุบาล และประถมที่อยู่เชิงสะพานนวรัฐมารวมกันที่ 196 ถนนแก้วนวรัฐ ตำบลวัดเกต อำเภอเมือง อันเป็นสถานที่ตั้ง ของโรงเรียนในปัจจุบันนี้.
และได้เปลี่ยนรูปแบบจากโรงเรียนประจำหญิงล้วนเป็นโรงเรียนสหศึกษาเรียนร่วมกันทั้งชายและหญิงในปีการศึกษา2532
ปัจจุบัน ปีการศึกษา2551 โรงเรียนดาราวิทยาลัย มีอายุครบ 130 ปี เป็นโรงเรียนที่ก่อตั้งมานานที่สุดในจังหวัดเชียงใหม่ และในภาคเหนือของประเทศไทย
ตราโรงเรียน
รูปดาว เป็นดาวห้าแฉก อยู่ตรงกลาง และมีรัศมีห้าเส้น ดาวหมายถึงชื่อของของโรงเรียนคือดารา ซึ่งเป็นพระนามของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี ที่พระราชทานให้แก่โรงเรียน และยังสื่อถึงดาวประหลาดที่ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า เมื่อวันที่พระเยซูคริสต์เสด็จลงมาบังเกิดบนโลกมนุษย์
ตัวเลข 2421 คือ ปีพุทธศักราชที่โรงเรียนก่อตั้ง
ลายรดน้ำ เป็นการนำเอาวัฒนธรรมของภาคเหนือซึ่งมีความอ่อนช้อย งดงามมาล้อมรอบดาวไว้ อันหมายถึงความยิ่งใหญ่
ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
Create Date : 21 พฤศจิกายน 2553 |
Last Update : 1 พฤษภาคม 2554 17:37:17 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2640 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]
|
ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
|
|
|
|
|
|
|
|