www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

A Very Long Engagement , หนังที่มากไปด้วยความทะเยอทะยาน


....หลายคนต้องมีหนังที่ใครต่อใครว่าดีแต่เราไม่ชอบ สำหรับผม Amelie เป็นหนึ่งในนั้น หลายคนตกหลุมรัก Amelie ผมเพียงแค่ชื่นชมในจินตนาการและความช่างคิดAudrey Tautouได้ใจใครหลายคนแต่ไม่ใช่ผม(เธอกลับมาได้ใจผมจากหนังที่มีเรื่องของหัวใจอย่างDirty Pretty thing)

A Very Long Engagement....เป็นการยกทีมเดิมจากAmelie ไม่ว่าจะเป็นผู้กำกับ ผู้กำกับภาพ นักเขียนบท และนักแสดงนำ ทั้งทีมมากับเรื่องราวที่ใหญ่โตขึ้นที่เล่าเรื่องในสมัยสงครามโลกครั้งที่1 การพลัดพรากจากคนรัก ความเลวร้ายของสงครามและคนที่เลวร้ายไม่แพ้กัน Mathilde ต้องพลัดพรากจากคู่หมั้นของเธอManech เพราะเขาต้องไปเข้าร่วมรบ การรอคอยของเธอมาพร้อมกับการเริ่มต้นของหนังเมื่อเธอได้ข่าวว่าคู่หมั้นของเธอเสียชีวิตแล้วจากการถูกส่งไปตายกลางสนามเพลาะให้เป็นเป้าของทหารฝ่ายตรงข้ามเนื่องจากการพยายามหนีทหาร

....และเมื่อหนังเปิดฉากเริ่มต้น หนังก็เดินหน้าแบบไม่รอคอยคนดู การใส่ตัวละครจำนวนมาก ชื่อที่จำได้ยาก ศัพท์เฉพาะที่ไม่มีการอธิบาย(อย่าเอ็ดไป แค่คำว่าสนามเพลาะผมยังไม่รู้เลยว่าคืออะไร) การเล่าเรื่องที่เต็มไปด้วยชั้นเชิงและสลับซับซ้อน ทำให้ครึ่งชั่วโมงแรกของผมทรมานมากเนื่องจากผมดูไม่รู้เรื่อง!

....ผู้กำกับJean-Pierre Jeunet มีความทะเยอทะยานกับการทำหนังเรื่องนี้มากกว่าเรื่องก่อนๆของเขาที่ผ่านมา เพราะหนังไม่ได้ต้องการจับประเด็นแค่เรื่องของศรัทธาในรักของMathilde แต่หนังยังแวะเวียนไปสะท้อนภาพความโหดร้ายของสงครามผ่านการกำกับภาพที่แสนจะสวยงาม และ ผ่านการเล่าเรื่องรายละเอียดของตัวละครอื่นๆที่ประสบชะตากรรมเดียวกัน ผลกระทบของญาติหรือคนรักที่รอคอยอยู่ ไม่เพียงแต่เรื่องราวจะมากแล้ว หนังยังทำให้เรื่องราวเหล่านี้มีความซับซ้อนเข้าไปอีกเพราะหนังเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องแบบตรงไปตรงมา แต่เล่าแบบขยักไว้จากคนเล่าที่ต่างกันทั้งที่มันต่างเป็นเหตุการณ์เดียวกัน (คล้ายๆกับ rashomon หรือ หนังสงครามอีกเรื่องอย่างCourage Under Fire) ผมดูไปด้วยความรู้สึกว่ามันมากเกินไปหรือเปล่ากับหนังเรื่องหนึ่งที่ผู้กำกับจะเล่นมากขนาดนี้ ทั้ง เทคนิคทางภาพ เทคนิคลูกเล่นการเล่าเรื่อง รายละเอียดของเนื้อหา(เช่น ขนาดบุรุษไปรษณีย์ยังอุตส่าห์ให้รายละเอียด ทั้งที่ฉากกรวดหน้าบ้านจะลบออกไปทั้งหมดก็ทำได้โดยไม่เสียเนื้อหาหลักของหนังแต่นี่ละคงเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของผู้กำกับเพราะมันไม่ได้น่ารำคาญหรือเป็นส่วนเกิน) และเมื่อหนังดำเนินมาถึงช่วงปลาย ผมต้องยอมรับว่าผู้กำกับคนนี้มีความสามารถมากพอๆกับความทะเยอทะยานที่มี เพราะครึ่งหลังนั้นหนังนำความงงงวยของผมในครึ่งแรกมาอธิบายได้อย่างหมดจด ตามไปเก็บสิ่งที่ตัวเองขมวดไว้ได้จนหมดพร้อมหาคำตอบสุดท้ายได้เป็นอย่างดี

...ตัวละคร Mathilde ยังมีบางสิ่งที่คล้ายกับ Amelie นั้นคือลักษณะความคิดแบบ magical thinking ที่ทำให้เธอทั้งสองคนอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างมีความหวัง magical thinking อาจดูเป็นวิธีการคิดแบบเหนือจริง เหมือนฝัน เหมือนเด็กๆ แต่เชื่อว่าเราทุกคนก็เคยเช่น คิดว่าถ้าวันนี้เจอคนที่เราแอบชอบบนรถเมล์เราคงเป็นเนื้อคู่กัน / ถ้าเลขบนตั๋วรถเมล์หารด้วย8ลงตัวเราจะสอบผ่าน ความฝันเหล่านี้อาจอยู่หลุดนอกกรอบสิ่งที่เรียกว่าความจริง (reality)หากใช้กรอบความคิดนี้ตลอดเวลาเราก็อาจเป็นคนที่หลุดจากโลกแห่งความเป็นจริง แต่หากมีไว้ในบางเวลาความคิดแบบนี้ก็ช่วยหล่อเลี้ยงความหวังของคนบางคนได้ดังเช่น Mathilde ไม่เพียงแต่เธอเลือกจะปฏิเสธยอมรับความจริง(denial)ตั้งแต่ต้นทั้งที่ใครต่อใครบอกว่าคู่หมั้นเธอเสียชีวิตแล้ว เธอยังเลือกใช้ magical thinking ไม่ว่าจะเป็นถ้าปอกเปลือกแอปเปิลได้ไม่ขาด หรือ ถ้าคนตรวจตั๋วไม่แวะมา ฯลฯ Manechจะยังมีชีวิตอยู่ เธอปฏิเสธโลกภายนอกที่เรียกว่าความจริงและมีชีวิตอยู่ด้วยความหวังบนโลกของเธอ จนกระทั่งเมื่อความจริงจากโลกภายนอกเธอรุกเร้าให้เธอต้องออกมาตบหน้าคนที่ทำให้เธอได้พบว่าความหวังของเธอพังทลายลงและไม่อาจใช้ magical thinkingได้อีกต่อไป ก่อนที่ความจริงของโลกแห่งความจริงจะพาเธอไปพบกับสิ่งที่เธอรอคอย


สิ่งที่ชอบ

1.ผู้กำกับJean-Pierre Jeunet…. คุมหนังทั้งเรื่องได้อยู่มือ ทั้งกล้าและทะเยอทะยานในการทำหลายอย่างพร้อมกันในหนังเรื่องเดียว และทำออกมาได้ดี อีกทั้งยังไม่ทิ้งเอกลักษณ์ความเป็นหนังของตัวเองเป็นอีกคนที่มีตัวตนบนหนังของตัวเองชัดเจน (ขนาดAlien4 ยังมีตัวละครแปลกๆกับalienว่ายน้ำได้เอากับเขาซิ หนังของผู้กำกับคนนี้ที่น่าสนใจมีอยู่อีก2เรื่องคือThe City of Lost Children(ผมดองไว้นานแสนนานยังไม่ได้ดูซักที) กับ Delicatessen ที่เขาว่ากันว่าอยู่ในช่วงเริ่มฉายแววจินตนาการอันบรรเจิดของผู้กำกับคนนี้)

2.วิธีการเล่าเรื่องและครึ่งท้ายของหนัง...... ด้วยกลวิธีที่กล่าวมาข้างต้นทำให้หนังที่มีความน่าสนใจทั้งคาแรคเตอร์ ทั้งเนื้อหาอยู่แล้ว มีความน่าสนใจเพิ่มเข้าไปอีก เสียดายว่าครึ่งแรกจะเดินหน้าเร็วไปหน่อยหนังทำให้ช่วงแรกของหนังเป็นความงงของคนดูอย่างผม แต่หนังเองกลับสามารถที่คลี่คลายตัวเองในครึ่งหลังขนาดผมงงๆในครึ่งแรกยังดูรู้เรื่องและเข้าใจตามไปได้

3.ภาพ...อีกหนึ่งหนังสงครามที่ภาพบนจองดงามและโหดร้ายไปพร้อมกัน งดงามแบบสมจริงไม่ใช่งดงามแบบบทกวีแบบในThe Thin Red Line

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.(ช่วงแรก)ไม่รู้เรื่อง.....หนังไม่ประณีประณอมในการให้ความเข้าใจในรายละเอียดกับคนดู เดินหน้าไปพร้อมตัวละคร สถานที่ ศัพท์แสงที่มากมายชนิดตามไม่ทัน คือเหตุผลที่ทำให้ผมงง แนะนำว่าคนที่จะเข้าไปดูเรื่องนี้ตั้งสมาธิ พร้อมกับจำชื่อตัวละคร จำเหตุการณ์สถานที่ หรืออ่านเนื้อหาบางส่วนไปก่อน น่าจะทำให้ดูสนุกมากขึ้นและเข้าใจหนังได้เร็วขึ้น แต่สำหรับผมคงต้องไปแก้ตัวที่รอบ2จากDVD

2.ไม่ได้ใจ...... เป็นหนังที่ดีแต่ผมไม่รู้สึกประทับใจหรือมีความรู้สึกร่วมตาม แปลกที่เรื่องความรักของ Mathilde และ Manech หนังก็พยายามใส่พื้นฐานไว้ในตอนเด็กแต่ผมเองก็ไม่รู้สึกอินกับมันมากนัก นั่นทำให้การรอคอยการหมั้นที่ยาวนานหรือความรักของทั้งคู่ไม่ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้ง ไม่ใช่ส่วนที่ดึงดูดแต่กลับเป็นความงามของภาพและเสน่ห์วิธีการเล่าเรื่องมากกว่าที่ทำให้ผมประทับใจ

สรุป.....ศรัทธาในรัก ความหวังและปาฏิหาริย์ ก็ยังไม่สามารถทำให้ Mathilde ได้ใจผมไปอยู่ดี ความรู้สึกผมไม่ต่างจากการได้รู้จัก Amelie เท่าไรนัก คือ สวยงามแต่ไม่ชวนหลงใหล A Very Long Engagementเป็นหนังที่ใหญ่ทั้งเนื้อหา ซับซ้อนทั้งการเล่าเรื่อง สอดแทรกลูกเล่นรายละเอียดไว้มากมาย การถ่ายภาพที่สวยงาม และที่สำคัญผู้กำกับมีความสามารถที่จะเอาหนังทั้งเรื่องนี้ให้อยู่มือ เป็นหนังที่ผมตั้งใจว่าจะดูอีกรอบหนึ่งและอาจมาเขียนถึงอีกถึงตอนนั้นอาจเข้าใจและเห็นอะไรมากขึ้น แต่สำหรับรอบนี้ที่สกาล่าวันเสาร์ที่ผ่านมารอบ20.00น. นี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องของหนังที่ผมชื่นชมแต่ไม่ชื่นชอบ


***เชิญชวนแวะไปอ่านไปคุย กับหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนในหมวดนี้ที่ไม่แสดงรายชื่ออีก40+เรื่องได้ที่ ---> ห้องเก็บหนัง



Create Date : 22 มีนาคม 2548
Last Update : 22 มีนาคม 2548 2:15:44 น. 8 comments
Counter : 3884 Pageviews.

 
^_^ แวะมาอ่านวิเคราะห์ดีๆ อ้ะค่ะ T_T~*


โดย: Mu_in_love IP: 61.90.55.197 วันที่: 22 มีนาคม 2548 เวลา:8:09:47 น.  

 

สวัสดีค่ะ

ไม่ได้มาบล็อคคุณซะหลายวันเลย . . ไปเที่ยวมาน่ะค่ะ
ขอบคุณที่แวะไปฝากข้อความไว้นะคะ



อ่านวิเคราะห์ของคุณสำหรับหนังเรื่องนี้แล้ว
คิดว่ามัชคงไม่ไปดูหละ ถึงแม้แต่ละคนจะมีมุมมองในการดูหนังไม่เหมือนกันก็เหอะนะ

ส่วนตัวแล้วมัชไม่ชอบหนังที่ต้องตั้งใจดูมากๆแบบนี้ ดูแล้วเหนื่อยน่ะค่ะ





โดย: มัชฌิมา วันที่: 22 มีนาคม 2548 เวลา:11:05:45 น.  

 
สงสารหนังเรื่องนี้เหมือนกันนะครับ ออสการ์ปีนี้ไปเจอหนังหินๆตั้งหลายเรื่อง ก็เลยแห้ว

แถมยังถูกสมาคมหนังฝรั่งเศสกีดกันอีก ข้อหาไปรับทุนมาจาก Warner Brothers เลยยัดข้อหาว่า เป็นหนังทุนอเมริกัน ไม่นับว่าเป็นหนังฝรั่งเศสซะอีกแน่ะ

ผมอยากดู The Motorcycle Diaries อ่ะครับ ไม่ทราบว่าพี่ไปดูมารึยังเนี่ย...


โดย: nanoguy วันที่: 22 มีนาคม 2548 เวลา:11:05:45 น.  

 
หนังเครียดๆ ปวดหัวๆ


โดย: ตุ๊กตารอยทราย วันที่: 22 มีนาคม 2548 เวลา:14:25:34 น.  

 
ฉันชอบวิธีเล่าเรื่องของผู้กำกับคนนี้แหะ ยิ่งเรื่องนี้ ยิ่งทำให้รู้ว่าเค้าเป็นละเอียดอ่อนกับสิ่งเล็กน้อยในชีวิต เหมือนเวลาเราอ่านหนังสือ, นักเขียนจะหาเกร็ดเล็กเกล็ดน้อยลงมาในหนังสือเป็นเรื่องเล่าเล็กๆ น้อยๆ

ถ้าคุณมาเกซเป็นเจ้าพ่อของหนังสือแนว magical realism คุณผู้กำกับท่านนี้ก็น่าจะถือว่าได้เป็นผู้ทำหนังแนว magical realism ได้เหมือนกัน

:)

ฉันจำชื่อตัวละครไม่ค่อยได้คะ, ๕๕๕ ดูช่วงแรกๆ แล้วงงๆ มีการแอบถามตอนท้ายเรื่องกับเพื่อนอีกต่างหาก
แต่รวมๆ แล้ว production อลังการ ฉันชอบฉากหนึ่งที่นางเอกเดินไปในตลาด... คนเยอะ วุ่นวายมาก

เรื่องความรักในเรื่อง, ฉันว่าโอเคนะ มันคือความรักแรกของนางเอก ผู้หญิงขาพิการคนหนึ่งที่มีผู้ชายคนหนึ่งมาสนใจ มันพิเศษมากเมื่อมีใครสักคนมาให้ความสำคัญกันขนาดนั้นเพราะเธอขาพิการ พ่อแม่ก็ไม่มี และนั่นเป็นปมในหัวใจ นางเอกจึงต้องพยายามหาตัวพระเอกกลับมาให้ได้ เพราะเค้าคือชีวิตและหัวใจ และเหตุผลที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป

ความรักคือสิ่งที่ทำให้ชีวิตอยู่ต่อ, และฉากจบที่นางเอกจึงร้องไห้ออกมาอย่างสบายใจครั้งแรกในหลายๆ รอบปี,

สวยคะ, ความรักแรก เราทั้งหลายอยากจะเก็บมันไว้นานๆ และคงไว้มันสวยงามแบบนั้น


โดย: MeeMeaw IP: 203.151.140.117 วันที่: 28 มีนาคม 2548 เวลา:10:07:50 น.  

 
เมื่อกี้หยิบมาแล้วแต่ดันเปลี่ยนมาเป็นเรื่อง House of Fury ซะงั้น เดี๋ยวพรุ่งนี้จะไปเช่ามาดูครับ อ่านบทวิจารณ์นี้แล้วอยากดูขึ้นมาอีก เยอะเลย You so cool


โดย: Kritdhaphak IP: 202.57.189.253 วันที่: 18 กันยายน 2548 เวลา:21:42:34 น.  

 
สวัสดี ค่ะ ฉันเป็นคนหนึ่งที่อยากดูหนังเรื่องี้แต่ก็ไม่รู้ว่าหนังเรื่องนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับอะไร แต่สิ่งนั้นก็ไม่สำคัญเท่ากับพระเอกที่แสดง หรอก
ฉันอยากดูหนังเรื่องก็เพราะพระเอก คือ Gaspard Ulliel ไม่ใช่เนื้อหาของหนังสักหน่อย อิ อิ


Gaspard's fan club


โดย: สวยใส IP: 61.7.133.243 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:19:21:12 น.  

 
เพิ่งเช่าเรื่องนี้มาดู
เห็นด้วยที่หนังใส่อะไรเข้าไปมากจริงๆ มากจนดูไม่รู่เรื่อง ต้องมาหาอ่านตาม บล็อก อีกที
เสียดายบทของ Jodie Foster เราว่าไม่ต้องถึงมือของ Jodie หรอก รู้สึกเสียของยังไงไม่รู้



ไม่ซาบซึ้งเลยที่


โดย: i love johnny depp IP: 125.25.18.119 วันที่: 20 มิถุนายน 2552 เวลา:23:31:27 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 มีนาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.