www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

ขุนกระบี่ ผีระบาด, กล้าที่จะบ้า ก็กล้าที่จะดู


....ที่SF MBKรอบ19.30น.ที่นั่งฺB13 คนขายตั๋วอาจจะเข้าใจว่าชายหนุ่มที่มาคนเดียวคนนี้ กับ หน้าตาชวนให้คิดว่ายอมเสียตังค์120บาทเพื่อจะมาดูบอลลูนเป็นแน่ แต่ผมอยากบอกคนขายจังว่าผมเลือกดูเรื่องนี้เพราะผมดูเพราะรู้จักขุนกระบี่มาตั้งแต่ในแผ่นรวมหนังสั้นของ Fat festival ซึ่งจะว่าไปแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีที่สุดในชุดนั้นแต่ก็เป็นเรื่องที่บ้าและสนุกสนานพอสมควร สองสิงนี้จึงเป็นสิ่งที่ดึงดูดให้ผมตามมาพบกับขุนกระบี่บนจอใหญ่

.....เส้นแบ่งระหว่างความเป็นหนังคัลท์ชั้นดีกับหนังเกรดบีห่วยๆ มันแยกกันได้ยาก จะบอกได้อย่างไรว่าเรื่องนี้อยู่ในกลุ่มไหน ผมเองคิดว่าคนดูคงจะเป็นคนที่ให้คำตอบได้ดีที่สุด สิ่งหนึ่งที่น่าจะสำคัญมากในการช่วยตัดสินคือ"ความสนุก" และความเป็นตัวของตัวเอง เพราะการทำหนังให้สนุกมันเป็นเรื่องที่ยากพอๆกับการทำหนังเรื่องหนึ่งให้เป็นหนังดี ดังนั้นถ้าหนังที่สร้างออกมาเหมือนหนังเกรดบีเรื่องหนึ่งคนดูออกมาพร้อมกับความไม่สนุก มันก็คงกลายเป็นหนังห่วยได้ในทันที

......หนังเล่าเรื่องของขุนกระบี่ที่ได้รับมอบหมายจากอาจารย์ ให้ไปช่วยน้องบอลลูนที่ถูกลักพาตัวโดยโจรกลุ่มหนึ่ง ทั้งหมดต้องมาเจอกันที่ตึกที่ไวรัสทำให้คนกลายเป็นผีดิบออกอาละวาดในตึก

........จากหนังสั้นที่มีความมันและบ้าในตัวอย่างล้นปรี่เมื่อมาสู่จอใหญ่ ผู้กำกับก็ยังคงใส่เอกลักษณ์และลีลาเฉพาะตัวลงในหนัง หนังเลือกที่จะไม่ใช้ความสมจริงแต่ตั้งใจที่จะให้เป็นเหมือนหนังทุนต่ำเป็นหนังCultที่เอาความสะใจเป็นหลัก หนังเต็มไปด้วย ฉากความรุนแรงแบบไม่สมจริง(เลือดกระจายพุ่งเป็นน้ำพุ ฉากแขนขาดคอขาด) ฉากลีลาเฉพาะตัวของทั้งขุนกระบี่และอาจารย์ ฉากอนิเมชั่น(น่าเสียดายที่ความแปลกใจลดลงหลังจากได้ดูKillBillมาแล้ว) และ บอลลูนที่พบกับบทที่เหมาะเธอเสียทีคือ พูดน้อยๆ ร้องเยอะๆ วิ่งผ่านสายฝนที่ตกใส่เสื้อบางๆ

.....หลายอย่างที่ตามมาและได้ผลคือความบ้ากับมุขที่ผู้กำกับเลือกมาใส่ในโครงหนังที่ใหญ่ขึ้น หลายส่วนก็ทำได้สนุกสนานและได้เสียงหัวเราะจากคนดู แต่น่าเสียดายที่มันได้ผลบ้างไม่ได้ผลบ้าง มันยังขาดๆเกินๆเป็นช่วงๆ หลายมุขก็ยิงเข้าเป้าในขณะที่หลายมุข หลายฉาก ก็ออกจะชวนเสียเวลาและสะเปะสะปะไปเหมือนกัน จนรู้สึกว่าถ้าหนังสั้นลงอีกซักหน่อยน่าจะสนุกมากกว่านี้

สิ่งที่ชอบ

1.เทพ โพธิ์งาม......ก็ยังความเป็นเทพ โพธิ์งามอยู่ที่ขึ้นจอและเอาตัวรอดไปได้กับความเป็นตัวของตัวเอง ซึ่งผมรู้สึกว่าเค้าอยู่ในหนังเรื่องนี้ได้อย่างพอเหมาะพอเจาะ ดูมีความเป็นขุนกระบี่มากกว่าตัวขุนกระบี่ที่รับบทโดยต๊อก ที่ผมรู้สึกว่าเค้าก็บ้าแล้ว แต่มันยังไม่มากพอ

2.สมเล็ก ศักดิกุล......เป็นตัวประกอบแบบยิงหวังผลมาแล้วจากหนังไทยแทบทุกเรื่องช่วงหลังๆ และเรื่องนี้บทของเค้าก็ไม่ต่างจากที่เคยดูมา แต่ผมเองก็ยังไม่เบื่อ+ฮาทุกครั้งที่เค้าโผล่มาในหนัง เรียกได้ว่าในช่วงที่กำลังเบื่อๆ เมื่อเค้าขึ้นจอก็สามารถดึงผมกลับเข้าไปในหนังได้อีก

3.ช่วงต้นของหนัง......ช่วงต้นของหนังเป็นช่วงที่ผมรู้สึกว่าหนังสนุกที่สุด ตั้งแต่การเปิดตัวการลักพาตัวของบอลลูน+ฉากที่บ้านป๋าเทพ จนผมคาดหวังความบ้าของหนังให้ได้ในระดับเดียวกับช่วงนี้แต่น่าเสียดายทื่มันลดน้อยลงไป

4.ความช่างคิดของมุข....ความตลกของเรื่องนี้อาจไม่ได้ระดับฮาระเบิดแต่เป็นแบบหัวเราะหึๆซะเป็นส่วนใหญ่ ที่ชื่นชมคงเป็นในเรื่องของมุขต่างๆที่ออกมาก็ช่างคิดซะเหลือเกินแบบชัดๆ(เช่นฉากรีโมตคอนโทรลกับระเบิดตอนท้าย/ฉากตอนพระเอกรู้ความจริงจากบอลลูนตอนใกล้จบ/เพลงคู่กรรม) ไปจนถึงที่แอบๆใส่(ชื่อโรงเรียนของนางเอก/ชื่อไวรัส/บทเนาวรัตน์)

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ขาดๆเกินๆ.....ดังที่กล่างข้างต้น ผมยังรู้สึกว่าหนังยังไม่แม่นในการคุมความต่อเนื่องและอารมณ์ของหนังได้ในการเป็นหนังยาว ขนาดเต็มไปด้วยผีดิบหรือเลือดพล่านแต่ผมก็ยังรู้สึกเบื่อได้หลายช่วงทีเดียว

2.ช่วงกลางของหนัง.....อย่างที่บอกไว้คือหลังจากเจอผีดิบไปแล้วผมก็รู้สึกเบื่อๆเรื่อยๆไปกับหนัง มันไม่ได้เต็มที่เท่าที่ควร

3.บ้าน้อยกว่าที่หวัง.....ผมเลือกดูหนังเรื่องนี้ไม่ได้หวังอยากได้สาระหรือบทที่เฉียบคม แต่ผมหวังกับความสนุกและบ้าบอคอแตกมากกว่านี้ หนังยังดูกั๊กๆในหลายตอนเหมือนกล้าๆกลัวๆที่จะเล่น

4.ยาวเกินไป....ถ้าตัดหลายๆตอนออกไปหนังเรื่องนี้ก็จะเป็นอีกหนึ่งหนังสั้นที่สนุกมากๆ แต่เสียดายที่พอมาเป็นหนังใหญ่จึงกลับให้ความรู้สึกว่าหนังยาวเกินไปเหมือนเป็นหนังสั้นที่มาทำให้ยาวขึ้น

5.ขุนกระบี่....แปลกที่ดูจากหนังตัวอย่างและภาพนิ่งก็รู้สึกว่าต๊อกเหมาะกับบทนี้ดี แต่พอมาอยู่ในหนังกลับรู้สึกว่ามันยังไม่ใช่ เหมือนคนที่พยายามจะเป็นแต่ยังไม่ใช่ (คนที่ผมรู้สึกว่าใช่โดยไม่ต้องพยายามคือป๋าเทพและคนที่เล่นเป็นคู่แค้นกับขุนกระบี่ในเรื่อง(ซึ่งถ้าจำไม่ผิดเค้าก็คือขุนกระบี่ในหนังสั้นต้นฉบับก่อนหน้านี้))


สรุป.....ไม่ฮาเท่าที่หวัง ไม่บ้าเท่าที่คิด แต่ก็ให้ความคุ้มค่าในระดับพอดีค่าตั๋ว โดยส่วนตัวแล้วรู้สึกเสียดายอยู่ถ้าหนังกล้าที่จะเล่นมากกว่านี้ และ สั้นกว่านี้ คิดว่าขุนกระบี่คนนี้น่าจะได้ใจคนดูได้มากกว่านี้ ซึ่งจากความสนุกที่หนังมีมันก็น่าจะก้าวผ่านเส้นที่เป็นหนังเกรดบีห่วยๆมาอยู่อีกด้านหนึ่งได้และก็น่าติดตามต่อไปว่าขุนกระบี่ยังกล้าที่จะกลับมาอีกหรือไม่ เพราะถ้ากล้าผมก็กล้าที่จะตามไปดูอีกเช่นกัน


16/12/2004


Create Date : 25 มกราคม 2548
Last Update : 29 มกราคม 2548 23:30:52 น. 3 comments
Counter : 3951 Pageviews.

 
เราไปดู
คนอื่นว่างั้นๆ
แต่สำหรับเรา รู้สึกว่ามันดีนะ
และสามารถพัฒนาต่อไปได้อีก
และเหตุผลสำคัญ
คงเพราะชอบบอลลูนด้วยมั้ง


โดย: กามล IP: 203.209.98.113 วันที่: 14 กันยายน 2548 เวลา:4:07:02 น.  

 
ท่ามังกรกินหมี่ใส่บอลลูน พร้อมเยสแบบสะใจ
5 5 +


โดย: เต้ IP: 58.9.74.139 วันที่: 23 ตุลาคม 2550 เวลา:21:01:52 น.  

 
มันมากแล้วก็ฮาขี้แตกขี้แตนจิงจิง...555555555+++6666


โดย: เรมิกฃีนีโอร์ IP: 118.172.204.30 วันที่: 24 กรกฎาคม 2552 เวลา:10:41:39 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
 
มกราคม 2548
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
25 มกราคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.