Yes , บทกวีอีโรติค ความรัก การเมือง และ การมีตัวตน
Spoiler alert บทความนี้เผยเนื้อหาบางส่วนของภาพยนตร์ และ ประโยคที่เป็นตัวอักษรเอียงสีฟ้าเป็นประโยคสำคัญในหนัง หากยังไม่ต้องการรับรู้ กรุณาอ่านข้ามตัวอักษรเอียงสีฟ้าด้านล่าง
Yes , เธอ ตอบรับการเชิญชวนของ เขา
เขา (Simon Abkarian) เป็นชายหนุ่มชาวเบรุต เธอ (Joan Allen) เป็นหญิงสาวชาวเบลฟาสต์ ทั้งคู่มาจากดินแดนที่มีกลิ่นอายของควันปืนและความตาย เธอเลือกที่จะลืมอดีตและใช้ชีวิตใหม่อย่างคนอเมริกัน เขาเลือกเปลี่ยนมีดผ่าตัดให้กลายเป็นมีดทำครัวและมาอาศัยทำมาหากินในอเมริกา เธอใช้ชีวิตอยู่กับเซลล์และความจริงทางวิทยาศาสตร์ เขาใช้ชีวิตภายใต้ความเชื่อและศรัทธา
....ก่อนที่จะเป็นเรื่องของเขาและเธอ หนังเริ่มต้นด้วยตัวละคร แม่บ้านทำความสะอาด ที่ หันหน้ามามองกล้องและพูดกับคนดูตั้งแต่ฉากแรกและเราจะพบกับเธอในอีกหลายๆฉากเหมือนกับพิธีกรที่พาเราเข้าไปสู่เรื่องราวของ เธอ สามีของเธอ และ เขา
เธอเริ่มต้นบอกกับเราเรื่อง ความสะอาด และ ภาพลวง เธอเชื่อว่าความสะอาดเป็นเพียงภาพลวง เพราะไม่ว่าเราจะทำความสะอาดสิ่งสกปรกนั้นมากเพียงใด แต่ที่สุดของความสกปรกยังคงหลงเหลือหลักฐานไม่ให้เราทำลายมันไปได้ ทุกสิ่งล้วนมีหลักฐานของการมีตัวตนของมัน
...เมื่อหนังพูดถึงการมีตัวตน ทำให้ผมคิดไปถึงทฤษฎี Existential ที่พูดถึงการคงอยู่ของมนุษย์และสิ่งต่างๆ และ 4 องค์ประกอบสำคัญของการคงอยู่ที่ Yalom หนึ่งในบุคคลสำคัญของทฤษฎีนี้ได้กล่าวไว้ ล้วนมีอยู่ในตัวละครของเขาและเธอ นั่นคือ Death , Freedom , Isolation , meaning
...ทั้งเขาและเธอเดินหันหลังมาจากดินแดนแห่งความตาย (Death) ไม่ใช่แค่เดินจากมา ทั้งคู่เปลี่ยนแปลงตัวตน เขาเปลี่ยนอาชีพที่ต้องคลุกคลีกับความตายอย่างศัลยแพทย์มาเป็นการทำอาหาร เธอพยายามทิ้งทุกอย่างที่เป็นอดีต เห็นได้จากการพยายามเลี่ยงที่จะไปพบป้า บุคคลซึ่งสามารถยืนยันตัวตนที่แท้จริงของอดีตของเธอ ทั้งคู่ก้าวเข้ามาในดินแดนแห่งเสรีภาพ (Freedom) และใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยว (Isolation) จน เมื่อได้มาเจอกันก็แลกเปลี่ยนวันเวลาของกันและกันแสวงหาความหมายของชีวิต (meaning) ในแต่ละแง่มุม ทั้งความรัก ศาสนา การเมือง ความเชื่อ ฯลฯ
... หากคนเรามีแก่นคือตัวตน(self) มีเปลือกหลายชั้นที่ห่อหุ้มแสดงความเป็นตัวตน (identity) ตัวละครในเรื่องล้วนแสวงหาการมีตัวตนอยู่ในสังคม เธอ ที่มีชีวิตเหมือนไร้จิตวิญญาณ ชีวิตที่เหมือนไร้ตัวตน สูญเสียความมีคุณค่าของตัวเอง(Self esteem) หลังจากชีวิตสมรสที่ล่มสลาย
เขา ที่เมื่อพบเธอก็มอบตัวตนให้กับเธอที่เขารักและเชิดชู แต่คนเราไม่สามารถมีชีวิตอยู่อย่างไร้ตัวตน เมื่อวันที่เขาสูญเสียสถานภาพทางสังคมที่เสมือนเปลือกของชีวิต เขาจึงจำเป็นที่ต้องทวงตัวตนคืนจากเธอ
ลูกเลี้ยงของเธอ ก็แสวงหาอัตลักษณ์ในสังคม ทั้งรูปร่างหน้าตา การแต่งตัว การยอมรับ ฯลฯ ไม่เว้นแม้แต่คนที่ไม่สลักสำคัญอย่างเพื่อนร่วมงานของเขา ที่รู้สึกว่า ถูกคนต่างชาติมาแย่งที่แย่งอาชีพเหมือนกับถูกขโมยสถานภาพที่ควรจะเป็นของเขา
สำหรับ เขา แล้ว
ในสถานภาพของประชาชน เขาถือสิทธิเป็นพลเมืองคนหนึ่งในประเทศ มีอาชีพ มีหลักแหล่ง
ในสถานภาพของความรัก เขาเป็นที่พักชั่วคราวของความเหงา เป็นร่มไม้ที่ให้ร่มเงาแก่เธอที่กำลังแห้งเหี่ยว
....แล้ววันหนึ่ง เมื่อเขาถูกขับออกจากงาน ก็เสมือนสูญเสียการมีอยู่ของตัวตนในอเมริกา ชายชาวตะวันออกกลางอย่างเขาในยุคหลังเหตุการณ์ 9/11 ย่อมเป็นความแปลกแยกเป็นบุคคลที่ไม่ทัดเทียมกับพลเมืองคนอื่นๆ กับ สถานภาพคนรักนั้นเล่า แม้เขาจะมีเธอแต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเขามีตัวตน เพราะตัวตนของเขาสำหรับเธอไม่เคยมีอยู่ถาวรจีรัง เขาเป็นเพียง คนชั่วคราวที่ไม่อาจมีตัวตน เขาจึงตัดสินใจเดินจากเธอไป
สำหรับเธอแล้ว
ชีวิตที่อยู่อย่างไร้ตัวตนก็เหมือนต้นไม่ที่ขาดการรดน้ำดูแล เมื่อได้มาพบกับเขาก็เหมือนกับการได้รดน้ำ ตัวตน ที่กำลังจะเหี่ยวแห้งตายให้กลับมามีชีวิตอีกครั้ง ตัวตนของเธอ กำเนิดขึ้นมาอีกครั้ง เพราะ เขาที่เห็นคุณค่าและยกย่องพร้อมกับรดน้ำให้กับมัน เขาทำให้เธอได้มี ชีวิต ขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง
... เมื่อเขาเดินจากเธอไป เมื่อนั้นความขัดแย้งของเขาและเธอก็เริ่มต้น และ มันบานปลายไปมากกว่าการถกเถียงในเรื่องของความรัก แต่มันบานปลายไปเป็นสงครามของเชิ้อชาติ ศาสนา ฯลฯ
..เขาสงสัยว่า เธอและคนอื่นๆ เคยรู้หรือไม่ว่าภาษาของเขาพูดอย่างไร ในขณะที่เขาต้องเรียนแทบตายเพื่อพูดภาษาของเธอ
..เขาสงสัยว่าเธอและคนอื่นๆ เคยอ่านพระคัมภีร์ของเขาหรือไม่ในขณะที่คนทั่วไปต้องรู้จักไบเบิ้ล
..เขาสงสัยว่า เธอและคนอื่นๆ ที่รวมกันเป็น เรา เคยเห็นความสำคัญของคนอื่นหรือไม่ นอกจากตั้งตนเป็นใหญ่
บทสนทนาของเขาและเธอ จากการต่อสู้ของความรัก กลายเป็นการต่อสู้ของ ประชาชนอเมริกันที่ไม่ได้คิดฝันจะมีส่วนร่วมกับสงคราม กับ ประชาชนชาวตะวันออกกลางที่เป็นผู้ถูกกระทำจากประเทศมหาอำนาจ เธอไม่เข้าใจว่าอะไรที่ทำให้มันต้องมาลงเอยเช่นนี้ อะไรที่มันบานปลายมาได้ถึงขนาดนี้ ? ... ตัวละครใน Yes พูดคุยกันด้วยภาษาที่งดงามราวบทกวี ความงดงามเกิดจากทั้งรูปประโยคและเนื้อความ (เขาว่ากันว่าเป็นลักษณะฉันทลักษณ์แบบ Iambic pentameter ที่มักพบอย่างในผลงานของ Shakespeare) ไม่ใช่แค่รูปแบบที่พูดกันเป็นภาษากวีที่ทำให้มันงดงาม เนื้อความที่เขาและเธอโต้ตอบแลกเปลี่ยนกันก็แฝงด้วยความลึกซึ้งในทางปรัชญา (ฉากที่ทั้งคู่คุยกันถึงความรักแต่เปรียบกับตัวเลขเป็นบทสนทนาที่ฉลาดและโรแมนติก) ไม่เท่านั้นหนังยังอุดมไปด้วยเทคนิคทางภาพยนตร์อีกแพรวพราวทั้งภาพและเสียงที่ทำให้การนั่งชมภาพยนตร์เรื่องนี้ได้อารมณ์เดียวกับการอ่านบทกวี
เสียง
...เสียงที่ได้ยินระหว่างเธอและสามี มีแต่เสียงของความโกรธขึ้ง เสียงของการตำหนิติเตียน ไร้ซึ่งสำเนียงของความรัก ทั้งที่เราเองในฐานะคนดูได้ยินเสียงในใจของตัวละครที่ไม่ได้พูดออกมา เราได้ยินเสียงที่เพรียกหาความรัก ความเอาใจใส่ทะนุถนอม แต่นั่นเป็นแค่เสียงที่กักเก็บไว้ในใจ
...เมื่อ เธอ ได้พบกับ เขา ซึ่งเอ่ยถ้อยวจีคำหวานที่มันออกมาจาก เสียงในใจที่โหยหา เทิดทูน โดยไม่ปิดบัง เสียงที่เธอได้ยินเขาพูด จึง เป็นเสียงแห่งความรัก เสียงแห่งความปรารถนา นำพาให้เขาและเธอออกเดินทางไปสู่โลกใบใหม่ด้วยกัน
...หนังทำให้เราได้ยินเสียงตัวละคร มากกว่า เสียงที่ตัวละครพูด เพราะเสียงในเรื่องถูกนำเสนอออกมาเป็น
เสียงที่พูดออกมา - เสียงที่เราได้ยินตัวละครพูด
เสียงที่อยู่ในใจ - เสียงที่ตัวละครไม่พูดแต่เราได้ยินเสียงในใจที่กำลังพูดอยู่
เสียงที่ไม่ได้พูด - ตัวละครไม่พูดให้เราได้ยิน แต่ตัวละครอีกตัวหนึ่งถ่ายทอดให้เราได้รับรู้ ผ่านความคิดที่พูดอยู่ข้างในใจ
ตัวอย่างในเรื่องที่มีเสียงที่ได้ยินจากทั้งการพูดของตัวละครและจากใจตัวละครพร้อมๆกัน คือ ประโยคหนึ่งในรถลีมูซีนที่เธอส่งเสียงให้เราได้ยินระหว่างนั่งอยู่กับสามี
Nobody warned me , nobody said That losing love like being death Or deaf and dumbed and blind and strangled
How could you? In our house?
...ทั้งหมดนี้เป็นเสียงในใจของเธอ แต่ เสียงที่เธอพูดกับสามีเอ่ยออกมาเพียง How could you? In our house?
เสียงที่สามีเธอได้ยินจึงเป็นเสียงของการตำหนิ แต่ เสียงในใจของเธอที่เราได้ยินมันคือเสียงของผู้หญิงที่กำลังจะตายจากความเจ็บปวด
จะเห็นว่าตัวละครในเรื่องทำร้ายกันและกันด้วยเสียงที่พูดออกมา เอ่ยออกมาเป็นคำพูดที่ว่าร้ายต่อกัน แต่เสียงที่อยู่ในใจกลับเก็บงำไว้ไม่เอ่ยออกมา
..ปัญหาของชีวิตคู่ที่เกิดขึ้น มักเกิดจาก เราไม่ค่อยพูดว่า เรารู้สึกอย่างไร มันมักจะเป็นเสียงที่อยู่ในใจแต่ไม่ได้เอื้อนเอ่ย คำพูดที่เราเอ่ยออกมา มักเป็นแต่คำว่าร้าย ตำหนิกันและกัน เป็นเสียงที่มาจากความไม่พอใจ เราไม่พูดว่า ฉันรู้สึก... แต่เป็น ทำไมเธอถึง.. ทั้งที่จริงแล้วมันล้วนมาจากรากของความปรารถนาในใจอันเดียวกัน นั่นคือ ความปรารถนาความรัก ความทะนุถนอม ความเอาใจใส่ ความเป็นเจ้าของ ฯลฯ นั่นจึงเป็นเหตุให้ คนเรา ก่อสงครามระหว่างกัน
...คนเรามักเข้าใจผิดว่า การบอกความรู้สึกในใจ เช่น อ้างว้าง ปวดร้าว ฯลฯ เป็นการเผยให้คนอื่นมองว่าเราอ่อนแอ เราจึงปกป้องความอ่อนแอด้วยการแสดงออกที่รุนแรง นั่นทำให้ การว่าร้าย ตำหนิกัน มันหลุดปากออกมาได้ง่ายกว่า และ เมื่อมันเอื้อนเอ่ยออกมาแล้ว อีกฝ่ายก็ไม่สามารถล่วงรู้ความต้องการและความรู้สึกของเราได้ มันจะเหลือก็แต่การสร้างบาดแผลและรอยร้าวให้แก่กันเท่านั้นเอง
...เสียงถูกนำมาเล่นในอีกหลายๆฉาก ฉากหนึ่งที่ดีที่สุดคือเสียงของป้าที่นอนบนเตียง เป็นฉากที่ดูแล้วเงียบจับใจแต่มิอาจทำให้คนดูละสายตาไปจากจอได้ ภาพ
...ภาพของเขาและเธอ ที่เดินเคียงคู่กันในสวนงดงามดังภาพวาด
...ภาพของเขาและเธอ ในร้านอาหารที่เร่าร้อนด้วยไฟแห่งรักและปรารถนา
...ภาพของเธอและสามีในห้องอาหารที่มีเพียงโต๊ะอาหารกั้นกลางคน 2 คน แต่ดูเหมือนทั้งคู่อย่างห่างกันไกลเกินกว่าจะได้ยินเสียงของกันและกัน
...ภาพของห้องสีขาวที่ข้าวของวางอย่างเป็นระเบียบ กลับไม่ได้ให้ความรู้สึกสะอาดน่าอยู่แต่กลับดูอ้างว้างเงียบเหงา
....ไม่เพียงแค่เสียงที่หนังเล่นกับการสื่อสารออกมา ภาพของหนังก็งดงามไม่แพ้กัน หนังใช้ภาษาภาพถ่ายทอดอารมณ์ความรู้สึกออกมาได้ดีมาก ยอดเยี่ยมตั้งแต่การจัดรายละเอียดหรือตำแหน่งของภาพ เช่น ฉากที่เธอและสามีนั่งบนโต๊ะอาหารที่แสดงถึงความเหินห่างเย็นชาออกมาชัดเจน ลักษณะของภาพที่ถ่ายออกมาให้เราได้เห็น หนังพูดถึง illusion ให้เราได้ยินอยู่ มันหมายถึง ภาพลวงที่บิดเบือนจากความจริง คำว่าภาพลวงบางครั้งมันเกิดจากการที่ภาพนั้นถูกบิดเบือน เช่น ภาพที่หนังถ่ายให้เห็นตัวละครแล้วกล้องค่อยๆเคลื่อนไปถ่ายผ่านแก้วน้ำเราก็จะเห็นภาพของตัวละครนั้นดูเบลอไป หรือ ภาพไม่ได้บิดเบือนแต่การรับรู้ ( perception ) ของเราเองที่บิดเบือน ฉากการล่วงล้ำในร้านอาหารเป็นฉากอีโรติคที่มีเสื้อผ้ามากชิ้นที่สุด แต่เร่าร้อนวาบหวามสวยงาม เป็นฉากที่ Meg ryan ใน When harry met Sally ต้องกลายเป็นเด็กๆ เมื่อ orgasm ในร้านอาหารของ Yes เป็นภาพที่งดงามรัญจวนใจอย่างมีศิลปะ
...หรือปีนี้จะเป็นปีของ Joan allen สองเรื่องติดกันแล้วที่ตัวละครที่เธอเล่นเป็นศูนย์กลางของหนัง และ เธอก็ถ่ายทอดพลังกับเสน่ห์ของอิสตรีออกมาได้อย่างน่าชื่นชม ใน The Upside of Anger เธออาจดูหงุดหงิดเกรี้ยวกราดราวกินยาผิดขนาน แต่ใน Yes เธอกลับดูเก็บกดแต่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ทางเพศที่ล้นทะลักออกมา นิยามที่พบคิดออกขณะดูสำหรับเธอคือ ดูดีและมี passion สองเรื่องนี้เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมและเป็นบทนำที่มีบทแข็งแรงร่วมกับการแสดงที่แข็งแรง ตัวละครที่เหลือก็ล้วนประกบเธอได้อย่างเหมาะสมเข้าคู่กัน แม้ว่าตัวละครของเธอจะเป็นศูนย์กลางและมีการแสดงที่ดึงดูดใจอย่างเหลือเชื่อแต่ตัวละครที่สำคัญที่สุด ที่สรุปเรื่องราวของ Yes ได้ชัดเจนคือ ตัวละคร แม่บ้านคนทำความสะอาด
...หนังทั้งเรื่องมีเพียงตัวละครอาชีพนี้เท่านั้น ที่หันหน้ามามองคนดู ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านคนไหนก็ตามสังเกตได้ว่าก่อนจะจบฉากนั้นไป จะหันหน้ามาสบตากับคนดู และ คนที่สำคัญที่สุดคือคนทำความสะอาดประจำบ้าน ที่ต้องดูแลจัดการสิ่งสกปรกของตัวบ้าน สิ่งสกปรกที่เป็นวัตถุอันเป็นผลพวงมาจากรอยเปื้อนของจิตใจ เธอเป็นเหมือนพิธีกรที่พาคนดูไปพบเรื่องราวของ Yes พร้อมกับออกมาเปิดและปิดหนังด้วย ไดอะล็อคที่สำคัญอย่างยิ่งยวด
... ผู้กำกับ Sally Potter ประมวลเรื่องราวของความรักความปรารถนา การเมือง ความเชื่อและศาสนา ความแตกต่างของชนชั้น มาไว้ในหนังเรื่องเดียวได้อย่างลงตัว แม้จะเป็นเรื่องของความรักแต่หนังสามารถแสดงประเด็นอื่นๆออกมาได้อย่างครบถ้วนไม่ประดักประเดิด เธอผสมผสานตัวอักษรที่เป้นคำพูดบทกวีอันสวยงามกับภาพและเสียงของภาพยนตร์ได้อย่างเหมาะเจาะ แม้บทสนทนาของตัวละครจะพูดออกมาเป็นบทกลอนแต่มันก็ร่วมสมัยและไม่ทำให้คนดูรู้สึกแปลกประหลาดกลับชวนพิศมัยอย่างน่าประหลาดใจ
... ในฉากหนึ่งที่คู่สามี ภรรยา พูดคุยกันเหมือนกับถึงขีดสุดของความอดทน สามีของเธอกล่าวภาคภูมิใจที่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ดีและไม่แสดงอารมณ์ เธอหงุดหงิดรำคาญใจที่เขาไม่แสดงอารมณ์ออกมา ต่างฝ่ายต่างคิดว่าตัวเองทำถูก แต่ในชีวิตคู่เมื่อเกิดปัญหา มันไม่ได้ขึ้นว่าใครถูกหรือผิด มันไม่ได้ขึ้นกับว่าใครวางตัวได้ดีกว่ากัน มันสำคัญที่ว่าทั้งสองฝ่ายจะสื่อสารอย่างไรให้กลับมาเข้าใจกัน การนิ่งเงียบไม่ทะเลาะหรือการเกรี้ยวกราดไม่ได้ให้ผลลัพธ์อะไรที่ดีไปกว่า เป็นการเก็บสะสมบาดแผลของหัวใจ
...เพราะเราไม่พูดกัน มันจึงทำให้เราต้องไกลกันมากขึ้นทุกทีตามกาลเวลา
...เพราะเราไม่เอื้อนเอ่ยเสียงที่ความต้องการที่โหยหาดังก้องในใจ เราจึงได้ยินแต่เสียงที่ว่าร้ายต่อกันตำหนิกันไปมา
...เพราะเราไม่ยอมรับในบาดแผลของความรักและโชคชะตา เราจึงได้แต่กลบเกลื่อนและแสร้งว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นมา
...เราอาจแกล้งลืม เราอาจเดินหนี เราอาจพยายามแก้ไข แต่ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น ทุกสิ่งที่เราทำ ทุกสิ่งที่เราพูด เราไม่สามารถทำให้มันหายไปเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นได้ ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มันไม่มีวันจางหายไป แม้จะพยายามเพียงใด เพียงแต่มันอาจฝังอยู่ในส่วนที่ลึกที่สุด กลายเป็นสิ่งที่เล็กที่สุด แต่ไม่มี การไม่มี ในสิ่งที่ได้เกิดขึ้นแล้ว
.. เปรียบเหมือนหกล้มได้บาดแผล มันก็จะแห้งกรังเป็นแผลเป็น ต่อให้เราลบรอยแผลเป็น มันก็ยังคงเป็นร่องรอยของการลบแผลเป็น ถึงเราจะลบหรือรักษามันอย่างไร มันก็ไม่ใช่ผิวหนังเดิมที่ไม่เคยได้บาดแผลมาก่อน
ดังนั้น ทุกการกระทำและคำพูดของเราล้วนสร้างหลักฐานไว้ในตัวเราและชีวิตคู่เสมอ เมื่อเกิดบาดแผลของความรักแล้วเราทำได้ดีที่สุดคือให้มันเป็นแผลเล็กที่สุด แต่เราไม่สามารถทำให้มันหมดไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราจึงเป็นผู้ที่เลือกได้ว่า จะทิ้งหลักฐานความรักให้หลงเหลือในรูปแบบใด ดังที่แม่บ้านทำความสะอาด หันมาบอกคนดูว่า
That "no" does not exist. There's only "yes"
สิ่งที่ชอบ
1.ภาพ ... ภาพที่ถ่ายทอดออกมาทั้งจากการเลือกวางตำแหน่ง เทคนิคการถ่าย ฯลฯ เป็นเหมือนงานศิลปะที่อยู่บนจอภาพยนตร์ แค่ฉากก็ถ่ายทอดความรู้สึกได้โดยตัวละครไม่ต้องส่งเสียงใดๆออกมา ความเย็นชาที่โต๊ะอาหาร ความต้องการที่ร้านอาหาร ความโรแมนติกที่สวน ฯลฯ ภาพในเรื่องที่เป็นผลงานของ Aleksei Rodionov เป็นผลงานที่ทำให้เขาต้องได้รับคำชื่นชมและเป็นที่จับตามอง
2.เสียง ... เป็นเรื่องที่ผมเห็นว่าหนังใช้ประโยชน์จากเสียงได้คุ้มและน่าชื่นชม ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องเทคนิค ที่มี เสียงพูดจากปากและเสียงในใจ หรือจะเป็น ลักษณะ ที่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นภาษากวี หรือจะเป็น เนื้อความ ที่ยามโรแมนติกก็หวานจับใจ เมื่อเร่าร้อนก็ร้อนรุ่ม เมื่อถกปรัชญาก็ลึกซึ้ง ฯลฯ เสียงของหนังเรื่องนี้จำเป็นต้องใช้สมาธิในการฟัง จึงจะจับเนื้อความทั้งที่ตัวละครพูดและที่ตัวละครไม่พูดออกมา นอกจากเสียงพูดแล้วเสียงดนตรีประกอบของหนังเรื่องนี้ก็ไพเราะเย้ายวนอย่างเหลือหลาย หลังจากผมตกหลุมเสน่ห์ของเส้นเสียงจากดนตรีประกอบของ proof ได้ไม่นาน ไม่น่าเชื่อว่า ผมจะตกหลุมรักดนตรีประกอบอีกครั้งได้เร็วขนาดนี้ โดยเฉพาะ Paru River โดย Philip Glass ที่ละเมียดละไมแฝงรายละเอียดความรู้สึกไว้ในดนตรีเป็นอย่างยิ่ง (คลิกเข้าไปฟังตัวอยางได้ในเว็บของภาพยนตร์เรื่อง Yes)
3. Sally Potter ... ผมชื่นชม Joan allen ผมชื่นชอบตัวละครสาวทำความสะอาดที่เลื้อยมาพูดกับคนดู แต่หากจะมีใครสักคนที่สมควรได้รับคำชมมากที่สุดย่อมต้องเป็น ผู้กำกับ และ คนเขียนบท ซึ่งเป็นคนๆเดียวกันนั่นคือ Sally Potter เธอผสมผสานความสวยงามของตัวอักษรที่เป็นบทกวีมาไว้ในภาพยนตร์ได้อย่างเหมาะเจาะลงตัว กล้าหาญที่จะให้ตัวละครพูดออกมาเป็นภาษากวี เธอฉลาดที่ผสมผสานความเก่าและใหม่ได้อย่างลงตัว
สรุป ... ด้วยความงดงามดังบทกวี จึงทำให้ Yes แตกต่างจากหนังเรื่องอื่นๆ Yes เป็นหนังที่เริ่มเรื่องและปิดเรื่องโดยผู้หญิง กำกับและเขียนบทโดยผู้หญิง ตัวละครหลักเป็นผู้หญิง และ หาก Yes เป็นผู้หญิง เธอก็คือผู้หญิงที่ภายนอกดูเงียบเรียบร้อยแต่แฝงด้วยความเร่าร้อนวาบหวามรัญจวนใจ เธอเป็นผู้หญิงช่างคิดแต่ก็มีความรู้สึกล้นเหลือ เธอเป็นผู้หญิงที่ดูเรียบๆแต่ก็มีเสน่ห์ชวนค้นหา Yes เป็นหนังที่สวยงามทั้งภาพและเสียงคนดูต้องใช้สมาธิพอสมควร เพราะในบางช่วงหากไม่ตั้งใจอาจหลุดและตามไม่ทัน โดยเฉพาะตอนที่ตัวละครพูดคุย Yes อาจเป็นหนังที่สนุกสำหรับบางคนและอาจน่าเบื่อมากมายสำหรับบางคน ความสนุกไม่สามารถนำมาเป็นหลักประกันกับการดูหนังเรื่องนี้ เพราะผมเองก็ยอมรับว่าหลายช่วงไม่ได้สนุกกับตัวหนัง แต่หากถามผมว่าคุ้มค่ากับการเสียเงินหรือไม่? คุ้มค่ากับการเสียเวลาไปดูหรือไม่? ผมชอบมันหรือไม่? มันเป็นหนังดีหรือไม่? ผมตอบได้คำเดียวว่า Yes
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก
รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง
Create Date : 13 พฤศจิกายน 2548 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2548 2:02:25 น. |
|
14 comments
|
Counter : 2650 Pageviews. |
|
|
|
โดย: grappa วันที่: 13 พฤศจิกายน 2548 เวลา:7:50:27 น. |
|
|
|
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:50:32 น. |
|
|
|
โดย: Tai-Sarunya IP: 203.107.203.209 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2548 เวลา:16:40:59 น. |
|
|
|
โดย: ภูสุภา IP: 203.188.59.225 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:11:09 น. |
|
|
|
โดย: azzurrini วันที่: 13 พฤศจิกายน 2548 เวลา:21:20:54 น. |
|
|
|
โดย: 13 พฤศจิกายน 2548 IP: วันที่: 22:28:33 เวลา:58.10.32.151 น. |
|
|
|
โดย: mlin IP: 58.10.185.71 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2548 เวลา:10:36:46 น. |
|
|
|
โดย: quin toki วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:12:24:14 น. |
|
|
|
โดย: ohhh IP: 221.128.88.91 วันที่: 17 พฤศจิกายน 2548 เวลา:14:44:37 น. |
|
|
|
โดย: DeadPoet IP: 203.188.38.220 วันที่: 30 พฤศจิกายน 2548 เวลา:18:52:03 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
- Next , ทรงผมชวนกลุ้มใจกับหนังไซไฟดูเพลินๆ
- Spider-Man 3 , แมงมุมดำตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่ในใจเราทุกคน
- Miss potter , เรื่องของเธอ(พ็อตเตอร์)และผมฯ
- Me...Myself ขอให้รักจงเจริญ , แค่นี้ก็พอแล้ว
- Meet the Robinsons , เมื่อพบความผิดหวังจะโทษโน่นโทษนี่ หรือ เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
- Shooter , หนังแอคชั่นที่ดูจบแล้ว"เออ มันดีแฮะ"
- Hannibal Rising , ความน่าผิดหวังของหนังฮานนิบาล
- Confession of pain , ความแค้นอันแสนเศร้า
- Pans Labyrinth , คือจินตนาการแสนสวยงาม หรือ คือความจริงที่เจ็บปวดและขมขื่น
- The Number 23 , วิเคราะห์สภาพจิตใจผู้หลงใหลเลข 23
- เมล์นรก หมวยยกล้อ , รถเมล์สายนี้ไม่ตลกแต่สนุก
- The Lives of Others , อ๊ะ นี่มัน Infernal affairs เวอร์ชั่นกำแพงเบอร์ลิน
- Sunshine , อาทิตย์สิ้นแสง ชีวิตสิ้นสูญ
- The Fountain , เรารู้จักความตายมากมายแค่ไหนกัน (ศาสนา+จิตวิทยา+วิทยาศาสตร์)
- แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ"แฝด"
- I'm a Cyborg, But That's OK , แต่ I ไม่ค่อย OK
- The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งทีคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
- Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open
- 300 , นี่คือสปาตั้น(โว้ย) ... พลั่กกกกกก
- The Queen , แม้จะเป็นเรื่องของ 'ควีน' แต่นี่คือ การกะเทาะเปลือกเล่าเรื่อง 'คน'
- Rocky Balboa , ชีวิตไม่ได้สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน
- Charlotte's Web , มิตรภาพไม่ได้มีราคา
- The Pursuit of Happyness , ปัญหาชีวิตก็เหมือน รูบิค - ถ้าทำไม่ได้จะ สู้ต่อ หรือ โยนทิ้ง-
- Volver , ความเจ็บปวดของแม่และลูกสาว
- Music and Lyrics , หนังที่น่ารักที่สุดในรอบ(หลาย)ปี
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 , จะสนไปทำไมกับเรื่องอิสรภาพที่ไกลตัว
- Dreamgirls , วันที่ ธุรกิจ กลืนกิน ศิลปะ
- Babel , เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ไปแล้วหรือยัง
- Rough , จาก H2 มาสู่ Touch และได้เวลา Rough
- Curse of the Golden Flower , ความเน่าหนอนฟอนเฟะของสถาบันครอบครัว
- Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus , ความงามที่แตกต่าง โลกที่แตกต่าง
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค1 , ไทยจะสิ้นชาติไม่ใช่เพราะใคร หากมิใช่เพราะไทยด้วยกัน
- Perfume: The Story of a Murderer , ทำความรู้จักและเข้าใจ ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์
- Blood diamond , "ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาฆ่ากันเอง"
- The Black Dahlia , ดอกรักเร่ ที่สวยแค่สไตล์แต่ไร้เสน่ห์
- Night at the Museum , ความบันเทิงสำเร็จรูปที่สนุกเพลินเกินห้ามใจ
- ===== 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2549 =====
- +++ 10 "ฉาก"ประทับใจจาก"หนัง"ปีที่ผ่านมา +++
- ++ ชวนเพื่อนๆมาเลือก 10 ตัวละครประทับใจ จากหนังปีที่ผ่านมา ++
- The Holiday , จะทำอย่างไรในวันที่ใจเจ็บ
- Lucky Number Slevin , ของเค้าดี แต่ ผิดที่ ผิดเวลา
- The King and the Clown , ความรักของตัวตลกบนหลังเสือ
- Déjà vu , เอ๊ะ เราเคยเจอมาก่อนหรือเปล่า
- Death Note 2: The Last Name , ได้เวลาเก็บสมุดคืนเจ้าของ
- Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์
- The Village Album , ถ่ายภาพด้วยหัวใจแล้วบันทึกใส่ความทรงจำ
- 007 : Casino Royale , นี่ซิ เจมส์ บอนด์
- The Prestige , คุณตั้งใจดูอย่างใกล้ชิดแล้วจริงๆหรือ ?
- The Banquet , แฮมเล็ต เวอร์ชั่น ประหารเจ็ดชั่วโคตร
- ผีสามบท บทที่ 3 : เปนชู้กับผี , พอกันที ผีGMO
- ผีสามบท บทที่ 2 : Monster House , บ้านผีสิงที่แสนจะบันเทิงใจ
- ผีสามบท บทที่ 1 : The Grudge 2 , ปัญหาของ ป๋า กับ เด็กผี
- The Guardian , "สถิติ" ไม่สำคัญเท่า "ทัศนคติและเจตคติ"
- หมากเตะรีเทิร์นส , หมากเกมส์นี้ น่าจะดีได้มากกว่านี้
- 12 เกมสยาม +13 เกมสยอง , มันไม่ใช่แค่เกม
- Cars , 20 ปีของ Pixar กับเรื่องของ "คาร์" (ซึ่งก็คือเรื่องของ "คน")
- The Devil Wears Prada , (จากหนังสือมาเป็นหนัง) ร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
- Death Note , สมุดเล่มนี้ ดี จริงหรือ?
- L'Enfant (The child) , เด็กไม่รู้จักโต
- World Trade Center , เป็น"ฮีโร่"ไม่ได้วัดกันที่ผลลัพธ์
- The Host , สัตว์ประหลาด สนุกประหลาด
- Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
- Me and You and Everyone We Know , เราอยู่ร่วมกัน เรารู้จักกัน แต่เราไม่เชื่อมต่อถึงกัน
- Snakes on a Plane , ที่อยากไปดูก็เพราะ "งูบนเครื่องบิน"
- United 93 , ทรงพลัง และ สะเทือนใจ
- Running boy (Marathon) , ทุกชีวิตล้วนมี"หัวใจ"
- โคตรรักเอ็งเลย , เกือบโคตรรัก "โคตรรักเอ็งเลย"
- Sad movie , แม้รักต้องพลัดพรากก็ยังฝากความทรงจำอันงดงาม
- The Break-Up , วิธีทำลายชีวิตคู่ตัวเองให้ย่อยยับ
- แก๊งชะนีกับอีแอบ , หนัง comedy ไทยดีๆยังมีอยู่
- Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest , "สลัด"จานนี้รสชาติดีเพราะ"Johnny Depp"
- Tsotsi , พื้นฐานจิตใจมนุษย์เป็น สีขาว หรือ สีดำ
- Superman Returns , ทำไมโลกใบนี้ยังต้องการ Superman ?
- Silent Hill , ของดีที่อยู่ในมือพ่อครัวขาดฝีมือ
- over the hedge , บทเรียนชีวิตเรื่องมิตรภาพและครอบครัว
- Don't tell , แผลในใจแค่"ลืม"คงไม่พอ
- Slither , คูลฟีเวอร์สีเลือด เชือดมนุษย์โลก
- The Omen , ซาตานอยู่รอบตัวเรา
- Scary movie 4 , ผ่านมา --> ฮา --> ผ่านไป
- Paradise now , สวรรค์อยู่หนใด
- X-Men: The Last Stand , X = mutant , รักร่วมเพศ , คนผิวดำ , ยิว ฯลฯ
- ก้านกล้วย , "ช้างกูอยู่ไหน" >> "ช้างกูอยู่นี่"
- The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน
- Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
- Poseidon , จมเร็ว จบเร็ว
- Match point , เกมส์กิเลสของคนเห็นแก่ตัว
- Mission: Impossible III, ภารกิจสุดมันส์ที่ขาดเสน่ห์
- Perhaps love , รักซ้อนรัก หนังซ้อนหนัง อดีตซ้อนปัจจุบัน
- Ice Age: The Meltdown , ได้เวลายุคน้ำแข็งครองเมือง
- Red lights , ผู้ชายไม่รู้ตัว ผู้หญิงไม่รู้ใจ
- Failure to launch , Success to love
- Inside man , คน(ดี/ชั่ว) ใน คน(ดี/ชั่ว)
- Where the Truth Lies , ความจริงนอนนิ่งอยู่ที่ใด ?
- โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง , ฮาน้อยกว่าที่คิด มีสาระมากกว่าที่หวัง
- My girl and I , รักครั้งแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล
- V for Vendetta , เผด็จการรัฐสภา VS. พลังประชาชน
- A History of violence , มาทำความรู้จัก "ความรุนแรง" กัน
- Final Destination 3 , เหล้าเก่าในขวดเก่า
- The Constant Gardener , ในความลับมีความจริง ในความจริงมีความรัก
- คำพิพากษาของมหาสมุทร (Invisible Waves) , คลื่นบาปที่นิ่งสงบ
- Walk the line , มิตรภาพในความรัก
- เด็กหอ , หอนี้มีดีกว่าผีหลอก
- Brokeback Mountain , รักซ่อนเร้น
- Munich , ผลของการสาดน้ำมัน(ความรุนแรง)เพื่อดับไฟ(แค้น)
- Memoirs of a Geisha , ชาเขียวสำเร็จรูปที่ผสมน้ำมากไป
- Prime , รักคงยังไม่พอ
- An Unfinished Life , ชีวิตที่หยุดเดิน
- In Her Shoes , หากเปรียบรองเท้าคือชีวิต
- Just Like Heaven , เมื่อพื้นที่ของชีวิตไม่เหลือเผื่อให้ความสุข
- The Promise , คำสัญญา ชะตากรรม ความรัก
- 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ (ของปีที่ผ่านมา)
- 10 ฉากประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- 10 ตัวละครประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe , ส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทุกครัวเรือน
- April Snow , บางครั้งความรักก็เจ็บปวดโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
- King Kong , แล้ว "ลิงยักษ์" ก็ตกหลุม "รักหญิง"
- The Descent , ถึงถ้ำ ถึงเลือด ถึงเนื้อ ถึงกระดูก
- The Maid , ผีสิงคโปร์
- The Exorcism of Emily Rose , ผีเข้า(ศาล)
- Hidden (Caché) , ความจริงที่ซุกซ่อน (ในหนังที่ยอดเยี่ยม)
- Chicken Little , กุ๊กไก่ของ Disney ที่ไร้เงา Pixar
- Nana , โลกของนานะ โลกของความรัก ความฝัน และ มิตรภาพ
- เด็กโต๋ , สายธารชีวิตแห่งบ้านแม่โต๋
- Harry Potter and the Goblet of Fire , กีฬาสีสามสถาบันกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ดีที่สุด
- Corpse Bride , รักไม่มีวันตาย
- Yes , บทกวีอีโรติค ความรัก การเมือง และ การมีตัวตน
- รับน้องสยองขวัญ , หายใจเข้าก็ เฮ้อ หายใจออกก็ เฮ้อ
- Lord of War , นิ้วที่ลั่นไกจากมือที่มองไม่เห็น
- Saw II , สยองอย่างมีประเด็น
- Goal! , ประตูชัย(goal)เป้าหมายชีวิต
- Proof , ชีวิตที่สับสนของคนที่สูญเสีย
- The Legend of Zorro , ฮีโร่ที่ย่ำอยู่กับที่
- Flightplan , ขึ้นได้สูง บินได้สวย ลงไม่นิ่ม
- Sky High , อยากจะเป็น hero ที่ "เปลือก" หรือที่ "แก่น"
- A Sound of Thunder , เรื่องราวอยู่ในโลกอนาคต ตัวหนังอยู่ในโลกอดีต
- Red Eye , ไม่ใช่แค่ Fight or Flight แต่ยังเป็น Fight on Flight
- เพื่อนสนิท , เมื่อเส้นแบ่งของ "คนรัก" กับ "เพื่อน" เริ่มเลือนราง
- Transporter 2 ควบ Into the Blue , ขึ้นรถดีกว่าลงเรือ
- Madagascar , มิตรภาพกับการเรียนรู้ชีวิต และ นกเพนกวิน
- Cinderella man , Jim Braddock ชายที่ไม่ได้เป็นแค่นักมวย
- Dear Frankie , คำลวง ความรัก ครอบครัว
- Dark Water , ความสัมพันธ์แม่-ลูก-ผี (จากหนังสือสู่ภาพยนตร์)
- Seven Swords , ... ที่ควรยาวกลับสั้น ที่ควรสั้นกลับยาว ...
- แหยม ยโสธร , ขำขำ - หม่ำ - อะฮึ่ย อะฮึ่ย
- Charlie and the Chocolate Factory , Imagination is more important than knowledge
- The Skeleton Key , ไขได้ดีพอสมควร
- About Love , เรื่องราวที่ "เกี่ยวกับ "รัก""
- 5x2 , สมการความรักของคน 2 คน
- ต้มยำกุ้ง , อร่อยรสแซ่บชามโตเกินมาตรฐานแต่อาจไม่ผ่านเชลล์ชวนชิม
- Somersault , ความรัก - Sex - เด็กสาวและความทุกข์ทรมานใจ
- The Upside of Anger , เรื่องหนักๆของครอบครัวที่เล่าอย่างเบาๆ
- Land of the Dead , หนึ่งเรื่องราวของซอมบี้ที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง
- Crash , ผลกระทบของการชนที่"คน"มีต่อกันและกัน
- วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น , หนังครอบครัวสำหรับคนไทยที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
- The Island , โลกอนาคตและโคลนนิ่งฉบับระเบิดเถิดเทิง
- The Keys to the House , "บ้าน"หลังนี้จะมีความรักเป็น"กุญแจ"
- The Longest Yard , เกมส์เก่าเอามาเล่าใหม่ใช้วิธีการเดิม
- Fantastic Four , ความสนุกสูตรสำเร็จที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูเพลิน
- War of the Worlds , เมื่อสปีลเบิร์กเลิกรักมนุษย์ต่างดาว
- Swing Girls , สวิงกันแบบคึกคัก สดใส ไร้มลพิษ
- Hotel , โรงแรมที่ไร้เรื่องราว
- Assault on Precinct 13 , อีกหนึ่งความจนตรอกที่ระทึกคุ้มค่า
- Batman Begins , ปฐมบทแรกบินกับการตีความครั้งใหม่
- Mr. and Mrs. Smith , เรื่องราวชีวิตคู่ที่สวมเสื้อคลุมหนังแอคชั่น
- มหาลัย' เหมืองแร่ , เหมืองแร่และชีวิตกับหน่วยกิตที่ต้องขุด
- House of Wax , ความสยองที่แปลกตากับหุ่นขี้ผึ้ง สองดาราและหนึ่งปารีส
- Sin city , ฟิล์มนัวร์ที่ลงตัวและเจ๋ง
- Star Wars: Episode III Revenge of the Sith , การปิดตำนานและการเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์
- The Jacket , การเดินทางข้ามเวลา ความหลอนและวงจรชีวิต
- A Lot Like Love , รักด้วยใจแต่ตัดสินใจด้วยสมอง
- เฉิ่ม... , คุณ"สมบัติ" อาจไม่ "ดีพร้อม"แต่ก็ดีเพียงพอ
- Be With You , ความสุขของฉันคือ"การได้อยู่กับคุณ"
- Hostage , เหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ไม่น่าผิดหวัง
- Kingdom of Heaven , สงครามครูเสดครั้งนี้ดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่น่าเสียดาย
- Spanglish , เรื่องราวที่กระจัดกระจายแต่ให้แง่มุมหลากหลายในครอบครัว
- Guess Who , เสียงฮาจากความแตกต่างและBernie Mac
- The Interpreter , ทริลเลอร์ที่ดี(แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น)
- Hide and Seek , มีปมที่ดีแต่มีบทที่อ่อน
- The Chorus (Les Choristes) , ง่ายๆแต่ได้ใจ
- Hitch , สนุก น่ารัก ขำขำ รู้สึกดี
- Sahara , หนังสนุกแค่เป็นช่วงๆหรือผมง่วงกันแน่
- Boogeyman , ตื่นเต้นตกใจ แต่ อะไร ยังไง ทำไม?
- Tokyo Godfathers , การตามหา"ครอบครัว"ที่สนุกมากๆ
- บุปผาราตรี เฟส 2 , เมื่อบุปผาเริ่มร่วงโรย
- Dont move , นอกจากตัดสินใคร คุณเข้าใจใครคนนั้นดีแล้วหรือยัง?
- Crying Out for Love, In the Center of the World , ความทรงจำและเทปคาสเสตต์/ความรักและใจกลางโลก
- The Ring Two , ไม่สมศักดิ์ศรี "The Ring"
- A Very Long Engagement , หนังที่มากไปด้วยความทะเยอทะยาน
- Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events , การดัดแปลง"โชคร้าย"ที่ทำได้"ดี"
- Hana & Alice , มิตรภาพ ความรัก ความทรงจำ
- Hotel Rwanda , หนังที่ให้คนดูมากกว่าความเป็นหนังดี
- In Good Company , ผู้ชายขาขึ้นกับผู้ชายขาลง
- Being Julia , โลก(ของจูเลีย)คือละคร
- หลวงพี่เท่ง , เรื่อยๆขำๆพอไปวัดไปวา
- Sideways , รักนุ่มๆชุ่มไวน์ในวันเบาๆ
- Million Dollar Baby , ความยอดเยี่ยมท่ามกลางศรัทธาและความอบอุ่น
- Constantine , "คนเห็นผี"ปราบลูกปีศาจ
- Shall we dance , คุณเต้นรำกับคู่ของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไร
- Finding Neverland , งดงามเหลือเกิน
- Kung Fu Hustle , ตลกน้อย สนุกมาก และลงตัว
- 2046 , ไปแล้วอย่าลืมกลับมา
- Ray , มีดีที่Jamie Foxx
- The Phantom of the Opera , ภายใต้หน้ากากมีเพียงความว่างเปล่า
- โรงเตี๊ยม , มีอะไรดีๆกว่าที่คิดและโฆษณา
- Meet the fockers , เรื่องของหนังตลกและครอบครัว
- Closer , เมื่อความรักถูกสำรวจและตีแผ่ผ่านตัวละคร
- The Aviator, .....And this is Howard Hughes
- The Forgotten, ไม่มีอะไรน่าจดจำ
- Birth , ยอดเยี่ยมในความหนักแน่นและเนิบนาบ
- ****1ปีที่ผ่านมา ฉากใดในหนังที่คุณประทับใจ ****
- 5หนังชอบ กับ 5หนังไม่ชอบ ของคุณในปี2547คือ....,
- National Treasure, เมื่อBruckheimerมาสร้างDavinci's code
- The Polar Express, ตื่นตาแต่ไม่ตื่นใจ
- แจ๋ว, แจ๋วน้อยกว่าที่หวัง
- Bridget Jones 2, รู้จักเธอมากขึ้นและรู้สึกดีกว่าที่คิด
- The Incredibles, ครอบครัวหรรษา
- ขุนกระบี่ ผีระบาด, กล้าที่จะบ้า ก็กล้าที่จะดู
- Ocean's Twelve, หนังขาย"เสน่ห์ดารา"
- หมานคร, เมืองนี้ภาพสวย+เพลงเพราะ+ประหลาดและยาก
- กั๊กกะกาวน์, "ใจ"คุณเต้นอย่างไรเมื่อคุณมีความรัก
- Alexander, ดราม่าชั้นดีแต่ความสนุกเป็นระลอกคลื่น
- Wimbledon, For love of the game+NottingHill+ภราดร
- Love me if you dare, หนังรักแปลกกับความรู้สึกก้ำกึ่ง
- Cellular, สนุกเป็นบ้า แอคชั่นแอบฮา
- Saw, OldBoy+Cube+ฆาตกรโรคจิต
- Ladder49, สิงห์ผจญเพลิงชื่อฮัวควิน ฟีนิกซ์
- The Grudge, เมื่อ"เด็กผี" go inter เป็น "โคตรผีดุ"
- Dodgeball, ฮาน้อยกว่าที่หวังแต่สนุกกว่าที่คิด
- Sky Captain and The World of Tomo, หนังไซไฟสไตล์"ฟ้าทะลายโจร"
- Resident Evil 2, อลิซเท่+เนเมซิสเห่ย+จิลเฉยๆ
- Shark Tale, คุณเป็น"somebody"แล้วหรือยัง
- สายล่อฟ้า, ความเป็นตัวตนที่ชัดเจนกับความสนุกกลางๆ
- Shutter กดติดวิญญาณ, นานๆทีจะมีหนังผีไทยดีๆให้ดูกัน
- The Terminal, น่ารัก นุ่มนวล และสนุกกว่าที่คิด
- Wicker park( spoilแล้วจะบอก), ลุ่มหลง คลั่งไคล้ หลอกลวงและความรัก
- Eternal sunshine รอบ2, ความอภิรมย์ที่มากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
- EternalSunshineOfTheSpotlessMind, คุณเคยอยากจะลืมบางสิ่งในชีวิตคุณบ้างไหม
- Three Extreme, อึดอัด ขยะแขยง รุนแรง และผิดหวัง
- Man on fire (no spoil), คนจริงเผาแค้น เผานานจนผมเกือบหลับ
- Bourne Supremacy, มันต้องให้ได้ยังงี้ซิ ต้องยังงี้ซิ
- Collateral...., it started like any other night
- Windstruck, งานมือตกของกวัก แจ ยอง
- งานของ M. Night Shyamalan, 6th sense/Unbreakable/Sign/และTheVillage
|
|
|
|
|
|
|
|
ดูรูป และอ่านกระโดดๆ
น่าสนใจดี จะไปหามาดู
แล้วกลับมาอ่านวิจารณ์ใหม่