www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

Meet the Robinsons , เมื่อพบความผิดหวังจะโทษโน่นโทษนี่ หรือ เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป



...เวลาอ่านข่าว คนอกหักเพราะถูกปฏิเสธหรือถูกทิ้ง แล้วตัดสินใจทำร้ายตัวเองหรือฆ่าตัวตาย ทำให้อยากพาพวกเขาหรือเธอเหล่านั้น มาดูชีวิตของ ลูอิส พระเอกหนุ่มน้อยของเราในหนังเรื่องนี้

ลูอิส เป็น เด็กกำพร้า แม่เขาอุ้มมาทิ้งไว้หน้าสถานรับเลี้ยงเด็กตั้งแต่เขายังแบเบาะ

ชีวิตของ ลูอิส ไม่ได้เผชิญกับการถูกทิ้งจากแม่แค่ตอนแรกเกิดครั้งเดียว เขาเติบโตมาพร้อมกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า เมื่อในชีวิตวัยเด็กอย่างเขา ถูกปฏิเสธ(reject)กว่าหนึ่งร้อยครั้งในรอบ 12 ปีสำหรับการรับเป็นลูกบุญธรรรม

ถ้าจะว่ากันตามทฤษฎี เด็กที่ถูกทอดทิ้ง เด็กที่เติบโตมาการถูกปฎิเสธ เด็กที่เติบโตมาพบการสูญเสียในชีวิตซ้ำๆ เป็นความเสี่ยงต่อการเจ็บป่วยของจิตใจ เช่น เป็นเด็กมีปัญหา เป็นเด็กซีมเศร้า

เด็กกำพร้า หลายคนเติบโตมาด้วยปมของการไม่เป็นที่รัก ปมของการโดนทิ้ง

บางคนจึงเลือกที่จะพยายามทำตัวให้คนรักในทางที่ผิดๆ หรือ บางคนก็เกลียดชังผู้คน

แต่ลูอิส ไม่เป็นเช่นนั้น

Ego ของเขาแปรเปลี่ยนความผิดหวัง ความน้อยใจ ไปในเชิงสร้างสรรค์ (sublimation)ที่จะทำให้คนยอมรับ



เขาเติบโตมาพร้อมความเป็นนักประดิษฐ์ ความช่างคิดของเขาสร้างอุปกรณ์มากมาย เพื่อหวังสร้างความประทับใจให้กับคนที่มารับอุปการะ แต่ท้ายที่สุด ความพยายามเหล่าน้นก็ไม่ทำให้คนหันมาสนใจ

ทุกคนเดินจากไปชีวิตของ ลูอิส

...ตัวละครเจ้าหน้าที่บ้านเด็กกำพร้าเป็นตัวละคร ที่คนมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลเด็กๆน่าจะได้ดูเป็นตัวอย่าง ถึงการเป็น บุคคลที่มีความเห็นอกเห็นใจ(empathy)และเข้าใจเด็กๆ เธอเข้ามาปลอบใจลูอิสว่า

ไม่ใช่เขาที่ไม่ดี เพียงแต่ ไม่มีใครเหมาะสมเท่านั้นเอง


หลายครั้งที่เราจะนึกว่า การที่ไม่มีใครเลือกเรา แฟนไม่รัก กิ๊กชิ่งหนี แล้วจะด่วนตีความว่า เราไม่ดี ทั้งที่จริงแล้ว มันไม่เกี่ยวกับความดีหรือไม่ดีเลย เพียงแต่ ยังไม่มีใครเหมาะสมก็เท่านั้นเอง

คุณค่าของเราไม่ได้ขึ้นอยู่กับ การถูกเลือก หรือ ไม่ถูกเลือก


ปมในจิตใจ ผลักดันให้ลูอิส สร้างสิ่งประดิษฐ์ที่เลิศล้ำ เครื่องที่สามารถโชว์ภาพจากอดีต ที่เขาจะได้เห็นหน้าแม่ เขาตั้งใจว่า ถ้าได้เห็น เขาจะเดินทางตามหาและจะได้มีครอบครัวอย่างที่ฝัน

ก่อนที่สิ่งประดิษฐ์มหัศจรรย์เกิดขึ้น ก็เกิดเหตุน่าตื่นเต้น เมื่อ ชายหน้าตาโรคจิตดูติงต๊องโผล่มาจากโลกอนาค หมายที่จะขโมยเครื่องนี้ และ มีเด็กหนุ่มอีกคนที่ตามมาช่วยเหลือ

การมีตัวละครตาลุงคนนี้เข้ามา ทำให้เรามองเห็น ชีวิตของคนสองคนที่มีจุดเริ่มต้นเหมือนกัน แต่ใช้ชีวิตที่ต่างกัน



...คนสองคนที่เริ่มต้นจากจุดเดียวกัน การเป็นเด็กกำพร้า เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการ

ทั้งคู่มีอดีตที่ขมขื่น

แต่มีใครหรือ ที่ชีวิตนี้ ไม่เคยมี ความทรงจำที่เลวร้าย

เราทุกคนล้วนมี’อดีต’บางอย่างที่เจ็บปวด มี’อดีต’บางส่วนที่ไม่น่าจดจำ


บางคนเลือกเดินข้างหน้าต่อไป สร้างวันใหม่ๆด้วยตัวเอง แต่ หลายคนเลือกจมอยู่กับอดีต และ โทษคนนั้นคนนี้ตลอดเวลา


อดีต มีประโยชน์ในการใช้เป็นประสบการณ์และบทเรียน แต่หลายคน กลับใช้อดีตให้เป็นโทษ ด้วยการจมอยู่กับอดีตและมัวแต่นั่งโทษโน่นโทษนี่ คนกลุ่มนี้ก็จะมีชีวิตจมอดีตในเวลาปัจจุบัน ในขณะที่คนเลือกก้าวไปข้างหน้านั้น ย่อมสามารถสร้างปัจจุบันและอนาคตได้ดั่งต้องการ

...อย่าลืมว่า คนเราเปลี่ยนแปลงอดีตไม่ได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลง ผลกระทบ(impact)ของอดีตที่มี ได้

หากบรรพบุรุษของเรามัวแต่นั่งบ่นตีโพยตีพาย คงไม่มีแผ่นดินให้เราอยู่อาศัย


...และเมื่อโอกาสอยู่ตรงหน้า

ลูอิส เลือกได้ทั้งการย้อนกลับไปแก้ไขอดีต หรือ การขอไปอาศัยร่วมกับครอบครัวคนอื่นในโลกอนาคต หรือ สุดท้ายตัดสินใจอยู่กับปัจจุบันแล้วสร้างอนาคตครอบครัวด้วยตัวเอง

แน่นอนคงไม่ใช่เรื่องยากที่เราจะเดาว่าเจ้าของคติพจน์ moving forward จะเลือกทางใด



...เมื่อลูอิสได้พบกับครอบครัวหนึ่งในอนาคต เขาพบกับเรื่องประหลาดใจ เมื่อทุกคนในครอบครัวนั้น ยืนปรบมือให้กับความล้มเหลวของการซ่อมสิ่งประดิษฐ์ของ ลูอิส



ฉากนี้ได้ใจผมมากๆ

...เพราะทุกวันนี้ เราเน้นสอนให้ คน ประสบความสำเร็จ และ เราก็ใช้ชอล์กแบ่งคนที่ไม่ประสบความสำเร็จ ให้ไปยืนอยู่ฝั่ง คนล้มเหลวหรือคนพ่ายแพ้

ผู้คนจำนวนมากที่ไขว่คว้าใช้ชีวิตเพื่อมุ่งหาความสำเร็จอย่างเมามัน และ คนที่ไปไม่ถึงนั้น หลายคนก็จมปลักกับตีค่าตัวเองต้อยต่ำติดดิน

เราไม่เคยเรียนรู้ว่า ความสำเร็จให้เราแค่คำชมเชย แต่ความสำเร็จไม่ได้ทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนแปลง สำเร็จไปมันก็งั้นๆ ตรงกันข้ามกับ ความล้มเหลว ที่ช่วยให้เราเรียนรู้

เช่นเดียวกับ ความผิดหวัง ก็ทำให้เราเติบโต

ลูอิสได้อะไรไปมากมาย พร้อมๆกับคนดู


...Meet the Robinsons เป็นผลงานแอนิเมชั่นสามมิติ ชิ้นที่สองของดีสนี่ย์ หลังจากประกาศหย่าขาดจาก Pixar ผลงานชิ้นแรกที่เป็นแอนิเมชั่นสามมิติอย่าง ไก่น้อย(Chicken little) ประสบความสำเร็จพอตัว แต่ ผมกลับมองว่า ไก่น้อย คือ แอนิเมชั่นที่ห่างไกลจากงานระดับมาตรฐานของ pixar เสียด้วยซ้ำ

เพราะ ไก่น้อย อาจจะมีภาพที่งดงามใกล้เคียงกับพิกซ่า มีตัวละครที่ดูเด่นอย่างไก่ แต่ ตัวหนังแล้วกลับแห้งแล้งจิตวิญญาณความรู้สึกเหลือเกิน ฉากชวนซึ้งก็ทำได้แค่เกือบๆ แต่ ผลงานชิ้นนี้เป็นการพัฒนาที่ดีขึ้นกว่างานที่แล้วหลายเท่า



งานด้านภาพสีสันอาจไม่จัดจ้าน แต่ภาพในหนังก็ดูเนียนตา ยิ่งฉากเคลื่อนไหวยิ่งดูไหลลื่น เช่น ฉากไดโนเสาร์ถล่ม เป็น ฉากที่ผสมผสานความสามัคคีเข้าไปในจังหวะแอคชั่นได้มันส์และสนุกดี

กระนั้นก็ดี ยังมีจุดอ่อนเดิมๆที่ ทำให้ ดิสนี่ย์ ตามหลัง พิกซาร์ หลายก้าว นั่นคือ ดีสนีย์ยังไม่สามารถสร้างคาแรกเตอร์ตัวละครให้ติดตาคนดู ทั้งสองเรื่องนี้ แม้ภาคนี้จะมีตัวละครมากมาย ทั้งลุง ป้า น้า อา ฯลฯ มีตัวละครประหลาดๆเช่น เจ้าหนวดปลาหมึกยักษ์ ฯลฯ แต่ส่วนใหญ่ค่อนข้างไร้เสน่ห์และราบเรียบ โดยเฉพาะตัวพระเอกของเรื่อง (ตัวขโมยซีนจริงๆคือ ไดโนเสาร์ กับ กบโดนสะกดจิต)

จุดที่อาจทำให้แอนิเมชั่นสามมิติเรื่องนี้ เจาะกลุ่มคนดูได้ไม่มากพอ เพราะ เด็กเล็กๆมีสิทธิดูไม่รู้เรื่องเท่าไหร่ เนื่องจาก หนังไม่ได้เดินไปข้างหน้าอย่างเดียว แต่มีเดินหน้าถอยหลัง แถมยังมีหักมุมเล็กๆให้เซอร์ไพรส์ จนทำให้คุณพ่อคุณแม่ต้องทำงานหนักหน่อยในการอธิบาย

แต่สำหรับคนดูวัยผู้ใหญ่ บทหนังย้อนเวลาไปมานี้คงไม่ใช่ปัญหา มิหนำซ้ำยังเป็นจุดเด่นของหนังด้วย ที่การย้อนเวลาในหนังเป็นทั้งจุดที่ซ่อนปมประหลาดใจ และ ใช้เพื่อรองรับข้อคิดที่หนัง หนังอาจไม่ได้มีมุกตลกแบบฮาก๊าก แต่ หนังก็เล่าเรื่องได้เพลิดเพลินพอตัวโดยมีมุกตลกหยอดสอดแทรกเป็นช่วงๆให้พอยิ้มๆขำๆหอมปากหอมคอ

บทหนังยังแม่นยำในการนำเสนอ ประเด็นที่ตัวเองจะเล่า โดยไม่ได้มีแค่ประเด็น ความเป็นครอบครัว อย่างเดียวที่หนังนำเสนอ การแสดงความเข้าใจและหยิบความเป็น เด็กกำพร้า มาเล่าเรื่องเพื่อขยายประเด็น keep moving forward ก็ทำออกมาได้ดี โดยเฉพาะผ่านการเล่นเรื่องย้อนเวลาและเล่าเปรียบเทียบตัวละครสองคน

สิ่งที่ชอบ

1.ข้อคิดของหนัง ... หนังมีข้อคิดดีๆที่คนดูผู้ใหญ่หลายๆคนสามารถดูแล้วหยิบไปใช้กับตัวเอง เป็น ข้อคิดที่ไม่ได้ซ้ำซากและนำเสนอได้อย่างมีชั้นเชิงผ่านการเล่าเรื่องดีๆในบทภาพยนตร์

2.บทหนัง ... นอกจากข้อคิดดีๆแล้ว อาจไม่แปลกใหม่สำหรับหนังทั่วๆไป แต่ สำหรับการเป็นหนังแอนิเมชั่น ถือว่าแปลกใหม่ในการเล่าเรื่องและมีความซับซ้อนแถมยังคลี่คลายปมตอนจบในฉากเฉลยตอนท้ายได้อย่างน่าประทับใจ

3.ซับไตเติ้ลไทย ... ถ้าจำไม่ผิดจะเป็น คุณธนัชชา แปลเรื่องนี้ได้ถูกใจเลือกคำได้อารมณ์ดีจริงๆ

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ตัวละครที่ไร้เสน่ห์ ... ดิสนี่ย์คงต้องทำการบ้านให้หนักกว่านี้ หากคิดจะหย่าขาดจากพิกซ่าร์จริงๆ ในการสร้างลักษณะตัวละครให้มีสเหน์น่าจดจำ อย่างในเรื่องนี้ เต็มไปด้วยตัวละครเป็นสิบๆ แต่มีแค่ไม่กี่ตัวที่ทำให้คนดูประทับใจ

สรุป ... หากหนังไม่ทำเงินมาก หนังตัวอย่างคือหนึ่งในส่วนที่ต้องรับผิดชอบอย่างหนัก เพราะหนังตัวอย่างเรื่องนี้ทำให้ผมไม่คิดอยากดูแม้แต่นิดเดียว ด้วยมองว่าน่าจะเป็นหนังแอนิเมชั่นบ้านๆสำหรับเด็กๆเล็กๆดูเอาเพลิน ทั้งที่ตัวหนังจริง เป็นแอนิเมชั่นสามมิติดีๆอีกเรื่องหนึ่ง ที่ไม่ควรพลาดเป็นอย่างยิ่งสำหรับคอแอนิเมชั่น หนังอาจไม่ท๊อปฟอร์มในระดับแนวหน้าของพิกซ่าร์ แต่ว่า ด้วยภาพที่เนียนตากับข้อคิดที่โดดเด่น ร่วมกับการเล่าเรื่องที่มีลูกเล่น ก็มีดีมากพอต่อการรับชมอย่างแน่นอน

ป.ล. ได้ดูหนังสั้นก่อนเข้าโรงของดีสนี่ย์เรื่องนี้ ชวนให้คิดถึง เสน่ห์เก่าๆของ มิคกี้ มินนี่ โดนัล ดั๊ก และ พลูโต เสน่ห์ที่ภาพก็ไม่ได้มีความวิจิตรพิสดาร เนื้อหาก็เรียบง่าย แต่ สามารถทำให้คนดูยิ้มไปสนุกไปชนิดลืมวัยเลยทีเดียว ได้ข่าวว่าจะมีการรื้อตัวละครรุ่นนี้มาทำแอนิเมชั่นจอยักษ์อีกครั้ง จึงตั้งหน้าตารอลุ้นดูอย่างใจจดใจจ่อ


ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่คือการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป หาไม่เจอถามจากพนักงานขายได้เลยจ้า)






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 26 เมษายน 2550
Last Update : 26 เมษายน 2550 3:38:58 น. 17 comments
Counter : 5528 Pageviews.

 
เสียดาย หนังเข้ามาฉายได้แบบเงียบมากๆๆๆๆๆๆ


โดย: ฟ้าดิน วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:3:59:29 น.  

 
หนังตัวอย่างดูไม่ค่อยหน้าดูเท่าไหร่เลยค่ะ แต่เห็นหลายคนพูดว่าดี (ขนาดนักวิจารณ์เมืองนอกยังชม) ก็คงจะไปดูเร็วๆ นี้ ถ้ายังไม่รีบด่วนลาโรงซะก่อนนะคะ


โดย: Wisther วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:10:06:39 น.  

 
+ หนังเข้าฉายได้เงียบใกล้เคียงกับตอนที่เรื่อง Flushed away เข้าเลยทีเดียว (ส่วนนึงคงเป็นเพราะกระแสจากเมืองนอกก็ไม่ค่อยแรงเท่าที่ควรด้วย) ... ทั้งๆ ที่เป็นหนังอนิเมชั่นที่ดี (และผมก็ชอบ) ทั้ง 2 เรื่อง เรื่องแรกนั้นผมฮามั่กๆ และชอบมุกตลกอารมณ์อังกฤษขำๆ หลายๆ แก๊กที่ใส่เข้ามา ... ส่วนเรื่องนี้ ถึงแม้จะไม่ฮามากมายเท่ากับเรื่องแรก แต่บทหนังก็มีลูกเล่นและแง่คิดให้กับคนดู (ถึงแม้จะไม่แปลกใหม่มากนัก) พอสมควรเลยทีเดียว ... และกบร้องเพลงในเรื่องนี้ ทำให้ผมนึกถึง Flushed away ด้วยเช่นกัน เพราะเรื่องนั้นก็มี 'ทากร้องเพลง' กับ 'กบนักสืบ(ฝรั่งเศส)' อ่ะครับ
+ ในส่วนคาแรคเตอร์ ที่คุณ จขบ. บอกว่าไม่โดดเด่น ผมว่าน่าจะเป็นเพราะตัวเอกและตัวรองเพื่อนพระเอก แลดูเป็นเด็กบ้านๆ เหมือนกับเด็กทั่วไป (ถึงแม้จะมีลักษณะพิเศษอยู่ก็ตาม) ... แล้วก็มีคาแรคเตอร์รองๆ อื่นๆ อีกมากมาย ก็เลยทำให้คาแรคเตอร์ทั้งหมด ไม่มีตัวไหนเด่นจนโดดออกมาให้เป็นที่จดจำกระมังครับ
+ ชอบการเขียนบท ให้ตัวร้าย (ซึ่งดูติงต๊องเหลือเกินในตอนแรก เลยสงสัยว่าเค้าร้ายได้ยังไง) เป็นตัวละครที่มีปมในใจ ซึ่งเซอไพรซ์ผมได้เลยนะครับนั่น ไม่คาดคิดมาก่อนอ่า ... และพอไปโยงกับหมวก ที่ต่างคนต่างมีจุดมุ่งหมายในการ "แก้แค้น" มันก็เลยดูสมเหตุสมผลขึ้นมา
+ ใช่ครับ ถ้าจำไม่ผิด เป็นคุณธนัชชาเป็นคนแปลซับฯ จริงๆ ... และเพื่อนผมก็ชื่นชมเค้าเช่นกัน ว่าแปลแล้วใช้คำได้ดีมั่กๆ
+ จริงดิครับ ที่การ์ตูนมิคกี้เมาส์, โดนัลดั๊ก, กู๊ฟฟี่ ฯลฯ จะทำออกมาใหม่ ... ถ้ามีละก็ เจ๋งจัง คิดถึงจังเลย เพราะผมโตมากับพวกเค้าเลยอ่ะครับ ตอนเด็กๆ ทั้งอ่านและดูอยู่เป็นประจำ ... อารมณ์นอสตาเกลียกำเริบอีกแล้วเรา เหอะๆ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:10:34:08 น.  

 
กลับไปจะรอดเหลือรอบมั้ยหนอ...


โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:10:40:03 น.  

 
แอบเห็นคุณบลูยอชท์พูดถึง flushed away ... เห็นมีดีวีดีขายแว้บๆ ที่ร้านโปรด แต่ก็ยังสองจิตสองใจว่าจะลองดี หรือไม่ลองดี .... ตอนนี้เลยตัดสินใจได้แล้วค่ะ
ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ ทั้งจากคุณเจ้าของบ้าน และเพื่อนบ้านขาประจำนะคะ


โดย: FuRiEs IP: 125.24.194.40 วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:11:00:14 น.  

 
ชอบบทวิจารณ์เรื่องนี้จังเลยค่ะ อยากดู แต่ไม่ค่อยมีรอบแล้ว ยังงัยก็คิดว่าจะหาเวลาไปดู ส-อ. นี้ค่ะ


โดย: เม่หลิง IP: 58.8.137.78 วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:14:55:36 น.  

 
Flushed Away สนุกนะครับ ค่อนข้างแปลกใจที่ดูแล้วชอบ เพราะเห็นกระแสเมืองนอกไม่แรง ชอบพอๆ กับ Chicken Run ครับ


โดย: Ba-Yan-Tree IP: 203.144.210.35 วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:16:19:19 น.  

 
ผมดูหนังเรื่องนี้แล้วสนุกในระดับหนึ่งอ่ะ จบแล้วจบกัน ไม่มีจุดไหนสร้างความประทับใจขึ้นมาได้ ที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนคือ หนังขาดอารมณ์ของความมหัศจรรย์ไป ทั้งๆที่เรื่องราวมันเอื้อให้เกิดความรู้สึกเหล่านี้ได้ไม่ยาก ในขณะที่การถ่ายทอดโลกอนาคตดูแล้วไม่ค่อยน่าตื่นตาตื่นใจเท่าไหร่ เทียบกับโลกในเมืองหลวงของโรบอทซึ่งนำเสนอออกมาคล้ายๆกัน แต่เรื่องหลังดูแล้วชวนตื่นตากว่าเยอะเลย

ในขณะที่แก่นแท้ของเรื่องราวก็ยังใส่ประเด็นที่มีเนื้อหาสาระได้อย่างแยบยล แต่ก็นั่นแหล่ะ มันไม่ใช่ของใหม่สำหรับการ์ตูน เรื่องไหนเรื่องนั้นมันต้องมีอยู่แล้ว

ว่าแต่Meet The Robinsons มะช่ายอนิเมชั่น 3มิติ เรื่องที่2ของดิสนีย์อ่ะครับ แต่เป็นเรื่องที่3 ตามหลังเรื่องWild ที่เพิ่งจะเจ๊งแหลกรานไปเมื่อปีที่แล้ว

อ้อ แล้วก็อีกนิดครับ คือดิสนีย์คงจะล้มเลิกความคิดที่จะหย่าขาดจากพิกซาร์แล้วมั้งครับ ก็เล่นซื้อหุ้นพิกซาร์ มาเป็นของตัวเองเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พิกซาร์ก็คือดิสนีย์และดิสนีย์ก็คือดิสนีย์ ครับ เอิ๊กๆๆ


โดย: ข้าวผัดปลาเค็ม IP: 58.10.222.107 วันที่: 26 เมษายน 2550 เวลา:16:39:19 น.  

 
ส่วนตัวตั้งใจจะไปดูหนังเรื่องนี้อยู่แล้ว แต่พอได้มาอ่านรีวิวของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณแล้วโดนใจมากมาย ชักอยากไปสนองNEEDตัวเองเร็วเร็วแล้วซิ คาดว่าเสาร์นี้คงต้องไปดูแล้วล่ะ ขอบคุณสำหรับรีวิวดีดีนะคะ

ปล.แล้วจะอุดหนุนหนังสือรักด้วยคะ


โดย: PPan IP: 125.24.243.236 วันที่: 27 เมษายน 2550 เวลา:9:21:33 น.  

 

เป็นกำลังใจให้นะคะ ^^'




โดย: D a o * IP: 203.156.69.73 วันที่: 28 เมษายน 2550 เวลา:3:03:44 น.  

 
review กันดีจังเลยครับ -__-'


โดย: *omega* IP: 58.136.85.122 วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:53:35 น.  

 
ตอนผมไปดู คนดูแค่ 8 คนเอง ตอนแรกก็คิดว่าหนังไม่ดี(คนไม่ค่อยดู)

แต่พอดูจบ รู้สึกชอบมากครับ เนื้อเรื่อง ข้อคิดไม่เด็กเกินไป และยังแฝงความลึกซึ้งได้ดี แต่การดำเนินเรื่อง และAnimation ด้านภาพ ยังพัฒนาได้ไม่เท่ากับ Pixar

แต่ตัวบทหนังถือว่าทำได้ดีมากครับ(ดีกว่า Pixar บางเรื่องที่เนื้อหาเอาใจเด็กๆ)

เป็นกำลังใจให้ Disney พัฒนาต่อไป ให้เทียบชั้นหรือเหนือ Pixar เลยก็ดี จะได้มี Animation ดีๆ มาให้ผมชมได้ชมอีกเยอะๆ

คิดถึงความรู้สึกดีๆ กับการ์ตูน Disney เก่าๆ แบบ Tarzan , Lion King , Mula ฯลฯ อยากได้ความรู้สึกแบบนั้นกลับมา พัฒนาต่อไปนะ Disney


โดย: aekpun IP: 58.8.90.74 วันที่: 1 พฤษภาคม 2550 เวลา:14:33:20 น.  

 
เห็นด้วยที่ว่าหนังตัวอย่างทำได้ไม่ดีนะคะ แต่เรื่องสนุกมาก เราดูไม่เบื่อเลยดูตั้งหลายรอบ เป็นหนังที่ให้ข้อคิดดี เสียดายโปรโมทน้อยไปหน่อย ควรจะพาน้องๆหลานๆมาดู


โดย: มัส IP: 58.8.187.238 วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:06:38 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากๆๆเลยคะ

ไม่รู้ว่ามีหนังเนื้อหาประมาณนี้อีกมั้ย

ชอบหนังที่ชี้ให้เห็นมุมมองดีๆของชีวิตอะค่ะ


โดย: Ciao IP: 58.8.204.25 วันที่: 6 สิงหาคม 2551 เวลา:18:58:43 น.  

 
ว้ว หนังดีอีกเรื่อง ชอบเพลง sound track มากๆ little wonder !!!


^^


โดย: LOVE24 IP: 125.24.162.32 วันที่: 6 กันยายน 2551 เวลา:16:25:53 น.  

 
คำจำกัดความเพียงคำเดียว "ชอบมาก"


โดย: นุ๊ก IP: 58.10.33.72 วันที่: 21 กันยายน 2551 เวลา:0:02:30 น.  

 
ดูแล้วต้องบอกว่าชอบมากอีกเสียงค่ะ

โดยเฉพาะเนื้อหาเพลงของตอนจบ ทั้ง Eng และ Thai ซึ้งมาก ๆ ค่ะ ^^


โดย: UKI IP: 58.8.225.113 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:14:45:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
26 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.