www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

My girl and I , รักครั้งแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล



ข้อมูล: หนังมีความยาว 95 นาที / หนังดัดแปลงมาจากนิยายชื่อ อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก(Sekai no Chushin de, Ai o Sakebu) ของ เคียวอิจิ คาตายามะ เคยถูกดัดแปลงเป็นหนังสือการ์ตูน และ สร้างเป็นหนังญี่ปุ่นและซี่รี่ส์ แล้วในชื่อ Crying out love in the center of the world เมื่อตอนเป็นหนังสือขายดีมากเพราะขายได้มากกว่า 3.2 ล้านเล่มในญี่ปุ่น และเมื่อเป็นหนังก็ทำเงินเป็นอันดับต้นๆเช่นกัน / เรื่องนี้มีฉายเป็นเสียงต้นฉบับที่เดียวที่โรงสยาม


….My girl and I และ Crying out love in the center of the world มีที่มาจากจุดเดียวกันคือหนังสือต้นฉบับภาษาญี่ปุ่นที่มีการแปลเป็นไทยแล้วว่า อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก(Sekai no Chushin de, Ai o Sakebu ) ภายใต้เนื้อเรื่องที่เล่าสั้นๆได้ไม่เกินห้าบรรทัดว่า

...เรื่องราวความรักครั้งแรกของ ชายหนุ่มและหญิงสาวในช่วงมัธยม ทั้งคู่ได้มารู้จักกับความรัก และในขณะที่ความรักของทั้งสองคนก่อตัวไปด้วยดี ลูคีเมีย หรือ โรคมะเร็งเม็ดเลือด ก็ก้าวเข้ามาพรากหญิงสาวผู้เป็นทั้งรักแรกและรักแท้ของชายหนุ่มคนนั้นไป

Crying out love in the center of the world…เรื่องตัดสลับไปมาระหว่าง รักแรกในอดีต(วัยเด็ก) กับ ความรักในปัจจุบัน(วัยผู้ใหญ่) ซากุหรือพระเอกจากในหนังสือเติบโตขึ้นและกำลังจะลงหลักปักฐานกับคนรักคนใหม่ แต่ ถูกความรักในอดีตที่ค้างคาใจกลับมาฉุดรั้งชีวิตไว้ เพราะมีบางสิ่งที่ค้างคาในความรู้สึก เขาจึงจำเป็นต้องเดินทางกลับไปเพื่อปลดปล่อยตัวเองออกจากพันธนาการนั้น

My girl and I ... เล่าเรื่องในช่วงวัยเด็กเพียงอย่างเดียว ตัวละครจากซากุกับอากิใน Crying out love in the center of the world เปลี่ยนมาเป็น ซูโฮ(ชาแตฮุน) และ ซูอึน(ซองเฮเคียว) และ เนื้อหาเดินหน้าไปให้ความสำคัญกับความรักที่เป็น รักครั้งแรก


...ทุกคนที่เคยมีความรัก ย่อมต้องมี รักครั้งแรก ความรักครั้งแรกของแต่ละคนจบลงไม่เหมือนกัน บางคนความรักจบลงด้วยการทะเลาะเบาะแว้ง บ้างก็จบลงอย่างไม่เข้าใจ บางคู่จบลงด้วยการแต่งงาน บางคนจบลงด้วยการจากลาด้วยดี แต่เชื่อว่าไม่ว่าจะจบลงเช่นไร มันก็เหมือนกับ เพื่อนของโนอาห์ ในหนังสือ The Notebook ที่กล่าวไว้ว่า รักครั้งแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหน ความรู้สึกนั้นก็จะไม่จางหายไป

...ในชีวิตคนเราถึงจะมีความรักสักกี่ครั้ง ก็ไม่มีรักครั้งไหนที่จะเปรียบได้กับรักครั้งแรก เพราะ ไม่ว่าจะลงเอยเช่นไร มันเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เราได้รู้ว่า การรอคอยใครบางคนอย่างทรมานเป็นอย่างไร , มันสอนให้เราได้รู้ว่ารสชาติของการคิดถึงคนที่เรารักเป็นเช่นไร , มันทำให้เราได้รู้ว่าเราจะโทรศัพท์ไปพูดคุยทักทายยามเช้าหรือขอให้หลับฝันดีกับใคร , มันทำให้เรารู้ว่าเราจะกางร่มในวันฝนตกให้กับใคร , มันทำให้เรารู้ว่าชีวิตในแต่ละวันนั้นนอกจากการอยู่เพื่อตัวเองเรายังอยู่เพื่อใครอีกคน เพราะ รักครั้งแรก สอนให้เราทุกคนได้รู้จักกับสิ่งงดงามที่เรียกว่า ความรัก

รักแรกของปู่ซูโฮ ... ปู่กับย่าของซูโฮครองรักกันมายาวนาน แต่ใครเลยจะรู้ว่าย่านั้นไม่ใช่รักแรกของปู่ รักแรกของปู่คือรักที่ไม่สมหวัง ปู่ต้องพลัดพรากจากคนรักครั้งแรกไปเพราะสงคราม เมื่อปู่กลับมาเธอคนนั้นก็ไม่ได้อยู่รออีกต่อไป กระนั้นก็ดีปู่ยังเก็บความทรงจำที่ดีของรักครั้งแรกไว้ตลอดมา

รักแรกของซูโฮ ... รักแรกของเขาคือซูอึน หญิงสาวดาวเด่นของโรงเรียนตกหลุมรักซูโฮ ความรักของทั้งสองคนเริ่มต้นอย่างสดชื่นสวยงาม ทั้งคู่ติดต่อกันผ่านทางเพจเจอร์ ทั้งที่เครื่องเพจเจอร์นั้นได้สูญหายไปก่อนที่ทั้งคู่จะมาคบกันในวันที่เธอช่วยชีวิตเขาจากทะเล การฝากข้อความทิ้งไว้เป็นวิธีที่ทั้งสองคนฝากข้อความสื่อสารให้แก่กัน เธอเริ่มตกหลุมรักเขาก่อน เธอบอกรักเขาก่อน และ เธอก็ต้องเป็นคนกล่าวขอโทษเขาก่อนเช่นกัน สำหรับการที่ทำให้เขาได้มาพบกับความรักที่แสนสั้น เมื่อ ลูคีเมีย โรคร้ายในตัวเธอ เข้ามาหยุดชีวิตที่กำลังก้าวไปข้างหน้าหน้าอย่างสวยงามของเขาและเธอ

...การได้พบกับความรัก แม้รักนั้นจะงดงามและมีความเหมาะสมมากเพียงใด ท้ายสุดท้ายแล้ว เราก็อาจไม่ได้มีชีวิตอยู่กับความรักนั้นตลอดไป เพราะ บางครั้ง ความรัก กับ พรหมลิขิต ไม่ได้ถูกกำหนดขีดเส้นมาด้วยกัน เช่นเดียวกับ รักแรกของปู่ และ รักแรกของซูโฮ

...ทั้งปู่และซูโฮ ทั้งคู่ได้พบรักครั้งแรกที่งดงามและเป็นรักแท้ แต่ พรหมลิขิตขีดให้ปู่ต้องพลัดพรากจากคนรักคนแรกเพราะสงครามและตัวปู่เองก็เลือกทางเดินชีวิตหลังจากนั้นไปในอีกเส้นทางหนึ่ง พรหมลิขิตขีดให้ความตายมาเยือนซูอึนในวันเวลาที่ความรักกำลังผลิบาน

....ปู่ของซูโฮบอกไว้ว่า ในชีวิตมีทางแยกทางโค้งอยู่มากมาย หากใครหักโค้งผิดก็จำต้องเดินตามเส้นทางที่เลือกนั้น บางเส้นทางถูกขีดโดยโชคชะตา บางเส้นทางเราเป็นคนขีดเอง และในความจริงเราเองก็ไม่สามารถรู้ได้ว่า ทางแยกที่เราเลือกเดินในเส้นทางหนึ่งและทิ้งอีกเส้นทางหนึ่ง เป็น การตัดสินใจที่ถูกหรือผิด ไม่มีใครเลยที่จะบอกได้ แต่เมื่อเราเลือกเดินแล้วก็จำต้องเดินในเส้นทางนี้ให้ดีที่สุด

เช่นเดียวกับ รักแรกของปู่อาจไม่ใช่พรหมลิขิตที่ถูกกำหนดให้มาคู่กัน สำหรับเธอคนนั้นสิ่งที่ปู่ทำได้ดีที่สุดคือการเตรียมงานศพให้คนรักอย่างดีที่สุดในชาตินี้ และ วอนขอให้เธอรอปู่ที่จะมาครองรักอีกครั้งในชาติหน้า ส่วนในชาตินี้กับเส้นทางที่ปู่เลือก ถึงปู่จะไม่อาจสมหวังในชาตินี้กับความรักครั้งแรกของปู่ แต่ ถ้าปู่ไม่ได้มารักกับย่า ไม่ได้มีความรักที่หนักแน่นมั่นคงให้กับย่า พ่อกับแม่ก็คงไม่เกิดมา และ ก็คงไม่มี ซูโฮ และ เมื่อไม่มีซูโฮ ก็คงไม่มีความรักของเขาและซูอึน และ นั่นก็อาจทำให้ซูอึนไม่ได้พบคนที่รักเธอได้มากเท่ากับซูโฮ เช่นเดียวกัน

เมื่อคนรักของเราจากเราไป ความรักของเราจะจากเราไปด้วยหรือไม่ ?


...ก่อนหน้านั้นซูโฮผู้เป็นหลานสงสัยในความรักครั้งแรกของปู่ว่า ปู่ไม่จริงใจหรือเปล่าที่ใช้ชีวิตคู่อยู่กับย่าหลายสิบปีแต่มีใจหลงเหลือให้คนอื่น ? ซูโฮ ไม่เชื่อว่า เมื่อคนเราตายจากไปยังจะมีความรักเหลือไว้ให้แก่กัน เพราะคนที่อยู่ต่อก็จำต้องมีชีวิตใหม่ๆมีความรักครั้งใหม่เกิดขึ้น เขาเชื่อว่า ความรักของคนเราจะจบลงเมื่อความสัมพันธ์นั้นสิ้นสุดลง แล้ว ซูโฮ ก็ได้มาพบกับคำตอบนี้ จากความรักครั้งแรกของตัวเอง

...หากความรักเป็นเหมือนเมล็ดพันธุ์ต้นไม้ที่คนสองคนปลูกร่วมกัน เมื่อมันเติบโตขึ้น แม้ใครสักคนจะจากไป แต่ ความรัก ที่กำเนิดขึ้นมานั้นก็หาได้จะตายจากตามไปด้วย เพราะ ความรักนั้นไม่มีวันตาย ตราบใดที่ยังมีใครคนใดคนหนึ่งยังยินดีที่จะรดน้ำพรวนดินให้กับมัน ต้นไม้แห่งรักต้นนี้ก็สามารถมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกนานเท่านาน ยกเว้นเสียแต่ว่า คนที่เหลืออยู่ต้องการที่จะเลิกดูแลมันเสียเอง

...ดังนั้นแม้ใครคนหนึ่งจะจากเราไป ก็ไม่จำเป็นว่า ความรักของใครคนนั้นจะต้องสิ้นสุดลง เราสามารถเก็บความรักในวันวานและมีชีวิตอยู่ในวันนี้ไปจนถึงวันข้างหน้าได้ไม่จำเป็นต้องลบมันออกไป ขอเพียงแค่อย่าให้ ความรักของวันวานเป็นตะขอที่ฉุดรั้งความรักในปัจจุบันก็เพียงพอ

อย่าให้ความรักในวันวานมาเบียดเนื้อที่ของวันนี้ แต่ ให้มันอยู่ในลิ้นชักความทรงจำที่เราสามารถจะเปิดขึ้นมารำลึกถึงได้ทุกครั้งที่เราต้องการ เหมือน รักแรกของปู่กับคนรักที่ต่างฝ่ายต่างก็ยังเก็บอีกคนไว้ในลิ้นชักความทรงจำ และ มีชีวิตตามเส้นทางของตัวเองตราบจนช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต


...สำหรับผม จากต้นฉบับที่เป็นหนังสือของ อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก(Sekai no Chushin de, Ai o Sakebu) เมื่อนำมเปรียบเทียบกับสื่ออื่นๆที่ดัดแปลงออกมาทั้งหนังใหญ่และการ์ตูน (ผมเคยดูซี่รี่ส์ แค่ตอนแรกตอนเดียว แต่เห็นหลายคนที่ได้ดูบอกว่าซึ้งกว่าตัวหนัง) พบว่าเวอร์ชั่นหนังสือมีความซาบซึ้งน้อยที่สุด แต่หากได้ดูหนังใหญ่ฉบับญี่ปุ่นแล้วมาอ่านหนังสือ ก็จะพบว่า ทั้งสองส่วนสามารถเติมเต็มสิ่งที่ขาดหายไปได้อย่างน่าอัศจรรย์ ส่วนเวอร์ชั่นการ์ตูนนั้นก็แทบจะถอดมาจากหนังสือเกือบทุกกระเบียดนิ้ว

…Crying out love in the center of the world หรือ เวอร์ชั่นหนังใหญ่ภาคญี่ปุ่น เป็นการดัดแปลงบทประพันธ์ดั้งเดิมได้อย่างยอดเยี่ยม ตัวบทมีการผูกโยงอย่างฉลาดเฉลียว การเติมตัวละคร เติมบท และ ตัดทอน ต้นฉบับ เป็นการตัดต่อพันธุกรรมที่น่าชื่นชม เพราะทำให้หนังสนุกกว่าหนังสือมากมาย การแสดงของนักแสดงนำทั้งสามคนทำหน้าที่ตัวเองได้ดี และที่ยอดเยี่ยมคือ นักแสดงนำในวัยเด็ก โดยเฉพาะ อากิ ตอนเด็กก็มีเสน่ห์โดดเด่นในหนังเป็นอย่างมาก

.....ดังนั้นการที่ผมได้ผ่านตา เนื้อเรื่องนี้มาแล้วสามรอบ (หนังสือ + การ์ตูน + หนังญี่ปุ่น) เมือผมรู้ว่า My girl and I ก็เป็นการดัดแปลงมาจากจุดกำเนิดเดียวกัน ก็ทำให้ผมเกรงว่า My girl and I จะเป็นการเดินซ้ำย่ำรอยเดิมให้น่าเบื่อ แต่ด้วยที่ตัวเองชอบหนังแนวนี้อยู่แล้ว จึงตัดสินใจลองเสี่ยงไปดู เรื่องราวความรักของเด็กหนุ่มสาวคู่นี้เป็นครั้งที่ 4 และ อาจเป็นเพราะความคาดหวังที่ไม่สูงนัก การนั่งดู My girl and I จึงไม่ทำให้ผมต้องนั่งเบื่ออย่างที่กลัวไว้ เพราะ My girl and I เองแม้จะมีโครงเรื่องเดียวกับต้นฉบับ แต่ การดัดแปลงครั้งนี้ ก็ยังสามารถฉีกตัวเองให้ต่างไปจากหนังสือและหนังญี่ปุ่นได้

Crying out love in the center of the world + หนังสือและการ์ตูน "อยากกู่ร้องบอกรักให้ก้องโลก" ...พูดถึง ความรู้สึกของคนที่สูญเสียคนรักไป และ ยังไม่สามารถจะมีชีวิตต่อไปอย่างปกติสามัญ สองเวอร์ชั่นนี้ต่างกันตรงที่ว่า ในเวอร์ชั่นหนังสือ จบลงที่ซากุในวัยเด็ก แต่ในหนังใหญ่ตัวละครซากุยังคงแบกความรู้สึกนี้ไว้จนโตเป็นผู้ใหญ่ และ มันก็กลับมาฟุ้งขึ้นอีกครั้ง เมื่อเขากำลังจะเริ่มต้นจริงจังกับความรักครั้งใหม่ มันกระตุ้นให้เขาที่แอบเก็บความเจ็บปวดจากแผลกลัดหนองในใจอยู่นานให้ได้รับการรักษา และ ได้รับการปลดปล่อย เพื่อที่จะมีชีวิตในปัจจุบันและวันข้างหน้าอย่างแท้จริง

(คนที่สูญเสียคนรักทุกคน จะอยู่ในกระบวนการสูญเสียที่เรียกว่า grief process ซึ่งมีอาการทั้งซึมเศร้า หดหู่ โกรธขึ้ง ฯลฯ และก็จะเข้าสู่กระบวนการทำใจ หรือ mourning task ซึ่งในท้ายที่สุดกระบวนการสุดท้ายของการทำใจในผู้สูญเสียคือ การถอนพลังชีวิตออกจากอดีตและสามารถใช้ชีวิตต่อไปในปัจจุบันได้อย่างปกติเหมือนทีผ่านมาเหมือน อย่างที่ซากุทำได้ในตอนท้ายเรื่องของหนังเวอร์ชั่นญี่ปุ่น )

My girl and I ... ไม่ได้เน้นประเด็นเหมือนสองฉบับข้างต้น เพราะประเด็นความรู้สึกที่ค้างคาใจมีโผล่ให้เห็นแค่เล็กน้อย หนังมุ่งเน้นไปให้ความสำคัญกับการเรียนรู้และค้นพบความรักครั้งแรกของตัวละครมากกว่า และ ประเด็นที่ว่า บางครั้งความรักกับพรหมลิขิตก็ไม่ได้ถูกขีดเส้นมาอยู่ร่วมกัน ตัวละครหลักๆยังคงยึดตามเวอร์ชั่นในหนังสือ(ต่างจากเวอร์ชั่นญี่ปุ่นที่มีการเพิ่มตัวริทซึโกะเข้ามา) และ มีการเปลี่ยนแปลงจาก เทปคาสเสตต์ เป็น เพจเจอร์ ซึ่งหนังทั้งสองเวอร์ชั่นก็ใช้ประโยชน์จากสื่อกลางนี้ได้คุ้มค่าทีเดียว

เทปคาสเสตต์ ใน Crying out love in the center of the world … เป็นเหมือนสื่อกลางของคนสองคนที่ใช้บอกความในใจต่อกัน และ เทปคาสเสตต์ม้วนสุดท้ายที่ยังไม่ได้เปิดฟัง มันก็ยังเป็นตัวละครสำคัญที่ซ่อนความลับสำคัญไว้

เพจเจอร์ ใน My girl and I … สอดคล้องกับคำถามของหนังที่ว่า เมื่อคนเราตายจากหรือห่างหายจากกันไป จำเป็นหรือไม่ที่ความรักต้องสิ้นสุดลงตามไปด้วย เพราะในเรื่อง ตัวเพจเจอร์นั้นจมน้ำไปตั้งแต่ตอนต้นไปนอนอยู่ที่ก้นทะเล แต่ ทั้งซูโฮและซูฮึน ก็ยังคงสามารถที่จะสื่อสารต่อกันได้ โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยตัวเครื่อง ต่อให้มันจะจมไปอีกนานเท่าไหร่ ก็ไม่ได้ทำให้คนสองคนหยุดการสื่อสารและแสดงความรักต่อกัน เช่นเดียวกับ ความรักที่ไม่จำเป็นต้องตายจากไปตามร่างกายที่สูญสลายไป


...ชาแตฮุน ยังคงถอดบุคลิกมาจาก ตัวละครในสไตล์นายเจี๋ยมเจี้ยมไม่ต่างจากใน My sassy girl หรือ Lover’s concerto กับคาแรคเตอร์ซื่อๆ เซ่อๆ ซ่าๆ ถูกสาวสวยข่มตลอดเวลา มันก็ดูเข้ากับตัวเขาได้ดี เขาช่วยให้หนังเกาหลีเวอร์ชั่นนี้มีมุขตลกขำๆ ให้คนดูได้ยิ้มหัวเราะมากกว่าฉบับญี่ปุ่น จุดแข็งร่วมของหนังเรื่องนี้ทั้งสองเวอร์ชั่นคือ บทตัวละครนำหญิง(อากิ/ซูอึน) ที่มีความฉลาดเฉลียว ดูคล่องแคล่ว และ เป็นคนที่บอกรักกับพระเอกก่อน เป็นตัวละครที่มีเสน่ห์มีชีวิตชีวา และ ทำให้ตอนท้ายเมื่อเธอต้องจากไปจึงซาบซึ้งเรียกน้ำตาคนดูได้ เพราะคนดูรักตัวละครนี้ตั้งแต่แรกเริ่ม ในเวอร์ชั่นญี่ปุ่น อากิประสบความสำเร็จด้วยดี ส่วนในเวอร์ชั่นนี้ การได้ ซองเฮเคียว นักแสดงชื่อดังจากซี่รี่ส์ full house มารับบทก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน(ส่วนตัวแล้วผมชอบอากิในเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมากกว่า) เธอทำให้หนังดูมีชีวิตชีวาในทุกซีนที่เธอปรากฏ

นักแสดงทั้งสองอาจไม่มีข้อให้ตำหนิในแง่ของทักษะการแสดงและการเข้าคู่กัน แต่จุดอ่อนของทั้งสองคนคือ ทั้งชาแตฮุน และ ซองเฮเคียว ดูไม่น่าเชื่อถือเลยในบทนักเรียนมัธยม ทั้งคู่ดูขัดตาตั้งแต่ผมได้ดูหนังตัวอย่างจนมาดูฉบับเต็มก็ยังรู้สึกว่า ทั้งคู่โตเกินไปแล้ว จุดอ่อนจุดนี้มีผลพอสมควรเพราะหลายตอนที่พระ-นางทำน่ารักมันไม่ชวนให้รู้สึกเชื่อตาม (เช่น ฉากพระเอกทำทะเล้นตอนไปเยี่ยมนางเอก) หรือ ความรู้สึกที่ควรจะเป็นอารมณ์ของเด็กมัธยมก็ทำได้ไม่น่าเชื่อถือ อย่างฉากที่ทั้งคู่ไปเที่ยวเกาะด้วยกันสองคน หากได้ดูทั้งสองเวอร์ชั่นจะพบว่าใน Crying out love in the center of the world ท่าทีขวยอายของทั้งสองคนเมื่อได้อยู่บนเกาะสองต่อสอง ท่าทีมีความสุขอย่างขัดเขิน ดูสมจริงกว่า ในขณะที่ใน My girl and I ดูเหมือนผู้ใหญ่สองคนไปเที่ยวกันมากกว่า


… หนังเล่าเรื่องในส่วนความรักของซูโฮและซูอึน ได้ยังไม่กินใจนัก ซึ่งน่าแปลกใจว่า ทั้งที่หนังให้น้ำหนักกับรักในวัยเด็กเต็มที่เพียงอย่างเดียว แต่ความรักในวัยเด็กของเรื่องนี้ กลับไม่สามารถสู้ ความรักในวัยเด็กของซากุและอากิใน Crying out love in the center of the world ที่กินเวลาน้อยกว่าด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะการเล่าเรื่องของผู้กำกับที่ไม่สามารถทำให้ช่วงวัยเด็กนี้ดูเป็นช่วงเวลาแห่งรักแท้ที่ยากจะลืมเลือนของตัวละครสองคน

My girl and I มีองค์ประกอบที่พอฟัดพอเหวี่ยงแต่เมื่อทุกอย่างมาปรากฎรวมกันบนจอแล้ว ผลลัพธ์ที่ออกมาทำได้ไม่น่าจดจำเท่า Crying out love in the center of the world ยกตัวอย่าง ช่วงเวลาบนเกาะของทั้งสองเรื่อง ใน My girl and I แม้จะมีฉากฝนหยุดนิ่งอยู่กับที่ แต่ทำได้แค่โชว์เทคนิค ผลลัพธ์ทางอารมณ์เกิดขึ้นน้อยและดูธรรมดาเกินไป ตรงข้ามกับ Crying out love in the center of the world ที่สร้างฉากประทับใจให้คนดูจดจำช่วงเวลาบนเกาะและโรงแรมร้างของคนสองคนได้เป็นอย่างดี ก่อนจะพาคนดูไปพบกับจุดหักเหเมื่อรู้ว่านางเอกเป็นลูคีเมียซึ่งผลลัพธ์ที่ออกมาในฉากนี้ก็ทำได้ถึงพีคมากกว่าเพราะการปูเรื่องมาได้ดีกว่า

กระนั้นก็ดี หาใช่ว่า My girl and I จะไม่ซาบซึ้งประทับใจ มันก็ขึ้นอยู่กับว่าคนดูจะอินกับธีมของหนังเรื่องไหน เรื่องไหนที่ตรงกับพื้นหลังคนดูมากกว่า เพราะสำหรับตัวผมเองยกให้ Crying out love in the center of the world เหนือกว่าในแทบทุกจะทุกด้าน มีหลายๆฉากที่สวยงามและยังอยู่ในความทรงจำ แต่กลับไม่มีฉากไหนเลยที่จี๊ดมากๆถึงข้างในชนิดเรียกน้ำตา ในขณะที่ My girl and I มีหลายส่วนที่ด้อยกว่า แต่ก็มีบางฉากที่มันจุกอกตื้นตันเรียกน้ำตาได้เลยทีเดียว (หนึ่งในนั้นคือฉากที่คุณปู่จัดงานศพให้คนรักตอนท้าย)

สิ่งที่ชอบ

1.รักครั้งแรก ... ผมชอบการที่หนังฉีกตัวเอง มาเน้นเล่าแค่เรื่องรักครั้งแรก ทำให้ไม่ซ้ำซากกับเวอร์ชั่นเก่าๆจนเกินไป

2.รักของปู่.. แม้ช่วงเวลาความรักของปู่จะสั้นกว่าช่วงเวลาของหลาน แต่กลับกลายเป็นว่าในส่วนซับพล็อตความรักของปู่ในเรื่องนี้ทำออกมาได้ดีกว่า ฉากสุดท้ายที่บ่งบอกรายละเอียดการจัดงานศพทำให้รักครั้งแรกของปู่ดูน่าเชื่อถือมากตามที่บทได้กำหนดไว้ให้ ปู่เก็บความรักครั้งแรกนี้ไว้กว่าครึ่งชีวิต มิหนำซ้ำยังช่วยเสริมให้กับรักของตัวเอกอีกด้วย

3.ไดอะล็อค... หลายประโยคที่หวาน และ ทำให้ซาบซึ้งได้เป็นอย่างดี อาทิเช่น สมองเล็กที่มีเนื้อที่เพียงน้อยนิดกับความรักที่มีให้ หรือ จะเป็นคำพูดช่วงสุดท้ายที่นางเอกพึมพำในใจบอกพระเอกที่ท่าเรือ

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ซึ้งสำเร็จรูป … หนังสามารถซึ้งโดยอัตโนมัติจากการแสดง และ ไดอะล็อคจี๊ดๆ แต่ทั้งคู่ไม่สามารถพาหนังไปได้ไกลพอ เพราะแกนหลักของหนังทั้งบทและการเล่าเรื่องโดยเฉพาะส่วนของคู่พระ-นาง ยังออกจะราบเรียบขาดความลึกซึ้ง อีกทั้งงานสร้างและการจัดองค์ประกอบของภาพบนจอก็ดูธรรมดาเกินไปไม่ได้ช่วยเสริมความซาบซึ้งของหนังเท่าไหร่ มันทำให้เป็นได้แค่ความประทับใจครั้งเดียวขณะดูแต่ไม่ติดอยู่ในความทรงจำได้ยาวนาน

2.อายุของนักแสดง ... ต่อให้นักแสดงจะมีฝีมือขนาดไหน แต่บางอย่างที่มันห่างจนเกินไป หรือ ขัดความจริงจนเกินไป เช่นในเรื่องนี้ที่ให้สองดารานำมารับบทนักเรียนมัธยม ต่อให้นักแสดงเล่นดีแค่ไหน มันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้

สรุป ... เวอร์ชั่นญี่ปุ่นดีกว่าแทบจะทุกด้าน แต่หากไม่เปรียบเทียบ เวอร์ชั่นนี้ก็จัดเป็นหนังรักที่ดีในเกณฑ์มาตรฐาน แถมยังมีจุดที่น่าชื่นชมตรงที่มันเป็นการรีเมคที่ไม่ซ้ำซาก การดู My girl and I ไม่ทำให้รู้สึกเบื่อ แถมยังตลกได้มากกว่า และมีหลายฉากที่ความซึ้งของมันก็จี๊ดอยู่พอสมควร ผมเองชอบเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมากกว่าแต่เวอร์ชั่นนี้เรียกน้ำตาได้มากกว่า

ปล ... ได้ยินมาว่า เรื่องนี้พากษ์ไทยได้แย่ แนะนำ ดูเสียงต้นฉบับที่โรงสยาม

ปล 2 ... ชอบไดอะล็อคนี้ของหนังถ้าจำไม่ผิดมันอยู่ในเวอร์ชั่นต้นฉบับด้วยเหมือนกัน จำประโยคเป๊ะๆไม่ได้ แต่ก็ประมาณนี้ >> ฉันเกิดก่อนเธอหมายความว่าฉันได้มารอเธอในชาตินี้ก่อน และ ฉันจากไปก่อนเธอเพื่อไปรอเธอในชาติหน้าต่อไป แต่เธอไม่ต้องรีบมาหรอก ใช้ชีวิตในชาตินี้ก่อนตามเท่าที่เธอต้องการ แล้วฉันจะรอเธอ






ติดตามบทความใหม่ๆ หรือ บทความน่าสนใจ หรือ เริ่มต้นอ่านBlogนี้มีข้อสงสัย คลิกไปเริ่มต้นที่ --> หน้าแรก


รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง




ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป



Create Date : 27 มีนาคม 2549
Last Update : 27 มีนาคม 2549 0:23:30 น. 43 comments
Counter : 4871 Pageviews.

 
น่าไปดูอย่างยิ่ง


โดย: L-twin วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:0:20:02 น.  

 
...สำหรับผู้สนใจต้นฉบับเวอร์ชั่นหนังสือที่ถูกแปลเป็นไทยแล้วภายใต้สนพ.เนชั่น นี่คือรูปหน้าปก


...ส่วนปกการ์ตูนของไทยก็เหมือนกับของญี่ปุ่นแบบนี้


...และนี่คือโปสเตอร์เวอร์ชั่นต้นฉบับหนังใหญ่ของญี่ปุ่น


...สุดท้ายนี่คือนางเอกหรืออากิ(=โซอึน) ในเวอร์ชั่นหนังใหญ่ของญี่ปุ่น น่ารักออกอย่างนี้จะห้ามไม่ให้เจ้าของบล็อกตกหลุมรักเธอได้อย่างไร ล่าสุดเธอไปเล่นเป็นนางเอกของเรื่อง Touch การ์ตูนของอ.อาดาจิ มาสร้างเป็นหนังใหญ่



โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:0:40:37 น.  

 
^
^
รูปปกการ์ตูนข้างบนเดี้ยงไปซะแล้ว เอามาลงใหม่เผื่อใครสนใจไปหาซื้อตามแผง


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:0:48:41 น.  

 
Image Hosted by ImageShack.us

sawadde ka


โดย: Baby I love you IP: 71.81.202.128 วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:0:50:49 น.  

 
ก่อนจะมาอ่านก็อยากดูนะ
แต่พอมาอ่านแล้ว รู้สึกว่า
.
.
.
อยากดูมากขึ้นเลยครับ
ขอถามหน่อยครับว่า
เทียบกับ My Sassy Girl แล้ว
เรื่องไหน ทลายบ่อน้ำตาได้มากกว่าครับ


โดย: Nutty Professor วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:3:05:28 น.  

 
เรื่องนี้ตอนเราดูเวอชั่นญี่ปุ่นซึ่งเป็นภาพยนตร์ เราดูๆหยุดๆหลายรอบมาก รู้สึกเฉยๆกับหนังเรื่องนี้ ไม่ร้องไห้สักหยด (ทั้งๆที่เราเป็นคนร้องไห้ให้กับหนังได้ง่ายๆ) ที่ชอบก็คงเป็นเพลงของ Ken Hirai ที่ขึ้นมาพร้อมภาพในออสเตรเลีย ที่เข้ากันมากๆ

หลังจากไม่ประทับใจในหนังเวอชั่นญี่ปุ่นแล้ว ก็เลยเฉยๆกับเวอชั่นซีรีส์ เวอชั่นหนังสือ และเวอชั่นเกาหลีด้วย คือไม่อยากดู ไม่อยากอ่าน

อย่างไรก็ตาม อ่านรีวิวของคุณ จขบ แล้วก็ที่ไปอ่านของคนอื่นมา เหมือนจะมองเวอชั่นเกาหลีคล้ายๆกัน คือทำได้ดีประมาณหนึ่ง

เห็นด้วยเรื่องวัยของนักแสดงที่ จขบ บอกค่ะ คือดูแล้วเชื่อยากว่าทั้งคู่เป็นนักเรียนมัธยม

อ่านรีวิว จขบ มาถึงข้อความสุดท้าย ทำให้เรานึกถึงประโยคนี้ในเวอชั่นญี่ปุ่น ซึ่งเป็น 1 ไดอะล็อกที่เราจำได้และชอบมากๆ ในส่วนที่เหลือที่เฉยๆ ประโยคที่อากิบอกซากุประมาณว่า ช่วงชีวิตของซากุไม่เคยไม่มีอากิอยู่เลยนะ เพราะว่าอากิเกิดก่อนซากุ (เกิดเดือนก่อน) ทำนองนี้อะค่ะ เราฟังตอนดูเรื่องนี้แล้วชอบมากๆเลยล่ะ

เหมือนประโยคไม่ซับซ้อนไรมาก แต่ซึ้งน่ะ

ขอบคุณ จขบ สำหรับรีวิวเยี่ยมเช่นเคย


โดย: cottonbook วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:7:42:37 น.  

 
มาอ่านเฉยๆ ค่ะ คงต้องรอแผ่นอะค่ะ

จะถามว่า จขบ. ได้ดู Where the truth lies? หรือยัง เพราะมีหลายส่วนที่เรางงอ้ะ จะมาถามอะจ้ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:10:45:55 น.  

 
ดูมาแล้วคร้าบ เพราะผมเป็นแฟนตัวยงของ Crying out of love in the center of the world. เพราะมันคล้ายกับชีวิตจริงของผม ที่ยังตัดใจไม่ค่อยได้ครับ
แต่หลังจากดู My girl & I จบยอมรับว่าไม่ค่อยซาบซึ้งกับ 2 พระนางเท่าไร แต่ซาบซึ้งใจสุดๆ กับคุณปู่มากกว่า และผมก็ชอบ คนอ้วนทั้ง 3 คน ในเรื่องนี้มากๆ เพราะทำให้ผมฮาได้ตลอด กลับกลายเป็นว่ากว่าจะปรับเป็นอารมณ์ซึ้งได้ก็นานเลยล่ะครับ ขอบคุณสำหรับรีวิวดีๆ ครับ


โดย: เข็มขัดสั้น IP: 202.183.190.14 วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:13:13:11 น.  

 
อืม... คิดว่าคงบายก่อนอ่ะครับเรื่องนี้ อยากดู Crying out love (ซึ่งก็ยังไม่ได้ดู) มากกว่า
+ ช่วยตอบ คุณสาวไกด์#7 : Where ดูตอนแรกผมก็งงๆ จับต้นชนปลายไม่ค่อยถูกเหมือนกัน แต่เหตุการณ์ช่วงท้ายๆ ก็เฉลยเรื่องราวที่เป็นประเด็นหลักๆ หมดแล้วนะครับ เพียงแต่ผมเก็บรายละเอียดปลีกย่อยระหว่างทางได้ไม่หมดเท่าไหร่อ่ะ


โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:13:30:47 น.  

 
อยากดู Where the Truth Lies เหมือนกันครับ (V ก็ยังไม่ได้ดู... ไม่รู้จะฝ่าม็อบไปแล้วมีชีวิตรอดกลับมาหรือเปล่า)

อย่าให้ความรักในวันวานมาเบียดเนื้อที่ของวันนี้ แต่ ให้มันอยู่ในลิ้นชักความทรงจำที่เราสามารถจะเปิดขึ้นมารำลึกถึงได้ทุกครั้งที่เราต้องการ --- ชอบประโยคนี้จังครับ ^^


โดย: nanoguy IP: 203.118.82.52 วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:13:57:03 น.  

 
ทนายหนุ่มแจ้งจับรปภ.ตาถั่ว

เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 22 มี.ค. พ.ต.ท.ทรงยศ แปลกทองดี สารวัตรเวรสภ.ต.ช้างเผือก จ.เชียงใหม่ รับแจ้งจากนายพีรพันธ์ เกียรติกมลวงค์ อายุ 29 ปี อาชีพทนายความ ขอให้ดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่รปภ.มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ ข้อหาดูหมิ่นทำให้เสียศักดิ์ศรีกลางที่สาธารณชน

โดยนายพีรพันธ์กล่าวว่า เมื่อเช้าวันเดียวกันขณะเข้าห้องน้ำของอาจารย์ผู้ชายในมหาวิทยาลัยดังกล่าว ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาในห้องน้ำหลายคน จากนั้นมีเสียงจากวิทยุมือถือดังว่าผู้ต้องสงสัยอยู่ตรงนี้ เมื่อตนออกมาจากห้องน้ำ พบชายแต่งกายคล้ายทหารเข้ามาล็อกแขน บอกว่าตามหาตัวมาหลายสัปดาห์แล้ว ชอบทำให้สถาบันเกิดความเสื่อมเสียและฉุดลากตนออกมาที่ระเบียงหน้าตึกโดยมีกลุ่มรปภ. และอาจารย์อีกหลายคนยืนอยู่ กล่าวหาว่าค้ายาและทำอนาจาร ทำให้ตนเสื่อมเสียชื่อเสียงจึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี

พ.ต.ท.ทรงยศกล่าวว่า สำหรับคดีดูหมิ่นหรือหมิ่นประมาทในที่สาธารณะครั้งนี้เป็นคดีที่สามารถยอมความกันได้ โดยได้ลงบันทึกไว้เป็นหลักฐาน จากนั้นจะได้เรียกตัวรปภ.ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์มาสอบปากคำ หากพบว่าผิดก็จะดำเนินคดีต่อไป

จากหนังสือพิมพ์มติชนหน้า 15 วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2549 ปีที่ 15 ฉบับที่ 5593


ปล.ทนายหนุ่มได้แสดงน้ำใจด้วยการไม่เอาเรื่อง รปภ.กลุ่มด้งกล่าว โดนไม่เรียกค่าเสียหาย แม้แต่แดงเดียว แต่ทาง มหาวิทยาลัยราชภัฏ เชียงใหม่ กลับแสดงท่าทีเมินเฉย ไม่ยอมรับรู้เรื่องนี้แต่อย่างใด ขอวอนเพื่อนๆ ที่ได้อ่าน บอก-ส่ง ต่อเรื่องนี้ ต่อๆ กันไปด้วยคะ ช่วยให้ความยุติธรรมกับเพื่อนหนูด้วยคะ

Chiang Mai Rajabhat University
202 ถนนช้างเผือก อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50300
โทรศัพท์ :: 0-5341-2544
โทรสาร :: 0-5341-2307




โดย: Justice IP: 203.114.118.91 วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:15:39:21 น.  

 
เพิ่งเขียนเสร็จเมื่อกี้นี้เอง
ดันมาเห็นของคุณ I behind you ตอน กำลังจะ Publish
ผมกลับไม่อินน่ะครับเลยเขียนแต่ด้านที่ผมคิดว่าไม่ดีซะส่วนใหญ่ แต่แน่นอนฮะอ่านของคุณแล้วรู้สึกกว้างขึนเยอะเลย
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=prite&group=3


โดย: kimprite วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:18:48:54 น.  

 
ตอนแรกที่ดู my girl & I รู้สึกไม่ค่อยอินกับตัวพระนางเท่าไร รู้สึกมันแหม่งๆอ่ะค่ะ แต่พอฉากคุณปู่ลูบหัวศพคนรัก โอ้แม่เจ้า น้ำตาพวยพุ่งอ่ะ ซึ้งมากๆ

อ่านบล๊อกคุณแล้ว มีความรู้เรื่องนี้มากๆ ขอบคุณค่า

ปล.Crying out of love in the center of the world. หาดู หาซื้อได้ที่ไหนอ่ะคะ จะไปหามาดูมั่ง อิอิ


โดย: กลาดเกลื่อนฯ IP: 124.120.46.15 วันที่: 27 มีนาคม 2549 เวลา:21:55:42 น.  

 
Nutty Professor ... อืม ทั้งสองเรื่องคงไม่ถึงขั้นทลายบ่อน้ำตาครับ สำหรับผมเรื่องที่ทลายบ่อน้ำตาได้จริงๆคือ Lover's concerto ที่นายเจี๋ยมเจี้ยมเล่นนี่ละ และ ถ้าเปรียบกับ My sassy girl แน่นอนครับ ผมเองยกให้ My sassy girl เหนือกว่า

cottonbook ... ตอนจบของ Crying out ทำให้ผมไม่อยากออกไปจากโรง ส่วนหนึ่งก็เพราะ Ken Hirai นี่ละ หลายเดือนก่อนไปซื้อซีดีของเขาครับ ปรากฎว่า ไม่มีเพลงประกอบหนังเรื่องนี้อย่างที่ตั้งใจไว้

สาวไกด์ใจซื่อ ... ไปดูมาสดๆร้อนๆวันนี้เลยครับ หนังช่างมีความเย้ายวนรัญจวนใจในกลิ่นไอฆาตกรรมเหลือเกิน ที่สำคัญหนู Alison Lohman ผู้น่ารัก เรื่องนี้เธอช่างเหลือเกิน

กลาดเกลื่อนฯ ... เข้าใจว่าแผ่นลิขสิทธิ์ของไทย เงียบสนิทเลยครับ แต่แผ่นไม่ลิขสิทธิ์หาซื้อได้ตามแหล่งไม่ลิขสิทธิ์ครับ

...ขอบคุณความเห็นของท่านอื่นๆด้วยนะครับ ที่แวะเข้ามาทักทายพูดคุยกัน


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 28 มีนาคม 2549 เวลา:0:23:26 น.  

 
ชื่อ : bourne2523
ความคิดเห็น : หัวข้อ : รับเงินเป็น ยูโร ...
ได้เงินจริงๆ ไม่ลองไม่รู้นะ ผมเป็นพนักงานบริษัทฯ ตอนนี้ใช้เวลาว่างทำงาน
วันละประมาณ 3 ชั่วโมง ทำให้มีรายได้เพิ่มประมาณเดือนละ 22,000 บาท
โดยได้รับคำแนะนำจากการอ่านข้อความในบอร์ดแสดงความคิด เห็นของ sanook.com
ซึ่งในตอนแรกก็ยังไม่ค่อยจะเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ลองเสี่ยงดูเพราะไม่ต้องเสียค่าสมัคร
แถมทางเว็บ web ยัง ให้ bonus ฟรี ๆ 80 euro เมื่อสมัครเป็นสมาชิกในครั้งแรก
พอ เวลาหลังเลิกงานผมก็มานั่ง click เข้าไปอ่าน email และ โฆษณา ใน web ดังกล่าว
บางวันผมได้ประมาณ 50 euro บางวันก็ได้ ถึง 200 euro พอประมาณกลางสัปดาห์ที่สาม
ก็ ได้รับ เช็คส่งมาให้ที่บ้านก็งงอยู่เหมือนกันจึงเอาไปให้ธนาคารดู (กลัวถูกหลอกและกลัว
จะมีความผิด)ธนาคารก็จ่ายเช็คมาให้เป็น เงินบาทหักค่าธรรมเนียมการแลกเปลี่ยนเงินตรา
เล็กน้อยผมได้ เงินก้อนแรก 31,000 บาท ก็ยังงงๆอยู่อีกแหละครับพอคิดออกก็รีบ
มานั่ง click ที่ web นี้อีกจนไม่ยอมไปทำอะไรเลยครับลองดูก่อนไม่เห็นจะเสียหายอะไร
ถ้าคุณขยันจริงคุณสามารถมีเงินใช้เป็นหมื่น/เดือน เว็บนี้ดีมากจ่ายเป็นเงินสดส่งมาทางเช็ค
เว็บนี้กล้ารับประกันดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา ถ้าคุณไม่อยากเสียโอกาสต้องมาเริ่มกันเลยครับ
คุณ COPY URL นี้
//www.80euromail.com/pages/index.php?refid=bourne2523
ไปวางในช่อง Address แล้วก็ ENTER เข้าไปได้เลย เว็บนี้ดีมากจ่ายเป็นเงินสดส่งมา
ทางเช็คหรือทางธนาคารออนไลน์แล้วแต่คุณจะเลือก เว็บนี้กล้ารับประกันดีที่สุดเท่าที่เคยทำมา
อีเมล์เยอะ จ่ายจริง ****จะต้องใส่ทุกช่องเป็นภาษาอังกฤษเพราะเค้าจะส่งเช็คมาให้ตามที่อยู่ของคุณ
**** 1.คลิกที่ Sign Up ใส่ e-mail ของคุณต้องเป็นของ Yahoo หรือ Hotmail ถึงจะเร็ว
2.กลับไปที่ Inbox ใน e-mail ที่เราแจ้งสมัคร คลิกลอกอินเลย สักครู่เข้าไปเช็ค e-mailของคุณ
จะพบ mail ใหม่สุด ถ้าไม่พบให้ดูที่ junk mail ** คลิกลิงค์ที่ตัวหนังสือยาว ๆ จากนั้นจะมีแบบ
ให้กรอกเป็นภาษาอังกฤษ
** 3. Username : ใส่ชื่ออะไรก็ได้ตามต้องการเพื่อใช้ Log in ควรตั้งที่จำง่ายๆ แล้วจดเก็บไว้
4. First Name : ใส่ชื่อจริงของคุณ
5. Last Name : ใส่นามสกุลของคุณ
6. Address : ที่อยู่ที่ต้องการรับเช็ค ตัวอย่าง 159 Soi.Charuensook Thokjan Rd. Tumbol.Sehiripul
7. City : ชื่อจังหวัด
8. state : เลือก N/A
9. ZipCode : รหัสไปรษณีย์
10. Country : Thailand ตอนเลือกน่ะดูให้ดี จะมี 2 อัน อันที่ผิดจะเป็น Thailland ให้เลือก Thailand
ตัว L ตัวเดียวนะ
11. *** Referred by : ใส่ bourne2523 (อาจใส่อยู่แล้ว) **** สำคัญมากนะครับ
12. ใส่เครื่องหมายถูกตรงช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆข้างล่างให้หมด
13. select a payment method : เลือกเป็น Check
14. payment account ID : เลือกเป็น Check
15. Password : ใส่ รหัส เพื่อใช้ log in ไม่ควรต่ำกว่า 5 ตัว
16. Confirm Password : ยืนยัน Password อีกครั้ง
17. กด Sign up จากนั้นเค้าจะส่ง user name กับ password ให้คุณอีกครั้ง
ทางอีเมล์ที่คุณได้สมัครไว้ตอนแรก แล้วก็ login ได้เลย ****ลักษณะการทำงาน
**** วิธีที่ 1 เเสนจะง่ายที่สุดในการเพิ่มเงิน **
1. เช็คเมล์ โดย login เข้าไป เลือกในแท็บ paid2click ระบบจะมี Banner มาให้คลิก
โดยจะบอกว่าอันนี้คุณจะได้เท่าไหร่ เช่น 10 Euro เสร็จแล้วเปิดหน้านั้นไว้สักครู่
ประมาณ 100 -130 วินาที (ดูเวลาที่เขาบอกให้เปิดอย่างน้อยกี่วินาที )
แล้วค่อยปิดอันไหนที่คลิกแล้วแบนเนอร์จะหายไปเองสามารถคลิกได้ที
ละหลายๆ อันได้จะทำให้ไม่เสียเวลา โดยกดปุ่ม Shift ค้างไว้แล้วคลิกที่แบนเนอร์
ทีละอัน)แล้วอีกวันหรือสักระยะค่อยมาเช็คใหม่
** 2. ใน Inbox จะมีเมล์เข้ามาทุกวันคุณจะได้ค่าอ่าน ซึ่งจะมี ลิงค์ยาวๆ อยู่
ให้คลิกอ่าน แล้วเปิดทิ้งไว้สักครู่ ประมาณ 100 - 130 วินาทีตามที่เค้ากำหนด
แล้วจึงค่อยปิด วิธีที่ 2 น่าสนใจกว่าเพราะได้เงินมากกว่า และได้ทุกวัน
**1. หาสมาชิกเพิ่มจากการโฆษณาในเว็บไซต์, หรือโพสเว็บบอร์ดต่าง ๆ
เพื่อให้มีคนมาสมัครสมาชิกทำเหมือนกับที่เราทำ หากมีคนสมัครสมาชิกภายใต้ชื่อของคุณ
คุณจะได้ โบนัสเพิ่มอีก ฟรี ๆ 500 Euro เป็นค่าตอบแทนในการแนะนำเพื่อน
ยิ่งคุณแนะนำมากคุณก็จะได้เงินมาก สามารถเช็คได้ทันที
copy ข้อความนี้ไปโฆษณาก็ได้ครับไม่สงวนลิขสิทธิ์ครับ แค่เปลี่ยนเป็นชื่อคุณแค่นั้น
โดยเปลี่ยนจาก bourne2523 เป็น username ของคุณ
**2. คุณจะได้เปอร์เซ็นต์หากว่าคุณแนะนำต่อโดยใช้ชื่อของคุณและถ้าหากคุณ
สมัครเสร็จแล้ว คุณต้องการแนะนำเพื่อน ๆ ให้สมัครต่อจากคุณ
ให้เปลี่ยนด้านหลัง ?refid=ตามด้วยชื่อ username ของคุณ ดับเบิ๊ลคลิก เลยครับ
หรือเมื่อ log in เลือก Referral Center ในช่อง urlจะเป็น adrees ของคุณเพื่อหาสมาชิก
****เตือนด้วยความหวังดีนะครับ**** ถ้าคุณคิดว่าคุณไม่อยากมีสายงาน
โดยไม่ใส่ชื่อผู้แนะนำ เช่น ทำตัวคนเดียวโดยที่ไม่มีหัวหน้าสายงาน
ทางเว็บเค้า จะมีการตรวจสอบการเป็นสมาชิก ทุก ๆ คนในทุกเดือนด้วยนะครับ
คลิกสมัครเลย ***** เขียนโดย: bourne2523
: //www.80euromail.com/pages/index.php?refid=Bourne2523
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Welcome to rivermails.com
You can login by going to
//www.rivermails.com/pages/index.php?refid=bourne2523 - Click here !!
Referred by: bourne2523
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Welcome to 80euromail.com
You can login by going to
//www.80euromail.com/pages/index.php?refid=bourne2523 - Click here !!
Referred by: bourne2523


โดย: buorne2523 IP: 125.24.71.158 วันที่: 28 มีนาคม 2549 เวลา:5:12:55 น.  

 
ขอนิดนึงเถอะครับ เห็นแล้วทนไม่ได้
+ คุณ Justice #11 : โอเค เพื่อนคุณอาจเดือดร้อนจริงๆ ข้อความแบบนี้ผมก็ได้รับจากฟอร์เวิร์ดเมล์บ่อยๆ (แต่ผมไม่เคยส่งต่อเลย เพราะไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือไม่) ... ถ้าคุณอยากประกาศก็น่าไปลงในกระทู้สาธารณะสำหรับเรื่องเหล่านี้โดยตรงนะครับ ... อาจดูใจร้ายไปนิดนึง แต่มันทำให้อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ อ่ะครับ
+ คุณ buorne2523 #15: อันนี้ยิ่งไปกันใหญ่ มาลงประกาศแบบนี้ในบล็อกชาวบ้านเฉยเลย ... ถ้าให้พูดตรงๆ ก็คงต้องบอกว่ากรุณาเคารพและให้เกียรติความเป็นส่วนตัวของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ จขบ. เค้านิดนึง เพราะนี่ถือเป็นบล็อกกึ่งส่วนตัวของเค้า ถึงแม้จะเปิดให้คนทั่วไปอ่านได้ แต่ก็ควรแสดงความเห็นแต่ในเรื่องที่เกี่ยวข้อง ไม่ใช่มาลงโฆษณามั่วซั่วแบบนี้อ่า - -"


โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 28 มีนาคม 2549 เวลา:10:27:33 น.  

 

^
^
...ขอบคุณคุณบลูยอชท์มากครับ

ความเห็น 15 คาดว่าอย่างน้อยคุณก็คงเข้ามาอ่านแล้วค่อยโพสต์โฆษณา แต่ comment เช่นนี้ ไม่เป็นประโยชน์อันใดเลยครับ คิดว่าจะลบแต่เดี๋ยวคนอ่านคนอื่นจะงงว่าคุณบลูยอชท์หมายถึง comment แบบไหน เลยคิดว่าขอเก็บเป็นกรณี comment ตัวอย่างนะครับ ที่ครั้งหน้า ผมในฐานะเจ้าของบล็อกจะขออนุญาต ลบ ทันทีที่เห็น + block IP ที่เข้ามาโพสต์ / เช่นเดียวกับความเห็น 11 ครับ หากต้องการฝากข่าวฝากมาทางเมลล์ได้ครับ

ขอบคุณครับ

ปล ... มองในแง่ดี(สุดขีด) เดี๋ยวนี้เว็บดังขนาดมีโฆษณาเลยนะเนี่ย


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 28 มีนาคม 2549 เวลา:11:46:35 น.  

 
ไม่เป็นไรคับ ผมมาอาศัยอ่านบล็อกประจำ เพราะฉะนั้นต้องทำตัวให้เป็นประโยชน์หน่อย ... แล้วมันก็เป็นนิสัยผมอยู่แล้ว ที่ (ไม่ใช่ว่าผมชอบการปะทะหรือทะเลาะกันนะ) เวลาเจออะไรที่มันไม่เข้าท่าเข้าทาง ผมก็จะพูดออกมาตรงๆ อ่ะครับ ... แต่ผมเพิ่งรู้นะเนี่ย ว่าเจ้าของบล็อกมีสิทธิ์ลบ msg และบล็อก IP ได้ด้วย ดีแล้วล่ะคับ ... บล็อกตัวเอง แทบไม่เคยอัพเลย เลยไม่รู้ อายจัง


โดย: บลอชท์ยู IP: 210.1.33.130 วันที่: 28 มีนาคม 2549 เวลา:13:43:09 น.  

 
- อยากดูเรื่องนี้ค่ะ เพราะโดยส่วนตัวได้สัมผัส Crying out มาสามเวอร์ชั่นแล้วเหมือนพี่น่ะค่ะ แต่กุ้งอ่านเป็นการ์ตูนก่อน แล้วค่อยไปดูในโรง จากนั้นก็เป็นหนังสือ (แต่หนังสือยังอ่านไม่จบค่ะ จนเลิกอ่านไปแล้ว)

- ชอบเวอร์ชั่นหนังญี่ปุ่นที่สุดค่ะ เพราะชอบคำพูดเดียวกับที่คุณ cottonbook ชอบเลยค่ะ

- วันนี้กุ้งโดนกับประโยคนี้ของพี่มากเลยค่ะ "อย่าให้ความรักในวันวานมาเบียดเนื้อที่ของวันนี้" อยากให้แฟนได้อ่านจัง เฮ้อ

ป.ล. เว็บนี้ไม่ใช่มีแค่โฆษณานะคะ ก่อนหน้าก็มีข่าวให้ติดตามด้วย อิอิ


โดย: ลิปดา-พิลิปดา วันที่: 28 มีนาคม 2549 เวลา:15:24:00 น.  

 
ผมติดตามข่าวของการสร้างหนังเรื่องนี้มาตลอด เพราะตอนแรกได้ข่าวว่าจะเป็นการกำกับโดย กวัก ยอง แจ ซึ่งถนัดนักกับการทำหนังแนวนี้

เรียกว่ากลายเป็นสูตรสำเร็จไปแล้วมั้งครับสำหรับหนังจากเกาหลี ในการดำเนินเรื่องแบบนี้

แต่ผมว่ามันยังไม่สุดนะครับ...


โดย: infonoom วันที่: 28 มีนาคม 2549 เวลา:17:13:22 น.  

 
เรื่องนี้......ทำผมร้องไห้หนักเลย
สงสัยแพ้โรคลูคิเมีย T^T


โดย: Ackaru IP: 210.86.147.175 วันที่: 29 มีนาคม 2549 เวลา:2:07:16 น.  

 
มาถึงตอนนี้ ผมก็ระลึกได้ว่า
เพราะอากิเกิดก่อนผม ดังนั้นผมจึงไม่เคยใช้ชีวิตในโลกที่ไม่เคยมีเธอ มาก่อนเลย

(จากเวอร์ชั่นการ์ตูนค่ะ)


โดย: noir IP: 124.120.233.162 วันที่: 29 มีนาคม 2549 เวลา:3:05:42 น.  

 
ได้ดูหนังเรื่องนี้โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าดัดแปลงมาจากเรื่องอยากกู่ร้องฯของเวอร์ชั่นญี่ปุ่น มิน่าล่ะตอนดูแอบรู้สึกเหมือนกันว่าคล้ายกับเรื่องนั้นยังไงชอบกล

ปล.งานสัปดาห์หนังสือมีขึ้นแล้วนะคะ รู้สึกว่าคุณผมอยู่ข้างหลังคุณจะชอบแนวนักสืบ ตอนนี้คินดะอิจิรุ่นปู่ ออกภาคใหม่มาตั้ง 2 เล่มแน่ะ อย่าลืมไปซื้อนะคะ


โดย: พุดดิ้งสีชมพู IP: 58.8.135.223 วันที่: 30 มีนาคม 2549 เวลา:2:32:27 น.  

 
หวัดดีคะ ...เพิ่งมาเยือนเป็นครั้งแรกคะ
อ่านแล้วรู้สึกประทับใจ จะขอแวะมาบ่อยๆนะคะ

ได้ดูหนังเรื่องนี้มาแล้วคะ ดูเพราะชอบพระเอก
แต่ไม่ได้เคยดูเวอร์ชั่นญี่ปุ่นหรืออ่านหนังสือมาก่อน เลยไม่มีข้อเปรียบเทียบใด ส่วนตัวแล้วรู้สึกประทับใจหนังเรื่องนี้พอสมควรนะ มีคำพูดน่าประทับใจเยอะดีคะ ไม่ว่าจะเป็นของพระเอก นางเอก หรือคุณปู่

เสียอย่างเดียว ไม่น่าไปดูพากษ์ไทยเลย เสียงป้าดวงดาวมีเอกลักษณ์จนทำให้จำได้ว่า ใครคือคนพากษ์อ่ะ ดูไปเพลินก้อมีหน้าป้าฯลอยมาเป็นระยะๆคะ อิอิ





โดย: เหมือนจะไม่คิดถึง IP: 124.121.71.213 วันที่: 31 มีนาคม 2549 เวลา:0:25:19 น.  

 
อ่านลงมาถึง comment โฆษณาแล้วลืมเลยว่าจะ comment เกี่ยวกับหนังว่าอะไร - -''

แปลดีนะคนสมัยนี้ เกรงใจกันน้อยลง เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวกันมากขึ้น

เข้าเรื่องดีกว่า My Girl and I เรื่องนี้ผมเห็นด้วยกับคุณ"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ตรงที่ **อายุของนักแสดง** อย่างมากเลย เพราะตั้งแต่หนังเริ่มฉาย
ผมแทบจะไม่เชื่อเลยว่าตัวเอกของเรื่องเป็นเด็กมัธยมจริงๆ (พยายามจะเชื่อนะ แต่ทำไม่ได้จริงๆ - -')
ด้วยเหตุนี้มั้ง ทำให้แทนที่จะซึ้ง และอินไปกับตัวหนัง ผมกลับนั่งดูการแสดงของตัวละครมากกว่า

อ่อใช่ ผมเพิ่งไปดู Daisy มาเมื่อคืน ผมว่า Daisy สนุกกว่าเยอะเลย (ส่วนหนึ่งก็เพราะ Ji Hyun )


โดย: hAmlet IP: 124.121.136.250 วันที่: 31 มีนาคม 2549 เวลา:9:34:03 น.  

 
อืมม์ ดูออกมาแล้วก็รู้สึกซึ้งประมาณนึง
แต่ไม่มากไม่รู้ทำไม
พออ่าน comment ของคุณจบ ก็นึกออกเลยว่าตอนดู รู้สึกตลอดเวลาว่านักแสดงไม่ใช่วัยมัธยมแล้ว
มันดูแล้วไม่สามารถทำให้เชื่อได้จริงๆ
เพราะงั้น เวลาพระเอกนางเอกพูดประโยครักใสๆ ด้วยท่าทางขวยเขินตามวัยมัธยม มันเลยทำให้เราไม่อินอ่ะ
ว่าแล้วก็ เดี๋ยวไปหา Crying Out มาดูดีกว่า อยากดูให้ครบ 2 versions
คุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" รีบไปดู Inside Man มานะคะ จะรออ่าน comment ดีๆอีกค่ะ


โดย: Pig Can Fly IP: 124.120.145.232 วันที่: 31 มีนาคม 2549 เวลา:11:33:01 น.  

 
อยากให้ comment Daisy กะ Inside Man เร็วๆคะ
อืม อยากรู้ว่าเพลง soundtrack ตอนเปิดเรื่อง Inside man เนี่ยชื่อเพลงอะไรคะ


โดย: tong IP: 202.28.181.10 วันที่: 31 มีนาคม 2549 เวลา:14:15:25 น.  

 
ลิปดา-พิลิปดา...เวลาบอกแฟนก็อย่าลืมบอกว่า ต้องใช้เวลานะครับ เพราะประโยคที่ว่าเป็นหนึ่งในประโยคกลุ่มพูดง่ายแต่ทำยากน่าดู

พุดดิ้งสีชมพู ... งานสัปดาห์หนังสือปีนี้ผมกำลังลังเล และ มีวี่แววว่าจะไม่ไปครับ อาจรอไปอีกทีช่วงปลายปี ด้วยเหตุผลดีๆดังนี้
1.ตังค์ไม่ค่อยมี
2.ไอ้เป็นสิบๆเล่มของงานงวดก่อนยังไม่ได้แตะเลย นั่งเห็นกองหนังสือเหมือนนั่งมองกองเงิน3-4000บาทที่เอาไปทำอะไรไม่ได้ เลยคิดว่าถ้าไปซื้อมาคงได้แต่เอามากองรวมกัน รอทะยอยอ่านให้จบก่อนค่อยซื้อท่าจะดี (คินดะผมเพิ่งจบแค่เล่มแรกเอง)

เหมือนจะไม่คิดถึง ... ยินดีต้อนรับกับการมาเยือนครั้งแรกครับ จะรอคอยการมาเยี่ยมครั้งถัดๆไป

hAmlet/Pig Can Fly/tong ... เดิมนั้นอยากดู Daisy มากครับ พอรู้เมื่อวานว่าหนังฉายแต่พากษ์ไทยเท่านั้น ก็เลยเซ็งแบบฉับพลัน เปลี่ยนแผนเป็นรอดูแผ่นแทน น่าเสียดาย นึกว่าอย่างน้อยเอเพ็กซ์น่าจะมีเสียงต้นฉบับ ก็ไม่มี ส่วน Inside man อยากดูมากๆเหมือนกันจะไปดูพุธหน้าครับ รออ่านนานหน่อยนะครับแต่อย่าเพิ่งหนีกันไปซะก่อน อ่านเรื่องอื่นๆรอฆ่าเวลาแล้วกันนะครับ

ปล ... เมื่อวานไปดู ฮะโหน่งมาแว้ว ที่เซ็นจูรี่ ปรากฎว่าโปรโมชั่น 3 ใบ 240 หมดแล้วนะครับ / ตัวอย่าง Ice age 2 น่าดูมากๆ เสียดายเจอโรคเลื่อนไปเป็นสงกรานต์ แล้วอาทิตย์หน้าจะมีอะไรดูละเนี่ย โปรแกรมไม่ค่อยน่าสนใจทั้งคู่เลย(ลาง-หลอก-หลอน VS. รังสีอัลตร้าไวโอเล็ตของหนูมิลล่า โจโนวิช)

...ขอบคุณครับกับความเห็นท่านอื่นๆที่แวะเข้ามาแสดงความเห็นทักทายพูดคุยกันครับ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 31 มีนาคม 2549 เวลา:16:46:24 น.  

 
อยากดูจังเลย แต่ยังไงก็ชอบเวอร์ชั่นญี่ปุ่นมากกว่า
ขอบคุณมากๆนะค่ะที่เอามาให้อ่านกัน


โดย: N* IP: 203.114.125.156 วันที่: 1 เมษายน 2549 เวลา:19:45:21 น.  

 
หุๆ อาทิตย์นี้อาจเป็นสัปดาห์แรกในรอบ 2 เดือนกว่าๆ ที่ไม่มีหนังที่ผมอยากดูเข้าฉายเลย (หนังอินดี้ที่อยากดูก็ยังไม่เข้า อย่าง Red lights, Hell, Broken flowers, Perhaps love, Match point รู้สึกจะเป็นอาทิตย์ถัดๆ ไปกันหมด) ... อย่าง Ultra นี่ แค่ดูหนังตัวอย่างก็ขำขำแล้ว แถมเจอคะแนนวิจารณ์ (~20/100 หรือบางที่ก็ให้เกรด D+ ถึง D) อีก ... ว่าแต่น้องนู๋โจโววิชนี่ ทำไมพักหลังเธอได้แต่บทประมาณนี้บ่อยจังหว่า?!?


โดย: บลูยอชท์ IP: 210.1.33.130 วันที่: 3 เมษายน 2549 เวลา:11:05:47 น.  

 
ได้ดูเรื่องนี้แล้วล่ะค่ะ เค้าดูหลายเวอร์ชั่นแล้วอ่ะ
ก็เลยไม่ซึ้งเท่าไร


โดย: เฮ้อ................ IP: 58.147.10.227 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:18:03:06 น.  

 
ได้ดู version ญี่ปุนแล้ว ชอบมากๆ ยังไม่ได้ดูเกาหลีเลย


โดย: CuteCie IP: 58.11.214.175 วันที่: 5 เมษายน 2549 เวลา:18:12:57 น.  

 
ไปดูมาแล้วค่ะ ชอบพอสมควรเลย ^^


โดย: เด็กน้อย IP: 203.209.107.8 วันที่: 7 เมษายน 2549 เวลา:13:58:50 น.  

 
พี่ ผมอยู่ข้างหลังคุณ ได้ไปดู Daisy มารึยังคะ หนูได้ดูทั้งสองเรื่องในเวลาไล่เรี่ยกัน อืม.. ชอบ Daisy มากกว่าแหละค่ะ แต่จริง ๆ ก็ชอบ My Girl and I แหละนะคะ แต่ว่า ก่อนไปดูดันไม่รู้น่ะค่ะว่ามันคือ Crying out ฯ ก็เลยแอบผิดหวังน่ะค่ะ (สารภาพว่า เรื่องนี้อ่านหนังสือแล้ว ดูซีรีย์ไปอีกนิดหน่อย แต่ไม่จี๊ดเลยอย่างแรง พอดู My Girl ฯ เลยไม่ได้ซึ้งเท่าไหร่น่ะค่ะ)


โดย: rough scape IP: 203.107.217.194 วันที่: 8 เมษายน 2549 เวลา:21:23:27 น.  

 
rough scape ... Daisy ไม่มีโรงไหนฉายเสียงในฟิล์ม ก็เลยว่าจะรอดูแผ่นแทนครับ (เซ็งบริษัทที่นำเข้าหนังเรื่องนี้เหมือนกันนะเนี่ย ไม่ยอมลงทุนเลย หนังเกาหลีตั้งหลายเรื่องที่อย่างน้อยฉายเสียงในฟิล์มที่ลิโด้ เรื่องนี้ฟอร์มออกจะใหญ่แต่กลับขี้เหนียวซะงั้น ก็เลยประท้วงไม่ดูในโรง )

...ขอบคุณครับสำหรับทุกความเห็นอื่นๆและความเห็นถัดๆไป


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 9 เมษายน 2549 เวลา:1:03:34 น.  

 
น่าไปดูนะครับ.........................


โดย: น้องท็อป IP: 125.25.16.213 วันที่: 10 เมษายน 2549 เวลา:12:18:15 น.  

 
ชอบมากค่ะ


โดย: amikensai IP: 202.176.170.121 วันที่: 11 เมษายน 2549 เวลา:20:44:27 น.  

 
ยังไม่ได้ดู (อีกแล้ว) และก็จะหาหนังมาดูจ๊ะ เราเห็นหนังสือแล้วเหมือนกันแต่ว่ายังไม่ได้อ่านนะ สรุปว่า a little bit behind จริงๆ


โดย: buaying846@rayong IP: 129.215.16.12 วันที่: 30 เมษายน 2549 เวลา:15:05:40 น.  

 
แต่เราผิดหวังกับเรื่องนี้พอสมควรคะ เสียดายใช้ทรัพยากรไม่คุ้มค่านะเราว่า


โดย: ริ้วทรายภายใต้แสงจันทร์ วันที่: 11 พฤษภาคม 2549 เวลา:22:23:24 น.  

 
ไม่ค่อยอินแล้ว
เพราะว่าดู Crying out love in the center of the world มาหลายที ทั้ง version หนัง ละคร และหนังสือ


โดย: แม่คาปู IP: 203.144.184.61 วันที่: 31 กรกฎาคม 2549 เวลา:14:17:27 น.  

 


โดย: ฏฎธ๊ณ IP: 125.24.130.140 วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:53:25 น.  

 
อันตัวเรานั้น อยากเป็นพระเอกในเรื่อง my girl and I จังเลย เพราะได้จูบกับ ซอง แฮ...


โดย: love love IP: 125.25.230.20 วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:12:42:41 น.  

 
ชอบที่ปู่พูดเกี่ยวกับเรื่องทางที่ทุคคนเลือกเป้นเส้นทางที่เราเลือกเองทั้งหมด


โดย: chee1313 IP: 61.7.129.164 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2554 เวลา:13:58:35 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
27 มีนาคม 2549
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.