The Devil Wears Prada , (จากหนังสือมาเป็นหนัง) ร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
จากหนังสือ
...Andrea Sachs หญิงสาววัย 23 ปี อยากเป็นนักเขียนในนิตยสาร เดอะนิวยอร์กเกอร์ แต่เธอจับพลัดจับพลูหลงมาประจำการอยู่ นิตยสารแฟชั่นชั้นนำ Runway ในตำแหน่ง ผู้ช่วยจูเนียร์ของ Miranda Priestly บก.ประจำ Runway ตำแหน่งงานที่ผู้ช่วยคนเก่าบอกเธอว่า มีผู้หญิงเป็นล้านยอมตายเพื่อจะได้งานนี้
ถัดจากนั้น เนื้อหาส่วนที่เหลือในหนังสือ คือ ความเลวร้ายในชีวิตที่ Andrea ต้องคอยรับมือกับพฤติกรรมเอาแต่ใจและร้ายกาจอย่างแสบสันต์ของ Miranda ซึ่งเป็น ตัวร้าย ในนิยายประเภทร้ายด้านเดียวเหมือนตัวการ์ตูนอย่างแท้จริง
Miranda คือ เจ้านายประเภทไม่เห็นใจ และ ไม่เห็นหัว ของลูกน้อง เป็นคนเรื่องมากจุกจิก ชนิดสั่งงานผิดๆแล้วพอผิดก็ไม่ยอมรับ สั่งแล้วสั่งอีก ตามจิกไม่เว้นเวลาพักผ่อน ทุกอย่างต้องให้ได้ทันใจ ชนิดอ่านหนังสือไปเราจะได้ยินเสียงแผดร้องสั่งงานของเธอทุกสิบหน้ากระดาษ
...แม้ Miranda จะร้ายยังไง แต่ Andrea ก็ไม่ยอมออกจากงาน แม้จะพร่ำบอกว่าเกลียดจับใจ จนอยากจะฆ่า Miranda เสียให้ตายคามือ เธอก็ยังคงมุ่งมั่นกับหน้าที่ด้วยความหวังว่าความฝันของเธอจะได้เป็นจริง
แล้วเราก็จะได้เห็น Andrea ค่อยๆปรับตัวรับกับงานได้มากขึ้น ตรงข้ามกับชีวิตส่วนที่เหลือที่เธอค่อยๆสูญเสียมันไป ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่ , Alex แฟนที่แสนดี หรือ เพื่อนสนิทของเธอ
เธอคิดว่าไม่มีใครพยายามจะเข้าใจเธอ โดยเธอไม่รู้ตัวว่า เธอเองต่างหากที่ไม่พยายามเข้าใจคนอื่น
ความมุ่งมั่นในงานของเธอคือ ชีวิตที่กำลังจะตกขอบ ไม่ต่างจาก Miranda
ตัวอย่างของคนที่ใช้ชีวิตตกขอบมากเกินไป หากแบ่งขอบเป็นซ้าย-ขวา เช่น ขอบซ้ายสุดคือคนที่ไม่สู้ชีวิต เกียจคร้าน ปล่อยชีวิตให้ล่องลอย ในขณะที่ขอบขวาสุด คือ คนที่บ้างาน สนใจแต่ตัวเองกับงาน ไม่สนใจคนรอบข้าง ชีวิตที่ตกขอบทั้งสองด้านนี้ หาความพอดิบพอดีไม่ได้ และ มันก็จะทำให้คนของสองขอบนี้หาสิ่งที่เรียกว่า ความสุขแท้จริง ไม่เจอ บางคนกว่าจะรู้ตัวก็ต้องเสียใจเมื่อรู้ว่าตัวเองต้องแลกกับสิ่งดีๆในชีวิตที่มันผ่านมาแล้วจากไปแล้วไม่รู้กี่หน
มีจดหมายฉบับหนึ่งส่งมายังกองบก.ของ Runway เนื้อหาประมาณว่า ศรัทธา Runway และมี Miranda เป็นต้นแบบในชีวิต เมื่อ Andrea อ่านจดหมายฉบับนี้จบ เธอบรรยายความคิดของเธอในหนังสือว่า มีเด็กสาวอีกกี่คนที่ไม่มีวันรู้เลยว่า บุคคลที่เธอปลาบปลื้มเป็นเพียงผู้หญิงแสนโดดเดี่ยว ไร้สุข และ อารมณ์ร้ายฉุนเฉียวตลอดเวลา ไม่ควรค่าแก่ความสนใจและความรักบริสุทธิ์เลยแม้แต่นิดเดียว
คำบรรยายข้างต้นนั้น ในความคิดเธอมันหมายถึง Miranda โดยไม่รู้ตัวว่า มันก็คือตัวเธอที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปเหมือน Miranda มากขึ้นทุกที
The Devil Wears Prada ... เสียดสีโลกแฟชั่นที่มัวเมาไปกับหุ่นเพรียวลมจนเข้าใกล้โรคที่เรียกว่า anorexia nervosa ไปทุกขณะ เนื้อหาในหนังสือยังแดกดันชีวิตในกระแสสังคมที่แล่นเร็วและเชี่ยวกราก จนทำให้หลายๆคนมีชีวิตคล้ายกับนางเอกของเรื่องที่ต้องต่อสู้กับชีวิตอย่างเพลิดเพลิน มัวเมาไปกับหน้าที่การงานจนลืมคนรอบตัวในที่สุดก็ถูกกลืนกินเป็นส่วนเดียวกับกระแสนั้นที่ตัวเองเคยเกลียดอย่างไม่รู้ตัว
งานเขียนชิ้นนี้เป็นงานเขียนชิ้นแรกของ Lauren Weisberger ที่ว่ากันว่า เธออาศัยประสบการณ์ส่วนตัวมาเล่าเรื่องขณะเป็นเด็กฝึกงานที่วารสาร Vogue และแน่นอนตัวละคร Miranda ก็มาจากหัวหน้าของเธอในเวลานั้นมีชื่อว่า Anna Wintour
หนังสือเล่าเรื่องเหมือนนางเอกมาเม้าธ์และปรับทุกข์อย่างสนุกสนานผ่านความแสบสันต์ของตัว Miranda ดุจดั่งแม่มดในเทพนิยายปรัมปราที่มีแต่ความร้ายอย่างไร้ความดี การเล่าเรื่องบรรยายได้อย่างดุเด็ดเจ็บแสบ ต้องชมคนแปลด้วยที่แปลได้ถึงอกถึงใจได้อารมณ์ดี
แต่เมื่ออ่านไปกว่าค่อนเล่มแล้วพบว่า เนื้อหาส่วนใหญ่มีแต่ ความร้ายกาจของ Miranda และ วิธีการรับมือเอาตัวรอดของ Andrea จนรู้สึกว่า มันเหมือนคู่มือเอาตัวรอดจากนางมาร ก็พาลทำให้รู้สึกเบื่อๆได้เหมือนกัน เพราะจะว่าไปแล้ว ยังมีอีกหลายประเด็นที่น่าสนใจและขยายความให้หนังสือมีอะไรมากไปกว่า การบรรยายความร้ายของ Miranda ได้ แต่ก็ดูเหมือนผู้เขียนจะแค่แตะผ่านๆและเน้นให้คนอ่านได้เพลิดเพลิน กับ ความร้ายและความทุกข์ของสองตัวละครในเรื่องมากกว่า
มาเป็นหนัง
และเมื่อ นางมารอย่าง Miranda เดินตัวปลิวออกมาจากหน้ากระดาษ ด้วยฝีไม้ลายมือของ Meryl Streep เราก็จะพบว่า ความร้ายนั้นยังคงไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือ Meryl Streep ทำให้บท Miranda แอบมีด้านที่เปราะบาง อ่อนไหว และ ด้านที่ดีงามในฐานะเจ้านาย มากกว่าจะเป็น นางแม่มดไร้หัวใจ เหมือนเช่นในนิยายต้นฉบับ
...จะไม่แปลกใจเลยถ้าจะได้เห็นชื่อของเธอ เข้าชิงรางวัลในเทศกาลล่ารางวัลต้นปีหน้า การแสดงในบท Miranda ของ ป้าเมอริล เป็นบทที่เด่นและไม่ใช่ใครๆก็เล่นได้ ตัวบทนี้อาจไม่ได้มีมิติอารมณ์มากมาย ไม่ได้แสดงความหลากหลายของความรู้สึกเท่าบทดราม่าหนักๆที่เธอเคยทำมา แต่เธอก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ไม่ว่าบทจะเป็นเช่นไร ขอแค่มีสิ่งที่เรียกว่า ฝีมือ ก็สามารถยกระดับให้บทบาทการแสดงนั้นน่าจดจำและขึ้นหิ้งได้ ด้วยพลังของนักแสดงและการใช้สีหน้ากิริยาท่าทางของเธอ สามารถเอาหนังได้อยู่หมัด และ ผลักดันหนังไปข้างหน้า จากการใช้แค่เพียงหางตาและหางเสียง โดยเฉพาะหลายๆฉากสำคัญที่คนดูยากที่จะลืมเธอลง ไม่ว่าจะเป็น
ทุกฉากที่เธอจบบทสนทนาด้วยความไม่ใยดี , ฉากเธอกวาดสายตามอง Andrea หัวจรดเท้า , ฉากเธอวางมาดนางพญาในงานเลี้ยง , ฉากเธอเปลี่ยนสีหน้าชนิดหน้ามือเป็นหลังมือบนรถตอนจบ และ ฉากสั่งสอน Andrea เรื่องสีฟ้า
.. ฉากสีฟ้า นี้ไม่ได้น่าสนใจแค่การร่ายคำสอนของ Meryl Streep ที่ประดุจครูไหวใจร้ายสั่งสอนลูกศิษย์ ฉากนี้ยังเป็น ฉากสั่งสอนที่เจ็บแสบสำหรับคนรุ่นใหม่ที่ชอบดูถูกคนอื่นที่แตกต่างจากตัวเอง เช่น บางคนในสายวิทย์ชอบดูถูกเด็กศิลปะว่าทำตัวไร้สาระ หรือ เด็กศิลป์ชอบมองเด็กวิทย์ว่าเต่าตุ่นบ้าตรรกะ ทั้งที่ความจริงแล้ว ชีวิตของคนเราล้วนมีทุกๆสิ่งแฝงอยู่ทุกด้านทุกมุม และ ทุกเนื้องานล้วนมีความสำคัญในการผลักดันให้โลกหมุนไปข้างหน้า
Andrea ในหนังรับบทโดย Anne Hathaway ก็ยังคงเหมือนกับ Andrea ในหนังสือ ที่สะท้อน ชีวิตของคนหนุ่มสาวที่ก้าวออกมาจากโลกมหาวิทยาลัยเข้าสู่สังคมของการทำงานจริงที่ไม่ได้มีแค่การสอบเอาคะแนนในตำรา สังคมที่ไม่ใช่ต่างคนต่างสอบและก็รับผิดชอบแค่ชีวิตตัวตัวเอง
...สังคมที่บททดสอบต่างๆถูกส่งมาท้าทายให้เราต้องเลือกเดิน และ เลือกตัดสินใจ
การตัดสินใจที่ บางครั้งเราต้องจะเลือกว่า เราจะเห็นแก่ตัวเองมากแค่ไหน และ เราจะแคร์คนอื่นมากเพียงใด
เราสามารถที่จะทำลายความฝันของเพื่อนเพื่อเอาตัวรอดหรือไม่ หรือ เราพร้อมหรือไม่ที่จะเหยียบย่ำความฝันของคนอื่นเพื่อไปให้ถึงฝั่งฝันของตัวเอง
... และในกระแสสังคมของคนทุกวันนี้ ยังต้องพบกับกระแสของวัฒนธรรมและกระแสของยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ไม่ว่าจะเป็น ยุคบริโภคนิยม , ยุคทุนนิยม ฯลฯ สุดแล้วแต่ว่า สังคมที่เราอาศัยอยู่นั้นจะมีคลื่นแบบไหนที่พัดเราให้ล่องลอยตามไป และ หลายคนที่หลักไม่ดี ก็อาจปล่อยให้เป้าหมายชีวิตที่เคยตั้งไว้ต้องหลุดลอย เพราะกระแสสังคม เช่นเดียวกับ Andrea
การถูกกลืน"ตัวตน"ไปในกระแสสังคมที่อาศัยอยู่ ก็เหมือนกับวิถีชีวิตที่ Cady Heron (Lindsay Lohan) นางเอกใน Mean girls เคยโดนมาก่อนหน้านั้น
Cady Heron ถูกกลืนกิน ตัวตน จาก ความเป็นสาวพลาสติก เพราะ การเป็นสาวพลาสติกทำให้เธอได้เด่นและเป็นที่ยอมรับ เธอจึงค่อยๆถูกความหวานของเปลือกนอกกลืนกินตัวตนที่แท้จริงไป
Andrea ถูกกลืนกิน ตัวตน จาก งานและความสำเร็จ เพราะ เธอคิดว่าถ้าเธอสามารถเอาชนะและก้าวไปเป็นนักเขียนที่ใฝ่ฝัน ความสำเร็จนั้นจะทำให้เธอจะเข้าใกล้ความสุขในชีวิต
สองตัวละครเคยรังเกียจ คนบางกลุ่ม แต่สุดท้ายทั้งคู่ ก็กลายเป็นพวกเดียวกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ และ ไม่อาจสลัดหลุดออกมา จนกระทั่งกว่า "ตัวตน" จะได้สติกลับคืน ก็ต่อเมื่อ ต้องสูญเสียอะไรไป
Andrea อยากได้งานในฝัน แต่นั่นหมายถึง เธอต้องค่อยๆเอาชีวิตออกห่างจาก คนรัก และ เพื่อนๆฝูง แต่ทั้งคนรักและเพื่อนฝูงก็คงไม่ถึงขีดสุด ถ้าพวกเขาไม่พบว่า Andrea ไม่ได้เปลี่ยนไปแค่ภายนอก สิ่งที่เธอกำลังเปลี่ยนแปลงไปไม่ใช่แค่ เสื้อผ้าหน้าผม แต่คือ ตัวตน ที่แท้จริง
... การถูก สินค้า หรือ งาน กลืนกินชีวิต จนเปลี่ยนไป เชื่อว่าหลายคนก็คงเคยได้เจอกับตัวเอง เมื่อเพื่อนคนเดิมจากเคยชวนกันไปสนุก ชวนคุยกันเรื่องสมัยเรียน คุยเรื่องครอบครัว คุยเรื่องความรัก แต่ เดี๋ยวนี้เจอกันแต่ทุกครั้ง ก็มีแต่คุยเรื่องสินค้าที่ขายอยู่ คุยเรื่องงานที่ทำอยู่ คุยเรื่องเป้าหมายที่กำลังไต่ระดับ ชนิดไม่สนใจเราแม้แต่น้อย เหมือนพูดคนละภาษา เพราะหวังแต่จะขายงานของตัวเอง เช่น
สมชาย : ว่ายังไง สมศรีเราไม่ได้เจอกันนาน สบายดีหรือเปล่า
สมศรี : นั่นซิสมชาย หน้าเธอดูผิวไม่เนียน ใช้สบู่อะไรอยู่ ลองสบู่ แอมทีน ของเรามั้ยใช้แล้วผิวดีมั่กๆ
สมชาย : ไม่เป็นไร เราใช้น้ำเปล่าล้างตลอด แล้วเธอละกับแฟนเป็นยังไงบ้าง
สมศรี : เหรอสมชาย ถ้าอย่างนั้น ลองใช้เครื่องกรองน้ำ แอมทีน ของเราดีมั้ย น้ำจะได้ใสสะอาดบริสุทธิ์
...ไม่น่าแปลกใจที่ ไม่ว่าจะเป็น สมศรี หรือ Andrea หรือ ใครต่อใคร ต่างไม่รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังเปลี่ยนแปลงไป เพราะพวกเขาเหล่านั้น มักจะเพลิดเพลินกับสิ่งยั่วเย้าที่เข้ามาให้รางวัลชีวิต และ ถูกดึงดูดด้วยเป้าหมายฝันเลื่อนลอยตรงหน้า
จุดเล็กๆจุดเดียวที่เราและเขาเหล่านั้นลืมนึกไป นั่นคือ ถ้าเราไปถึงจุดนั้นมันจะเกิดอะไรขึ้นมา
เราวิ่ง เราต่อสู้เพื่ออะไร หากการได้มาซึ่งความฝันที่ไขว่คว้าต้องละทิ้งความสุขแท้จริงที่อยู่ข้างตัวเรา ความสุขที่ไม่ได้มีราคาที่ต้องแลกเปลี่ยน ความสุขจากครอบครัว จากพ่อแม่ และ จากคนที่รักห่วงใยเรา
ไม่ผิดอะไรที่เราอยากจะเข้าใกล้ความฝัน อยากจะประสบความสำเร็จ แต่ เราจะแบ่งความสมดุลในสมการชีวิตของเราอย่างไร เราจะทำเพื่อตัวเองมากแค่ไหนเพื่อไปให้ถึงเป้าหมาย
...ใครต่อใครต่างเดินห่างจาก Andrea เธอเองก็ยังไม่เข้าใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง จนกระทั่งวันที่เธอได้ส่องกระจกบานใหญ่มองเห็นตัวเอง
และ
กระจกบานนั้น คือ Miranda หญิงสาวที่แม้จะมีผู้คนมากมายรายล้อม แต่ทุกคนนั้นล้วนทิ้งระยะห่างจากหัวใจเธอ
ภาพที่ Miranda หักหลัง คนใกล้ตัว เป็นกระจกบานใหญ่ให้ Andrea ได้ส่องตัวเอง ที่กำลังค่อยๆเปลี่ยนไปเป็น Miranda อย่างไม่รู้ตัว
ไม่แน่ว่าที่ Miranda เคยบอกว่า Andrea อยากเป็นอย่างเธอ ในตอนท้ายที่เธอได้มองเห็น Andrea เดินบนถนนอย่างมีอิสระและได้ทวงชีวิตของตัวเองกลับมาอีกครั้ง Miranda เองอาจไม่รู้ตัวว่า ลึกๆแล้ว อาจจะเป็นเธอเองที่อยากมีชีวิตอย่าง Andrea เพียงแต่ว่า เธอมาไกลเกินกว่าจะย้อนกลับไปได้อีก
ด้วย บุคลิกแบบ type A - personality ที่งานคือทุกอย่างเหนือชีวิต มุ่งมั่นแข่งขัน ใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ ดุร้ายเจ้าอารมณ์ นั่นทำให้ งานทุกชิ้นออกมาในระดับยอดเยี่ยมสมบูรณ์แบบ แต่สิ่งที่ต้องสูญเสียไป คือ ชีวิตครอบครัวและชีวิตส่วนตัว เพราะงานกินเวลาชีวิตมาก จนไม่มีเวลาเหลือให้แม้แต่เสียใจหรือรู้สึกร่วมกับเรื่องใดๆที่เข้ามาในชีวิต (ดูได้จากฉากหน้าไร้เครื่องสำอางตอนท้ายที่เธอนั่งคุยกับ Andrea)
Miranda อาจสนุกกับงาน มีความสุขกับงานที่ทำ แต่ มันคือความสุขแค่เปลือกที่ต้องให้วัตถุภายนอกมาชดเชยชีวิตตัวเอง หากวันใดงานหมดลงหรือไม่มีงาน ชีวิตของคนอย่าง Miranda อาจต้องพบความล้มละลายทางชีวิต เมื่อพบเห็น แผลในใจจากชีวิตส่วนตัวที่กลบไว้ไม่เคยเยียวยา
บางครั้งคนเราก็หลงลืมไปว่า ความสุขแท้จริงนั้นมันอยู่ข้างใน เพราะเรามัวแต่เร่งเวลาทุ่มเทไปให้กับ ความสุขจากเปลือกรอบนอกตัว ...The Devil Wears Prada จากหนังสือ ไม่ได้ทำให้ผมประทับใจมากมายนัก แต่เมื่อมันแปรเปลี่ยนมาเป็นหนัง กลับกลายเป็นความยอดเยี่ยมของหนัง comedy ในตระกูล chick-lit ที่ผมชอบมากที่สุดนับตั้งแต่ ไดอารี่ของหนูบริดเจท เป็นหนังที่ดีกว่าที่คาดหรือหวังไว้มากมายนัก
บทภาพยนตร์เรื่องนี้จัดได้ว่าเป็นการดัดแปลงที่ยอดเยี่ยม และ เป็นหนังที่สร้างจากนิยายได้ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง ใครที่ชอบความแสบสันต์ร้ายกาจของ Miranda อาจรู้สึกผิดหวังตรงที่ ในหนังดีกรีความร้ายลดลง แต่ ผมชอบมากกว่าในหนังสือ เพราะว่า ความร้ายในนิยายเมื่อผ่านไปถึงหน้าหลังๆมันทำให้ผมเริ่มเบื่อมากขึ้น จนความแบนราบของตัวละครตัวนี้ไม่มีอะไรที่น่าสนใจอีกต่อไป แถมสัดส่วนในหนังสือก็มีแต่ ความร้ายของ Miranda กว่า 80 เปอร์เซ็นต์
ในขณะที่หนังแบ่งน้ำหนักให้กับ ความร้ายของ Miranda ไปให้สูสีกับ ชีวิตที่เปลี่ยนแปลงไปของ Andrea ได้อย่างสมดุล นั่นจึงทำให้หนังมีข้อคิดคติสอนใจให้เราได้เห็น ภาพชีวิตคนทำงานในยุคปัจจุบัน ซึ่งมันก็อาจสะกิดตัวเราได้เหมือนกัน ว่า เราเองก็อาจมีบางอย่างที่คล้าย Miranda กับความบ้างานจนไม่มีเวลาให้เรื่องใดๆและร้ายกาจสุดฤทธิ์ หรือ เป็น Andrea ที่กำลังค่อยๆสูญเสียอย่างช้าๆ และกำลังจะกลายเป็นคนที่ไขว่คว้าหาความสุขที่ไม่มีอยู่จริง
แน่นอนว่า Meryl Streep คือความยอดเยี่ยมอันดับหนึ่งในหนังเรื่องนี้ แต่อีกความยอดเยี่ยมที่มาพร้อมๆกัน คือ นักแสดงรายอื่นๆที่ล้วนฝากฝีมือการแสดงชั้นดีให้คนดูจดจำ ไม่ว่าจะเป็น Anne Hathaway ที่หลังจากไปโชว์เนื้อหนังและฝีมือการแสดงไปแล้วใน Brokeback mountain , Havoc มาถึงเรื่องนี้เธอก็ยังคงใช้ความน่ารักเข้าสู้และประมือทางการแสดงกับเจ้าป้าข้ามรุ่น Meryl Streep ได้อย่างพอฟัดพอเหวี่ยง ดูแล้วเธอมีพัฒนาการดีขึ้นมากนับตั้งแต่เล่นเป็นเจ้าหญิงยิ้มหวานอย่างเดียวใน princess diaries
Stanley Tucci ในบท Nigel ก็เยี่ยมเป็นอย่างยิ่ง สามเรื่องล่าสุดที่ภาพการแสดงของเขาประทับใจติดตา ซึ่งเขาแสดงให้เห็นว่า เขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นตัวละครเหล่านั้นได้อย่างมีเสน่ห์ ไม่ว่าจะเป็น นักเรียนเต้นรำความมั่นใจต่ำใน Shall we dance หรือ หัวหน้าจอมเฮี้ยบประจำสนามบินใน The terminal มาจนถึง เกย์เกจิดีไซเนอร์ของวงการแฟชั่นในหนังเรื่องนี้ และอีกหนึ่งตัวละครสำคัญที่เล่นได้ น่ารักน่าหมั่นไส้และน่าสงสารมากคนหนึ่ง ก็คือ Emily Blunt ในบท Emily ซึ่งเป็นอีกบทที่เด่นและเล่นได้ดีมาก น่าเสียดายที่ใครต่อใครล้วนจดจำได้แต่สามบทบาทข้างตน จนอาจจะลืมไปว่ายังมีเธอเป็นอีกหนึ่งเพชรเม็ดงามในหนังเรื่องนี้
การกำกับของ David Frankel ที่ฝากฝีมือส่วนใหญ่เป็นงานกำกับหนังซีรี่ส์ เช่น บางตอนของ Entourage และ Sex and the City ก็เป็นอีกหนึ่งส่วนที่น่าชื่นชม เพราะเขาคุมองค์ประกอบทั้งเรื่องได้อย่างลงตัว เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่จังหวะของหนังลงตัวตั้งแต่ต้นจนจบ ไม่มีช่วงไหนที่คนดูจะรู้สึกว่าเยิ่นเย้อยืดเยื้อ หรือ เร่งรีบ หนังผสมผสาน แฟชั่น + มุกตลก + ข้อคิดสอนใจ+ ความร้ายของมิแรนด้า เข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ
สิ่งที่ชอบ
1.Meryl Streep
ชมจนไม่รู้จะชมยังไงอีกแล้ว ได้แต่รอลุ้นว่า นอกจากลูกโลกทองคำที่ฟันธงว่าเข้าชิงแน่ๆในสาขาหมวดคอมิดี้ ยังจะมีรางวัลใดเหลียวมามองเธออีกบ้าง แม้ว่า นี่จะไม่ใช่บทดราม่าประเภทเคร่งขรึม น้ำตาตกใน ระเบิดอารมณ์ อมทุกข์ แต่ บทคอมิดี้เช่นนี้แล ที่เล่นยากยิ่งนักจึงจะได้ออกมาขนาดนี้
2.จากหนังสือมาเป็นหนัง
เป็นผลงานการดัดแปลงที่ดีมาก การคัดเลือกนักแสดงเป็นผลงานที่น่าทึ่งที่แต่ละคนสามารถถ่ายทอดอารมณ์จากหนังสือออกมาได้เหมือนกับว่า หนังสือสร้างจากหนังเสียด้วยซ้ำ และ ไม่ใช่แค่เอาคนมาสวมบทแล้วเล่นตามตัวหนังสือ การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดในหนังถือว่าเป็นการเลือกเปลี่ยนแปลงที่เลือกได้เหมาะเจาะ ตัดในสิ่งที่ควรตัดแล้วไม่ทำให้หนังต้องสูญเสียอรรถรส เพิ่มเติมในสิ่งที่ทำให้บทสรุปของหนังลงตัวในเวลาที่กำหนดและยังคงเข้ากับแก่นเดิมของหนังสือ
3.นักแสดงในเรื่อง
Stanley Tucci + Emily Blunt + Anne Hathaway สามบทบาทที่ช่วยให้หนังเรื่องนี้สนุกสนานและมีพลังตั้งแต่ต้นจนจบ
4.ข้อคิดสอนใจที่มาพร้อมกับความน่ารัก ... หนังเป็นเรื่องใกล้ตัว หาก Miranda เป็นกระจกให้ Andrea เห็นตัวเอง หนังเรื่องนี้ก็เป็นกระจกที่จะทำให้คนดูได้ข้อคิดดีๆจากการทำงานไปพร้อมกับได้ยิ้มกับมุกน่ารักๆอารมณ์ดีที่มีตลอดทั้งเรื่อง
5.สนุก ... นี่เป็นหนังคอมิดี้จากฮอลลีวูดที่ดูสนุกที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี
สรุป ... คนรักแฟชั่น คนรักนางแบบ คนรักหนังคอมิดี้ คนรักหนังดีๆ คนรักเมอรีลสตรีพ นี่คือหนังที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง The Devil Wears Prada ไม่ใช่หนังเฉพาะกลุ่มสาวๆแต่อย่างใด นี่เป็นหนังที่หนุ่มๆและคนทุกเพศวัยสามารถตีตั๋วเข้าไปอมยิ้มและแอบน้ำตาซึมได้โดยไม่รู้สึกเสียดายตังค์ แถมยังเดินออกมาพร้อมกับหนีบนางแบบ แหะๆ ไม่ใช่ หนีบข้อคิดสอนใจจากหนังออกมามองตัวเองได้อย่างดี
Blog ช่วงนี้ ขอกินเนื้อที่โฆษณา(ด้วยเกรงว่าเด๋วจะขายไม่ออก) กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที่จะออกในงานมหกรรมหนังสือในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้าครับ
"หนังสือรัก" หนังสือที่แม้จะเกี่ยวกับ หนัง แต่ ไม่ใช่ รวมบทวิจารณ์หนัง ที่จะบอกว่า หนังเรื่องนี้ดีไม่ดีอย่างไร ไม่ได้บอกว่า หนังเรื่องนี้มีความหมายในเชิงสัญลักษณ์ซ่อนเร้นอย่างไร "หนังสือรัก" คือ รวม 25 (+1) ความรักจากภาพยนตร์ ที่จะช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้างได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม
ป.ล. ได้เช็คต้นฉบับสุดท้ายทั้งเล่มแล้วเมื่อวานนี้ก่อนส่งโรงพิมพ์ ต่อจากนี้ก็ขอฝากเพื่อนผู้อ่านแล้วว่าจะชอบหรือไม่ชอบอย่างไร แล้วจะเปิดบล้อกของหนังสือเล่มนี้ให้มาแสดงความเห็นกันเร็วๆนี้ครับ + ต้องขอบคุณทุกๆคำนิยมที่เพื่อนสละเวลามาเขียนให้ และ ต้องขออภัยที่เนื้อที่หนังสือมีจำกัดจึงไม่ได้สามารถลงคำนิยมได้ครบทุกคนครับ (ไว้ยังไงค่อยเอาไปใส่เล่ม 2 แล้วกันเนาะ )
ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ
เริ่มต้นอ่านครั้งแรก ชวนคลิก ชวนคุยกันที่ --> หน้าแรก
รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง
ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date : 08 ตุลาคม 2549 |
Last Update : 8 ตุลาคม 2549 14:14:07 น. |
|
37 comments
|
Counter : 12460 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: nanoguy IP: 203.113.35.10 วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:1:29:54 น. |
|
|
|
โดย: เต็งฮุ้นลิ้ม (เต็งฮุ้นลิ้ม ) วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:2:01:07 น. |
|
|
|
โดย: ตี๋น้อย (Zantha ) วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:7:25:39 น. |
|
|
|
โดย: JewNid วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:13:06:50 น. |
|
|
|
โดย: นางมารป้าดา IP: 58.9.158.179 วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:16:42:41 น. |
|
|
|
โดย: ลูกแพนด้า IP: 221.6.19.195 วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:18:34:38 น. |
|
|
|
โดย: Devil IP: 58.9.19.80 วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:19:40:51 น. |
|
|
|
โดย: Devil IP: 58.9.19.80 วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:20:11:53 น. |
|
|
|
โดย: billy bob คนเดิมครับ IP: 124.121.114.130 วันที่: 8 ตุลาคม 2549 เวลา:21:41:50 น. |
|
|
|
โดย: เลือดจี๋เหลือง (เลือดสีเหลือง ) วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:1:08:39 น. |
|
|
|
โดย: MTO IP: 124.120.197.252 วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:1:23:07 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:12:31:56 น. |
|
|
|
โดย: ลิปดา-พิลิปดา IP: 161.200.255.162 วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:20:53:49 น. |
|
|
|
โดย: มม (แม่มดพันปี ) วันที่: 9 ตุลาคม 2549 เวลา:23:08:36 น. |
|
|
|
โดย: ตาหมู IP: 203.156.25.235 วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:3:33:59 น. |
|
|
|
โดย: มดน้อย IP: 203.156.6.108 วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:15:15:49 น. |
|
|
|
โดย: Lily of the Valley IP: 203.151.137.74 วันที่: 10 ตุลาคม 2549 เวลา:18:41:20 น. |
|
|
|
โดย: เข็มขัดสั้น วันที่: 11 ตุลาคม 2549 เวลา:11:35:24 น. |
|
|
|
โดย: Lily of the Valley IP: 124.121.10.111 วันที่: 12 ตุลาคม 2549 เวลา:18:46:52 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ IP: 202.69.140.233 วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:12:06:13 น. |
|
|
|
โดย: hana_aya IP: 124.121.6.93 วันที่: 13 ตุลาคม 2549 เวลา:15:29:25 น. |
|
|
|
โดย: Reisan IP: 203.113.38.10 วันที่: 14 ตุลาคม 2549 เวลา:17:38:59 น. |
|
|
|
โดย: ออฟ IP: 203.188.7.143 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2549 เวลา:2:07:06 น. |
|
|
|
โดย: i am IP: 203.150.105.10 วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:23:09:55 น. |
|
|
|
โดย: bigwores วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:8:04:43 น. |
|
|
|
โดย: iparty IP: 58.9.66.220 วันที่: 21 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:21:33:35 น. |
|
|
|
โดย: and then IP: 202.5.87.154 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2550 เวลา:22:55:20 น. |
|
|
|
โดย: narusaru วันที่: 15 เมษายน 2550 เวลา:14:42:44 น. |
|
|
|
โดย: rachel IP: 124.121.200.97 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:20:48:50 น. |
|
|
|
โดย: Movie Mania IP: 202.57.178.30 วันที่: 17 เมษายน 2550 เวลา:22:24:05 น. |
|
|
|
โดย: YaGuZa IP: 125.25.161.124 วันที่: 6 สิงหาคม 2550 เวลา:18:42:29 น. |
|
|
|
โดย: หงส์ IP: 58.10.167.201 วันที่: 12 สิงหาคม 2550 เวลา:13:50:22 น. |
|
|
|
โดย: MS IP: 58.136.110.210 วันที่: 13 สิงหาคม 2550 เวลา:16:12:28 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
- Next , ทรงผมชวนกลุ้มใจกับหนังไซไฟดูเพลินๆ
- Spider-Man 3 , แมงมุมดำตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่ในใจเราทุกคน
- Miss potter , เรื่องของเธอ(พ็อตเตอร์)และผมฯ
- Me...Myself ขอให้รักจงเจริญ , แค่นี้ก็พอแล้ว
- Meet the Robinsons , เมื่อพบความผิดหวังจะโทษโน่นโทษนี่ หรือ เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
- Shooter , หนังแอคชั่นที่ดูจบแล้ว"เออ มันดีแฮะ"
- Hannibal Rising , ความน่าผิดหวังของหนังฮานนิบาล
- Confession of pain , ความแค้นอันแสนเศร้า
- Pans Labyrinth , คือจินตนาการแสนสวยงาม หรือ คือความจริงที่เจ็บปวดและขมขื่น
- The Number 23 , วิเคราะห์สภาพจิตใจผู้หลงใหลเลข 23
- เมล์นรก หมวยยกล้อ , รถเมล์สายนี้ไม่ตลกแต่สนุก
- The Lives of Others , อ๊ะ นี่มัน Infernal affairs เวอร์ชั่นกำแพงเบอร์ลิน
- Sunshine , อาทิตย์สิ้นแสง ชีวิตสิ้นสูญ
- The Fountain , เรารู้จักความตายมากมายแค่ไหนกัน (ศาสนา+จิตวิทยา+วิทยาศาสตร์)
- แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ"แฝด"
- I'm a Cyborg, But That's OK , แต่ I ไม่ค่อย OK
- The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งทีคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
- Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open
- 300 , นี่คือสปาตั้น(โว้ย) ... พลั่กกกกกก
- The Queen , แม้จะเป็นเรื่องของ 'ควีน' แต่นี่คือ การกะเทาะเปลือกเล่าเรื่อง 'คน'
- Rocky Balboa , ชีวิตไม่ได้สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน
- Charlotte's Web , มิตรภาพไม่ได้มีราคา
- The Pursuit of Happyness , ปัญหาชีวิตก็เหมือน รูบิค - ถ้าทำไม่ได้จะ สู้ต่อ หรือ โยนทิ้ง-
- Volver , ความเจ็บปวดของแม่และลูกสาว
- Music and Lyrics , หนังที่น่ารักที่สุดในรอบ(หลาย)ปี
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 , จะสนไปทำไมกับเรื่องอิสรภาพที่ไกลตัว
- Dreamgirls , วันที่ ธุรกิจ กลืนกิน ศิลปะ
- Babel , เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ไปแล้วหรือยัง
- Rough , จาก H2 มาสู่ Touch และได้เวลา Rough
- Curse of the Golden Flower , ความเน่าหนอนฟอนเฟะของสถาบันครอบครัว
- Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus , ความงามที่แตกต่าง โลกที่แตกต่าง
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค1 , ไทยจะสิ้นชาติไม่ใช่เพราะใคร หากมิใช่เพราะไทยด้วยกัน
- Perfume: The Story of a Murderer , ทำความรู้จักและเข้าใจ ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์
- Blood diamond , "ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาฆ่ากันเอง"
- The Black Dahlia , ดอกรักเร่ ที่สวยแค่สไตล์แต่ไร้เสน่ห์
- Night at the Museum , ความบันเทิงสำเร็จรูปที่สนุกเพลินเกินห้ามใจ
- ===== 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2549 =====
- +++ 10 "ฉาก"ประทับใจจาก"หนัง"ปีที่ผ่านมา +++
- ++ ชวนเพื่อนๆมาเลือก 10 ตัวละครประทับใจ จากหนังปีที่ผ่านมา ++
- The Holiday , จะทำอย่างไรในวันที่ใจเจ็บ
- Lucky Number Slevin , ของเค้าดี แต่ ผิดที่ ผิดเวลา
- The King and the Clown , ความรักของตัวตลกบนหลังเสือ
- Déjà vu , เอ๊ะ เราเคยเจอมาก่อนหรือเปล่า
- Death Note 2: The Last Name , ได้เวลาเก็บสมุดคืนเจ้าของ
- Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์
- The Village Album , ถ่ายภาพด้วยหัวใจแล้วบันทึกใส่ความทรงจำ
- 007 : Casino Royale , นี่ซิ เจมส์ บอนด์
- The Prestige , คุณตั้งใจดูอย่างใกล้ชิดแล้วจริงๆหรือ ?
- The Banquet , แฮมเล็ต เวอร์ชั่น ประหารเจ็ดชั่วโคตร
- ผีสามบท บทที่ 3 : เปนชู้กับผี , พอกันที ผีGMO
- ผีสามบท บทที่ 2 : Monster House , บ้านผีสิงที่แสนจะบันเทิงใจ
- ผีสามบท บทที่ 1 : The Grudge 2 , ปัญหาของ ป๋า กับ เด็กผี
- The Guardian , "สถิติ" ไม่สำคัญเท่า "ทัศนคติและเจตคติ"
- หมากเตะรีเทิร์นส , หมากเกมส์นี้ น่าจะดีได้มากกว่านี้
- 12 เกมสยาม +13 เกมสยอง , มันไม่ใช่แค่เกม
- Cars , 20 ปีของ Pixar กับเรื่องของ "คาร์" (ซึ่งก็คือเรื่องของ "คน")
- The Devil Wears Prada , (จากหนังสือมาเป็นหนัง) ร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
- Death Note , สมุดเล่มนี้ ดี จริงหรือ?
- L'Enfant (The child) , เด็กไม่รู้จักโต
- World Trade Center , เป็น"ฮีโร่"ไม่ได้วัดกันที่ผลลัพธ์
- The Host , สัตว์ประหลาด สนุกประหลาด
- Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
- Me and You and Everyone We Know , เราอยู่ร่วมกัน เรารู้จักกัน แต่เราไม่เชื่อมต่อถึงกัน
- Snakes on a Plane , ที่อยากไปดูก็เพราะ "งูบนเครื่องบิน"
- United 93 , ทรงพลัง และ สะเทือนใจ
- Running boy (Marathon) , ทุกชีวิตล้วนมี"หัวใจ"
- โคตรรักเอ็งเลย , เกือบโคตรรัก "โคตรรักเอ็งเลย"
- Sad movie , แม้รักต้องพลัดพรากก็ยังฝากความทรงจำอันงดงาม
- The Break-Up , วิธีทำลายชีวิตคู่ตัวเองให้ย่อยยับ
- แก๊งชะนีกับอีแอบ , หนัง comedy ไทยดีๆยังมีอยู่
- Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest , "สลัด"จานนี้รสชาติดีเพราะ"Johnny Depp"
- Tsotsi , พื้นฐานจิตใจมนุษย์เป็น สีขาว หรือ สีดำ
- Superman Returns , ทำไมโลกใบนี้ยังต้องการ Superman ?
- Silent Hill , ของดีที่อยู่ในมือพ่อครัวขาดฝีมือ
- over the hedge , บทเรียนชีวิตเรื่องมิตรภาพและครอบครัว
- Don't tell , แผลในใจแค่"ลืม"คงไม่พอ
- Slither , คูลฟีเวอร์สีเลือด เชือดมนุษย์โลก
- The Omen , ซาตานอยู่รอบตัวเรา
- Scary movie 4 , ผ่านมา --> ฮา --> ผ่านไป
- Paradise now , สวรรค์อยู่หนใด
- X-Men: The Last Stand , X = mutant , รักร่วมเพศ , คนผิวดำ , ยิว ฯลฯ
- ก้านกล้วย , "ช้างกูอยู่ไหน" >> "ช้างกูอยู่นี่"
- The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน
- Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
- Poseidon , จมเร็ว จบเร็ว
- Match point , เกมส์กิเลสของคนเห็นแก่ตัว
- Mission: Impossible III, ภารกิจสุดมันส์ที่ขาดเสน่ห์
- Perhaps love , รักซ้อนรัก หนังซ้อนหนัง อดีตซ้อนปัจจุบัน
- Ice Age: The Meltdown , ได้เวลายุคน้ำแข็งครองเมือง
- Red lights , ผู้ชายไม่รู้ตัว ผู้หญิงไม่รู้ใจ
- Failure to launch , Success to love
- Inside man , คน(ดี/ชั่ว) ใน คน(ดี/ชั่ว)
- Where the Truth Lies , ความจริงนอนนิ่งอยู่ที่ใด ?
- โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง , ฮาน้อยกว่าที่คิด มีสาระมากกว่าที่หวัง
- My girl and I , รักครั้งแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล
- V for Vendetta , เผด็จการรัฐสภา VS. พลังประชาชน
- A History of violence , มาทำความรู้จัก "ความรุนแรง" กัน
- Final Destination 3 , เหล้าเก่าในขวดเก่า
- The Constant Gardener , ในความลับมีความจริง ในความจริงมีความรัก
- คำพิพากษาของมหาสมุทร (Invisible Waves) , คลื่นบาปที่นิ่งสงบ
- Walk the line , มิตรภาพในความรัก
- เด็กหอ , หอนี้มีดีกว่าผีหลอก
- Brokeback Mountain , รักซ่อนเร้น
- Munich , ผลของการสาดน้ำมัน(ความรุนแรง)เพื่อดับไฟ(แค้น)
- Memoirs of a Geisha , ชาเขียวสำเร็จรูปที่ผสมน้ำมากไป
- Prime , รักคงยังไม่พอ
- An Unfinished Life , ชีวิตที่หยุดเดิน
- In Her Shoes , หากเปรียบรองเท้าคือชีวิต
- Just Like Heaven , เมื่อพื้นที่ของชีวิตไม่เหลือเผื่อให้ความสุข
- The Promise , คำสัญญา ชะตากรรม ความรัก
- 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ (ของปีที่ผ่านมา)
- 10 ฉากประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- 10 ตัวละครประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe , ส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทุกครัวเรือน
- April Snow , บางครั้งความรักก็เจ็บปวดโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
- King Kong , แล้ว "ลิงยักษ์" ก็ตกหลุม "รักหญิง"
- The Descent , ถึงถ้ำ ถึงเลือด ถึงเนื้อ ถึงกระดูก
- The Maid , ผีสิงคโปร์
- The Exorcism of Emily Rose , ผีเข้า(ศาล)
- Hidden (Caché) , ความจริงที่ซุกซ่อน (ในหนังที่ยอดเยี่ยม)
- Chicken Little , กุ๊กไก่ของ Disney ที่ไร้เงา Pixar
- Nana , โลกของนานะ โลกของความรัก ความฝัน และ มิตรภาพ
- เด็กโต๋ , สายธารชีวิตแห่งบ้านแม่โต๋
- Harry Potter and the Goblet of Fire , กีฬาสีสามสถาบันกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ดีที่สุด
- Corpse Bride , รักไม่มีวันตาย
- Yes , บทกวีอีโรติค ความรัก การเมือง และ การมีตัวตน
- รับน้องสยองขวัญ , หายใจเข้าก็ เฮ้อ หายใจออกก็ เฮ้อ
- Lord of War , นิ้วที่ลั่นไกจากมือที่มองไม่เห็น
- Saw II , สยองอย่างมีประเด็น
- Goal! , ประตูชัย(goal)เป้าหมายชีวิต
- Proof , ชีวิตที่สับสนของคนที่สูญเสีย
- The Legend of Zorro , ฮีโร่ที่ย่ำอยู่กับที่
- Flightplan , ขึ้นได้สูง บินได้สวย ลงไม่นิ่ม
- Sky High , อยากจะเป็น hero ที่ "เปลือก" หรือที่ "แก่น"
- A Sound of Thunder , เรื่องราวอยู่ในโลกอนาคต ตัวหนังอยู่ในโลกอดีต
- Red Eye , ไม่ใช่แค่ Fight or Flight แต่ยังเป็น Fight on Flight
- เพื่อนสนิท , เมื่อเส้นแบ่งของ "คนรัก" กับ "เพื่อน" เริ่มเลือนราง
- Transporter 2 ควบ Into the Blue , ขึ้นรถดีกว่าลงเรือ
- Madagascar , มิตรภาพกับการเรียนรู้ชีวิต และ นกเพนกวิน
- Cinderella man , Jim Braddock ชายที่ไม่ได้เป็นแค่นักมวย
- Dear Frankie , คำลวง ความรัก ครอบครัว
- Dark Water , ความสัมพันธ์แม่-ลูก-ผี (จากหนังสือสู่ภาพยนตร์)
- Seven Swords , ... ที่ควรยาวกลับสั้น ที่ควรสั้นกลับยาว ...
- แหยม ยโสธร , ขำขำ - หม่ำ - อะฮึ่ย อะฮึ่ย
- Charlie and the Chocolate Factory , Imagination is more important than knowledge
- The Skeleton Key , ไขได้ดีพอสมควร
- About Love , เรื่องราวที่ "เกี่ยวกับ "รัก""
- 5x2 , สมการความรักของคน 2 คน
- ต้มยำกุ้ง , อร่อยรสแซ่บชามโตเกินมาตรฐานแต่อาจไม่ผ่านเชลล์ชวนชิม
- Somersault , ความรัก - Sex - เด็กสาวและความทุกข์ทรมานใจ
- The Upside of Anger , เรื่องหนักๆของครอบครัวที่เล่าอย่างเบาๆ
- Land of the Dead , หนึ่งเรื่องราวของซอมบี้ที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง
- Crash , ผลกระทบของการชนที่"คน"มีต่อกันและกัน
- วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น , หนังครอบครัวสำหรับคนไทยที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
- The Island , โลกอนาคตและโคลนนิ่งฉบับระเบิดเถิดเทิง
- The Keys to the House , "บ้าน"หลังนี้จะมีความรักเป็น"กุญแจ"
- The Longest Yard , เกมส์เก่าเอามาเล่าใหม่ใช้วิธีการเดิม
- Fantastic Four , ความสนุกสูตรสำเร็จที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูเพลิน
- War of the Worlds , เมื่อสปีลเบิร์กเลิกรักมนุษย์ต่างดาว
- Swing Girls , สวิงกันแบบคึกคัก สดใส ไร้มลพิษ
- Hotel , โรงแรมที่ไร้เรื่องราว
- Assault on Precinct 13 , อีกหนึ่งความจนตรอกที่ระทึกคุ้มค่า
- Batman Begins , ปฐมบทแรกบินกับการตีความครั้งใหม่
- Mr. and Mrs. Smith , เรื่องราวชีวิตคู่ที่สวมเสื้อคลุมหนังแอคชั่น
- มหาลัย' เหมืองแร่ , เหมืองแร่และชีวิตกับหน่วยกิตที่ต้องขุด
- House of Wax , ความสยองที่แปลกตากับหุ่นขี้ผึ้ง สองดาราและหนึ่งปารีส
- Sin city , ฟิล์มนัวร์ที่ลงตัวและเจ๋ง
- Star Wars: Episode III Revenge of the Sith , การปิดตำนานและการเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์
- The Jacket , การเดินทางข้ามเวลา ความหลอนและวงจรชีวิต
- A Lot Like Love , รักด้วยใจแต่ตัดสินใจด้วยสมอง
- เฉิ่ม... , คุณ"สมบัติ" อาจไม่ "ดีพร้อม"แต่ก็ดีเพียงพอ
- Be With You , ความสุขของฉันคือ"การได้อยู่กับคุณ"
- Hostage , เหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ไม่น่าผิดหวัง
- Kingdom of Heaven , สงครามครูเสดครั้งนี้ดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่น่าเสียดาย
- Spanglish , เรื่องราวที่กระจัดกระจายแต่ให้แง่มุมหลากหลายในครอบครัว
- Guess Who , เสียงฮาจากความแตกต่างและBernie Mac
- The Interpreter , ทริลเลอร์ที่ดี(แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น)
- Hide and Seek , มีปมที่ดีแต่มีบทที่อ่อน
- The Chorus (Les Choristes) , ง่ายๆแต่ได้ใจ
- Hitch , สนุก น่ารัก ขำขำ รู้สึกดี
- Sahara , หนังสนุกแค่เป็นช่วงๆหรือผมง่วงกันแน่
- Boogeyman , ตื่นเต้นตกใจ แต่ อะไร ยังไง ทำไม?
- Tokyo Godfathers , การตามหา"ครอบครัว"ที่สนุกมากๆ
- บุปผาราตรี เฟส 2 , เมื่อบุปผาเริ่มร่วงโรย
- Dont move , นอกจากตัดสินใคร คุณเข้าใจใครคนนั้นดีแล้วหรือยัง?
- Crying Out for Love, In the Center of the World , ความทรงจำและเทปคาสเสตต์/ความรักและใจกลางโลก
- The Ring Two , ไม่สมศักดิ์ศรี "The Ring"
- A Very Long Engagement , หนังที่มากไปด้วยความทะเยอทะยาน
- Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events , การดัดแปลง"โชคร้าย"ที่ทำได้"ดี"
- Hana & Alice , มิตรภาพ ความรัก ความทรงจำ
- Hotel Rwanda , หนังที่ให้คนดูมากกว่าความเป็นหนังดี
- In Good Company , ผู้ชายขาขึ้นกับผู้ชายขาลง
- Being Julia , โลก(ของจูเลีย)คือละคร
- หลวงพี่เท่ง , เรื่อยๆขำๆพอไปวัดไปวา
- Sideways , รักนุ่มๆชุ่มไวน์ในวันเบาๆ
- Million Dollar Baby , ความยอดเยี่ยมท่ามกลางศรัทธาและความอบอุ่น
- Constantine , "คนเห็นผี"ปราบลูกปีศาจ
- Shall we dance , คุณเต้นรำกับคู่ของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไร
- Finding Neverland , งดงามเหลือเกิน
- Kung Fu Hustle , ตลกน้อย สนุกมาก และลงตัว
- 2046 , ไปแล้วอย่าลืมกลับมา
- Ray , มีดีที่Jamie Foxx
- The Phantom of the Opera , ภายใต้หน้ากากมีเพียงความว่างเปล่า
- โรงเตี๊ยม , มีอะไรดีๆกว่าที่คิดและโฆษณา
- Meet the fockers , เรื่องของหนังตลกและครอบครัว
- Closer , เมื่อความรักถูกสำรวจและตีแผ่ผ่านตัวละคร
- The Aviator, .....And this is Howard Hughes
- The Forgotten, ไม่มีอะไรน่าจดจำ
- Birth , ยอดเยี่ยมในความหนักแน่นและเนิบนาบ
- ****1ปีที่ผ่านมา ฉากใดในหนังที่คุณประทับใจ ****
- 5หนังชอบ กับ 5หนังไม่ชอบ ของคุณในปี2547คือ....,
- National Treasure, เมื่อBruckheimerมาสร้างDavinci's code
- The Polar Express, ตื่นตาแต่ไม่ตื่นใจ
- แจ๋ว, แจ๋วน้อยกว่าที่หวัง
- Bridget Jones 2, รู้จักเธอมากขึ้นและรู้สึกดีกว่าที่คิด
- The Incredibles, ครอบครัวหรรษา
- ขุนกระบี่ ผีระบาด, กล้าที่จะบ้า ก็กล้าที่จะดู
- Ocean's Twelve, หนังขาย"เสน่ห์ดารา"
- หมานคร, เมืองนี้ภาพสวย+เพลงเพราะ+ประหลาดและยาก
- กั๊กกะกาวน์, "ใจ"คุณเต้นอย่างไรเมื่อคุณมีความรัก
- Alexander, ดราม่าชั้นดีแต่ความสนุกเป็นระลอกคลื่น
- Wimbledon, For love of the game+NottingHill+ภราดร
- Love me if you dare, หนังรักแปลกกับความรู้สึกก้ำกึ่ง
- Cellular, สนุกเป็นบ้า แอคชั่นแอบฮา
- Saw, OldBoy+Cube+ฆาตกรโรคจิต
- Ladder49, สิงห์ผจญเพลิงชื่อฮัวควิน ฟีนิกซ์
- The Grudge, เมื่อ"เด็กผี" go inter เป็น "โคตรผีดุ"
- Dodgeball, ฮาน้อยกว่าที่หวังแต่สนุกกว่าที่คิด
- Sky Captain and The World of Tomo, หนังไซไฟสไตล์"ฟ้าทะลายโจร"
- Resident Evil 2, อลิซเท่+เนเมซิสเห่ย+จิลเฉยๆ
- Shark Tale, คุณเป็น"somebody"แล้วหรือยัง
- สายล่อฟ้า, ความเป็นตัวตนที่ชัดเจนกับความสนุกกลางๆ
- Shutter กดติดวิญญาณ, นานๆทีจะมีหนังผีไทยดีๆให้ดูกัน
- The Terminal, น่ารัก นุ่มนวล และสนุกกว่าที่คิด
- Wicker park( spoilแล้วจะบอก), ลุ่มหลง คลั่งไคล้ หลอกลวงและความรัก
- Eternal sunshine รอบ2, ความอภิรมย์ที่มากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
- EternalSunshineOfTheSpotlessMind, คุณเคยอยากจะลืมบางสิ่งในชีวิตคุณบ้างไหม
- Three Extreme, อึดอัด ขยะแขยง รุนแรง และผิดหวัง
- Man on fire (no spoil), คนจริงเผาแค้น เผานานจนผมเกือบหลับ
- Bourne Supremacy, มันต้องให้ได้ยังงี้ซิ ต้องยังงี้ซิ
- Collateral...., it started like any other night
- Windstruck, งานมือตกของกวัก แจ ยอง
- งานของ M. Night Shyamalan, 6th sense/Unbreakable/Sign/และTheVillage
|
|
|
|
|
|
|
|
มันดูได้เรื่อยๆ ลุ้นได้ตลอด ฮาได้ตลอด ไม่มีเวลาให้ยกนาฬิกามาดูเลยว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว
Meryl Streep คงไม่ต้องพูดถึงแล้วมั้งครับ(?) เพราะพี่เล่นชมไปซะทุกรูขุมขนซะแบบนี้แล้ว แต่ผมชอบฉากที่เธอเปิดใจกับแอนเดรียในปารีส (ที่ไม่ได้แต่งหน้าน่ะครับ) ฉากนั้นแสดงได้เหมือนกับผีมิแรนดาเลิกสิงเจ้าป้าชั่วคราว กลายเป็นยัยแก่เซนซิทีฟไปได้ยังไงก็ไม่รู้
แต่ที่พี่บอกว่า มีแต่คนลืมเพชรเม็ดงามอย่าง Emily Blunt ขอค้านครับ ผมคนนึงล่ะที่สงสารเธอมั่กๆ ไหนจะถูกทรมานสาหัสสากรรจ์ซะขนาดนั้น ยิ่งฉากที่มิแรนดาเขวี้ยงเสื้อโค้ตกับกระเป๋าไปที่โต๊ะเธอตอนกลางๆเรื่อง โอ๊ยยยย จะร้องไห้ 55+
ฉากจบก็สุดๆเลยครับ... น้ำตาซึมตามไปด้วยเลย TT
ปล. ว่าแต่หนังสือของพี่เนี่ย หลังงานหนังสือจะวางขายมั้ยครับ? เพราะท่าทางปีนี้จะไม่ได้ไปเดินงานหนังสือเป็นแน่ เพราะไม่มีเงิน + กองหนังสือที่ยังดองอยู่ในตู้ร่วม 20 เล่ม - -*