www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Island , โลกอนาคตและโคลนนิ่งฉบับระเบิดเถิดเทิง



สำหรับผม Michael Bay มีความสามารถที่ผู้กำกับคนอื่นอาจจะอิจฉา คือ

1.ความสามารถในการทำหนังให้สนุก การทำหนังให้ดี กับการทำหนังให้คนดูสนุก ไม่ได้อยู่คู่กันเสมอไป หนังบางเรื่องมีข้อบกพร่องมากมาย แต่หากหนังดูสนุก ข้อบกพร่องนั้นพร้อมจะถูกลืมไปอย่างง่ายดาย สำหรับMichael Bay หนังที่เขากำกับมาและผมรู้สึกว่าลงตัวที่สุดคือThe Rock ส่วนเรื่องอื่นมักจะมีความขาดๆเกินๆอยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นที่ตัวบทหรือที่ตัวนักแสดง

แต่ด้วยความสามารถของเขา ก็สามารถทำให้หนังผสมผสานความขาดๆเกินๆนั้น ให้ออกมาลงตัวดูเพลินโดยไม่ขัดความรู้สึกมากเกินไป ที่เห็นชัดเจนคือการมีบทจำเจ, หลวมและเลอะเทอะอย่าง Bad Boys II เขาก็ทำออกมาให้คนดูอย่างผมสามารถที่จะสนุกกับความหวือหวา และวินาศสันตะโรได้จนจบ ชนิดที่ว่าตอนดูอาจมีเบื่อๆมีขัดๆบ้างแต่มันก็เป็นไม่นาน

2.ความสามารถในการคุมงานสร้างที่มีสเกลใหญ่ๆได้อย่างแม่นยำ ขนาด Pearl Harbor ที่เรื่องราวดูมีโอกาสหลงทางอยู่หลายตอน ทั้งจากนักแสดงที่ไม่เหมาะสม หรือตัวบทเองที่พยายามจะใส่ความสมจริง,ความเป็นดราม่าให้เข้ารวมกับฉากแอคชั่น

ก่อนหนังจะออกฉายมีเสียงตำหนิล่วงหน้า ว่า Pearl Harbor น่าจะเป็นผลงานช้างล้มแน่ๆ แต่ในที่สุด แม้ไม่สามารถเอาชนะใจนักวิจารณ์ ไม่ใช่งานระดับเข้าชิงรางวัล แต่มันก็มีดีในตัวเอง มีความลงตัวเพียงพอที่จะยืนหยัดลบคำสบประมาทไปได้

3.ความสามารถสลัดความเป็น Bruckheimerได้ เท่าที่ผมเห็น หากเป็นหนังแอคชั่นภายใต้งานสร้างของ Jerry Bruckheimer มีเพียงTony Scott และ Michael Bay เท่านั้นที่คนดูเห็นชื่อหนังแล้วคิดชื่อผู้กำกับออก (ต่างจาก Gone in Sixty Seconds หรือ Con Air ที่คนดูเห็นชื่อหนังแล้วต้องใช้เวลานานในการหาชื่อผู้กำกับ แต่คิดออกได้ทันทีว่าเป็นหนังของ Jerry Bruckheimer ) และเรื่องนี้ก็เป็นการสลัดร่มเงาของ Jerry Bruckheimer ออกอย่างแท้จริง เพราะเป็นเรื่องแรกที่ผู้อำนวยการสร้างของเขาไม่ได้ชื่อ Jerry Bruckheimer

เมื่อเขามาจับหนังไซไฟที่เอาเรื่องเก่ามาเล่าใหม่ อย่างการโคลนนิ่ง จึงน่าสนใจว่าเขาจะสร้างความสนุกชวนติดตามจากหนังที่มีพล็อตซ้ำซากนี้อย่างไร ผู้กำกับมือดีหลายรายต้องมาตกม้าตายกับหนังไซไฟมาแล้ว อย่าง จอห์น วู ที่แม้ได้บทประพันธ์ชั้นดีจาก Philip K. Dick มาทำเป็น Paycheck แต่ผลลัพธ์ที่ออกมาต่อให้นกพิราบบินมาทั้งฝูงก็ไม่อาจฉุดให้หนังไปรอดได้

The Island เล่าเรื่องของการโคลนนิ่งได้น่าสนใจ หนังเปิดประเด็นการทำโคลนนิ่งเพื่อเป็นอะไหล่สำรองให้กับมนุษย์ในอนาคต เช่น โคลนคนอีกคนขึ้นมาเพื่อตั้งครรภ์แทน หรือ หวังเพียงอวัยวะบางอย่าง ในกรณีที่อวัยวะของเราเสื่อมไป ฯลฯ

โลกที่เปรียบเสมือนยูโทเปียในตัวโลกจำลองนั้น ไม่ต่างอะไรกับการเป็นฟาร์มมนุษย์ ความพยายามเหล่านี้มันก็มาจากความพยายามที่จะดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อไป ความพยายามที่อยากเอาชนะธรรมชาติ อยากเอาชนะความตาย

หากดูตามวัตถุประสงค์แล้วก็ฟังดูดี แต่สิ่งที่ขัดกับศีลธรรมคือการโคลนที่เกิดขึ้น ไม่ได้เป็นการโคลนแค่อวัยวะแต่เป็นการโคลนคนขึ้นมา แล้วใช้ประโยชน์จากมนุษย์โคลนเหล่านั้นก่อนจะกำจัดทิ้งเหมือนผักปลา โดยไม่ได้คิดคำนึงถึงว่าเขาเหล่านั้นจะรู้สึกนึกคิดอย่างไร ทั้งที่พวกเขาเหล่านั้นไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากมนุษย์ต้นฉบับเลยแม้แต่เซลล์เดียว

...ในฉากที่ตัวละครทั้งสองคนต้องการเอาชีวิตรอด Lincoln Six Echo บอกกับ Tom Lincoln ว่า เขาเองก็อยากที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ต่างจากมนุษย์ธรรมดา แต่ความต่างอยู่ที่เขาไม่มีสิทธิในการเลือกที่จะใช้ชีวิตอยู่ต่อไป

สิทธิของเขาและมนุษย์โคลนคนอื่นๆถูกจำกัดจากมนุษย์ต้นแบบ ที่เปรียบเปรยพวกเขาว่าเป็นเพียงสินค้า(Product)ที่ ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ น่าตลกที่มนุษย์โคลนที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์นั้น เมื่อต้องการเอาตัวรอดกลับยังรู้จักที่จะคิดถึงคนอื่นๆ เขาเลือกกลับไปช่วยเหลือแทนที่จะหนีไปมีชีวิตรอดต่อเพียงลำพัง ในขณะที่มนุษย์จริงๆอย่าง Merrickและ Tom Lincoln ที่อ้างสิทธิความเป็นมนุษย์เต็มตัว กลับมองสิ่งมีชีวิตอื่นเหมือนแค่สินค้าพร้อมจะทำลายเมื่อมันบกพร่อง ไม่คิดห่วงสิ่งมีชีวิตพวกเดียวกัน มีแต่ความต้องการเอาตัวรอดเท่านั้น

....ความเป็นมนุษย์ของทั้งคู่ ก็คือ สัญชาติญาณในการต้องการมีชีวิต,การเอาตัวรอด , การพยายามจะเอาชนะความตาย ฯลฯ การหลงตัวเองพร้อมที่จะตัดสินแบ่งชนชั้นคนอื่นของมนุษย์ถูกนำมากัดอย่างเจ็บแสบเมื่อตัวละครในเรื่องพูดถึง God’s complex และ ความอยากเป็นพระเจ้า ไม่น่าแปลกใจที่เราจะเห็นคนจริงๆอย่างตัว Merrickและ Tom Lincoln มากมายในสังคมปัจจุบัน น่าเศร้าที่สิ่งต่างเหล่าๆนี้ยังคงถูกหล่อหลอมในตัวคนอยู่เรื่อยมา เพราะสังคมทุกวันนี้ที่หมักบ่มสร้างความเป็นมนุษย์แบบนี้มาไม่รู้ตัวตั้งแต่เด็ก เช่น การสอนให้เด็กแข่งกันเรียน,แข่งกันฉลาด,แข่งกันเป็นที่หนึ่งเมื่อเติบโตก็ต้องแข่งขันกันเอาตัวรอด เราเรียนรู้แต่ที่จะเอาตัวรอดอย่างไรโดยไม่คำนึงว่าคนที่อยู่รอบข้างเราจะเป็นอย่างไร เมื่อเติบโตมาจึงมีแต่ความพยายามที่จะเอาตัวรอด ความอยากจะอยู่เหนือคนอื่น ฯลฯ

ความเป็นมนุษย์จึงกลายเป็นเพียงภาพลักษณ์ภายนอกแต่ความเป็นมนุษย์ที่หมายถึงคุณค่าจริยธรรมในใจไม่ได้เติบโตตาม

....ในการที่มนุษย์เอ่ยอ้างสิทธิอันชอบธรรมในการใช้ชีวิต แล้วให้มนุษย์โคลนต้องตกภายใต้การควบคุม ทั้งที่สองฝ่ายไม่มีความแตกต่างกันแม้แต่เซลล์เดียวนั้น เป็นการสะท้อนภาพของการแบ่งชนชั้นวรรณะที่มีมาทุกยุคทุกสมัย เช่น การเหยียดสีผิว การเหยียดชนชาติ ฯลฯ เพียงแต่มนุษย์โคลนเป็นเหมือนตัวแทนของผู้ถูกกระทำของโลกอนาคต หนังย้ำประเด็นนี้ให้ชัดขึ้นด้วยตัวละคร Albert Laurent (Djimon Hounsou) ที่เป็นเหมือนตัวแทนจากโลกอดีตและปัจจุบัน ทั้งคู่เป็นสัญลักษณ์ของประชากรชั้นสองหรือชนชั้นที่ด้อยกว่า ถูกตีตราจากมนุษย์บางกลุ่มทั้งที่ไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากมนุษย์ทั่วไป และเป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ให้เห็นว่า หากความก้าวหน้าทางวิทยาการเดินสวนทางกับพัฒนาการของจิตใจ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปอีกกี่ร้อยปี ความเสื่อมโทรมของจิตใจก็ไม่มีวันจางหายไปเพียงแต่มันจะแปรรูปแบบไปเป็นแบบไหนเท่านั้นเอง

“จุดมุ่งหมาย(Purpose)” ถูกนำมาพูดถึงอีกครั้งหนึ่งในเรื่องนี้ เป้าประสงค์ในการมีชีวิตอยู่คือคำถามที่เกิดจากความอยากรู้อยากเห็น(Curiosity)ของ Lincoln Six-Echo นำไปสู่การพยายามหาคำตอบและการหลุดพ้นก่อนที่จะค่อยๆเริ่มนำไปสู่ความเป็นมนุษย์เต็มตัวในที่สุด แปลกดีที่ทุกวันนี้เราเองที่เป็นมนุษย์กลับเริ่มใช้ชีวิตไปเป็นเหมือนมนุษย์โคลนมากขึ้นทุกทีสังเกตได้จากเมื่อเป้าประสงค์ในการใช้ชีวิตเริ่มลางเลือนพึ่งพาแต่สิ่งที่ถูกหยิบยื่นให้ ใช้ชีวิตไปวันๆรอคอยที่จะถูกรางวัลก้อนโตให้กับชีวิต The Islandในหนังก็ไม่ต่างจากของรางวัลที่ผู้มีอำนาจเบื้องบนหรือผู้บริหารหยิบยื่นมาเป็นสัญญาใจหลอกประชาชนของตัวเองไปวันๆ และเราเองเผลอหลงเชื่อการไปเกาะนั้นด้วยหรือเปล่า เพราะสุดท้ายเกาะที่เราจะได้ไปมันอาจไม่ใช่สวรรค์ที่รอคอย อาจไม่ใช่ความตายทางร่างกายเหมือนในหนังแต่มันคือความตายทางจิตสังคมจาก ค่าเงินที่ตกต่ำ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน ฯลฯ

....ก่อนดูหนัง ผมเองคิดว่าพล็อตเรื่องนี้มันจำเจแล้วแต่เมื่อดูจบผมกลับคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่ใช้ประโยชน์จากพล็อต ”โคลนนิ่ง” ได้อย่างเข้าท่าทีเดียว หลายประเด็นในหนังน่าสนใจและน่าคิดต่อเป็นอย่างยิ่ง ชนิดที่ว่าถ้าใช้โครงเรื่องเดียวกันนี้มาปรับให้จริงจังมากขึ้น มีเหตุผลสมจริงมากขึ้น มันสามารถออกมาเป็น หนังที่มีมุมมองเรื่องโคลนนิ่งชั้นดีเรื่องนึงเลยทีเดียว (แค่ฉากจบยังทำให้ผมคิดต่อไปได้เลยว่า หากเปลี่ยนมือผู้กำกับมาสร้างภาค 2 แล้วเดินเรื่องต่อ เมื่อมนุษย์โคลนออกมาโลกจริงพบกับมนุษย์ต้นแบบจะเป็นอย่างไร)

เพียงแต่เมื่อมันมาอยู่ในมือของ Michael Bay มันก็ถูกกลืนไปพร้อมกับระเบิดและลูกกระสุนในเรื่อง หลายตอนที่หนังมีประเด็นน่าสนใจ จะตามมาด้วยฉากวิ่งไล่ยิงสนั่นเมือง หนังเลือกโยนความสมจริงทิ้งไปเหลือไว้แต่ความมันส์พร้อมกับประณีประณอมกันระหว่างความอยากเป็นหนังไซไฟและความเป็นหนังของ Michael Bay ผลลัพธ์ที่ออกมากลายเป็นหนังโลกอนาคต+โคลนนิ่งฉบับระเบิดเถิดเทิง ดูสนุกเพลิดเพลินตามตัวตนของหนังที่ต้องการนำเสนอออกมา

.....ความเป็นMichael Bay ยังอยู่ในหนังเรื่องนี้ไม่ขาดตกบกพร่อง ความสนุกคือสิ่งที่เขายังคงจัดให้คนดูโดยไม่มีมือตก และก็ขาดไม่ได้ที่จะได้เห็นฉากแอคชั่นวินาศสันตะโรชนิดที่ว่าถ้าหากหนังไทยมีฉากประเภทระเบิดภูเขาเผากระท่อม หนังของMichael Bay มันก็คือฉากแอคชั่นบนทางด่วนที่เห็นบ่อยจนคุ้นตาจากหนังเก่าๆของเขาเช่นBad Boys การกำกับภาพตามสูตรเช่นหมุนวนกล้องไปรอบๆ การถ่ายภาพอย่างฉวัดเฉวียนหรือซูมเข้า-ออกและสโลว์โมชั่นตามฉบับของเบย์ก็มีมาอยู่อย่างครบครัน หากถามว่าความเป็นMichael Bay เหล่านี้มันยังได้ผลอยู่หรือไม่แน่นอนมันยังได้ผลอยู่ Michael Bay ยังแม่นยำกับการกำกับฉากแอคชั่น สามารถสะกดคนดูให้ลุ้นชนิดหายใจไม่สะดวกได้เหมือนทุกครั้ง แต่มันก็เหมือนการสนุกที่ย่ำอยู่กับที่ มันไม่เกิดความแปลกใหม่ที่สร้างความประทับใจและสิ่งนี้เองที่มีส่วนทำให้หนังช่วงหลังๆของเขาไม่มีเรื่องไหนก้าวไกลสามารถขึ้นหิ้งไปเทียบชั้นได้กับTheRock ดูจบแล้วก็จบไปเบื่อเมื่อไหร่ก็ค่อยหยิบมาดูอีกรอบแต่ไม่ใช่หนังแอคชั่นอันดับแรกๆที่คนดูจะคิดถึงเหมือนThe Rock

......หนังได้นักแสดงนำเจ้าเสน่ห์มาทั้งฝ่ายชายและหญิง Ewan McGregor น่าจะเรียกเสียงกรี๊ดจากสาวๆได้อีกยกใหญ่เมื่อต้องมาขายเสน่ห์แบบคูณสองด้วยการรับบททีเดียว2บทบาททั้งไร้เดียงสาและกรุ้มกริ่มพร้อมกับสำเนียง2สัญชาติ ในขณะเดียวกัน Scarlett Johansson นักแสดงสาวที่ผมขอมอบคำว่ามีเสน่ห์อย่างร้ายกาจให้เธอไปตลอดกาล ก็ไม่มีบทบาทที่ต้องเหนื่อยรับผิดชอบมากนักนอกจากการวิ่ง กระโดด คลานฯลฯ เธอก็ยังเปล่งประกายผุดผาดความสาวแต่เพียงหนึ่งเดียวตลอดทั้งเรื่องดึงดูดคนดู(หนุ่มๆ)ชนิดตาไม่กระพริบเช่นกัน ทั้งคู่ทำให้ช่วงที่ตัวหนังไม่มีฉากแอคชั่นหรือขาดความน่าสนใจจากเนื้อหาหรือองค์ประกอบอื่นๆไม่น่าเบื่อเพราะแค่ดูสองคนนี้มันก็ฆ่าเวลาเพลินๆรู้ตัวอีกทีก็ถึงฉากไล่ล่าเสียแล้ว ในส่วนงานProductionทำได้ล้ำสมัยและดูดีชนิดเนี้ยบทุกองค์ประกอบจะมีจุดอ่อนก็ตรงที่ขาดความคิดสร้างสรรค์สำหรับโลกอนาคตไปพอประมาณและหลายครั้งเหลือเกินที่ดูจงใจโชว์ยี่ห้อสินค้าเพื่อการโฆษณา การถ่ายภาพจากด้านนอกโชว์งานสร้างในระดับมืออาชีพชนิดไม่มีอะไรที่ตำหนิได้เลย

สิ่งที่ชอบ

1.มุขตลก....มีมุขเด็ดๆหลายหนจากไดอะล้อคโดยเฉพาะที่ถูกปล่อยออกมาจากปากตัวละครจอมขโมยซีนอย่างSteve Buscemi (ผมชอบมุขวัวกับแฮมเบอเกอร์ตลกดี) อีกทั้งมีจังหวะที่รู้จักหยอดโดยไม่ทำให้เนื้อความของหนังหรือธีมหนังบิดเบือนไป ทำให้ความสนุกสนานในเรื่องนี้แซมไปด้วยรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของคนดูได้อย่างต่อเนื่องโดยไม่ได้พึ่งแค่ความอึกทึกอย่างเดียว(ผมสนุกกับหลายมุขในเรื่องนี้มากกว่าหนังที่เน้นคอมิดี้แอคชั่นอย่างBad Boys IIเสียอีก)

2.ความสนุก....ต้องยอมรับในความสามารถของผู้กำกับที่เก่งในการรู้จักกำกับทิศทางความสนุกของหนังรู้จักจังหวะในการเล่าฉากแอคชั่น รู้ว่าจุดไหนควรเร่งควรผ่อนหรือควรขยี้คนดูให้ตายคาโรง จะเห็นได้ว่าทุกจังหวะของหนังนั้นทำได้ลงตัวชนิดช่วงลุ้นก็ลุ้นกันหอบ(ทั้งที่รู้ว่ามันโม้แสนโม้เราเองก็อดเอาใจช่วยอยู่ดี) จะอืดไปนิดก็เป็นช่วงแรกในโลกจำลอง

3. 2นักแสดงนำ 1.นักแสดงสมทบ...ฝ่ายชายเป็นนักแสดงคุณภาพอยู่แล้วเมื่อมาอยู่ในหนังแอคชั่นก็ช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับหนังได้เป็นอย่างดีดูเขาสนุกไปกับหนังเรื่องนี้มาก ยิ่งฉากที่ตัวจริงกับตัวโคลนมาเจอกันครั้งแรกที่ตัวเขาเล่นสนุกกับทั้งสองตัวนี้ได้อย่างน่าเอ็นดู ในขณะที่สกาเล็ตต์ไม่มีอะไรที่จะบรรยายได้ดีกว่าเธอช่างมีเสน่ห์อย่างร้ายกาจ และ Steve Buscemi ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้คุ้มค่ากับเวลาที่โผล่ออกมา

4.หนังมีอะไรให้ขบคิด .... แม้ว่าเนื้อหาข้อคิดจะถูกกลบตามความเป็นหนังแอคชั่นและถูกพูดถึงแค่กระท่อนกระแท่นแต่ตัวเรื่องเองแล้วหนังมีประเด็นให้หยิบยกมาพูดถึงต่อมากทีเดียว ผมชอบฉากที่เหล่าโคลนรอลุ้นว่าตัวเองจะถูกล็อตเตอรี่หรือไม่มันดูน่าสงสารน่าสมเพชและน่าเห็นใจในชะตากรรมเหมือนชีวิตคนในปัจจุบันอย่างที่กล่าวข้างต้น หรือ ความคิดต่อเนื่องไปว่าหากมนุษย์โคลนออกไปอยู่โลกจริงจะเป็นอย่างไร มันทำให้ผมพาลคิดไปถึงสัตว์ที่เราเลี้ยงเป็นอาหารทุกวันนี้ก็คงคล้ายกับมนุษย์โคลนโดยไม่รู้ว่าใช้ชีวิตไปเพื่ออะไรรอวันที่จะถูกเรียกไปฆ่านั่นเอง

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ช่วงแรก... ด้วยความที่ว่าคนดูเองรู้อยู่แล้วว่าเรื่องราวในส่วนนี้จะเกิดอะไรขึ้นและเป็นเรื่องราวของอะไร จึงทำให้ช่วงแรกของหนังมันไม่มีอะไรที่ชวนให้คนดูอยากติดตามและอาจทำให้คนดูรู้สึกว่ามันอืดไปเสียด้วยซ้ำ คนดูรู้อยู่แล้วว่าสุดท้ายพระเอกก็ต้องรู้ตัวแล้วพานางเอกหนีออกไปจึงได้แต่เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ที่เราจะเห็นเนื้อเรื่องมีการเดินหน้าจากส่วนนี้ไปเสียที หรือ เมื่อไหร่ฉากแอคชั่นมันจะมาเสียที(ก็คงคล้ายกับการดูหนังผีที่เราย่อมคาดว่าเมื่อไหร่ผีจะโผล่) นอกจากตัวเนื้อเรื่องในช่วงนี้ที่ไม่น่าสนใจแล้ว ฉากในโลกจำลองนั้นก็ราบเรียบและธรรมดา ขาดความโดดเด่นของงานออกแบบ(หากเทียบกับงานออกแบบฉากในโลกอนาคตอย่างAI หรือ Minority report ดูมีความคิดสร้างสรรค์มากกว่า)มันยิ่งทำให้ช่วงแรกนั้นดูไม่น่าติดตาม ดีที่นักแสดงนำทั้งคู่มีแรงดึงดูดมากพอที่ทำให้คนดูไม่ละสายตาไปจากหน้าจอ จึงทำให้มันไม่น่าเบื่อจนเกินไปนัก

2.ความคิดสร้างสรรค์ในโลกอนาคต...ความคิดสร้างสรรค์และการสรรสร้างโลกอนาคตเป็นสิ่งที่ผมคาดหวังจากหนังในในหนังแนวไซไฟโลกอนาคต เช่น ดราม่าไซไฟอย่าง Gattacaก็แสดงให้เห็นภาพการใช้ชีวิตของโลกอนาคตที่หนังใช้ประโยชน์จากการเป็นหนังอนาคตเต็มที่ หรืออย่างแอคชั่นไซไฟในTotal Recall ,Minority Reportก็ทำให้เห็นความคิดสร้างสรรค์ในการบันดาลองค์ประกอบต่างๆรอบตัวละคร แต่เรื่องนี้มีแค่ฉากตัวที่ไต่เข้าไปในลูกตาพระเอกเท่านั้นเองที่หนังใช้ประโยชน์จากความเป็นโลกอนาคต ดูๆไปแล้วถ้าไม่มีเรื่องของโคลนนิ่ง หนังเรื่องนี้ขยับเข้าความเป็นแอคชั่นมากกว่าความเป็นหนังไซไฟอยู่มากโข น่าเสียดายที่น้ำหนักของหนังลงไปที่ฉากแอคชั่นมากมายจึงทำให้ความคิดสร้างสรรค์มันหดหายไปด้วย(ความรู้สึกคล้ายกับตอนดู The 6th Day ที่หนังออกมาเป็นหนังแอคชั่นของอาร์โนลด์มากกว่าเป็นหนังแอคชั่นไซไฟที่เล่าเรื่องของโคลนนิ่งแต่ดีกว่าตรงที่เรื่องนี้มีประเด็นให้ขบคิดมากกว่า)

สรุป...ดูเอามันส์ ดูเพื่อความบันเทิง สนุกคุ้มค่าตังค์ ดูเอาสาระพอมีอยู่บ้าง แต่หากจะว่าไปแล้วผมมองว่าหนังเรื่องนี้ถ้าเทียบกับหนังไซไฟที่ออกฉายซัมเมอร์เดียวกันนี้อย่าง War of the world หนังเรื่องนี้ตอบโจทย์ตัวเองได้ดีกว่าในแง่ความเป็นแอคชั่นไซไฟและคนดูต้องการความสนุกโดยไม่แคร์ในเรื่องของเหตุผลมากมาย ในขณะที่อีกเรื่องตอบโจทย์ความเป็นดราม่าไซไฟได้ยังไม่ดีพอ

ปล...ระบบDigitalในโรงSFX Emporiumรอบ14.30น. เมื่อวันพฤหัสที่ผ่านมานั้นไม่ทำให้ผมรู้สึกถึงความแตกต่างเหมือนกับตอนที่ดูStarWarsหรือการ์ตูนของPixarเลย แต่ก็ยังดีที่ตอนดูจบมีรอลุ้นประกาศรางวัล(นึกว่าคัดเลือกคนดูหนังให้ได้ไปเกาะซะอีก ถ้ารางวัลเป็นทริปไปเกาะนี่จะอินเทรนด์มาก)


หากคุณเข้าเว็บบล้อกนี้เป็นครั้งแรก/ติดตามบทความใหม่/วิธีใช้ ขอเชิญชวนไปเริ่มต้นโดยคลิกที่นี่เลยครับ --> หน้าแรก

เชิญชวนแวะไปอ่านไปคุย ค้นหาหนังเรื่องเก่าๆได้ที่ ---> ห้องเก็บหนัง


Create Date : 23 กรกฎาคม 2548
Last Update : 23 กันยายน 2548 0:36:13 น. 32 comments
Counter : 8747 Pageviews.

 
น่าดูแฮะ
ต้องไปดูมั่งซะและ


โดย: zmen วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:9:49:03 น.  

 

หนังสนุกดีนะครับ
มันส์แต่ขาดสาระไปนิดนึงอะ
ยิ่งเทคโนโลยี น้อยไปหน่อย
แต่โดยรวม โอ นะครับ



โดย: จอมอสูร วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:00:49 น.  

 
พี่ Bay กับหนังไซไฟแอ๊คชั่น มันก็น่าสนไม่ใช่น้อยครับ


โดย: หมื่นทิพ TRAVOLTA (เทพบุตรตบะแตก!! ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:35:30 น.  

 
ชอบเรื่องนี้มากกว่าเพิร์ล ฮาร์เบอร์ครับผม แล้วก็ชอบสการ์เลตต์มากด้วย เรื่องนี้โทรมไปหน่อย แต่ก็น่ารักครับ สตีฟ บุสเชมี่ก็เล่นได้โดนใจดี...

ส่วนตัวผมชอบมุขที่คนในบาร์ขอเบอร์สการ์เลตต์น่ะครับ ที่เธอตอบกลับไปว่า "ทู- เดลต้า" น่ารักดี...

ส่วนช่วงแรกที่มันอืดๆนี่ผมว่ามันเป็นเพราะหนังตัวอย่างมันเปิดเผยเรื่องราวไปเยอะแล้วมั้งครับ ทำให้หนังช่วงแรกมันอืดๆ เพราะเราแค่ดูตัวอย่างก็เหมือนดูหนังไปแล้วครึ่งเรื่อง

แต่ความสนุกมันก็อยู่ตรงการที่เรามานั่งปะติดปะต่อเรื่องไปเรื่อยๆนะครับ มันส์ดี...


โดย: nanoguy (nanoguy ) วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:55:09 น.  

 
แวะมาเยี่ยมนะคะ

ฝากด้วยนะคะ

//nuinirvana.cjb.net


โดย: what for ^.~ วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:15:08:39 น.  

 
อยากดูจัง


โดย: zaesun วันที่: 23 กรกฎาคม 2548 เวลา:15:48:27 น.  

 
ใช่เลยค่ะ

เรื่องนี้ใช้การเล่าเรื่อง ได้น่าดูมากๆ เลยจริงๆ
คือตัวเรื่องก็น่าสนใจแล้วอะ

ชอบค่ะ ^^


โดย: ช้อนชาสีน้ำเงิน วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:1:21:39 น.  

 
ที่นี่ เข้าศุกร์หน้าอะค่า แต่คงไม่ดู เหอๆๆ รอดีวีดี
อยากดูเรื่องในกล่องคอมเมนท์มากก่า อิอิ


โดย: Robotoon วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:4:11:29 น.  

 
คุณ "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" คะ


รบกวนช่วยเปลี่ยนตัวอักษรให้อ่านง่ายขึ้นได้มั้ยคะ?


ตัวอักษรน่ารักดี แต่มันตัวผอมเล็กมากกกกกก


อ่านยากมากกกกกอะค่ะ


เราต้องขยายเป็น 200% อะค่ะ ถึงจะอ่านออก


แต่พอขยายมันก็ต้องคอยเลื่อนสกอล์บาร์ด้วย เพราะหน้าหนึ่งมันเก็บไม่หมดอะค่ะ



เรื่องมากไปเปล่าไม่รู้ค่ะ


แต่อยากบอกง่ะ



โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:28:43 น.  

 
ชอบพระเอกมาก หุ่นดี น่าฟัดเป็นที่สุด


โดย: ยวนน้อย IP: 210.138.18.59 วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:14:45:01 น.  

 
สาวไกด์ใจซื่อ ....เปลี่ยนขนาดFontแล้ว เท่านี้พอไหวมั้ยครับ ตอนแรกว่าจะใหญ่กว่านี้อีกแต่กลัวว่าจะใหญ่เกิน (ไม่เรื่องมากไปหรอกครับ คำติชมจากผู้อ่านจะช่วยพัฒนาผู้เขียนได้เสมอ ยิ่งคำแนะนำจากแฟนประจำเรายิ่งต้องน้อมรับฟัง)


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 25 กรกฎาคม 2548 เวลา:16:20:59 น.  

 
I can't type in Thai Font ka.

What 's happen?

I still can't read it but if the other person don't blame, please don't change anything more.

Maybe it's my computer's false ja.


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 26 กรกฎาคม 2548 เวลา:9:01:29 น.  

 
เป็นหนังที่เหลือไว้ให้คิดในตอนจบค่ะ
- พวกโคลนน่าจะมีอายุยืนนานกว่าคนทั่วไป ถ้าอยู่ภายใต้สภาพแวดล้อมที่ควบคุม การออกสู่โลกภายนอกอาจจะเป็นผลต่อสุขภาพ
- การล่มสลายของ island ถือเป็นกำเนิดใหม่ของเหล่าโคลน หรือว่าเป็นจุดจบ เพราะพวกเขาเหล่านั้นจะใช้ชีวิตที่เหลือได้อย่างไร




โดย: mda IP: 203.159.0.10 วันที่: 26 กรกฎาคม 2548 เวลา:9:23:50 น.  

 
ไปดูเรื่องนี้เพราะพี่ยวนกับป๋าฌอนเล่นค่ะ

เพราะจริงๆ ไม่ใช่คนที่พิศมัยหนังแอคชั้นบู๊ล้างผลาญสักเท่าไหร่ แต่ก็แปลก ที่ดันชอบ Bad Boy ทั้งสองภาค ทั้ง ๆ ที่มันมีแต่ล้างผลาญทั้งเรื่อง

เรื่องนี้ อย่างที่บอก ว่าชอบดารานำและตัวร้ายเป็นกรณีพิเศษก็เลยไม่ค่อยลังเลที่จะไปดู และก็ถือว่าอิ่ม เพราะมีถึง 2 ยวน และ 1 บีน สลับกันเดินหน้าจอให้ชั้นอิ่มไปตลอดเวลาของตัวหนัง

มุกที่ใช้ จริงๆ แล้วมันก็ซ้ำ ๆ กะหนังเก่าของเค๊า ไม่ว่าจะเป็นฉากที่พยายามทำให้คนอื่นเข้าใจผิด ว่าผู้ชายสองคนเป็นคู่เกย์กัน หรือฉากที่เจ้าของรถที่รักรถประหนึ่งชีวิต จะต้องสติแตกเมื่อรถตัวเองจะต้องมาถูกลูกหลงจากการบู๊ล้างผลาญทำให้รถพัง แต่ถึงมุกจะซ้ำ แต่มันก็ทำให้หนังเพลิน ๆ ได้ดีเหมือนกัน

แต่สิ่งที่เกลียดที่สุดในหนังเรื่องนี้มีอยู่สองอย่างค่ะ ไม่ขอพูดถึงบทหนัง หรือสาระ เพราะไม่ค่อยมี เอ๊ย ไม่ใช่ มี แต่ส่วนใหญ่ คนอื่นก็เขียนไปแล้วนิ หุ หุ

1- เสียงเหล็กตกพื้นดังก๊องแก๊ง หนวกหูมาก ถึงมากที่สุด ถึงขนาดที่ต้องอุดหูตัวเองอ่ะ คิดดู

2- ถ่ายภาพโคลสอัพ ไม่สวยเลย ริ้วรอยของแต่ละคน เห็นชัดจนแบบว่า ฮืออออออ เรื่องอื่นยังทำให้สวยกว่านี้ได้เลย เอ๊ะ หรือว่าจงใจ ให้รู้ว่าผิวแบบนี้ไม่ใช่คน กร๊ากกกกกกกก

แต่สิ่งที่ชอบก็มีเยอะนะค่ะ ที่เด่น ๆ ก็คือ ลูกเล่นของฉากที่ 2 ยวน เจอหน้ากันเอง ไม่ว่าจะเป็นสำเนียง อากัปกริยา มันน่ารักดีอ่ะ ขำดี อิ อิ

อ้อ อีกฉากที่ชอบ (แม้จะปวดหัวกะมุมกล้องไปบ้าง) คือ ฉากที่ทั้งสองคนหลบหนีออกมาได้ การใช้สี และแสง รวมถึงมุมกล้อง สวยดีค่ะ

ส่วนมุขถามเบอร์นั่นก็น่ารักดี สการ์เลตเธอมีเสน่ห์กับกล้องจริงๆ ให้ดิ้นเหอะ ถามว่าเธอสวยเลอเลิศไหม ก็คงไม่ใช่ แต่มีเสน่ห์เหลือล้นเกินบรรยายจริง ๆ

อ่ะ ต้องกลับบ้านแร้น ไว้จะแวะเวียนมาใหม่ในเรื่องอื่น ๆ ค่ะ



โดย: Dabadee วันที่: 26 กรกฎาคม 2548 เวลา:17:07:33 น.  

 



เคยแวะเข้ามาดูหนังในเวปนี้หลายทีแล้วค่ะ

แต่พึ่งจะเข้ามาลงชื่อ

ขอบคุณค่า...ที่มีเวปแบบนี้ให้อ่าน






ชะแว๊บ



โดย: อย่ามาทำหน้าเขียวใส่นะยะ IP: 61.90.141.59 วันที่: 27 กรกฎาคม 2548 เวลา:20:38:41 น.  

 
คุณผมอยู่ข้างหลังคุณ ไม่ฮากับมุข "ชุดที่ต้องสั่งทางไปรษณีย์" กับ "กฎเหล็กของบัตรเครดิต" เหรอคะ ส่วนมุข"วัวกับแฮมเบอร์เกอร์" ก็ฮาดีค่ะ แต่มันสลดนิดๆ นะ

หนังสนุกดีค่ะ แต่ไม่สุด ไซไฟ แบบกั๊กๆ แอคชั่นไม่เต็มที่ ยังไงไม่รู้ เป็นหนังที่มีบางจังหวะรู้สึกขึ้นมาว่า "ทำไมมันยาวจัง"

ปล. ฌอน บีน ใส่สูทได้เท่ดีค่ะ


โดย: บันจัง IP: 221.128.114.172 วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:12:44:48 น.  

 
ผมชอบคำวิจารณ์ของคุณครับ

แปลกดีที่ทุกวันนี้เราเองที่เป็นมนุษย์กลับเริ่มใช้ชีวิตไปเป็นเหมือนมนุษย์โคลนมากขึ้นทุกทีสังเกตได้จากเมื่อเป้าประสงค์ในการใช้ชีวิตเริ่มลางเลือนพึ่งพาแต่สิ่งที่ถูกหยิบยื่นให้ ใช้ชีวิตไปวันๆรอคอยที่จะถูกรางวัลก้อนโตให้กับชีวิต The Islandในหนังก็ไม่ต่างจากของรางวัลที่ผู้มีอำนาจเบื้องบนหรือผู้บริหารหยิบยื่นมาเป็นสัญญาใจหลอกประชาชนของตัวเองไปวันๆ และเราเองเผลอหลงเชื่อการไปเกาะนั้นด้วยหรือเปล่า เพราะสุดท้ายเกาะที่เราจะได้ไปมันอาจไม่ใช่สวรรค์ที่รอคอย อาจไม่ใช่ความตายทางร่างกายเหมือนในหนังแต่มันคือความตายทางจิตสังคมจาก ค่าเงินที่ตกต่ำ ราคาน้ำมันที่แพงขึ้นทุกวัน ฯลฯ

ดูหนังดูละครแล้วย้อนดูตัว และสังคมปัจจุบันได้จริงๆครับ

แล้วเมื่อไหร่ผมจะได้ไปเกาะซะทีละครับ


โดย: banx IP: 203.121.172.162 วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:13:43:36 น.  

 
บันจัง ...ฮาชุดในตู้เสื้อผ้าครับ แต่ไม่กล้าฮามากเพราะรอบผมคนดูเค้าไม่ค่อยฮา

ยินดีต้อนรับสำหรับท่านที่เข้ามาอ่านครั้งแรก และ ขอบคุณสำหรับทุกความเห็น ยังรอคอยความเห็นอยู่เสมอครับ


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:15:47:26 น.  

 
เรื่องนี้รวม ๆ แล้วชอบนะคะ
แอบปรัชญาซะด้วย
เรื่องโคลนนิ่ง พูดยากเนอะ
ไม่รู้ว่าในอนาคตจะมีอิทธิพลต่อคนเราแค่ไหน


ปล. ดู summersault ยังค่ะ


โดย: ข้าวปุ้น (ขี้เกียจล็อคอิน) IP: 61.91.192.186 วันที่: 28 กรกฎาคม 2548 เวลา:22:04:32 น.  

 
เรื่องในหนังพูดถึงโลกในยุคราวๆ 2017-2020เองไม่ใช่เหรอครับ ผมว่ากึ่งไฮเทคกึ่งปัจจุบันแบบนี้ก็ถูกต้องดีแล้วนะครับ

แต่ขำตรงชุดสาวใช้พยาบาลทางไปรษณีย์เหมือนกัน แล้วก็ตรงรถแทกซี่ยุคอนาคตด้วย โคตรไฮโซเลย 5555

รวมๆแล้วถือว่าเป็นหนังที่สนุกและให้ข้อคิดดีมากทีเดียวครับ ไม่ค่อยรู้สึกเสียเวลาดูเท่าไหร่ ยิ่งตอนหลังๆที่ให้พวกโคลนส์ที่ถูกเลือกเข้าไปในห้องรมควัน นี่นึกถึงเรื่องของค่ายเอาทวิตช์เลย มันจี๊ดจริงๆ แบบดูแล้วต้องน้อยกลับมาคิดเลยจริงๆ


โดย: imome IP: 202.28.27.4 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:19:29:50 น.  

 
สวัสดีค่ะ
ได้อ่านคำวิจารณ์ของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ มีแง่คิดดีมากค่ะโดยเฉพาะเรื่องของการแยกระหว่างคนที่เป็นมนุษย์(พระเอกโคลน)กับคนที่ได้ชื่อว่ามนุษย์(เจ้าของร่างโคลน) ทำให้เห็นว่าทุกวันนี้โลกอาจมีประชากรที่ได้ชื่อว่ามนุษย์(โดยขาดความเป็นมนุษย์ที่แท้จริง) จำนวนมากขึ้นได้เนื่องจากต่างแย่งชิงกันไปเกาะสวรรค์(ความสุขสมจากค่านิยมทางวัตถุ)

เป็นหนังดูเพื่อความสนุก นางเอกเล่นได้น่ารักดูมีเสน่ห์อย่างที่หลายคนรู้สึก ส่วนพระเอกก็น่ารักดีค่ะ

ฉากและตัวหนังสือ ที่เปลี่ยนใหม่ดีค่ะ อ่านได้ง่ายขึ้น


โดย: 1993 IP: 61.91.134.65 วันที่: 29 กรกฎาคม 2548 เวลา:23:04:41 น.  

 
อ่านคำวิจารณ์ของคุณผมอยู่ข้างหลังคุณ มาตลอดเลยคับ แล้วก็ชอบมากๆด้วย เห็นด้วยกับเปรียบสังคมปัจจุบันจังเลยคับ ^^

เรื่องนี้เนอีกเรื่องหนึ่งที่ชอบมากๆเพราะด้วยความที่ชอบพี่ยวนและสการ์เลต ประกอบกับเนื้อเรื่องที่มีอะไรให้คิดมากมาย เลยตัดสินใจไปดูคับ แล้วก็ตื่นเต้นดี ชอบมุขมากมายที่แฝงอยู่ในหนัง อิอิ แต่ไม่ชอบฉากแอ๊คชั่นหลายฉากเลยง่ะคับ มันซ้ำซาก ไม่มีอะไรใหม่ น่าเวียนหัว

ฉากที่ผมชอบที่สุด คงเป็นฉากที่มีพี่ยวนสองคนมาเจอกัน ทั้งสำเนียงและนิสัย น่ารักดีคับ แล้วก็ฉากที่ว่า ต่างคนต่างก็ต้องการมีชีวิตอยู่เหมือนกัน มันแสดงให้เห็นถึงความจริงของมนุษย์ดีคับ

โดยรวมแล้วผมชอบหนังเรื่องนี้นะ ถ้าไม่นับเวลาที่รถบรรทุกมันระเบิดแล้วกล้องแปดพันล้านตัวจาหมุนสี่ร้อยห้าสิบสี่รอบ มึนมากมาย ผมว่าเป็นหนังที่ผมชอบที่สุดตลอดปีนี้เท่าที่ผมดูมาเลยคับ


โดย: Galenvagor IP: 61.91.98.218 วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:1:28:30 น.  

 


โดย: 0216546 IP: 203.151.140.116 วันที่: 30 กรกฎาคม 2548 เวลา:7:13:16 น.  

 
ไปดูมาแล้ว ชอบค่ะ
นิยมหนังประเภท ระเบิดภูเขา เผากระท่อมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ^__^

ปล. ไปยืนดูหนังตัวอย่างโรงงานช็อคโกแล็ต ทำไมพี่เด็ปเราเหมือนกระเทยเข้าไปทุกทีๆ


โดย: ชมพู ค่ะ IP: 203.118.125.69 วันที่: 31 กรกฎาคม 2548 เวลา:1:30:52 น.  

 
เข้ามาอ่านตามคำชวนด้วยความยินดียิ่ง

ไม่ได้ทักทายกันเสียนาน คุณ ผมอยู่ข้างหลังคุณ สบายดีนะคะ

โดยรวมแล้วเราชอบหนังเรื่องนี้นะ ตอนเดินออกมาจากโรงยังถกกับเพื่อนอีกนานเลย

เห็นด้วยกับคุณเกือบทุกอย่าง โดยเฉพาะช่วงแรกๆที่มันออกจะอืดๆไปหน่อย

ฉากของหล่นจากรถบรรทุกตกใส่รถบนถนนทำให้นึกถึง bad boy II มากๆเลย เพียงแต่พวกพระเอกไม่ได้เป็นคนขับรถแค่นั้นเอง

เกี่ยวกับกรณีการโคลน พอดูจากในหนังมันก็ดูจะเป็นเรื่องที่ไม่ถูกทำนองคลองธรรมเนอะ แต่พอลองมาคิดกลับกันว่าถ้าเป็นตัวเรา หรือเป็นคนที่เรารักล่ะ (และถ้าเรามีเงินมากพอที่จะจ่ายด้วย) เอ่อ...เราก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ว่าเราจะเปลี่ยนความคิดมาเป็นเห็นด้วยไหม

แต่ถ้าเราเป็น Lincoln ตัวจริง (ดูจากในเรื่องก็รวยมากด้วยนี่) เราคงยิงหัวร่างโคลนเราทิ้งไปเลยอ่ะ แล้วเสียเงินโคลนตัวใหม่ คงไม่ละล้าละลังแบบนั้นแน่ๆ พอคุยกับเพื่อนแบบนี้ เพื่อนบอก หล่อนโหดมากไปหรือเปล่า haha

สุดท้าย ชอบ ewan และเรื่องนี้เขาก็เล่นได้ดีด้วย ^_^

ขอบคุณค่าที่เขียนบทความดีๆมาให้อ่านกัน

ปล.เราชอบมุก dude นะ ไม่มีใครชอบเลยเหรอ


โดย: tokei no ketsurin IP: 61.19.165.121 วันที่: 31 กรกฎาคม 2548 เวลา:1:31:02 น.  

 
^
^
สบายดีครับผม

และขอบคุณกับทุกคำแนะนำ ความเห็น คำติชมนะครับ รอคอยความเห็นถัดไปเรื่อยๆเลยครับ ท่านอื่นๆที่เข้ามาอ่านก็จะได้ข้อคิดได้ความเห็นต่อไปเรื่อยๆหลังจากไปดูมา


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 31 กรกฎาคม 2548 เวลา:21:46:31 น.  

 
ผมว่าเรื่องนี้เป็นหนังแอคชั่น ที่ชาวบ้านตายกันมากที่สุด (รับเคราะห์) และยังสงสัยว่า ตัวเอกมันรอดกันได้ยังไง

วินาศสันตะโรจริงๆ

ดูเอามันดีนะ


โดย: Ryuichi ณ พันติ๊บ IP: 61.90.79.131 วันที่: 1 สิงหาคม 2548 เวลา:13:53:22 น.  

 
เพิ่งได้ดู จากดีวีดีผี ร้านเช่าใต้คอนโด รู้สึกชอบมาก จนต้องมา search ชื่อหนังดูว่าคนอื่นๆ ชอบและคิดเหมือนเราบ้างรึเปล่า จนได้เข้ามาอ่านที่ bloggang ของคุณ"ผมอยู่ข้างหลังคุณ" ก้อได้รู้ว่า มีคนอีกหลายคนชอบเหมือนเราเลย


โดย: นก IP: 203.155.162.66 วันที่: 6 กันยายน 2548 เวลา:10:01:03 น.  

 
เป็นหนังที่ดูสนุกนะ
ก่อนเข้าโรงเราไม่รู้เนื้อเรื่อง มาก่อนเลย โดนลากเข้าไป ดูไปแบบคนไม่รู้อะไรเลย ตั้งคำถามตลอดเวลาว่ามีเกาะไว้ทำไมฟะ หนังต้องการอะไรเนี่ย ก็เลยทำให้ช่วงแรกไม่อืดสำหรับเรา
ชอบสำเนียงแบบอังกฤษๆ ของพระเอกจัง น่ารักดี
อีกอย่างนึงคำว่าประนีประณอม เมื่อกี้เช็กดู //rirs3.royin.go.th/riThdict/lookup.html มันใช้ นอหนูสะกด อ่าค่ะ


โดย: chocolateสอดไส้มิ้นต์ผสมถั่ว IP: 61.90.97.146 วันที่: 16 ตุลาคม 2548 เวลา:14:22:42 น.  

 
เป็นหนังที่ผมสนใจตั้งแต่ก่อนเข้าโรงแล้ว แต่ไม่ค่อยมีเวลาไปดูก็เลยยังไม่ได้ดูเลย แผ่นก็ออกมานานแล้วก็ยังไม่ได้ดูอีก เดี๋ยวต้องเจียดเวลาไปดูซะแล้วแฮะ


โดย: sunzo IP: 58.8.57.147 วันที่: 15 เมษายน 2549 เวลา:19:18:30 น.  

 
เป็นหนังที่ผมไม่ได้รู้เรื่องราวมาก่อนมากนัก ทำให้ช่วงแรกๆ ยังดูได้สนุกอยู่ครับ ไม่รู้มาก่อนว่าเป็นหนังเกี่ยวกับมนุษย์โคลน ทำให้พอรู้ความจริงก็อึ้งไปเหมือนกัน โดยรวมก็สนุกดีครับ


โดย: AronSun IP: 203.114.97.149 วันที่: 6 กันยายน 2549 เวลา:3:33:27 น.  

 
8/10 คะแนน

หนังของ ไมเคิล เบย์ ยังไงก็สนุกครับ บทภาพยนต์เรื่องนี้ถือว่าดีกว่าหลายๆเรื่องของเขา ส่วนเรื่อง เอฟเฟค CG ก็ยังสุดยอดเหมือนเดิม


โดย: นักวิจารณ์สมัครเล่น IP: 125.24.181.222 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:01:06 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2548
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
23 กรกฏาคม 2548
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.