www.facebook.com/ibehindyou

ทุก comment ที่คุณให้มา ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้สนุกกับการเขียน blog แล้วอ่านอยู่คนเดียว

The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งทีคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ



...ทุกครั้งที่เห็นแมตต์ เดมอน ผมจะต้องนึกถึง สตีฟ ฟินแนน

สตีฟ ฟินแนน คือ นักเตะตำแหน่งแบ็กขวาของลิเวอร์พูลที่ผมรู้สึกว่าหน้าตาช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเขามาก

สองคนนี้ยังมีส่วนร่วมกันอีกคือ สตีฟ ฟินแนน เป็นนักเตะที่รักษาระดับมาตรฐานของตัวเองดีมาก เขาอาจไม่ใช่ดาวดังอย่าง สตีเวน เจอรราด , อองรี หรือ โรนัลดิญโญ่ แต่เขาคือนักเตะที่ทุกๆทีมต้องการมี เพราะทุกครั้งที่เขาลงสนาม คะแนนค่าเฉลี่ยความสามารถจะอยู่ แปด หรือ เก้า อยู่เรื่อยๆ

แมตต์ เดมอน ก็เช่นกัน เขาอาจไม่ได้อยู่ตำแหน่งเดียวกับ แบรด พิตต์ หรือ ทอม ครูซ แต่ไม่มีหนังเรื่องไหนที่เขาฝากฝีมือไว้ชนิดต่ำกว่ามาตรฐาน เขาเป็นได้ทั้ง นักต้มตุ๋นอ่อนหัดในทีมของโอเชี่ยน หรือ สายลับระดับพระกาฬที่ดันลืมชื่อตัวเอง



...ในหนังเรื่องนี้ เขาเป็น เอ็ดเวิร์ด วิลสัน

เอ็ดเวิร์ด เป็นนักเรียนชั้นดีของมหาวิทยาลัย ถูกชักชวนเข้าเป็นหนึ่งในสมาคมกะโหลกไขว้ในมหาวิทยาลัยเยล สมาคมลับที่ว่ากันว่าเหล่าคนดังล้วนเคยเป็นสมาชิก

เขาเริ่มต้นอยู่กับ ความลับ นับตั้งแต่นั้น

การก้าวเข้าสู่องค์กรนี้ เป็นการเดินตามรอยพ่อของเขา พ่อของเขาเคยมีประวัติเป็นคนทรยศขององค์กรและหนีโลกไปด้วยการฆ่าตัวตาย โดยเขาในวัยเด็กได้เห็นศพเป็นคนแรก แน่นอนว่า คนเป็นลูกอย่างเขาย่อมฝังใจคิดว่าตัวเองจะไม่เดินซ้ำรอยเดิมและจะทำหน้าที่ให้ดียิ่งกว่า

เขาไม่รู้หรอกว่า การทำหน้าที่ให้ดียิ่งกว่า ย่อมนำมา ซึ่งการสูญเสียที่กินวงกว้างมากกว่า

...คำสามคำที่วนเวียนในชีวิตของเอ็ดเวิร์ด คือ “ความปลอดภัย(safe)” , “หลอกลวง(lie)” และ “ความไว้วางใจ(trust)”

เขาเริ่มงานในซีไอเอก็ต้องเกี่ยวข้องกับคำสามคำนี้ เพราะ เขามีหน้าที่ในหน่วยข่าวกรอง คอยแยกแยะข่าวจริง คอยสร้างข่าวลวง คอยดูว่าใครที่ไว้ใจได้หรือไว้ใจไม่ได้

เขา ประสบความสำเร็จในเรื่อง ความหลอกลวง และ เชี่ยวชาญที่จะแยกว่าใครไม่น่าไว้วางใจ และ สร้างความปลอดภัยให้กับประเทศชาติ

เขาอาจช่วยชาติได้ แต่ ไม่สามารถช่วยชีวิตครอบครัว คนในครอบครัวไม่ว่าภรรยาหรือลูก เต็มไปด้วยความรู้สึกถึงความไม่มั่นคง(insecure) อาศัยอยู่กับความลับและการหลอกลวง และ ไม่สามารถไว้ใจอะไรได้เลย



น่าสงสารตรงที่แม้จะรู้ทั้งรู้ แต่ เอ็ดเวิร์ด ก็ไม่สามารถจะทำอะไรได้เลย

เพราะ


.... วินาทีที่เขาก้าวมาเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมและไปร่วมงานกับซีไอเอ ก็เหมือนกับ การตัดสินใจก้าวลงเรือ



ก่อนจะเลือกลงเรือลำใด จำต้องตัดสินใจให้ดี เพราะ เมื่อเราลงเรือแล้วออกเดินทาง เราไม่สามารถกระโดดหนีกลางคัน เช่นเดียวกับ การร่วมงานกับใครก็ตามหากไม่พินิจพิเคราะห์ เกิดจับพลัดจับพลูไปอยู่กับคนโกงๆแล้วเราเองก็ต้องมีส่วนร่วม จะถอนตัวก็เป็นเรื่องยาก เพราะ เรื่องโกงๆเหล่านั้นก็เป็นชนักที่ติดหลังเราไปด้วยแล้ว

เรือของเอ็ดเวิร์ดเป็นเหมือนเรือจำลองที่เขาชอบประดิษฐ์

เป็นเรือที่พาตัวเองเข้าไปในขวดได้ แต่ไม่สามารถออกมาได้ ถ้าคิดจะออก ก็จำเป็นต้องทำลายเรือให้ย่อยยับเท่านั้น

คนเก๋าๆในวงการนี้บอก เอ็ดเวิร์ด ระหว่างทางแล้วว่า

“ออกเสียตั้งแต่ยังมีโอกาส”

คำเชิญชวนนี้ ถ้าผมจำไม่ผิด พระเอกจากหนังเรื่อง Munich ก็เคยได้รับ

แต่ หลายคนไม่ยอมถอนตัวเป็นเพราะ

-กลัวว่าตัวเองจะเดือดร้อน เพราะมีชนักเกี่ยวติดมาด้วย
-กลัวว่าตัวเองจะลำบากเพราะถูกตามเก็บ
-เชื่อมั่นเทิดทูนในองค์กรหรือในงานของตัวเองโดยขาดสติ

ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นหลายๆคน ที่ต้องสูญเสียสิ่งดีๆในชีวิต ไม่ว่าจะเป็นคนจริงๆในสังคมที่หลงไปกับบางองค์กรบางบริษัท จนลืมเพื่อนหรือครอบครัว หรือจะเป็นตัวละครในแวดวงแฟชั่นใน The Devil wear prada หรือว่า สองสายลับจาก Munich และ เรื่องนี้

คนดูทุกคนนั่งดู การสูญเสียของ เอ็ดเวิร์ด เช่นเดียวกับ พระเอกในมิวนิค ที่การสูญเสียนั้นค่อยๆเกิดจากภายนอกที่เราเห็นได้ชัด (พระเอกในมิวนิค สูญเสียเพื่อนร่วมงาน , เอ็ดเวิร์ดสูญเสียครอบครัว) ซึ่งเกิดขึ้นพร้อมๆกับการสูญเสียภายในที่ตัวละครไม่ทันรู้ตัว นั่นคือ การสูญเสียจิตวิญญาณ

จากคนหนุ่มจิตใจดีที่รังเกียจการฆ่า หรือจะทำก็ด้วยเหตุผลเฉพาะคนในรายชื่อ พระเอกใน Munich กลายเป็นคนที่พร้อมจะฆ่าเพื่อล้างแค้นและไม่รู้สึกเสียใจ

จากคนหนุ่มเฉลียวฉลาด ซื่อๆ ดูจริงใจ เอ็ดเวิร์ด กลายเป็น คนที่เต็มไปด้วยความลับและพร้อมจะสละทุกอย่างเพื่อให้งานรุดหน้า


...สำหรับประเด็นการบ้างานจนสูญเสียนี้ มีจุดที่ผมชอบจาก The good sheperd ตรงที่ทำให้เราได้เห็นมากไปกว่า Munich คือ หนังทำให้เราได้เห็นอนาคตต่อๆไป ว่า การเลือกลงเรือของเอ็ดเวิร์ดเช่นนี้ มีผลกระทบต่อลูกชายที่เติบโตมาได้อย่างไร ชีวิตบ้างานอย่างไม่ลืมหูลืมตา หรือ ชีวิตของคนเป็นพ่อแม่ ส่งผลกระทบต่อลูกได้โดยที่ตัวเองไม่ทันคิด

เพราะ ลูกของเอ็ดเวิร์ด ต้องเติบโตมากลายเป็น คนที่ขาดความมั่นใจ(low self esteem) ทำอะไรต้องคอยดูว่าพ่อจะรับรองหรือไม่ อยากได้การ approve จากพ่อ

ลูกชายโดยส่วนใหญ่ก็พยายามจะสร้างตัวตน หรือพยายาม identified คนเป็นพ่อ ลูกชายหลายๆคนจึงพยายามที่จะเลือกงานเหมือนๆพ่อ เพื่อให้พ่อภาคภูมิใจ พยายามไปให้ถึง ภาพลักษณ์ในอุดมคติ(ego-ideal)ที่อยากจะเป็น

เขายิ่งไม่เข้าใจเมื่อพ่อพยายามจะบอกให้เขาถอยห่างออกมา

สุดท้ายแล้ว เมื่อเขาไม่สามารถไปถึง เมื่อเขาพบกับสิ่งที่ทำให้รู้สึกปลอดภัยได้มากกว่า เขาจึงมองว่า พ่อนั้นพยายามกีดกัน และ คำพูดของพ่อนั้นเป็นคำโกหกเหมือนที่ผ่านๆมา

และ ความบ้างานของคนเป็นพ่อ ไม่ใช่แค่ทำลายชีวิตครอบครัวแค่ครอบครัวตัวเองครอบครัวเดียว แต่มันส่งต่อการทำลาย ได้อย่างน่ากลัวราวกับยีนที่ถ่ายทอดกัน ลูกของเอ็ดเวิร์ดยังต่อได้รับผลกระทบชิ่งจากงานของพ่อด้วย สุดท้ายแล้ว จึงเป็นการสูญเสียที่ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือ

...เขาอาจจะเป็น The Good Shepherd ของ ซีไอเอ แต่ เขาคือ The Bad Shepherd สำหรับคนในครอบครัว
(Shepherd - a person who protects, guides, or watches over a person or group of people.)





….The Good Shepherd เล่าเรื่องตัดสลับสองช่วงเวลา

เริ่มตั้งแต่ ช่วงลงเรือของเอ็ดเวิร์ด และ ช่วงเวลาที่เรือรั่ว

...หนังเปิดฉากในเวลาปัจจุบัน ซึ่งเป็นเอ็ดเวิร์ดในช่วงปลายของชีวิต ได้รับเทปลับที่จะช่วยให้เขารู้ว่า ใครเป็นคนทำให้ข่าวขององค์กรรั่วไหล ใครเป็นหนอนบ่อนไส้ หรือ ใครเป็น คนทำเรือที่เขานั่งมาตลอดสามสิบปีนี้รั่ว

เขาจึงพยายามเร่งหาตัวการคนนั้น ไปพร้อมๆกับ องค์กรตัวเองที่กำลังจะถูกปิดฉากเนื่องจาก สงครามได้จบลงแล้ว หน่วยงานของเขาก็กำลังจะไร้ความจำเป็น และ เขาเองก็กำลังถูกหมายหัวเนื่องจากเป็นคนที่กุมความลับสำคัญหลายๆอย่างมาตลอดสามสิบปี




หนังจะตัดสลับไปกับ ช่วงมหาวิทยาลัย ที่เอ็ดเวิร์ดเริ่มก้าวลงเรือ (ซึ่งช่วงแรกของหนังทำเอาผมงงอยู่ไม่น้อย ต้องอาศัยลักษณะกรอบแว่นของพระเอกจึงจะจำได้ แถมตัวละครยังเยอะชนิดสมาธิหลุดก็ลืมแน่ๆ)

จากจุดนั้น ความสูญเสียแรกๆที่เขาต้องแลกกับงานที่เขาเลือก เริ่มต้นตั้งแต่สูญเสียความรักที่อ่อนหวานบริสุทธิ์สดใสของ ลอร่าและต้องยอมสละอาจารย์ตัวเอง ก่อนจะเป็นการต้องทิ้งครอบครัวไปอยู่ดินแดนห่างไกล ไม่อาจอยู่ดูลูกเกิด และ ให้ลูกเติบโตกับภรรยาเพียงสองคนนานกว่าห้าปี

...เขาเชื่อว่า เขาทำเพื่อชาติ สามสิบปีต่อมา เขาจึงต้องมาพบว่า สิ่งที่เขาทำอาจไม่ใช่เพื่อประเทศชาติอย่างที่คิด

งานของเขาท้ายที่สุดในบั้นปลายอาจเป็นเพียงแค่ ความว่างเปล่า

มันไม่ใช่การรักษาประเทศชาติ แต่เป็น ความหมกมุ่นและความบ้าของกลุ่มคน ที่พยายามสร้างเรื่องเพื่อจะรักษาให้มี ‘องค์กร’ การมีมิใช่เพื่อให้ชาติอยู่รอด แต่พยายามให้มี เพื่อให้ตัวเองมี’งาน’ทำสืบต่อไป

ดังนั้นสิ่งที่เขารับใช้อาจเป็นเพียง ความบ้าและหมกมุ่นของคนบางคนเท่านั้นเอง





....ด้วยบารมีของเดอนีโร เราจึงเห็นการรวมทัพของเหล่านักแสดงมากหน้าหลายตา ที่มาฝากฝีมืออย่างน่าจดจำ นอกจาก สตีฟ ฟินแน่นจากฮอลลีวู้ดแล้ว นักแสดงเก๋าๆกลุ่มเน้นฝีมืออย่าง จอห์น เทอร์เทอโร่, อเล็ค บอลด์วิน , วิลเลี่ยม เฮิร์ท , ไมเคิล แกบบอน ต่างก็ให้การแสดงที่เฉียบคม ตัว เดอนีโร เองก็โผล่มามีส่วนร่วมรับเชิญเช่นเดียวกับ โจ เพซซี่ ที่เดาว่ามาไม่ได้มาเพราะตัวบทของเขาที่น่าเล่น บทเล็กๆของเขาโผล่มาไม่กี่นาที แต่น่าจะมาเพราะความเป็นเพื่อนร่วมแสดงกันมานาน



อีกคนที่ผมชอบ คือ แองเจลิน่า โจลี่ ซึ่งจะว่าไป เธอมีดีมานานแล้ว เพียงแต่ สัดส่วนอันเซ็กซี่บวกข่าวทั้งหลายแหล่ที่ดังกว่ากลบฝีมือของเธอจนคนดูมักจะมองข้าม เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่เธอพิสูจน์ให้เห็นว่าไม่ต้องมีข่าวฉาว ไม่ต้องโชว์เลิฟซีน เธอก็คือหนึ่งในนักแสดงนำหญิงแถวหน้าของฮอลลีวูด ซีนที่ต้องถ่ายทอดอารมณ์ของเธอทำให้คนดูได้กลับมานึกถึงฝีมือดีๆที่เธอเคยมอบให้กับคนดูอย่างในGirl, Interrupted หรือ GIA (ความจริงหนังแอคชั่นอย่าง Mr. & Mrs. Smith หรือ หนังไซไฟ Sky Captain and the World of Tomorrow เธอเองก็แสดงได้ดีในส่วนดราม่าแต่ถูกบดบังจากองค์ประกอบอื่นๆของตัวหนัง) น่าเสียดายตรงที่ ในเรื่องนี้ ใช้ประโยชน์จากเธอน้อยไปหน่อย

ปัญหาใหญ่ๆของหนัง คือ ความยาวเกือบสามชั่วโมง แต่เนื้อเรื่องของหนังไม่ได้เหมาะเจาะกับความยาวขนาดนั้น จนทำให้คนไม่ชอบหนังแนวนี้นั่งขยับกระสับกระส่ายได้ โดยเฉพาะช่วงก่อนลูกจะโตของพระเอกที่หนังเล่าเรื่องที่มีเนื้อหาน้อยอยู่นาน

เดอนีโร คุมอารมณ์ของหนังให้เดินเรื่องไปได้อย่างสุขุมเคร่งเครียด ภายใต้องค์ประกอบไม่ว่าจะเป็นแสง หรือ งานสร้างที่ดูหนักแน่นขึงขัง หนึ่งรางวัลออสการ์ที่เข้าชิงในสาขากำกับศิลป์นั้นถือว่าคู่ควร หลายตอนของหนังทำออกมาน่าเชื่อถือเป็นอย่างยิ่ง เช่น ฉากวิเคราะห์แกะรอยข้อมูลจากรูปที่ได้มา ทำเอาผมนึกว่า นั่นเป็นสารคดีการทำงานจริงๆของซีไอเอ


สิ่งที่ชอบ

1.แม็ตต์ เดมอน ... เล่นได้เครียดกดดันชนิดพร้อมจะเครียดตายได้ทุกวินาที แต่ก็เล่นได้ดีเพราะทำให้เรารู้สึกเครียดไปกับตัวละครได้จริงๆ

2.แองเจลิน่า โจลี่ ... เยี่ยมยอด อยากเห็นเธอได้บทดีๆในหนังที่เน้นดราม่าบ้าง เพราะหนังดราม่าช่วงหลังๆที่เธอเลือกก็ดันได้บทไม่ดีเท่าหนังแอคชั่นหรือหนังฟอร์มยักษ์ มาเล่นดีในเรื่องนี้ก็เป็นแค่ส่วนประกอบเล็กๆของหนังเสียอีก

3.องค์ประกอบ ... แสง สี เสียง เครื่องแต่งกาย งานสร้าง ฯลฯ สร้างความหนักแน่นให้กับหนังได้เป็นอย่างดี

สิ่งที่ไม่ชอบ

1.ยาวไปนิด ... ไม่ถึงกับแย่มาก แต่ มันรู้สึกนิดๆว่า หนังยาวจังแฮะ น่าจะสั้นกว่านี้อีกซักหน่อย

สรุป ... แฟนๆหนังแนวนี้ไม่ควรพลาด หนังยาวพอตัวและ อาจไม่สุดยอดในระดับตรึงคนดูให้ติดเบาะ แต่ หลายๆอย่างในหนังไม่ว่าจะเป็นนักแสดง แสงสีเสียงหรือ การเล่าเรื่อง อยู่ในเกณฑ์เยี่ยมและทำให้เราอยากติดตามไปจนจบ เพราะ อยากรู้ว่า บั้นปลายของตัวละครนั้นจะเป็นเช่นไร และ ทำให้คนดูอย่างผมที่เคยหลงเข้าใจผิดจากชีวิตเจมส์ บอนด์ หรือ จารชนสองหน้าในเรื่องอื่นๆ จะได้รู้เสียทีว่า “เป็นสายลับ ไม่ได้เท่ คูล เก๋ เท่อย่างที่คิด”


ป.ล. ชวนมาร่วมแสดงความคิดเห็น และ เป็นหนึ่งในความเห็นเกี่ยวกับ ระบบเซ็นเซอร์เมืองไทยที่ไร้มาตรฐาน และ การจัดเรตหนังบ้านเราที่ --> คลิก



ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที่หยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม



(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป หาไม่เจอถามจากพนักงานขายได้เลยจ้า)






ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ

ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก

รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง





ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง

ความเห็น
ของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป


Create Date : 27 มีนาคม 2550
Last Update : 27 มีนาคม 2550 10:47:05 น. 21 comments
Counter : 5344 Pageviews.

 



ยังไม่ได้ดูเลยค่ะ เห็นแต่โมษณา
ต้องหาเวลาไปดูบ้างแล้ว



โดย: icebridy วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:0:34:19 น.  

 
Demon = Finnan
คิดมานานแล้วเหมือนกัน
ดีใจที่มีคนคิดเหมือนกัน


โดย: GodFather IP: 58.8.22.114 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:9:01:09 น.  

 
Demon = Finnan
อ่า...จริงด้วยครับ เพิ่งนึกออก
สังเกตุมานานแล้วว่าหน้าเหมือนใคร
คุ้นๆอยู่ แต่นึกไม่ออก


โดย: hAmlet IP: 124.121.135.50 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:9:18:04 น.  

 
ผมว่าอีกคนที่เหมือนคือ บัลลัคนะครับ ^^


โดย: bigwores วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:9:50:30 น.  

 
+ คริๆ บังเอิญผมเป็นแฟนปืน เลยจำหน้านักเตะหงส์ไม่ค่อยได้แฮะ แต่ก็คุ้นๆ ว่าคล้ายเหมือนกันนะครับนั่น ... แต่จริงๆ แล้วดารากับนักเตะ ผมว่ามีหน้าคล้ายกันอยู่หลายคู่เลยเชียว เด๋วไว้วันหลังนึกออกจะมาบอกนะฮับ
+ บังเอิญผมไม่ค่อยเป็นแฟนหนังแนวนี้ซักเท่าไหร่ แบบว่าจำหน้าคนไม่ค่อยได้ (มักจะอยู่ในที่ดำๆ มืดๆ) ใครเป็นฝ่ายไหน ใครทำอะไร ตามไม่ค่อยทัน แล้วเรื่องนี้มันก็ออกโทนซีเรียส เรียลลิสติค ... ในขณะที่ถ้าเทียบกับ Munich เรื่องนั้นถึงแม้จะมีฉากหรือเหตุการณ์ที่ดูเหมือนจงใจใส่เข้ามาเร้าอารมณ์คนดูอยู่หลายฉาก แต่ก็สามารถกระชากอารมณ์ผมได้ (ผมค่อนข้างชอบการเร้าอารมณ์แนวสปีลเบิร์กอยู่แล้ว - ยกเว้นอยู่เรื่องเดียว WarOfTheWorld) ... บวกกับหนังเรื่องนี้มันยาวไปสักนิด ... ก็เลยทำให้มึนๆ ตื้อๆ พอสมควรตอนจบออกมาจากโรง
+ ชื่อเรื่อง "Good shepperd" นี่มันมีที่มารึเปล่าอ่ะครับ? หมายถึงเค้าจะเปรียบเทียบว่าเจ้าหน้าที่ CIA ต้องเป็นเหมือนคนเลี้ยงแกะหรือไร? ... และชื่อนี้ทำให้ผมนึกถึงสถานที่แห่งนึงที่ผมเคยผ่านมาก่อน ชื่อ 'Church of the good shepperd' อยู่ริมทะเลสาบ 'Lake Wanaka' เกาะใต้ NZ อ่ะครับ บรรยากาศสวยงามมากทีเดียวในวันฟ้าใส โปสการ์ดชอบเอารูปมาลง ... แต่ก็ไม่รู้ประวัติเหมือนกันว่าทำไมถึงตั้งชื่อไว้แบบนั้น
+ มีบางฉากหรือบางเหตุการณ์ที่ผมตามไม่ค่อยทันเหมือนกัน มานึกออกอีกทีก็ตอนอ่านบล็อคนี้แหละครับ


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:10:10:54 น.  

 
เห็นโฆษณาแรกๆ ยัง งงๆ อยู่เลยว่าเรื่องไรหว่า

ขอบคุณสำหรับรีวิวนะคะ


โดย: หัวใจสีชมพู วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:10:19:09 น.  

 
bigwores ... โฮะๆ เออใช่ บัลลัคนี่ก็เข้าเค้าเหมือนกันครับ

บลูยอชท์ ... ผมเอาความหมายของ จากเว็บดิกชันนารีมาตามนี้ครับ

1. a person who herds, tends, and guards sheep.
2. a person who protects, guides, or watches over a person or group of people.
3. a member of the clergy.
4. the Shepherd, Jesus Christ.
5. sheepdog.

... ซึ่งผมคิดว่าในหนังน่าจะเป็นตาม ความหมายที่ 2 ครับผม

... ขอบคุณครับกับทุกๆความเห็นที่แวะเข้ามาพูดคุยนะครับผม


โดย: "ผมอยู่ข้างหลังคุณ" วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:10:43:01 น.  

 
^
^
โฮ่ๆๆ เข้าใจแล้น ที่แท้เป็นคำพ้องรูปนั่นเอง ... เคลียร์ขึ้นเยอะเลยฮับ ขอบคุณ คุณ จขบ. หลายๆ เน้อ ... (และแอบรออ่านรีวิว Miss Sunshine อยู่นะคร้าบ อิๆ )


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:10:49:23 น.  

 
ตอนแรกๆ ค่อนข้างน่าเบื่อครับ
แต่ถือว่าเดอนีโรค่อนข้างเก่ง เพราะถ้าเป็นหนังเรื่องอื่น ผมอาจจะมี "วูบ" ไปซักสองนาทีเป็นห้วงๆแล้ว (แม้แต่ Closer ก่อนช่วงแชต ผมก็เป็น)

เรื่องการแสดง ผมชอบการแสดงของ Angelina Jolie, Michael Gambon และ William Hurt มากครับ โดยเฉพาะโจลี่กับแกมบอน ที่เรียกว่าจี๊ดได้ใจดีจริงๆ... (ชวนให้คิดว่า ไมเคิล แกมบอน เหมาะกับบทแบบนี้มากกว่าเป็นศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ เยอะมาก)

ส่วนประโยคสำคัญที่ผมชอบมากๆในเรื่อง ที่อธิบายหนังทั้งเรื่องและการทำงานของซีไอเอได้ดีมากๆ ก็คือประโยคส่งท้ายของ Mironov ที่จวกการทำงานของซีไอเอแบบไม่มีชิ้นดี
ผมคิดไปคิดมา.... ก็จริงแฮะ!


โดย: nanoguy IP: 203.113.35.11 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:11:02:12 น.  

 
อดใจไม่ไหว แว่บมาอ่านจนได้ แค่ตรงสรุปนะ อิอิ

โดดงานอีกละ ทำธุระเสร็จ ก็น่าจะได้ดูเย็นนี้

รออ่าน Little Miss Sunshine ด้วยคน หนังอะไรน่ารักชะมัด


โดย: bua ja วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:12:27:02 น.  

 
หลังจากอ่านรีวิวจบ... เด๋วต้องหาเวลาไปดูบ้างแล้ว อิอิ


โดย: aorengja IP: 202.147.38.96 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:16:28:08 น.  

 
ผมดูเรื่องนี้ แล้วไปดูเรื่อง Ghost Rider ผมว่ามันมีอะไรคล้ายๆกันนะ อิอิ


โดย: SSM IP: 58.8.169.220 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:22:22:08 น.  

 
ก็ชอบAngelina Jolie เหมือนกันอ่ะค่ะ

แบบชอบมากๆๆๆๆๆๆเลยด้วย อิอิ
แอบมาอ่าน ...The good sherperd


โดย: aaJolie IP: 203.158.4.155 วันที่: 28 มีนาคม 2550 เวลา:14:58:36 น.  

 
เพิ่งไปดูมาวันนี้ หลับครับ ปีนี้หลับอยู่สองเรื่องคือเรื่องนี้กับ Lives Of Others พอรู้ตัวก็รีบถ่างตาขึ้นมา แป๊บนึงก็งีบไปอีก (คนดูมี walk out ไปสองสามคนด้วย สงสัยเบื่อมาก)

Matt Damon เรื่องนี้ไม่รู้เป็นไง ผมว่าไร้เสน่ห์นักแสดงมากเลย รอให้ Angelina ออก แล้วไม่มาซะที เลยเผลองีบเลย แต่พอดูจนจบก็โอเคนะครับ พอเข้าใจหนัง ไว้รอแผ่นออกจะดูอีกรอบ

spoil

ช่วงแรกๆ ผมหลับๆ ตื่นๆ อย่างที่บอก มาตื่นเอาตอนแก้ผ้าโดนฉี่รดหัว ใครพอช่วยอธิบายฉากนี้ได้บ้างครับ ว่าทำไปทำไม ผมงง


โดย: ayres IP: 58.64.101.81 วันที่: 28 มีนาคม 2550 เวลา:20:37:24 น.  

 
^
^
ไม่ค่อยชัวร์เหมือนกันนะครับ ... แต่เข้าใจว่าน่าจะคล้ายๆ ระบบ sotus สมัยก่อน ที่รุ่นพี่มีสิทธิ์ทำอะไรรุ่นน้องก็ได้ ... ก็เลยทำแบบนั้น เพื่อเป็นการข่มว่า "ข้ามาก่อน ข้ามีพรรษาเหนือกว่าเอ็ง" แล้วเลยให้พวกรุ่นเก่าๆ ยืนล้อมอยู่บนระเบียงข้างบนดูพวกรุ่นน้องที่แก้ผ้าคลุกโคลนอยู่ข้างล่างอ่ะคับ

... คุณ ayres คล้ายๆ ผมเล็กน้อย ... กับเรื่องนี้ ถ้าผมเพลียก็อาจหลับได้เหมือนกัน ... แต่กับ The lives of others ผมกลับชอบนะครับ ถึงจะออกมาอารมณ์นิ่งๆ แบบยุโรป(ซึ่งบางทีผมก็เข้าไม่ถึง) แต่กับเรื่องนี้ มันค่อยๆ ซึมลึกกัดกร่อนอารมณ์เข้าไปเรื่อยๆ อ่ะครับ แต่ shepperd มันไม่ค่อยมีเรื่อง 'อารมณ์' มาเกี่ยวข้อง เลยชวนง่วงนอนกระมัง ... นี่ได้ข่าวว่าบริษัทพี่น้องไวน์สตีนซื้อลิขสิทธิ์เรื่อง Lives ไปรีเมค(อีก)แล้วอ่ะครับ (จะรีบรีเมคไปทำไมฟระ! ต้นฉบับเพิ่งออกฉาย ได้รางวัลไปหมาดๆ คนยังไม่ทันลืมเลย ฮ่วย! )


โดย: บลูยอชท์ วันที่: 29 มีนาคม 2550 เวลา:10:36:41 น.  

 
^
^
Lives Of Others หลับแบบเผลองีบชั่วขณะเท่านั้นครับ ประมาณสองนาที แล้วก็ไม่หลับอีก
แต่เรื่องนี้ หลายนาที ขึ้นมาตื่นต่ออีกเกือบชม. แล้วเผลองีบอีก เป็นเรื่องเดียวในชีวิตที่ดูแล้วพอเผลอหลับ แล้วผมปล่อยให้หลับต่อ จนกว่าจะพร้อมดูต่อ ไม่รีบถ่างตาตื่นเหมือนเรื่องอื่นๆ ทั้งที่ปกติผมจะถือมากๆ ว่าเสียตังมาดูแล้ว ต้องดูให้คุ้ม ห้องน้ำก็พยายามไม่เข้า สงสัยคืนก่อนหน้านอนน้อยไปด้วย ทีหลังจะดูหนังหนักคงต้องเตรียมร่างกายให้พร้อม


โดย: ayres IP: 58.64.102.175 วันที่: 29 มีนาคม 2550 เวลา:20:53:07 น.  

 
ถือว่าค่อนข้างดีครับเรื่องนี้
ชอบเดมอนเล่นเรื่องนี้ได้อารมณ์นิ่ง ลึกดีครับ


โดย: ~อาหยั่น~ IP: 203.113.80.140 วันที่: 30 มีนาคม 2550 เวลา:18:35:12 น.  

 
จากเนื้อเรื่อง
ตั้งแต่เปลี่ยนจาก ยุคสงคราม 2 ขั้วอำนาจ
มาเป็นสงครามเศรษฐกิจ
มีบางอาชีพในไทยลดและหายไปเยอะเลย
บางอาชีพที่ว่า มีอะไรบ้าง ฝากไว้เป็นการบ้านนะ


โดย: pra.cha IP: 58.8.6.41 วันที่: 4 พฤษภาคม 2550 เวลา:3:03:11 น.  

 
แหะๆ ต่อให้พี่เดมอนมานั่งทำหน้าเฉยๆ
ตลอดเรื่อง
เราก็จะซื้อเก็บไว้อะ
ก็คนมันรักนิ
เรื่องนี้มาอ่านวิจารณ์ที่นี้แล้วถึงเข้าใจกระจ่างค่ะ
เด๋วต้องกลับไปดูรอบ 2

ปล.แต่ไม่รู้ว่าพี่แกเล่นแข็งเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว หรือเล่นเก่งจริงๆ 555


โดย: and then IP: 202.5.87.153 วันที่: 30 กรกฎาคม 2550 เวลา:14:52:39 น.  

 
เพิ่งดูเมื่อคืนนี้ครับ ชอบครับ แต่ยาวไปนิด นั่งดูเรื่องที่เครียดๆนานๆ เล่นซะมึนไปเลย แต่ก็ดีครับ


โดย: ืีnuthingz IP: 125.25.73.119 วันที่: 6 ตุลาคม 2550 เวลา:14:38:00 น.  

 
ชอบการวิเคราะห์หนังของคนเขียน Blog นี้ครับ ผมดูไม่ค่อยเข้าใจ เลยต้องมาหาอ่านตามเว็บบอร์ดอีกที แหะๆ

ส่วนคำว่า Shepherd ส่วนตัวผมแปลง่ายๆ เลยครับ ผมแปลว่า "ผู้นำ"


โดย: Piam IP: 125.24.63.96 วันที่: 31 ธันวาคม 2550 เวลา:3:47:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

"ผมอยู่ข้างหลังคุณ"
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 72 คน [?]




New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2550
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
27 มีนาคม 2550
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add "ผมอยู่ข้างหลังคุณ"'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.