Spider-Man 3 , แมงมุมดำตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่ในใจเราทุกคน
...ก่อนจะไปดู Spiderman 3 ผมตระเวนตามหาอีกสองภาคมานั่งดูอีกรอบ เพราะตั้งใจจะเขียนบทความเฉพาะถึงสไปดี้ลงในคอลัมน์ของ Cream ด้วยเหตุนี้ผมจึงได้ดูทั้งสามภาคในเวลาไล่เลี่ยกัน
ดูครบสามภาคจบ ผมอดไม่ได้ที่จะนึกภาพการให้คะแนนของ Spiderman เทียบกับยิมนาสติก ทั้งสามภาคมีคะแนนทิ้งห่างกันไม่มาก เช่น 8/9/8 , 9/8/9 ฯลฯ สุดแล้วแต่ว่าใครจะชอบภาคไหนมากกว่ากัน ที่แน่ๆ ความดีแย่ของทั้งสามภาคอยู่ไม่ห่างกันเกินสองคะแนน และ ภาคที่ด้อยที่สุดก็ยังเป็นหนังที่ดีเกินเกณฑ์มาตรฐาน อย่างต่ำก็ต้อง 7.5 และดีกว่า หนังฮอลลีวูดอีกหลายร้อยเรื่อง
... อาจเป็นความบังเอิญหรือเป็นสายตาที่เฉียบคม ในการเลือกทีมงานที่เกี่ยวข้องไล่ตั้งแต่ผู้กำกับยันนักแสดง ทีมสไปเดอร์ชุดนี้อันได้แก่ แซม เรมี่ , โทบี้ แมคไกวร์ และ เคิรตสเท่น ดันน์ ช่างเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ราวกับว่า พระเจ้า จอร์จ พวกเขาเกิดมาเพื่อสร้างหนังเรื่องนี้จริงๆ
ภาคแรก เป็นการเปิดฉากที่น่าทึ่งสำหรับการเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ ที่ไม่ได้เน้นเป็นหนังแอคชั่นขี้โม้ และก็ไม่ได้เน้นสาระหรือความขัดแย้งในใจอันซับซ้อนจนอืดอาดเหมือนกับ Hulk หนังภาคแรกผสมสัดส่วนดราม่าลงไปมากเพื่อให้เราได้รู้จักสไปดี้ แต่ก็ยังมีฉากแอคชั่นที่ตื่นเต้นให้จดจำการเปิดตัวไอ้แมงมุม
ภาคแรกที่ว่าดีแล้ว ภาคสอง ยังดียิ่งกว่า เพราะเป็น ภาคที่ผมคิดว่า มีความลงตัวกลมกล่อมสำหรับการเพิ่มสัดส่วนแอคชั่นมากขึ้นกว่าเดิม จนทำให้ ภาคแรกน่าเบื่อขึ้นมาทันที บทหนังยังใส่มุมมองใหม่ๆเกี่ยวกับชีวิตของซูเปอร์ฮีโร่ ทั้งการชักใยไม่ได้จนต้องขึ้นลิฟต์ หรือ การไล่ส่งพิซซ่าเพื่อหาเลี้ยงชีพไม่ต่างจากคนทั่วไป ในแง่ของหนัง ภาคสองให้ความบันเทิงที่อิ่มกว่าภาคแรก
... สองภาคว่าเจ๋งแล้ว ผมเองตอนดูในโรงก็ไม่ได้ถึงกับปลื้มมากมายอะไรนัก จนกระทั่งผมมานั่งดูเรียงกันครบทั้งสามภาค ผมจึงเพิ่งตัดสินใจอาสาสมัครเป็นแฟนคลับ สไปเดอร์แมน
การได้ดูต่อเนื่องในช่วงเวลาใกล้ๆกัน ทำให้ผมพบว่า นอกจากมาตรฐานดีไม่มีตกแล้ว ทั้งสามภาคถูกสร้างราวกับนัดกันไว้ตั้งแต่แรก
ภาคสาม อาจไม่ใช่ภาคที่ดีที่สุด แต่เป็นหนังทำหน้าที่ ความเป็นภาคสาม ดีที่สุด สามารถปิดฉากและรับช่วงต่อได้อย่างสมศักดิ์ศรี เราจะพบความต่อเนื่องเสมือนเป็นหนังชุดเดียวกัน ซึ่ง ความต่อเนื่องนี้ไม่ใช่แค่เนื้อเรื่องทั่วๆไป แต่ ยังรวมถึง ปมจิตใจ และ พัฒนาการของตัวละคร
Spiderman , ตัวแทนจิตใจมนุษย์ทุกคน
...ไม่แปลกอะไรที่ ซูเปอร์ฮีโร่คนนี้จะมีพัฒนาการของตัวละครได้มากกว่าเพื่อนๆซูเปอร์ฮีโร่คนอื่น เพราะ พ่อหนุ่มชักใย เป็นฮีโร่ที่มีความเป็นคนมากที่สุด และ สะท้อนความเป็นคนธรรมดาสามัญได้ดีที่สุด เมื่อเทียบกับ ฮีโร่สว่างสดใสไกลเกินเอื้อมอย่าง Superman และ ฮีโรที่หมองหม่นดำมืดซึมเศร้าอย่าง Batman
ลองถอดชุดสีแดงๆของไอ้แมงมุมออก เราจะเห็นอะไร ?
เปล่า ผมไม่ได้หมายถึงรูปร่างของโทบี้ แมกไกวร์ แต่ ลึกลงไปกว่านั้น สิ่งที่เราจะเห็นตั้งแต่ต้นคือ
...ภาคแรก คนธรรมดาๆคนหนึ่งต้องปรับตัวกับ การเป็นสไปเดอร์แมน
ภาคที่สอง การเป็นสไปเดอร์แมน ทำให้ชีวิตของเขาต้องสูญเสียหลายสิ่งในชีวิต สูญเสียเพื่อนรัก สูญเสียคนรัก และ สูญเสียความสนุกในชีวิตเหมือนคนหนุ่มสาวทั่วไป จนเขาเหนื่อยหน่ายและอยากทิ้งสถานภาพนี้
ภาคที่สาม ผู้ชายคนเดิม เริ่มคุ้นเคยและสนุกกับ การเป็นสไปเดอร์แมน เขาหลงระเริงไปกับคำยกยอปอปั้นและเสียงปรบมือ
การเป็นสไปเดอร์แมน หรือ พลังวิเศษ ที่ ปีเตอร์ ได้รับไม่ต่างอะไร กับ การมีอำนาจหรือมีสิทธิพิเศษ
...ถ้านั่งไล่เรียงดูจนครบสามภาค เราจะพบพัฒนาการที่ร้อยเรียงกันของ
คนที่ตื่นเต้นเมื่อมีอำนาจในมือ แล้วก็ค่อยๆได้เรียนรู้ว่า การมีอำนาจไม่ใช่ว่า เราจะใช้อำนาจจัดการอะไรได้ตามใจ การมีอำนาจพิเศษแต่ขาดความรับผิดชอบ ก็จะเป็นเหมือน เจ้าหน้าที่หรือข้าราชการที่โกงกินเพราะสิทธิพิเศษที่ตัวเองมี
พอเข้าภาคสอง สไปเดอร์แมน ก็เหมือนกับ คนธรรมดาๆที่เรียนรู้ว่า อำนาจพิเศษเมื่อใช้ในทางที่ถูกที่ควร มันไม่ได้ทำให้เขามีชีวิตที่สะดวกสบาย มิหนำซ้ำ นานวันเข้าเมื่อต้องทำอะไรเพื่อคนอื่นจนสูญเสียความสุขส่วนตัว ก็เริ่มมานั่งใคร่ครวญว่า มันคุ้มแล้วหรือที่ทำอะไรเพื่อใครต่อใคร แต่ตัวฉันกลับไม่สามารถเสวยสุขใดๆได้เลย เขาต้องเรียนรู้การหาความสมดุลในการใช้ชีวิต
ล่วงเข้าภาคสาม ความคุ้นเคยกับการมีอำนาจหรือสิทธิพิเศษและทำอะไรเพื่อสังคม จนได้มาซึ่ง คำชื่นชม เสียงปรบมือ อัตตาหรืออีโก้ในตัวก็เริ่มหลงมัวเมามีความสุขไปกับเสียงชม จนลืมใส่ใจคนรอบตัว เพราะสนุกกับการใช้ชีวิตเพื่อให้ได้คำชม
..การดำเนินชีวิตของ ปีเตอร์ ปาร์คเกอร์ ตลอดสามภาคที่ผ่านมา ต้องยืนอยู่บนทางแยกที่ต้องตัดสินใจ เหมือนกับหมอที่ปีเตอร์ไปตรวจร่างกายในภาคสอง และ เหมือนป้าเมย์ในภาคสามบอกไว้ว่า
แม้จิตใจเราจะมีความขัดแย้งรุนแรงเพียงใด เราทุกคนมีทางเลือกเสมอ
ในตอนจบของหนังเรื่อง Number 23 ที่เพิ่งดูไปก็มีประโยคที่ใกล้เคียงกันที่ผมชอบใจ ตอนพระเอกบอกว่า ไม่มีหรอกชะตากรรม ชีวิตคนเรามีแต่ทางเลือก สุดแต่เราจะเลือกเดินไปทางใด
...ภาคแรก ปีเตอร์เลือกได้ว่าจะหยุดโจรที่เข้ามาชิงทรัพย์ผู้จัดงานมวยปล้ำ หรือไม่ แต่ด้วยความโกรธที่ไม่ได้เงินรางวัลตามตกลง เขาปล่อยให้โจรวิ่งผ่านไป ผลของทางเลือกนั้น ลุงของเขาถูกฆ่าตาย
ภาคสอง เขาเลือกได้ว่าจะเลิกช่วยคน จะเลิกเป็นสไปเดอร์แมนหรือไม่ แต่ด้วยความผิดหวังที่ชีวิตไม่เป็นดั่งใจ เขาจึงเดินผ่านคนที่ถูกรังแกในซอกตึก
.... ทุกๆผลของทางเลือกในอดีตที่เราเลือก ย่อมมีผลต่อทางเดินชีวิตในอนาคต เช่น การเลือกปล่อยโจรในภาคแรก ก็ส่งผลตามมาเป็น ความรู้สึกผิด ที่ติดตัว ปีเตอร์ และ ความรู้สึกผิดที่ติดตัวมานั้นก็กลายเป็นชนวนพอที่จะจุดประเด็นต่อในภาคสาม พร้อมๆการมาของ ดึกดำดึ๋ย
... ดึกดำดึ๋ย เป็น สสารจากต่างดาวมาพร้อมอุกกาบาต หนังแสดงให้เราเห็นว่า มันแอบตามติดปีเตอร์ตั้งนานแล้ว แต่มันก็ยังไม่ยอมเข้ายึดร่างปีเตอร์ตั้งแต่แรก มันรอคอยอะไรบางอย่าง จนกระทั่งถึงเวลาเราก็พบว่า
....ดึกดำดึ๋ย เข้ายึดร่างคนก็ต่อเมื่อ จิตใจคนนั้นอ่อนแอ เมื่อความแค้นเข้าครอบงำรุนแรงจนเส้นศีลธรรมขาดผึง ถึงขั้นอยากฆ่าคนให้ตาย(murderous wish)
ดึกดำดึ๋ย ยึดร่างปีเตอร์ ในเวลาที่เขาเริ่มแค้นใจ อัดแน่นด้วยความแค้นและปรารถนาจะฆ่า Sandman เช่นเดียวกับ ตอน ดึกดำดึ๋ย ยึดร่างเอ็ดดี้ บล้อก ก็เป็นเวลาที่เอ็ดดี้ โกรธแค้นชิงชังถึงกับวอนขอพระเจ้าให้ฆ่าสไปเดอร์แมน
....ดึกดำดึ๋ย ไม่ต่างอะไรจาก กิเลส ที่นั่งรอคอยยึดครองจิตใจคนยามอ่อนแอจนปราศจากสติหรือศีลธรรมในใจ และ แปรเปลี่ยนคนๆนั้นให้เป็น Black spider หรือ Venom
ดังนั้นในฉากที่ตัวละครสามารถถอดดึกดำดึ๋ยได้ เมื่อได้ยินเสียงเป๊งหง่าว จากระฆังโบสถ์ ราวกับจะสื่อให้เราเห็นว่า แม้จะถูกความชั่วร้ายเข้าครอบงำใช่ว่าคนเราจะพ่ายแพ้เสมอไป
เสียงระฆังก็เป็นคล้ายๆกับสัญญาณความดีจากศาสนาที่เรียกสติและศีลธรรมให้เจ้าของร่างกลับมาเข้มแข็ง กลับมามีสติจนสามารถเอาชนะจิตใจถอดสีดำออกไปได้ในที่สุด
นั่นทำให้ บทหนังของภาคนี้ มีความยากกว่าทุกภาคที่ผ่านมา กับการพยายามผูกปมในใจสไปเดอร์ถึงสองอย่างด้วยกัน
1.ความแค้น จาก ความรู้สึกผิดคั่งค้าง และ การเรียนรู้การให้อภัย
2.ความหลงระเริง เพลิดเพลินในเสียงชื่นชม จนลืมคนรักและตัวตนที่แท้จริง
...นอกจาก พัฒนาการ และ ปมในจิตใจ ของสไปเดอร์แมน คือ ตัวบทที่ผมชื่นชอบ เหล่าวายร้ายทั้งหลายในหนัง สไปเดอร์แมน ก็เป็นกลุ่มเหล่าร้ายที่ผมประทับใจมากยิ่งกว่า วายร้ายจากซูเปอร์ฮีโร่เรื่องอื่นๆ
วายร้ายตั้งแต่ภาคหนึ่งถึงภาคสาม ไม่ใช่ ไอ้บ้าหน้าไหนที่จู่ๆอยากจะมาครองโลก ไม่ได้เป็นไอ้บ้าที่ทะเยอทะยานมักใหญ่ใฝ่สูงเกินตัว
วายร้ายทุกๆตัว ในหนังสไปเดอร์แมน เป็นเพียงแค่ คนธรรมดา เหมือนกับ ปีเตอร์ ปาร์กเกอร์ เหมือนกับเราทุกคนที่เลือกทางเลือกในชีวิตที่ผิดทาง และ ความอ่อนแอในจิตใจปล่อยให้ความกิเลสเข้าครอบงำ
Green goblin & Doc Ock ปีศาจมาจากความอ่อนแอในจิตใจ
นอร์แมน ออสบอร์น ในภาคแรก และ ด๊อกเตอร์อ๊อคโตเวียสในภาคสอง ไม่ต่างจากสไปเดอร์แมน พวกเขาล้วนบังเอิญที่ได้พบกับ พลังอันวิเศษ เช่นเดียวกับการชักใย
ที่จะต่างจากสไปเดอร์แมน ก็ตรง
พวกเขาไม่มีลุงเบนที่มาสอนว่า พลังที่ยิ่งใหญ่มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่ใหญ่ยิ่ง
พวกเขาไม่มีป้าเมย์ที่จะมาบอกว่า การทำสิ่งที่ถูกต้องจำต้องย่อมแน่วแน่ เพื่อแลกกับ ความปรารถนาส่วนตัว
พวกเขาไม่ได้เรียนรู้ถึงความเป็นฮีโร่ ที่ป้าเมย์เคยบอกว่า เราทุกคนมีฮีโร่ อยู่ภายในตัวเอง ทั้งที่ทำให้เราซื่อสัตย์ ทำให้เราเข้มแข็ง ทำให้เรา มีศักดิ์ศรี และ สุดท้ายสามารถตายอย่างภาคภูมิ
... ดังนั้น สุดท้ายพวกเขาจึงกลายเป็น Green goblin & Doc Ock เพียงเพราะ การใช้อำนาจที่ขาดความรับผิดชอบ ใช้อำนาจเพื่อตอบสนองความต้องการตัวเอง จนถลำเกินกว่าจะถอนตัว และ พ่ายแพ้ต่อความเย้ายวนของกิเลสที่เข้ามาครอบงำ
หน้ากากของ Green goblin และ แขนกลของ Doctor Octavius เป็นสัญลักษณ์ของ กิเลส เหมือนๆกับ ดึกดำดึ๋ย
... มนุษย์เจ้าของร่างมีทางเลือกว่าจะยอมปล่อยให้ พลัง มีอำนาจเหนือตัวเองหรือไม่
พวกเขา ไม่มีใครมาบังคับจับใส่ชุด แต่ พวกเขา กลับไม่อาจถอนตัวจากความหลงใหลในอำนาจที่ได้รับมา ซึ่งเป็นมุมมืดด้านเดียวกับในจิตใจของ สไปเดอร์แมน ในภาคสาม ที่หลงใหล อำนาจตั้งแต่ต้นเรื่อง ตั้งแต่ก่อนจะได้ชุดสีดำเสียด้วยซ้ำ
เขาหลงใหลในการเป็นดารา หลงใหลกับการเป็นข่าวหน้าหนึ่ง หลงใหลคำชมจนใช้ชีวิตเพื่อให้ได้รับเสียงปรบมือ
เขาจึงหมกมุ่นครุ่นคิดอยู่แต่ว่า จะเปิดตัวอย่างไรให้คนตื่นตา จะจัดท่าทางอย่างไรให้คนชื่นชอบ
ความหมกมุ่นแต่ การเป็นสไปเดอร์แมน ทำให้เขาต้องสูญเสีย ความใส่ใจ ที่มีให้กับคนรัก และ ทำร้ายจิตใจของเธอตั้งแต่ยังไม่ได้ใส่ชุดดำ
... ทีมตัวร้ายในภาคใหม่ ต่างก็สะท้อน มุมมืดในจิตใจ สไปเดอร์แมน
Sandman ศัตรูที่ยากต่อการรับมือ & Venom กระจกเงาของสไปเดอร์แมน & New goblin เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหด
...ผมนั่งคิดตั้งแต่แรกรู้ว่าจะมีตัวละคร Sandman แถมพอยิ่งมานั่งดู ยิ่งตอกย้ำความคิดตัวเองว่า ในบรรดาหลายๆตัวร้าย Sandman ดูจะเป็นตัวร้ายที่ยากต่อการรับมือมากที่สุด ดูไปนั่งคิดช่วยสไปเดอร์แมนไป คิดออกแต่วิธีราดปูนซีเมนต์ให้แข็งตัวแล้วปล่อยแช่เป็นอนุสาวรีย์
ตัวละคร Sandman ถูกนำมาใส่ภาคนี้ได้อย่างเหมาะเจาะ เขาเป็นตัวแทนของความแค้นในใจ และ เหมือนตัวเร่งปฏิกิริยาเคมีเพื่อช่วยในการก่อกำเนิด Venom
Sandman เป็นผลพวงมาจาก ทางเลือกที่สไปเดอร์แมนเป็นคนเลือกในภาคแรก ทางเลือกที่เขาเมินเฉยให้โจรวิ่งหนีไปต่อหน้าต่อตาก่อนจะไปฆ่าลุงเบน
ปีเตอร์ เข้าใจว่า การแก้แค้น Sandman จะทำให้รู้สึกดีขึ้น เขาพยายามที่จะหาคนผิดเพื่อมารับผิดชอบการตายของลุง และ รับผิดชอบการตัดสินใจผิดๆของตัวเอง
...มองให้ลึกๆเราจะเข้าใจ ปีเตอร์
การที่เขาเคียดแค้น Sandman ในมุมกลับของจิตใจ มันก็คือการที่เขาเคียดแค้นตัวเองไม่หาย ความรู้สึกผิด(guilt)ยังติดตัวเขาตลอดมา ดังนั้น ในวันที่เขาให้อภัย Sandman จึงทำให้เขาสามารถดับไฟแค้นที่เผาใจได้สนิท เพราะ มันก็คือการให้อภัยตัวเองด้วยเช่นกัน
แต่กว่าจะถึงการให้อภัย เขาก็สร้างตัวร้ายตัวใหม่ขึ้นมาให้วุ่นวาย
ความคิดเคียดแค้นของปีเตอร์ ไม่ต่างอะไรจาก ความคิดของแฮรี่ ทั้งคู่ตกเป็นทาสของความแค้น ที่เหมือน ยาพิษทำร้ายให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องต้องทรมาน และ ทำให้ กรีนก๊อบลินเข้าครอบงำแฮรี่ เหมือนที่ ดึกดำดึ๋ยครอบงำปีเตอร์ จน ก่อเกิด วงจรของการทำร้ายเหมือนวงเวียนแห่งกรรม ที่ทำร้ายกันไปมา ซ้ำร้ายยิ่งกว่า กลับทำร้ายคนรอบข้างที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง
....คนเราเวลาถูกความชั่วร้ายเข้าครอบงำ เช่น ติดเหล้าเมายา หรือ หลงใหลไปกับกิเลสอื่นๆ เราก็ไม่ต่างจาก ปีเตอร์ตอนถูกควบคุมโดย ดึกดำดึ๋ย จนกลายเป็น dark spider ที่พร้อมจะทำร้ายคนรอบข้าง แม้แต่คนที่รักและดีกับเรา ในหนัง เขาทำร้ายทั้งเอ๊ดดี้ ทำร้ายเกวน ทำร้ายแมรี่ ทำร้ายแฮรี่
เมื่อเขาทำร้ายเกวนนอกจากทำให้ เกวนเสียใจ เขาไม่รู้ตัวว่าในเวลาเดียวกันนั้น เขาทำร้ายจิตใจเอ๊ดดี้ทางอ้อม
เมื่อเขาทำให้เอ๊ดดี้อับอาย นั่นก็เท่ากับ การทำร้ายเอ๊ดดี้ทางตรง
สุดท้ายแล้วเขานั่นเองที่มีส่วนหนึ่งกับการเป็นผู้สร้าง Venom ขึ้นมา
Venom เป็น เหมือนกระจกเงาสะท้อนอีกมุมหนึ่งของมนุษย์เราทุกคน เขาถือกำเนิดมาจากด้านมืดในจิตใจของสไปเดอร์แมน
ความแตกต่างของ Venom กับ Dark spider ก็อยู่ตรงที่ เอ๊ดดี้ บล้อก ขาดความเข้มแข็งในใจ ปล่อยให้การยึดครองสำเร็จโดยสมบูรณ์แบบ
....เส้นแบ่งระหว่าง ความเป็นฮีโร่ และ การเป็นตัวร้าย(villain) ไม่ได้อยู่ที่การตัดสินใจเลือก ใช้ชีวิตในทางที่ผิด เพราะ ซูเปอร์ฮีโร่อย่างสไปเดอร์แมน ยังเลือกเส้นทางผิดๆมาไม่รู้กี่ครั้ง เช่นเดียวกับตัวร้ายในเรื่อง แถมเขาเองก็เคยสวมใส่ชุดดำเดียวกับ Venom อีกต่างหาก
ทั้งด้านมืดของสไปเดอร์แมน ทั้ง Venom ทั้ง Green goblin รวมทั้งตัวร้ายอื่นๆจากหนังทั้งสามภาค ทุกๆตัวละครในหนัง ล้วนเป็น ตัวแทนจิตใจของมนุษย์อย่างเราๆทุกๆคน ที่อยู่บนบททดสอบของการใช้ชีวิต
...แต่ผลสุดท้ายจะเป็น ฮีโร่ หรือ เป็นวายร้าย ขึ้นอยู่กับว่า เมื่อเลือกผิดแล้ว เราจะเดินข้ามกลับมาหรือไม่ Green goblin , Venom ไม่เดินกลับมา และ นั่นทำให้การจากไปของเขาอยู่ในฐานะวายร้าย( villain) ต่างไปจาก สไปเดอร์แมน และ ตัวร้ายบางคน ที่เป็นที่จดจำในฐานะฮีโร่
...หากใครจะชื่นชม โทบี้ แมคไกวร์ ก็คงต้องชมคนที่ตาถึงเลือกเขามาตั้งแต่แรกเริ่มด้วย เขาทำให้สไปเดอร์แมน เป็นฮีโร่ที่ดูใกล้ชิดกับคนดู เป็นเหมือนเพื่อนบ้านอย่างที่เขาบอกใครต่อใครในหนัง โชคดีที่ตอนภาคสองช่วงที่บาดเจ็บจากหนังเรื่อง seabuscuit ไม่เช่นนั้น สไปเดอร์เจค กิลเลนฮาล จาก Brokback mountain ผมยังคิดภาพไม่ได้ว่าจะทดแทนดีกว่าอย่างไร เพราะในขณะนี้ยากที่จะหานักแสดงคนไหนมากินเขาลงในบทนี้
... เคิร์สเตน ดันส์ เป็นอีกตัวเลือกที่ยอดเยี่ยม เธอเป็นนางเอกที่เล่นหนังดี ไม่ได้สวยบาดใจ แต่ชวนตกหลุมรัก เพราะ ความมีเสน่ห์ มี sex appeal และดีพอที่จะมาประกบคู่เป็นคนรักของสไปเดอร์แมน เพราะทุกฉากที่เธอประกบคู่ทั้งโทบี้ แมคไกวร์ หรือ สไปเดอร์แมน มันดูเป็นความลงตัวขึ้นมาทันตาเห็น (แอบเห็นแผ่น Marie antounette ที่เธอเล่นตามแผงแล้ว พอดีตังหมดวันก่อนเลยยังไม่ได้คว้ามา)
เจมส์ ฟรานโก ในภาคนี้เด่นใกล้เคียงสไปดี้ แถมมีโอกาสได้แสดงในบทที่หลากหลายอารมณ์โชว์ฝีมือ ทั้งเวอร์ชั่นแค้น และ เวอร์ชั่นเพื่อนแสนดี (ฉากยิ้มเย้ยในร้านอาหารร้ายได้เท่มาก) คนเขียนบทดูจะชื่นชอบตัวละครตัวนี้เป็นพิเศษ เพราะภาคนี้เขามีส่วนร่วมต่อการดำเนินเรื่องตั้งแต่ต้นจนจบ แถมช่วงสุดท้ายของหนังก็ยังเป็นการหาบทสรุปที่ดีให้กับตัวละครที่หลายคนชื่นชอบ
....ทุกๆภาคการเลือกนักแสดงมารับบทวายร้าย เป็นการเลือกจากความสามารถทางด้านการแสดงโดยแท้ ไม่ว่าจะเป็น จากภาคแรก หรือ จากภาคสอง เช่นเดียวกับภาคนี้ สองคนใหม่มีดีทั้งคู่
โทมัส ฮาเด็น เชิร์ช เล่นได้ดี กับ คนร้ายเพียงคนเดียวในบรรดาเหล่าวายร้ายที่ไม่ได้มีเจตนาคิดทำชั่ว ความอ่อนแอในจิตใจนำไปสู่การทำผิด และ ก็แบกรับความรู้สึกมาพร้อมๆกับสไปเดอร์แมน การทำผิดของเขา เป็น ผลมาจากความรักที่มีต่อลูกสาวและความกลัวต่อการสูญเสีย จึงพยายามชดเชย ความเป็นพ่อที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดี ด้วยการหาเงินมาช่วยลูก แม้จะมีเวลาไม่มากแต่ โทมัส ฮาเด็น เชิร์ช ถ่ายทอดอารมณ์เหล่านั้นได้ครบถ้วนไม่ตกหล่น
ทีเด็ด ที่ผมประทับใจ คือ โทเฟอร์ เกรซ ตัวละครของเขาช่างน่าสงสาร แค่มุ่งหวังอยากจะเป็นนักข่าวมีอาชีพมั่นคง และ มีความสุขกับแฟนตัวเองอยู่ดีๆ แต่วันซวยคืนซวย ฮีโร่ของประชาชนมาทำให้ แฟนถูกแย่ง , งานถูกถอด , การถูกประจาน รวมเป็นความอับอายและ ความโกรธแค้น ซึ่ง โทเฟอร์ เกรซ ไม่เพียงแสดงเล่นได้ดี รูปร่างหน้าตาเขายังใกล้เคียงกับ โทบี้ แมคไกวร์ อีกต่างหาก ซึ่งก็เหมาะเหลือเกินกับการที่ให้ตัวร้ายตัวนี้เป็นกระจกส่องให้เห็นอีกด้านของสไปเดอร์แมน
น่าเสียดายที่ทั้งคู่ถูกใช้ประโยชน์ในหนังน้อยเกิน ทั้งที่สองคนนี้ มีปมในจิตใจให้เล่นสนุกได้ไม่แพ้ความสามารถพิเศษของตัวละคร
... แฟนๆหนังสไปดี้ ลองสังเกตให้ดีๆจะมีมีหนึ่งบทเล็กๆที่อยู่กับหนังมาทั้งสามภาค ในบทบาทที่แตกต่างกัน นั่นคือ พระเอกจาก Evil dead ที่ภาคแรกเป็นโฆษกบนเวทีมวยปล้ำ ภาคสองเป็น เจ้าหน้าที่หน้าโรงละครเวทีที่ไม่ยอมให้พระเอกเข้าไปดูเพราะมาสาย ในภาคสาม เขาได้บทที่ดีกว่าสองภาคก่อน กับ ความขำๆฮาๆในบท พนักงานต้อนรับร้านอาหารฝรั่งเศส
... บทหนังในภาคนี้มีจุดดีไม่แพ้ภาคก่อนๆ ที่แตกต่างคือ ภาคก่อนๆมีจุดดีแต่หาจุดอ่อนได้ยากยิ่ง ตรงข้ามกับภาคนี้ มีรูโหว่มีความไม่ลงตัวอยู่มากมาย ที่ชัดเจนคือ ความพยายามที่จะยัดปมประเด็นหลายๆอย่างทั้งของพระเอกทั้งของวายร้ายบวกกับการมีตัวละครจำนวนมาก แต่ผลลัพธ์สุดท้ายไม่สามารถเกลาให้ลงตัว
ตัวละครบางคนหายไปเมื่อเนื้อเรื่องกำลังพูดถึงอีกคน หรือ การที่ตัวละครอย่างเกว็นและพ่อกลายเป็นตัวประกอบที่ถูกลืม
(หนังใช้ ไบรซ์ ดัลลัส ฮาวเวิร์ด ไม่คุ้มอย่างแรง กลับไปดู The village อีกทียังดีกว่า ทั้งที่ในคอมิคส์ เกว็น เป็นหนึ่งในตัวละครสำคัญเพราะเป็นคู่รักของสไปดี้ที่ตายไปตั้งแต่แรก แต่ฉากตายของเธอในหนังได้ผ่านไปแล้ว นั่นคือ ฉากในภาคแรกที่สไปดี้ช่วยชีวิตเอ็มเจบนสะพาน ในคอมิคส์ หญิงสาวที่สะพานคือเกวน และเธอเสียชีวิตในฉากนั้นเอง)
...ถ้าบทหนังเป็นเมโลดี้ ท่วงทำนองเพลงของหนังภาคนี้ ขาดความสม่ำเสมอ บางตอนก็ตื่นเต้นรวบรัดฉับไว แต่หลายตอนที่อืดๆยืดยาด อย่างตอน ปีเตอร์จ๊าบ ก็เป็นการใช้เวลาในส่วนที่เนื้อหาไม่จำเป็นมากเกินไป แถมยังตลกจนหลุดภาพรวมของหนัง แทนที่ ด้านมืดจะทำให้ปีเตอร์ดูน่ากลัว ซึ่งผมคิดว่าน่าจะทำให้หนังหนักแน่นมากกว่า กลับเป็น ปีเตอร์ที่เรียกเสียงหัวเราะ
แต่ถึง มีจุดอ่อนในแง่คุณภาพของบทเมื่อเทียบกับสองภาคก่อน แต่ รูโหว่ทั้งหลายในภาคสาม ผมไม่ค่อยรู้สึกติดใจ เพราะ หนังสามารถชดเชย ข้อบกพร่องด้วยการให้ความสนุกสนานแก่คนดู
จุดเดียวของบทภาพบนตร์ที่ผมขัดอกขัดใจและคิดว่า คนเขียนบทมักง่ายเกินไป เหมือนเด็กจะรีบส่งการบ้านเลยรีบเขียนบทให้ทันส่ง คือ การให้คุณลุงคนรับใช้ของแฮรี่โผล่มาตีหน้าซื่อ คลี่คลายปมฝังใจในเวลาที่อะไรต่อมิอะไรเลยเถิดมาถึงภาคสามนี้แล้ว เพียงเพื่อจะให้มีฉากแอคชั่นรวมดาวในฉากสุดท้าย
.... หนังชุดสไปเดอร์แมน ยังคงให้มุมกล้องและสร้างฉากแอคชั่นตื่นตาตื่นใจ ในทุกๆภาค ที่ผมประทับใจคือ ฉากรถไฟฟ้าในภาคสอง และในภาคนี้ ฉากตอนเครนซัดตัวตึก และ แอคชั่นตอนท้ายก็เป็นฉากแอคชั่นที่น่าจดจำ
สิ่งที่ชอบ
1.บท ... ชอบที่ผูกเรื่องราวตั้งแต่ภาคหนึ่ง และสามารถสร้างตัวละครใหม่ๆให้มีความลึกซึ้งไม่แพ้ที่ผ่านๆมา และ เข้าใจหาบทสรุปปิดฉากได้ลงตัว
2.นักแสดง ... ทั้งทีมเก่า และ หน้าใหม่
3.การกำกับ ... ไม่คิดมาก่อนว่า แซม เรมี่ จะทำหนังชุดนี้ได้ดีขนาดนี้ ถึงภาคนี้ตัวบทจะมีจุดอ่อน เขาก็ยังสามารถประคองให้มันเป็นหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีกว่าเรื่องอื่นๆได้อีกอยู่ดี
4. สนุก ... หนังมีหลากหลายอารมณ์ดี และ หนังแม้จะมีช่วงอืดๆแต่หนังก็มีความสนุกมากมาย เป็น หนึ่งในความบันเทิงคุณภาพที่หนังจบแล้วก็ไม่รู้สึกเสียดายตังค์
สิ่งที่ไม่ชอบ
1.บท ... ขาดความไม่ลงตัว มีความไม่กลมกลืนอยู่เยอะ แต่ที่ขัดใจที่สุดก็คุณลุงคนซื่อ
สรุป ... ภาคหนึ่งดีแต่ไม่ค่อยสนุก ภาคสองทั้งสนุกทั้งดี ภาคสามดีและมีจุดไม่ดีกว่าทุกๆภาค แต่ก็สนุกมากๆจนพร้อมจะลืมข้อผิดพลาดที่ว่ามา และ ผมก็ชอบมากๆไม่แพ้ภาคสองเช่นกันถึงแม้ว่าในแง่คุณภาพอาจจะแพ้แบบฉิวเฉียด สำหรับผม จากเดิมที่ฮีโร่ในดวงใจคือ Batman แต่ตอนนี้ ซี่รี่ส์สไปดี้ เบียดขึ้นเป็น ฮีโร่ประทับใจในเวอร์ชั่นหนังอันดับหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว
ขอฝาก"หนังสือรัก"ไว้กับผู้อ่านด้วยเน้อ กับ พ็อกเก็ตบุ้คเล่มแรก ที ไม่ใช่ หนังสือวิจารณ์หนัง แต่คือการหยิบยกความรักและความสัมพันธ์ในภาพยนตร์ มาช่วยให้คุณเข้าใจตัวเองและคนรอบข้าง ได้มากขึ้นและลึกซึ้งกว่าเดิม
(วางขายตามร้านหนังสือทั่วไป หาไม่เจอถามจากพนักงานขายได้เลยจ้า)
ชวนไปอ่านบทความเรื่องอื่นๆ คลิก >> หน้าสารบัญ
ชวนคลิก ชวนคุยกับเจ้าของ Blog ที่ --> หน้าแรก
รวบรวมรายชื่อหนังเรื่องเก่าๆที่เคยเขียนไว้แล้วที่ ---> ห้องเก็บหนัง
|
ขอคิดค่าบริการต่อการอ่าน 1 หน้าในอัตราเพียง
ความเห็นของคุณมีประโยชน์กับผู้อ่านคนถัดมา คำทักทายของคุณเป็นกำลังใจให้ผู้เขียน คำติชมหรือคำแนะนำของคุณจะนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงพัฒนาหากคุณเข้ามาอ่านครั้งถัดไป
Create Date : 06 พฤษภาคม 2550 |
Last Update : 11 พฤษภาคม 2550 1:07:35 น. |
|
55 comments
|
Counter : 11957 Pageviews. |
|
|
|
โดย: sunontinee IP: 125.24.5.148 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:59:29 น. |
|
|
|
โดย: Revenant IP: 203.188.5.107 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:02:45 น. |
|
|
|
โดย: Kurt Narris วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:16:54 น. |
|
|
|
โดย: MTO IP: 124.120.197.99 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:30:02 น. |
|
|
|
โดย: plyteam IP: 203.188.47.205 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:1:47:26 น. |
|
|
|
โดย: the Vicky วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:34:16 น. |
|
|
|
โดย: Diagonal IP: 58.181.183.9 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:3:06:03 น. |
|
|
|
โดย: JURiNG IP: 196.218.133.235 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:6:25:59 น. |
|
|
|
โดย: pommyNT IP: 125.24.162.53 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:23:00 น. |
|
|
|
โดย: FreedomZ IP: 124.121.105.226 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:8:38:59 น. |
|
|
|
โดย: devil amature IP: 125.25.61.162 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:33:12 น. |
|
|
|
โดย: hana IP: 203.157.48.150 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:30:55 น. |
|
|
|
โดย: Wisther วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:16:46:10 น. |
|
|
|
โดย: sikhara IP: 125.25.134.87 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:43:16 น. |
|
|
|
โดย: MYOMYO วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:26:19 น. |
|
|
|
โดย: alizm IP: 203.153.170.91 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:20:29:36 น. |
|
|
|
โดย: nanoguy วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:24:32 น. |
|
|
|
โดย: runner IP: 58.8.119.159 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:47:35 น. |
|
|
|
โดย: mehn IP: 124.120.239.229 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:09:32 น. |
|
|
|
โดย: โปงลางคุง IP: 124.120.96.8 วันที่: 6 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:18:23 น. |
|
|
|
โดย: คิม IP: 124.120.153.73 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:13:39 น. |
|
|
|
โดย: K-modjung วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:04:31 น. |
|
|
|
โดย: -lvl๐๐*lvl'๐๐- IP: 222.123.116.162 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:17:39 น. |
|
|
|
โดย: บิกวอร์ IP: 125.26.84.71 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:21:32:31 น. |
|
|
|
โดย: kenmania IP: 58.8.85.154 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:04:09 น. |
|
|
|
โดย: ฆ่าไม่นับสับไม่เลี้ยง IP: 58.137.65.10 วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:31:09 น. |
|
|
|
โดย: bua ja วันที่: 7 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:48:14 น. |
|
|
|
โดย: Ken IP: 203.113.39.9 วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:0:29:25 น. |
|
|
|
โดย: avada_kedavra IP: 58.136.32.1 วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:13:46 น. |
|
|
|
โดย: ThirskUK IP: 218.186.9.3 วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:02:20 น. |
|
|
|
โดย: มีนา IP: 124.120.177.242 วันที่: 8 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:05:32 น. |
|
|
|
โดย: FuRiEs IP: 125.26.243.147 วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:34:42 น. |
|
|
|
โดย: จี๊ปสะพานสูง IP: 210.86.146.109 วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:46:18 น. |
|
|
|
โดย: บีบี IP: 158.108.211.54 วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:53:17 น. |
|
|
|
โดย: jan IP: 125.25.202.139 วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:28:48 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 9 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:57:34 น. |
|
|
|
โดย: คนทับแก้ว วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:07:17 น. |
|
|
|
โดย: speech IP: 124.120.29.206 วันที่: 10 พฤษภาคม 2550 เวลา:23:26:46 น. |
|
|
|
โดย: Cookie Kids IP: 203.148.251.150 วันที่: 11 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:51:01 น. |
|
|
|
โดย: aimmy (hey_happy ) วันที่: 14 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:42:11 น. |
|
|
|
โดย: Amore_AK* IP: 203.113.80.8 วันที่: 15 พฤษภาคม 2550 เวลา:2:55:47 น. |
|
|
|
โดย: หยุนชง IP: 58.9.158.243 วันที่: 20 พฤษภาคม 2550 เวลา:15:16:00 น. |
|
|
|
โดย: pecochan วันที่: 21 พฤษภาคม 2550 เวลา:10:37:27 น. |
|
|
|
โดย: kingkong IP: 221.128.119.2 วันที่: 22 พฤษภาคม 2550 เวลา:9:23:59 น. |
|
|
|
โดย: Big IP: 203.170.231.232 วันที่: 23 พฤษภาคม 2550 เวลา:17:37:24 น. |
|
|
|
โดย: Kitsunegari วันที่: 24 พฤษภาคม 2550 เวลา:12:16:40 น. |
|
|
|
โดย: vodca วันที่: 26 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:56:45 น. |
|
|
|
โดย: ผมอยากแอบเข้าข้างหลังคุณ (I love หมอหญิงซินปี) IP: 203.209.94.54 วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:3:39:32 น. |
|
|
|
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:11:03:03 น. |
|
|
|
โดย: lkunl IP: 144.5.59.109 วันที่: 10 มิถุนายน 2550 เวลา:14:53:33 น. |
|
|
|
โดย: T55 IP: 203.113.17.175 วันที่: 15 กันยายน 2550 เวลา:17:01:40 น. |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
- Next , ทรงผมชวนกลุ้มใจกับหนังไซไฟดูเพลินๆ
- Spider-Man 3 , แมงมุมดำตัวนั้น ฉันเห็นมันอยู่ในใจเราทุกคน
- Miss potter , เรื่องของเธอ(พ็อตเตอร์)และผมฯ
- Me...Myself ขอให้รักจงเจริญ , แค่นี้ก็พอแล้ว
- Meet the Robinsons , เมื่อพบความผิดหวังจะโทษโน่นโทษนี่ หรือ เลือกที่จะเดินหน้าต่อไป
- Shooter , หนังแอคชั่นที่ดูจบแล้ว"เออ มันดีแฮะ"
- Hannibal Rising , ความน่าผิดหวังของหนังฮานนิบาล
- Confession of pain , ความแค้นอันแสนเศร้า
- Pans Labyrinth , คือจินตนาการแสนสวยงาม หรือ คือความจริงที่เจ็บปวดและขมขื่น
- The Number 23 , วิเคราะห์สภาพจิตใจผู้หลงใหลเลข 23
- เมล์นรก หมวยยกล้อ , รถเมล์สายนี้ไม่ตลกแต่สนุก
- The Lives of Others , อ๊ะ นี่มัน Infernal affairs เวอร์ชั่นกำแพงเบอร์ลิน
- Sunshine , อาทิตย์สิ้นแสง ชีวิตสิ้นสูญ
- The Fountain , เรารู้จักความตายมากมายแค่ไหนกัน (ศาสนา+จิตวิทยา+วิทยาศาสตร์)
- แฝด , เข้าใจพิม เข้าใจพลอย เข้าใจ"แฝด"
- I'm a Cyborg, But That's OK , แต่ I ไม่ค่อย OK
- The Good Shepherd , จะลงเรือทั้งทีคิดให้ดีก่อนตัดสินใจ
- Bridge to Terabithia , Just close your eyes but keep your mind wide open
- 300 , นี่คือสปาตั้น(โว้ย) ... พลั่กกกกกก
- The Queen , แม้จะเป็นเรื่องของ 'ควีน' แต่นี่คือ การกะเทาะเปลือกเล่าเรื่อง 'คน'
- Rocky Balboa , ชีวิตไม่ได้สำคัญว่าจะต่อยได้หนักแค่ไหน
- Charlotte's Web , มิตรภาพไม่ได้มีราคา
- The Pursuit of Happyness , ปัญหาชีวิตก็เหมือน รูบิค - ถ้าทำไม่ได้จะ สู้ต่อ หรือ โยนทิ้ง-
- Volver , ความเจ็บปวดของแม่และลูกสาว
- Music and Lyrics , หนังที่น่ารักที่สุดในรอบ(หลาย)ปี
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค 2 , จะสนไปทำไมกับเรื่องอิสรภาพที่ไกลตัว
- Dreamgirls , วันที่ ธุรกิจ กลืนกิน ศิลปะ
- Babel , เราเป็นส่วนหนึ่งของโลกใบนี้ไปแล้วหรือยัง
- Rough , จาก H2 มาสู่ Touch และได้เวลา Rough
- Curse of the Golden Flower , ความเน่าหนอนฟอนเฟะของสถาบันครอบครัว
- Fur: An Imaginary Portrait of Diane Arbus , ความงามที่แตกต่าง โลกที่แตกต่าง
- ตำนานสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ภาค1 , ไทยจะสิ้นชาติไม่ใช่เพราะใคร หากมิใช่เพราะไทยด้วยกัน
- Perfume: The Story of a Murderer , ทำความรู้จักและเข้าใจ ฆาตกรน้ำหอมมนุษย์
- Blood diamond , "ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องมาฆ่ากันเอง"
- The Black Dahlia , ดอกรักเร่ ที่สวยแค่สไตล์แต่ไร้เสน่ห์
- Night at the Museum , ความบันเทิงสำเร็จรูปที่สนุกเพลินเกินห้ามใจ
- ===== 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ ประจำปี 2549 =====
- +++ 10 "ฉาก"ประทับใจจาก"หนัง"ปีที่ผ่านมา +++
- ++ ชวนเพื่อนๆมาเลือก 10 ตัวละครประทับใจ จากหนังปีที่ผ่านมา ++
- The Holiday , จะทำอย่างไรในวันที่ใจเจ็บ
- Lucky Number Slevin , ของเค้าดี แต่ ผิดที่ ผิดเวลา
- The King and the Clown , ความรักของตัวตลกบนหลังเสือ
- Déjà vu , เอ๊ะ เราเคยเจอมาก่อนหรือเปล่า
- Death Note 2: The Last Name , ได้เวลาเก็บสมุดคืนเจ้าของ
- Saw III , บทเรียนสุดท้ายของคุณครู จิ๊กซอว์
- The Village Album , ถ่ายภาพด้วยหัวใจแล้วบันทึกใส่ความทรงจำ
- 007 : Casino Royale , นี่ซิ เจมส์ บอนด์
- The Prestige , คุณตั้งใจดูอย่างใกล้ชิดแล้วจริงๆหรือ ?
- The Banquet , แฮมเล็ต เวอร์ชั่น ประหารเจ็ดชั่วโคตร
- ผีสามบท บทที่ 3 : เปนชู้กับผี , พอกันที ผีGMO
- ผีสามบท บทที่ 2 : Monster House , บ้านผีสิงที่แสนจะบันเทิงใจ
- ผีสามบท บทที่ 1 : The Grudge 2 , ปัญหาของ ป๋า กับ เด็กผี
- The Guardian , "สถิติ" ไม่สำคัญเท่า "ทัศนคติและเจตคติ"
- หมากเตะรีเทิร์นส , หมากเกมส์นี้ น่าจะดีได้มากกว่านี้
- 12 เกมสยาม +13 เกมสยอง , มันไม่ใช่แค่เกม
- Cars , 20 ปีของ Pixar กับเรื่องของ "คาร์" (ซึ่งก็คือเรื่องของ "คน")
- The Devil Wears Prada , (จากหนังสือมาเป็นหนัง) ร้ายก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง
- Death Note , สมุดเล่มนี้ ดี จริงหรือ?
- L'Enfant (The child) , เด็กไม่รู้จักโต
- World Trade Center , เป็น"ฮีโร่"ไม่ได้วัดกันที่ผลลัพธ์
- The Host , สัตว์ประหลาด สนุกประหลาด
- Season changes , เมื่อ"เพื่อนสนิท"กลายมาเป็น"แฟนฉัน"ในวันที่"อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย"
- Me and You and Everyone We Know , เราอยู่ร่วมกัน เรารู้จักกัน แต่เราไม่เชื่อมต่อถึงกัน
- Snakes on a Plane , ที่อยากไปดูก็เพราะ "งูบนเครื่องบิน"
- United 93 , ทรงพลัง และ สะเทือนใจ
- Running boy (Marathon) , ทุกชีวิตล้วนมี"หัวใจ"
- โคตรรักเอ็งเลย , เกือบโคตรรัก "โคตรรักเอ็งเลย"
- Sad movie , แม้รักต้องพลัดพรากก็ยังฝากความทรงจำอันงดงาม
- The Break-Up , วิธีทำลายชีวิตคู่ตัวเองให้ย่อยยับ
- แก๊งชะนีกับอีแอบ , หนัง comedy ไทยดีๆยังมีอยู่
- Pirates of the Caribbean: Dead Man's Chest , "สลัด"จานนี้รสชาติดีเพราะ"Johnny Depp"
- Tsotsi , พื้นฐานจิตใจมนุษย์เป็น สีขาว หรือ สีดำ
- Superman Returns , ทำไมโลกใบนี้ยังต้องการ Superman ?
- Silent Hill , ของดีที่อยู่ในมือพ่อครัวขาดฝีมือ
- over the hedge , บทเรียนชีวิตเรื่องมิตรภาพและครอบครัว
- Don't tell , แผลในใจแค่"ลืม"คงไม่พอ
- Slither , คูลฟีเวอร์สีเลือด เชือดมนุษย์โลก
- The Omen , ซาตานอยู่รอบตัวเรา
- Scary movie 4 , ผ่านมา --> ฮา --> ผ่านไป
- Paradise now , สวรรค์อยู่หนใด
- X-Men: The Last Stand , X = mutant , รักร่วมเพศ , คนผิวดำ , ยิว ฯลฯ
- ก้านกล้วย , "ช้างกูอยู่ไหน" >> "ช้างกูอยู่นี่"
- The Da Vinci Code , ศรัทธาที่บิดเบือน
- Always: Sunset on Third Street , บางสิ่งที่ไม่อาจเห็นได้ด้วยตา แต่สัมผัสได้ด้วยใจ
- Poseidon , จมเร็ว จบเร็ว
- Match point , เกมส์กิเลสของคนเห็นแก่ตัว
- Mission: Impossible III, ภารกิจสุดมันส์ที่ขาดเสน่ห์
- Perhaps love , รักซ้อนรัก หนังซ้อนหนัง อดีตซ้อนปัจจุบัน
- Ice Age: The Meltdown , ได้เวลายุคน้ำแข็งครองเมือง
- Red lights , ผู้ชายไม่รู้ตัว ผู้หญิงไม่รู้ใจ
- Failure to launch , Success to love
- Inside man , คน(ดี/ชั่ว) ใน คน(ดี/ชั่ว)
- Where the Truth Lies , ความจริงนอนนิ่งอยู่ที่ใด ?
- โหน่ง เท่ง นักเลงภูเขาทอง , ฮาน้อยกว่าที่คิด มีสาระมากกว่าที่หวัง
- My girl and I , รักครั้งแรกจะเปลี่ยนเราไปตลอดกาล
- V for Vendetta , เผด็จการรัฐสภา VS. พลังประชาชน
- A History of violence , มาทำความรู้จัก "ความรุนแรง" กัน
- Final Destination 3 , เหล้าเก่าในขวดเก่า
- The Constant Gardener , ในความลับมีความจริง ในความจริงมีความรัก
- คำพิพากษาของมหาสมุทร (Invisible Waves) , คลื่นบาปที่นิ่งสงบ
- Walk the line , มิตรภาพในความรัก
- เด็กหอ , หอนี้มีดีกว่าผีหลอก
- Brokeback Mountain , รักซ่อนเร้น
- Munich , ผลของการสาดน้ำมัน(ความรุนแรง)เพื่อดับไฟ(แค้น)
- Memoirs of a Geisha , ชาเขียวสำเร็จรูปที่ผสมน้ำมากไป
- Prime , รักคงยังไม่พอ
- An Unfinished Life , ชีวิตที่หยุดเดิน
- In Her Shoes , หากเปรียบรองเท้าคือชีวิต
- Just Like Heaven , เมื่อพื้นที่ของชีวิตไม่เหลือเผื่อให้ความสุข
- The Promise , คำสัญญา ชะตากรรม ความรัก
- 5 หนังไม่ชอบ + 10 หนังชอบ (ของปีที่ผ่านมา)
- 10 ฉากประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- 10 ตัวละครประทับใจจากหนัง (ในปีที่ผ่านมา)
- The Chronicles of Narnia: The Lion, The Witch and the Wardrobe , ส่วนผสมที่ลงตัวสำหรับทุกครัวเรือน
- April Snow , บางครั้งความรักก็เจ็บปวดโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้
- King Kong , แล้ว "ลิงยักษ์" ก็ตกหลุม "รักหญิง"
- The Descent , ถึงถ้ำ ถึงเลือด ถึงเนื้อ ถึงกระดูก
- The Maid , ผีสิงคโปร์
- The Exorcism of Emily Rose , ผีเข้า(ศาล)
- Hidden (Caché) , ความจริงที่ซุกซ่อน (ในหนังที่ยอดเยี่ยม)
- Chicken Little , กุ๊กไก่ของ Disney ที่ไร้เงา Pixar
- Nana , โลกของนานะ โลกของความรัก ความฝัน และ มิตรภาพ
- เด็กโต๋ , สายธารชีวิตแห่งบ้านแม่โต๋
- Harry Potter and the Goblet of Fire , กีฬาสีสามสถาบันกับเวอร์ชั่นภาพยนตร์ที่ดีที่สุด
- Corpse Bride , รักไม่มีวันตาย
- Yes , บทกวีอีโรติค ความรัก การเมือง และ การมีตัวตน
- รับน้องสยองขวัญ , หายใจเข้าก็ เฮ้อ หายใจออกก็ เฮ้อ
- Lord of War , นิ้วที่ลั่นไกจากมือที่มองไม่เห็น
- Saw II , สยองอย่างมีประเด็น
- Goal! , ประตูชัย(goal)เป้าหมายชีวิต
- Proof , ชีวิตที่สับสนของคนที่สูญเสีย
- The Legend of Zorro , ฮีโร่ที่ย่ำอยู่กับที่
- Flightplan , ขึ้นได้สูง บินได้สวย ลงไม่นิ่ม
- Sky High , อยากจะเป็น hero ที่ "เปลือก" หรือที่ "แก่น"
- A Sound of Thunder , เรื่องราวอยู่ในโลกอนาคต ตัวหนังอยู่ในโลกอดีต
- Red Eye , ไม่ใช่แค่ Fight or Flight แต่ยังเป็น Fight on Flight
- เพื่อนสนิท , เมื่อเส้นแบ่งของ "คนรัก" กับ "เพื่อน" เริ่มเลือนราง
- Transporter 2 ควบ Into the Blue , ขึ้นรถดีกว่าลงเรือ
- Madagascar , มิตรภาพกับการเรียนรู้ชีวิต และ นกเพนกวิน
- Cinderella man , Jim Braddock ชายที่ไม่ได้เป็นแค่นักมวย
- Dear Frankie , คำลวง ความรัก ครอบครัว
- Dark Water , ความสัมพันธ์แม่-ลูก-ผี (จากหนังสือสู่ภาพยนตร์)
- Seven Swords , ... ที่ควรยาวกลับสั้น ที่ควรสั้นกลับยาว ...
- แหยม ยโสธร , ขำขำ - หม่ำ - อะฮึ่ย อะฮึ่ย
- Charlie and the Chocolate Factory , Imagination is more important than knowledge
- The Skeleton Key , ไขได้ดีพอสมควร
- About Love , เรื่องราวที่ "เกี่ยวกับ "รัก""
- 5x2 , สมการความรักของคน 2 คน
- ต้มยำกุ้ง , อร่อยรสแซ่บชามโตเกินมาตรฐานแต่อาจไม่ผ่านเชลล์ชวนชิม
- Somersault , ความรัก - Sex - เด็กสาวและความทุกข์ทรมานใจ
- The Upside of Anger , เรื่องหนักๆของครอบครัวที่เล่าอย่างเบาๆ
- Land of the Dead , หนึ่งเรื่องราวของซอมบี้ที่กลับไม่ได้ไปไม่ถึง
- Crash , ผลกระทบของการชนที่"คน"มีต่อกันและกัน
- วัยอลวน 4 : ตั้ม-โอ๋ รีเทิร์น , หนังครอบครัวสำหรับคนไทยที่ดีที่สุดในรอบหลายปี
- The Island , โลกอนาคตและโคลนนิ่งฉบับระเบิดเถิดเทิง
- The Keys to the House , "บ้าน"หลังนี้จะมีความรักเป็น"กุญแจ"
- The Longest Yard , เกมส์เก่าเอามาเล่าใหม่ใช้วิธีการเดิม
- Fantastic Four , ความสนุกสูตรสำเร็จที่เด็กดูได้ผู้ใหญ่ดูเพลิน
- War of the Worlds , เมื่อสปีลเบิร์กเลิกรักมนุษย์ต่างดาว
- Swing Girls , สวิงกันแบบคึกคัก สดใส ไร้มลพิษ
- Hotel , โรงแรมที่ไร้เรื่องราว
- Assault on Precinct 13 , อีกหนึ่งความจนตรอกที่ระทึกคุ้มค่า
- Batman Begins , ปฐมบทแรกบินกับการตีความครั้งใหม่
- Mr. and Mrs. Smith , เรื่องราวชีวิตคู่ที่สวมเสื้อคลุมหนังแอคชั่น
- มหาลัย' เหมืองแร่ , เหมืองแร่และชีวิตกับหน่วยกิตที่ต้องขุด
- House of Wax , ความสยองที่แปลกตากับหุ่นขี้ผึ้ง สองดาราและหนึ่งปารีส
- Sin city , ฟิล์มนัวร์ที่ลงตัวและเจ๋ง
- Star Wars: Episode III Revenge of the Sith , การปิดตำนานและการเริ่มต้นอย่างสมบูรณ์
- The Jacket , การเดินทางข้ามเวลา ความหลอนและวงจรชีวิต
- A Lot Like Love , รักด้วยใจแต่ตัดสินใจด้วยสมอง
- เฉิ่ม... , คุณ"สมบัติ" อาจไม่ "ดีพร้อม"แต่ก็ดีเพียงพอ
- Be With You , ความสุขของฉันคือ"การได้อยู่กับคุณ"
- Hostage , เหล้าเก่าในขวดใหม่ที่ไม่น่าผิดหวัง
- Kingdom of Heaven , สงครามครูเสดครั้งนี้ดูก็ได้ไม่ดูก็ไม่น่าเสียดาย
- Spanglish , เรื่องราวที่กระจัดกระจายแต่ให้แง่มุมหลากหลายในครอบครัว
- Guess Who , เสียงฮาจากความแตกต่างและBernie Mac
- The Interpreter , ทริลเลอร์ที่ดี(แต่ไม่ดีเท่าที่ควรจะเป็น)
- Hide and Seek , มีปมที่ดีแต่มีบทที่อ่อน
- The Chorus (Les Choristes) , ง่ายๆแต่ได้ใจ
- Hitch , สนุก น่ารัก ขำขำ รู้สึกดี
- Sahara , หนังสนุกแค่เป็นช่วงๆหรือผมง่วงกันแน่
- Boogeyman , ตื่นเต้นตกใจ แต่ อะไร ยังไง ทำไม?
- Tokyo Godfathers , การตามหา"ครอบครัว"ที่สนุกมากๆ
- บุปผาราตรี เฟส 2 , เมื่อบุปผาเริ่มร่วงโรย
- Dont move , นอกจากตัดสินใคร คุณเข้าใจใครคนนั้นดีแล้วหรือยัง?
- Crying Out for Love, In the Center of the World , ความทรงจำและเทปคาสเสตต์/ความรักและใจกลางโลก
- The Ring Two , ไม่สมศักดิ์ศรี "The Ring"
- A Very Long Engagement , หนังที่มากไปด้วยความทะเยอทะยาน
- Lemony Snicket's A Series of Unfortunate Events , การดัดแปลง"โชคร้าย"ที่ทำได้"ดี"
- Hana & Alice , มิตรภาพ ความรัก ความทรงจำ
- Hotel Rwanda , หนังที่ให้คนดูมากกว่าความเป็นหนังดี
- In Good Company , ผู้ชายขาขึ้นกับผู้ชายขาลง
- Being Julia , โลก(ของจูเลีย)คือละคร
- หลวงพี่เท่ง , เรื่อยๆขำๆพอไปวัดไปวา
- Sideways , รักนุ่มๆชุ่มไวน์ในวันเบาๆ
- Million Dollar Baby , ความยอดเยี่ยมท่ามกลางศรัทธาและความอบอุ่น
- Constantine , "คนเห็นผี"ปราบลูกปีศาจ
- Shall we dance , คุณเต้นรำกับคู่ของคุณครั้งสุดท้ายเมื่อไร
- Finding Neverland , งดงามเหลือเกิน
- Kung Fu Hustle , ตลกน้อย สนุกมาก และลงตัว
- 2046 , ไปแล้วอย่าลืมกลับมา
- Ray , มีดีที่Jamie Foxx
- The Phantom of the Opera , ภายใต้หน้ากากมีเพียงความว่างเปล่า
- โรงเตี๊ยม , มีอะไรดีๆกว่าที่คิดและโฆษณา
- Meet the fockers , เรื่องของหนังตลกและครอบครัว
- Closer , เมื่อความรักถูกสำรวจและตีแผ่ผ่านตัวละคร
- The Aviator, .....And this is Howard Hughes
- The Forgotten, ไม่มีอะไรน่าจดจำ
- Birth , ยอดเยี่ยมในความหนักแน่นและเนิบนาบ
- ****1ปีที่ผ่านมา ฉากใดในหนังที่คุณประทับใจ ****
- 5หนังชอบ กับ 5หนังไม่ชอบ ของคุณในปี2547คือ....,
- National Treasure, เมื่อBruckheimerมาสร้างDavinci's code
- The Polar Express, ตื่นตาแต่ไม่ตื่นใจ
- แจ๋ว, แจ๋วน้อยกว่าที่หวัง
- Bridget Jones 2, รู้จักเธอมากขึ้นและรู้สึกดีกว่าที่คิด
- The Incredibles, ครอบครัวหรรษา
- ขุนกระบี่ ผีระบาด, กล้าที่จะบ้า ก็กล้าที่จะดู
- Ocean's Twelve, หนังขาย"เสน่ห์ดารา"
- หมานคร, เมืองนี้ภาพสวย+เพลงเพราะ+ประหลาดและยาก
- กั๊กกะกาวน์, "ใจ"คุณเต้นอย่างไรเมื่อคุณมีความรัก
- Alexander, ดราม่าชั้นดีแต่ความสนุกเป็นระลอกคลื่น
- Wimbledon, For love of the game+NottingHill+ภราดร
- Love me if you dare, หนังรักแปลกกับความรู้สึกก้ำกึ่ง
- Cellular, สนุกเป็นบ้า แอคชั่นแอบฮา
- Saw, OldBoy+Cube+ฆาตกรโรคจิต
- Ladder49, สิงห์ผจญเพลิงชื่อฮัวควิน ฟีนิกซ์
- The Grudge, เมื่อ"เด็กผี" go inter เป็น "โคตรผีดุ"
- Dodgeball, ฮาน้อยกว่าที่หวังแต่สนุกกว่าที่คิด
- Sky Captain and The World of Tomo, หนังไซไฟสไตล์"ฟ้าทะลายโจร"
- Resident Evil 2, อลิซเท่+เนเมซิสเห่ย+จิลเฉยๆ
- Shark Tale, คุณเป็น"somebody"แล้วหรือยัง
- สายล่อฟ้า, ความเป็นตัวตนที่ชัดเจนกับความสนุกกลางๆ
- Shutter กดติดวิญญาณ, นานๆทีจะมีหนังผีไทยดีๆให้ดูกัน
- The Terminal, น่ารัก นุ่มนวล และสนุกกว่าที่คิด
- Wicker park( spoilแล้วจะบอก), ลุ่มหลง คลั่งไคล้ หลอกลวงและความรัก
- Eternal sunshine รอบ2, ความอภิรมย์ที่มากขึ้นอย่างน่าแปลกใจ
- EternalSunshineOfTheSpotlessMind, คุณเคยอยากจะลืมบางสิ่งในชีวิตคุณบ้างไหม
- Three Extreme, อึดอัด ขยะแขยง รุนแรง และผิดหวัง
- Man on fire (no spoil), คนจริงเผาแค้น เผานานจนผมเกือบหลับ
- Bourne Supremacy, มันต้องให้ได้ยังงี้ซิ ต้องยังงี้ซิ
- Collateral...., it started like any other night
- Windstruck, งานมือตกของกวัก แจ ยอง
- งานของ M. Night Shyamalan, 6th sense/Unbreakable/Sign/และTheVillage
|
|
|
|
|
|
|
|