สถานที่ท่องเที่ยวแห่งต่อไปในจันทบุรีที่จะมาแนะนำก็ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีอีกที่นึงครับมีความสำคัญเกี่ยวกับประวัติศาตร์ชาติไทยในช่วงต่อของสมัยอยุธยากับกรุงธนบุรีครับ

อู่ต่อเรือพระเจ้าตาก (อู่ต่อเรือเสม็ดงาม)บ้านเสม็ดงาม จันทบุรี

การเดินทางไปอู่ต่อเรือพระเจ้าตาก หรืออู่ต่อเรือเสม็ดงาม นั้นเจ้าของบล็อกยืดอกบอกเลยครับว่า ..... ไม่รู้ทางครับเจ้าของบล็อกใช้ Google นำทางครับกะอยู่เหมือนกันว่าถ้าหลงก็ไม่เป็นไร ฮ่าๆๆๆ ก็เลยจำเส้นทางไม่ได้ครับเพราะมัวแต่ดูจุดใน app ฮ่าๆๆๆๆๆ

อู่ต่อเรือพระเจ้าตาก หรือ อู่ต่อเรือเสม็ดงามตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำจันทบุรี บ้านเสม็ดงาม ตำบลหนองบัว อำเภอเมืองห่างจากอำเภอเมือง ๑๑ กิโลเมตร ใช้เส้นทาง ถ. ท่าแฉลบออกจากตัวเมืองมุ่งหน้าไปยังท่าเรือท่าแฉลบ ประมาณ 1 กม.ก่อนออกนอกเขตตัวเมืองมีทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย ผ่านหน้าวิทยาลัยเทคนิคจันทบุรีและผ่านวัดเกาะโตนด ระยะทาง 3 กม. จากนั้นจะมีทางแยกขวามือเป็นถนนโยธาธิการ ระยะทาง 6 กม. อู่ต่อเรือฯ จะอยู่ริมแม่น้ำเลยวัดเสม็ดงามไป อยู่สุดถนนพอดี

อย่างที่กล่าวไปในคำโปรยหัวบล็อกว่าสถานที่แห่งนี้เกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ชาติไทยในช่วงต่อสมัยอยุธยาต่อเนื่องกรุงธนบุรีมีข้อนสันนิษฐานที่น่าเชื่อถือได้ว่าบริเวณนี้เป็นสถานที่ที่พระเจ้าตากสินมหาราชใช้เป็นอู่ต่อเรือเพื่อการรวบรวมไพร่พลอาวุธยุทโธปกรณ์ไปต่อสู้กับพม่าเพื่อกอบกู้เอกราชให้แก่ประเทศไทยเมื่อ พ.ศ. 2310ซึ่งปรากฏหลักฐานตามพงศาวดารธนบุรี ฉบับจันทนุมาส ระบุว่าก่อนที่พระเจ้าตากจะยกทัพไปตีพม่า ได้มีการต่อเรือประมาณ 100ลำที่เมืองจันทบุรี นอกจากการพบแอ่งน้ำรูปสี่เหลี่ยมตื้นๆจำนวนหลายแอ่ง คล้ายเป็น dry dock แล้วบริเวณวัดเสม็ดงามที่อยู่ไม่ไกลพบตอไม้ตะเคียนทองจำนวนมาก และยังได้มีคำบอกเล่าว่ามีคลองที่ขุดเพื่อที่จะใช้ลำเลียงซุงไม้ตะเคียนมายังอู่ต่อเรือจึงสันนิษฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นอู่ต่อเรือของพระเจ้าตากสินมหาราช

พอมาถึงอู่ต่อเรือพระเจ้าตาก หรืออู่ต่อเรือเสม็ดงาม ก็จะต้องมาสักการะพระบรมราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสียก่อนเพื่อความเป็นศิริมงคลครับ

พระราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชอยู่ใกล้ริมฝั่งแม่น้ำจันทบุรีในส่วนที่เกือบจะเป็นปากแม่น้ำตรงหน้าพระราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีท่าเรือมีเรือรบหลวงโพธิ์สามต้นประดิษฐานอยู่ ซึ่งได้อัญเชิญ จากอู่กรมทหารเรืออำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการใช้งบประมาณในการลากเรือมาที่จังหวัดจันทบุรี จำนวน 5 ล้าน 7 แสนบาท ซึ่งนายอัครวัฒน์ เเต่งอ่อนคหบดีในจังหวัดจันทบุรี เป็นผู้บริจาคงบประมาณในการลากเรือรบหลวงโพธิ์สามต้นเพื่อนำมาจอดเทียบท่าเรือบ้านเสม็ดงาม ตำบลหนองบัว จังหวัดจันทบุรี ในครั้งนี้

เรือรบหลวงโพธิ์สามต้นเป็นเรือกวาดทุนระเบิดใกล้ฝั่ง ความยาว 67.50 เมตรความกว้าง 10.68 เมตรและเป็นเรือที่ต่อขึ้นจากอู่ต่อเรือเลกเฟิร์นคอนสตรักชัน เมืองโทรอนโดประเทศแคนาดา ขึ้นระวางประจำการวันที่ 20 พฤศจิกายนพุทธศักราช 2490 แต่เดิมหมายเลขประจำเรือคือหมายเลข 1ต่อมาเปลี่ยนเป็น 415 และเดิมเรือลำนี้คือเรือHMS นิวสเตอร์ ซึ่งสหราชอาณาจักรมอบให้ประเทศสิงคโปร์เมื่อวันที่ 9 เมษายน พุทธศักราช 2490 จากนั้นวันที่4 เมษายน พุทธศักราช 2496 ได้กลายเป็นเรือฝึกนักเรียนนายเรือและเดินทางไปร่วมงานสวนสนามทางเรือ ในพิธีราชาภิเษก พระราชินีเอลิซาเบธที่ 2ณ ประเทศอังกฤษ

ใกล้ๆกับพระราชานุเสาวรีย์สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชมีพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นอู่ต่อเรือสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เป็นอาคารชั้นเดียว ภายในอาคารแสดงนิทรรศการถาวรเกี่ยวกับพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ประวัติศาสตร์และวิวัฒนาการทางด้านโบราณคดีของจันทบุรี เทคโนโลยีการต่อเรือสำเภา เครื่องดินเผาเครื่องสังคโลกและเครื่องใช้สมัยโบราณที่ขุดพบในบริเวณอู่ต่อเรือ 

หน่วยโบราณคดีใต้น้ำ กองโบราณคดี กรมศิลปากรได้ทำการสำรวจ ครั้งที่ 1 ในปี 2524 - 2525 การขุดค้นใช้วิธีกั้นเขื่อนสูบน้ำออก ขุดดินออก ฯลฯ ผลการสำรวจพบซากเรือสำเภาท้ายตัด สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นเรือสำเภาจีนแบบ"ฟูเจียน" ขนาดเล็ก มีใบสามเถาใช้หางเสือเรือ ความกว้าง 7 – 8 เมตร ความยาวประมาณ 24 เมตรหลังจากนั้นได้ทำการสำรวจครั้งที่ 2 ในเดือนเมษายน พ.ศ.2532 โดยใช้วิธีเหมือนกับการสำรวจครั้งที่ 1  พบว่าตัวเรือจมอยู่ใต้ดินประมาณ 1.50 – 2.90 เมตรเมื่อเอาโคลนออกหมดแล้วได้ติดตั้งเครื่องพ่นน้ำอัตโนมัติเพื่อฉีดน้ำให้ไม้โครงเรืออยู่ในสภาพเปียกชุ่มอยู่ตลอดเวลาและเพื่อป้องกันไม้บิดเบี้ยวเสียรูปทรงหรือเสื่อมสภาพปัจจุบันได้สร้างอาคารที่มีหลังคาคลุมไว้ และจากการสำรวจครั้งที่สองยังพบว่าบริเวณรอบๆมีแอ่งน้ำรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ตามริมฝั่งอ่าวลักษณะคล้ายอู่เรือและมีอยู่หลายแห่ง

เรือเสม็ดงามเป็นเรือสำเภาท้ายตัด สันนิษฐานว่าต่อในต่างประเทศมีเทคนิคการต่อเรือโดยใช้วิธียึดด้วยตะปูเหล็ก ไม้โครงสร้างเรือส่วนใหญ่เช่นไม้เปลือกเรือ ไม้กั้นระวางเป็นไม้เนื้ออ่อนในตระกูลไม้สนซึ่งชี้ให้เห็นว่าเป็นเรือสำเภาจีนและมีลักษณะใกล้เคียงกับเรือสำเภา"ฟูเจี้ยน" ตามความเห็นจากการสัมภาษณ์ศาสตราจารย์ปิแอร์ อิฟ โมแกงเมื่อปี พ.ศ. 2532 จากการขุดค้นหลุมตรวจสอบบริเวณด้านท้ายเรือเช่น ท่อนไม้ขนาดต่างๆ ที่มีร่องรอยการถากแต่ง รวมทั้งสภาพของท่อนไม้ แผ่นไม้ต่างๆอยู่ในสภาพรองรับตัวเรือให้พร้อมกับการขึ้นคานเพื่อการซ่อมแซมดังนั้นเรือสำเภาลำนี้ถูกทิ้งอยู่บนคานในอู่ซ่อมเรือแบบแห้ง (Dry-dock) อย่างแน่นอน ภายในบริเวณเดียวกันพบเศษภาชนะ เชือกป่าน ขวานเหล็กและถ้วยชามจีนคุณภาพต่ำ สันนิษฐานว่าเป็นเรือที่ต่อขึ้นในจีนใช้แล่นค้าขายอยู่ตามหัวเมืองชายทะเลอ่าวไทยในช่วงพุทธศตวรรษที่ 23 – 24นอกจากนี้ยังมีการพบเรือขุดโบราณในบริเวณลึกเข้าไปในแม่น้ำอีกสามสี่ลำเป็นเรือไม้ตะเคียนปัจจุบันเก็บรักษาไว้ในโรงเรือนใกล้กับจุดที่ขุดค้นเรือเสม็ดงาม

ซากเรือสำเภาที่พบในอู่ต่อเรือนี้คงถูกนำมาไว้ที่อู่เพื่อการซ่อมแซมแต่ถูกทิ้งเอาไว้ในอู่กรมศิลปากรได้ทำการรักษาสภาพโดยการสูบน้ำกลับให้ท่วมตัวเรือเหมือนเดิม และสร้างหลังคาคลุมเอาไว้เพื่อให้ประชาชนผู้ที่สนใจได้มาศึกษาเที่ยวชม

 Chubby Lawyer Tour ......................... เที่ยวไป .................. ตามใจฉัน