Group Blog
All Blog
|
ทนายอ้วนชวนเที่ยว ... เวลาเดินช้าที่ .. น่าน - วัดหนองบัว จ.น่าน สถานที่ท่องเที่ยว : วัดหนองบัว จ.น่าน, น่าน Thailand พิกัด GPS : 19° 5' 19.00" N 100° 47' 9.18" E วัดแห่งต่อในในอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านที่จะพาไปเที่ยวกันเป็นวัดของชาวไทยลื้อ อยู่ท่ามกลางชุมชนชาวไทยลื้อ มีความสวยงาม โดดเด่น และยังมีจิตกรรมฝาผนังในพระวิหารอันสวยงาม อ่อนช้อยด้วยครับ วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน การเดินทางมายังวัดหนองบัว จาก รพ.ท่าวังผา ใช้ทางหลวงหมายเลข1080 ไปทางอำเภอเมือง ก่อนถึงสะพานข้ามแม่น้ำน่าน เลี้ยวขวาไป ประมาณ 1 กม. แล้วเลี้ยวขวาตรงทางแยกอีกครั้ง ตรงไป 500 เมตร เลี้ยวซ้ายสามแยกโรงบ่ม ข้ามสะพาน แม่น้ำน่านตรงไปอีก 3 กม. วัดหนองบัว เป็นวัดที่เก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว ต. ป่าคา อ. ท่าวังผา จ. น่าน จากคำบอกเล่าเดิมวัดหนองบัว ตั้งอยู่ที่ริมหนองบัว (หนองน้ำประจำหมู่บ้าน) ซึ่งอยู่ห่างจากที่ตั้งวัดปัจจุบันไปทางทิศตะวันตกประมาณ 500 เมตร ปัจจุบันไม่มีซากโบราณสถานเหลืออยู่แล้ว ต่อมาได้มีการย้ายวัดมาที่ปัจจุบันนี้ ประวัติวัดหนองบัว ไม่มีหลักฐานบันทึกไว้ว่าสร้างเมื่อใด แต่จะทราบช่วงเวลาในการสร้างวัดคร่าวๆจากการ การสืบจากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ในชุมชนและสืบจากการสังเกตจากรายละเอียดที่แสดงไว้ในภาพจิตรกรรมในพระวิหาร โดยสามารถสันนิษฐานได้ว่าสร้างเมื่อประมาณ พ.ศ. 2405 - 2415 โดยการนำของครูบาหลวงสุนันต๊ะร่วมกับชาวบ้านหนองบัวสร้างขึ้น และจากคำบอกเล่าของ ท่านพระครูมานิตย์บุญการ หรือ ครูบาปัญญา ผู้เป็นชาวบ้านหนองบัวโดยกำเนิดถือว่าเป็นผู้รู้ท่านหนึ่งได้เล่าไว้ว่า นายเทพผู้เป็นบิดาของท่านได้เป็นทหารของเจ้าอนันต๊ะยศ เจ้าผู้ครองนครน่านในขณะนั้น (เจ้าอนันต๊ะยศ ครองเมืองน่านเมื่อ พ.ศ.2395 –2434 ) ต่อมานายเทพได้ติดตามทัพไปรบที่เมืองพวนซึ่งเป็นเมืองในแคว้นหลวงพระบาง หลังจัดการศึกเรียบร้อยแล้วจึงยกทัพกลับเมืองน่าน นายเทพได้นำช่างเขียนลาวพวนชื่อว่า ทิดบัวผัน มาเขียนจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัว แห่งนี้ โดยมีพระภิกษุวัดหนองบัวชื่อ แสนพิจิตร และนายเทพเป็นผู้ช่วยเขียนเสร็จ ![]() ![]() ![]() จากหน้าวัดเดินผ่านทางเดินที่มีนาคหน้าตาแบบไทยลื้อ 2 ตัว เข้ามาจะเห็นพระวิหารตั้งอยู่ใต้ร่มไม้ครื้ม พระวิหารใหญ่มาก มีขนาด 9 ห้อง (9 ช่วงเสา) กว้าง 10 เมตร ยาว 19 เมตร ลักษณะเป็นวิหารปิดทึบ “ทรงโรง” ขนาดใหญ่ ตัวพระวิหารมีขนาด 7 ห้อง (7 ช่วงเสา) มีมุขคลุมบันไดขนาด 2 ห้อง (รวมเป็น 9 ห้อง) สร้างหันหน้าไปทางทิศตะวันออก หลังคาวิหารมุงด้วยกระเบื้องดินขอรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาในประธานเป็นชั้นซ้อน 2 ชั้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง และมีหลังคาปีกนกลาดลงอีกชั้นละ 1 ตับ หลังคาที่คลุมมุขโถง และหลังคาอาคารลดชั้นต่ำกว่ากันมาก พื้นหลังคาทั้ง 2 ส่วน คลุมยาวลงต่ำมาก ![]() ![]() ![]() ![]() หน้าบัน (หน้าแหนบ) มุขบันไดเป็นลวดลายเถาไม้และใบไม้ มีรูปเสือ (มั๊ง) อยู่ตรงกลาง ตรงคอสองเป็นลวดลายเถาไม้และใบไม้ ลวดลายบนหน้าบันมุขโถงนูนเด่นออกมา ช่องไฟระหว่างลายห่าง เน้นตัวลายมากกว่าปกติ มุขบันไดไม่มีโก่งคิ้วแต่ขนาดประตูมุขโถงสูงใหญ่และเปิดโล่ง มีเชิงชายรูปกระจังประดับ ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ส่วนหน้าบัน หรือ หน้าแหนบ ของตัวพระอุโบสถเป็นแผ่นไม้กรุปิดโครงสร้างหลังคา เรียกว่า ดอกคอหน้าแหนบ แบ่งหน้าบันด้วยลูกฟักและปะกน ตกแต่งลายดอกประจำยาม ปิดกระจกสี ![]() สันหลังคาประดับปูนปั้นรูปสัตว์ ช่อฟ้าทำเป็นรูปนกหัสดีลิงค์ พญานาค ใบระกาเป็นครีบนาค หางหงส์เป็นเศียรนาค อาคารตั้งอยู่บนฐานบัวคว่ำเป็นฐานปูน ด้านหน้าย่อมุมเป็นมุขโถง เนื้อที่ใช้สอยภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนหน้าที่ เป็นมุขโถงทำเป็นบันได มีสิงห์ (แบบไทยลื้อ) อยู่ด้านหน้าสองตัว บริเวณมุขโถงจะก่อเป็นผนังอิฐสอปูน ระดับเหนือผนังเป็นลูกกรงลูกมะหวดไม้กลึงทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัสตลอดผนัง ชั้นซ้อนหลังคา ชั้นที่ 1 และชั้นที่ 2 เป็นผนังทึบมีหน้าต่างเป็นบานเล็กๆ รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ด้านละ 1 ช่อง เนื้อที่ใช้สอยส่วนที่ 2 เป็นตัวอาคารใหญ่ ผนังก่ออิฐแบบกว้างสลับยาว ขอบบนของผนังเป็นรูปลดระดับตามชั้นลดของหลังคา ผนังหุ้มกลองด้านหลัง เป็นผนังทึบตัน ส่วนผนังหุ้มกลองหน้ามีประตูอยู่ตรงกลาง 1 ช่อง ประตูนี้เป็นตัวเชื่อมระหว่างเนื้อที่มุขโถงกับเนื้อที่ภายในอาคาร แสงสว่างจากภายนอกส่วนใหญ่จะส่องผ่านทางมุขโถง ส่วนผนังด้านทิศเหนือและทิศใต้ มีช่องหน้าต่างด้านทิศเหนือ 7 ช่อง ทิศใต้ 6 ช่อง หน้าต่างเดิมมีขนาดเล็ก (เข้าใจว่า มีขนาดเท่ากับหน้าต่างที่ผนังมุขโถง) ต่อมาได้เจาะขยายเมื่อปีพุทธศักราช 2469 ที่ผนังด้านเหนือมีประตูอีกทางหนึ่ง อยู่ระหว่างกลางผนัง ประตูทางเข้าด้านข้างนี้ทำเป็นมุขยื่นออกไปมีหลังคาชั้นเดียว ![]() ![]() ![]() เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เพดานพระวิหารเป็นแบบปิด ตกแต่งลายดอกประจำยาม แต่จากโครงสร้างหลังคาที่เห็นได้จะเห็นได้ว่าพระวิหารวัดหนองบัวมีโครงสร้างหลังคาแบบ ‘โกม’ ซึ่งคล้ายกับระบบรับน้ำหนักของวิหารล้านนาที่เรียกว่า “ม้าต่างไหม” เพียงแต่เรียบง่ายกว่า เสาพระวิหารเป็นเสาไม้ ปลายบนสุดเป็นกลีบบัวแบบกลีบยาว (น่าจะเป็น signature ของช่างไทยลื้อ เพราะเท่าที่พาไปเที่ยววัดไทยลื้อหลายวัดส่วนมากจะเป็นเสากลีบบัวแบบกลีบยาวทั้งนั้น) ส่วนบนของเสาทาสีแดง ส่วนล่างทาสีดำ เขียนลายคำ (ทอง) ประดับกระจก ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ด้านในสุดของพระวิหารประดิษฐานพระประธานประจำพระวิหารบนแท่นปูนประดับกระจกสี ประดิษฐานร่วมกับพระพุทธรูปไม้แกะสลักองค์เล็ก ฝีมิอสลุกช่างเมืองน่าน ![]() ด้านหน้าฐานชุกชีประดิษฐานพระประธานมี “บันไดแก้ว” เป็นเครื่องบูชาแบบไทยลื้อคล้ายสัตตภัณฑ์ในภาคเหนือ ![]() ผนังด้านหลังพระประธานด้านบนเขียนภาพอดีตพุทธเจ้า ข้างใต้ภาพแถวอดีตพุทธเจ้าเป็นรูปบุคคลนุ่งห่มเครื่องทรง แสดงฉัพพรรณรังสี ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ผนังด้านตรงข้ามพระประธานตอนบนของผนังวิหาร เขียนภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติตอนพระอินทร์ดีดพิณสามสายถวายพระพุทธเจ้า สื่อสารว่าสายพิณที่ตึงเกินไปย่อมขาด หย่อนเกินไปย่อมไม่เกิดเสียง สายที่ขึงตึงแต่พอดีเท่านั้นจึงดีดฟังไพเราะ พระพุทธเจ้าซึ่งกำลังพักผ่อนระหว่างบำเพ็ญทุกรกิริยา ทรงได้สติเพราะเสียงพิณของพระอินทร์ ตระหนักถึงทางสายกลาง จึงเลิกทรมานร่างกายตนเองเพื่อหาทางหลุดพ้น ถัดลงมาเป็นเรื่องจันทคาธชาดก จริงๆแล้วภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารจะเขียนเรื่องจันทคาธชาดกทั้งหมด โดยผู้คนในภาพจะแต่งกายแบบพื้นเมือง มีสิ่งของและบุคคลที่ร่วมสมัยกับช่างเขียนอยู่ด้วย ![]() จันทคาธชาดกนี้ เป็นนิยายคติธรรมเก่าแก่อันดับที่ 11 ในหนังสือ ปัญญาสชาดกปัจฉิมภาค ชาวบ้านในภาคเหนือเรียกว่า ค่าวธรรม จันทคาชาดก เป็นนิทานธรรมที่สอนให้กุลบุตรและกุลธิดาเอาแบบอย่างจริยธรรมที่ดีงามเช่น การเสียสละเพื่อประโยชน์ส่วนรวม ความกตัญญูกตเวที ความซื่อสัตย์สุจริต และความเมตตากรุณาเป็นต้น โดยภาพจะเล่าเรื่องตั้งแต่ผนังด้านซ้ายพระประธาน วนมาจนครบรอบ แต่สื่งที่น่าตื่นตาตื่นใจมากกว่าเรื่องของชาดกก็เห็นจะเป็นผู้คนที่แต่งกายแบบพื้นเมือง เช่น ผู้หญิงที่นุ่งผ้าซิ่นลายน้ำไหล หรือผ้าซิ่นตีนจกที่สวยงาม และปัจจุบันยังเป็นหัตถกรรมพื้นบ้านที่มีชื่อเสียงของชาวไทลื้ออีกด้วย เกล้าผมแบบโบราณ ผู้ชายจะนิยมใส่กางเกงสะดอและสักหมึกดำตามขาจนถึงหลัง ซึ่งแสดงให้เห็นการดำรงชีวิตของผู้คนสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ภาพเรือกลไฟและรูปทหารชาวฝรั่งที่ผนังด้านทิศเหนือเป็นสิ่งที่สามารถ นำมาประเมินอายุของจิตรกรรมได้ ตามประวัติของเรือกลไฟว่าเรือกลไฟมีแหล่งกำเนิดในยุโรปและอเมริกา ในประเทศไทยมีหลักฐานในจดหมายเหตุหลายแห่งแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมีเรือกลไฟใช้ตั้งแต่ รัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงสันนิษฐานว่าช่างเขียนคงเห็นและนำแบบมาเขียนไว้ และยังมีรูปปืนยาวแบบฝรั่งคือมีดาบติดปลายปืนด้วย เดิมคนไทยรู้จักใช้ปืนมาตั้งแต่สมัยอยุธยา รูปแบบปืนมีปลายกระบอกยาวแต่ไม่ปรากฏว่ามีดาบปลายปืน ปืนที่ตัดดาบปลายปืนเป็นแบบฝรั่งที่นำมาใช้แพร่หลายในประเทศไทยสมัยรัชกาลที่ 4 ถึง รัชการที่ 5 เป็นต้นมา จึงประเมินอายุจิตรกรรมว่าคงอยู่ในราวสมัย รัชการที่ 4 ถึง รัชการที่ 5 ![]() ![]() ![]() รูป “สับปะรด” สับปะรดไม่ใช้ผลไม้พื้นถิ่นของไทยเรา แต่เป็นผลไม้ที่มาจากอเมริกาใต้ ช่างเขียนคงจะเห็นว่าเปห็นสิ่งใหม่และแปลกตาจึงนำมาเขียนไว้ ![]() มาถึงตรงนี้แล้วพอจะคุ้นตากับเส้นสายของภาพเขียนมั๊ยครับว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อนน๊า ...... ที่วัดภูมินทร์ไงครับ อย่างที่บอกไปแล้วตอนต้นว่า ช่างเขียนภาพในพระวิหารวัดหนองบัวคือ หนานบัวผัน เป็นคนๆเดียวกับผู้เขียนภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระวิหารวัดภูมินทร์ด้วยครับ แต่ว่าจะเขียนที่วัดหนองบัวก่อนหรือที่วัดภูมินทร์ก่อนยังถกเถียงกันอยู่ เนื่องจากเวลาที่สร้างวัดหนองบัวยังไม่แน่นอนเลยยังไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่าเขียนที่ไหนก่อน มีหลักฐานการเขียนภาพของหนานบัวผันคือภาพร่างต่างๆ ที่เขียนอยูบน ปั๊บสา หรือ สมุดไทยของภาคเหนือทำจากกระดาษสา ![]() ![]() พ่ออุ๊ยสว่าง ภิมาลย์ วัย ๗๒ ปี มักประจำอยู่ในวิหาร เป็นผู้รู้ในเรื่องราวต่างๆ คอยให้ความรู้แก่ผู้สนใจครับ ได้คุยกับพ่ออุ๊ยแล้วสนุกมาก ได้ความรู้ขึ้นอีกอักโขเลย เสียดายว่าเราจะต้องรีบไปที่อื่นต่อไม่งั้นคงได้คุยกับพ่ออุ๊ยอีกนานเลย ![]() ด้านข้างพระวิหารมีพระอุโบสถที่มีความสวยงาม อ่อนช้อย แบบไทยลื้อ ไม่แพ้กันเลยครับ รูปทรงและการตกแต่งจะคล้ายพระวิหารแต่มีขนาดที่ย่อมกว่าเหมือนวัดทางภาคเหนือทั่วๆไปจะนิยมสร้างพระวิหารมีขนาดใหญ่กว่าพระอุโบสถ เพราะว่าพระวิหารสามารถใช้งานได้มากกว่า คนเข้าพระวิหารได้เยอะกว่า จึงสร้างให้มีขนาดใหญ่ (บางแห่งพระวิหารใช้เป็นศาลาการเปรียญได้ด้วย) ส่วนพระอุโบสถใช้ทำสังฆกรรม ผู้หญิงเข้าไปร่วมด้วยไม่ได้ การใช้งานมีน้อย มีคนเข้าร่วมไม่เยอะจึงสร้างให้มีขนาดที่เล็กกว่า ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() อันนี้เดาว่าน่าจะเป็นลูกนิมิตครับ ![]() เหยยยย สไบบางรูปก็เปิดนมอยู่นะ อิอิ
สวยมาก เหมือนได้ตามไปเที่ยวด้วยเลย ปล.เสียงซึงเพราะมากค่ะ จาก Blog บ้านเราก็เรียนต่อไปน๊าาาา.. แต่ขยันจัง หนอนงิ๊ขี้เกียจตัวเป็นขน ป่านนั้นยังชอบฝันว่า.. ลืมไปสอบ แบบฝันซ้อนฝัน ฝันว่าหลับแล้วลืมตื่นไปสอบ พอตื่นมาจริงๆ ตกใจ ว่าเอ๊ยย นี่เราพ้นวัยเรียนไปนานแล้ว และก็ไม่ต้องมีการสอบแล้ว ![]() โดย: nonnoiGiwGiw
![]() ![]() 5 5 5
บล็อค ทนายอ้วน..hot ขนาด.. มีสาวน้อยสาวกลางโฉบปาดหน้า ![]() ![]() ![]() ก็พามาชมวัดสวยๆงามๆ..นิ ![]() ![]() ![]() บ่ายแล้วVite เต็มเช่นกัน ไว้มาเยี่ยมชมใหม่ค่ะ ![]() ![]() ![]() ![]() โดย: เริงฤดีนะ
![]() ![]() ![]() งดงามตามลักษณะวัดทางเหนือเช่นเคย นิยมวาดภาพเขียนสีบนผนังอุโบสถกันนะคะ รูปร่างหน้าตาคนในยุคนั้น คล้ายๆที่เห็นในภาพกระซิบรัก ขอบคุณค่ะที่พาชมพาเที่ยว ผ่านภาพ บรรเลงซึงก็ไพเพราะเข้าบรรยากาศคร้า ![]() โดย: Tui Laksi
![]() ![]() ตามมาเที่ยวน่าน ไหว้พระด้วยครับ
วิหาร โบสถ์ งามมากครับ ![]() โดย: สองแผ่นดิน
![]() ![]() กราบพระค่ะคุณบอล
วัดและภาพจิตรกรรมฝาผนังงดงามมาก ขอบคุณคุณบอลที่นำชมนะคะ ภาพสวยมากค่ะ ฝันดีนะคะ ขอบคุณกำลังใจค่ะ ![]() โดย: Sweet_pills
![]() ![]() แวะมาชม กราบพระ
ฟังเสียงสะล้อ ซอ ซึง เพราะๆ และส่งกำลังใจยามเช้าค่ะ ![]() ![]() ![]() โดย: เริงฤดีนะ
![]() ![]() มาเที่ยวค่ะ
อยากไปๆจริงๆ ![]() ![]() ![]() ขอให้โควิดจางและมลายหายไปโดยเร็ว ![]() ![]() ![]() จะได้เดินทางท่องเที่ยวตามรอยบล็อกนี้กัน ![]() ![]() ![]() โดย: คนผ่านทางมาเจอ
![]() ![]() ตามมาไหว้พระด้วยค่ะน้องบอล
งดงามมาก อ่านแล้วได้ความรู้ด้วย เริ่ดค่ะ ชอบบล็อกเที่ยววัดของน้องบอลนะ ชอบเพลงประกอบไทย ๆ ด้วยค่ะ โดย: เนินน้ำ
![]() ![]() ตามคุณบอลไปเที่ยววัดได้ความรู้ด้วย
พี่เคยไปชมวัดนี้ และอยากไปน่านอีกสักหนสองหน แต่น่าจะยากแล้ว ดว่าจะเกินทางได้อีก พี่ก็หมดสภาพจะเดินทาง ไว้ตามคุณบอลไปด้วยภาพแล้วกันเนอะ ![]() ![]() ![]() โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า
![]() ![]() แถวเอกมัยหรอ.. ไม่ค่อยได้ไปเล้ยยยย ไกลนนทบุรีมาก
ช่วงนี้คงไม่ได้กินบุฟนอกบ้านสักระยะ กินในบ้านไปก่อนนะ 55+ ![]() โดย: nonnoiGiwGiw
![]() ![]() ยินดีครับ..
ไปเที่ยวเกาะเซจูด้วยกัน.... เคยฝันไว้แหละ ว่า ปีนี้2563 จะไปท่องเมืองน่าน แต่แล้วฝันก็สลาย โควิด-16อ่จิ ยังขวิดอยู่ไม่เลิก ![]() โดย: ธนูคือลุงแอ็ด
![]() |
ทนายอ้วน
![]() ![]() ![]() ![]() ![]() Friends Blog
|
แซงน้องหนอนมาเจิมก่อนอ๊ะ
Voteจะตามมานะคะ