Group Blog
 
<<
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
18 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 

กำลังใจ...พลังที่สร้างได้



ปัจจุบันการดำเนินชีวิตของคนเราต้องเผชิญกับความเครียด ความกดดันนานัปการ
คนส่วนใหญ่ต้องทำงานแข่งกับเวลา ชีวิตเต็มไปด้วยการแข่งขันที่รุนแรง
แต่การแข่งขันมิได้นำมาซึ่งชัยชนะเสมอไป ความอิจฉาริษยาไม่เคยทำให้สังคมเกิดความสงบสุขได้เลย

และสมัยนี้คนส่วนใหญ่มุ่งแต่พัฒนาตนเองให้มีความรู้ ความสามารถ ความรอบรู้ในด้านวิชาการ
เพื่อก้าวให้ทันโลก ทันเทคโนโลยี เพื่อนำมาซึ่งการพัฒนาองค์กรหรือสถาบัน ตลอดจนพัฒนาประเทศชาติ
แต่ลืมพัฒนาจิตใจ ลืมแม้แต่การสร้างขวัญและกำลังใจให้แก่ตนเองและคนรอบข้าง
แล้วการพัฒนาดังกล่าวจะสัมฤทธิ์ผลได้อย่างไร

ดังนั้นท่ามกลางความสับสนวุ่นวายนี้ ผู้ที่แข็งแกร่งหรือผู้ที่รู้เคล็ดลับในการดำเนินชีวิตเท่านั้น
ที่สามารถเอาตัวรอดประสบความสำเร็จในสังคม ที่มีแต่การแข่งขันได้อย่างเป็นสุข

เรื่อง “กำลังใจ...พลังที่สร้างได้” นี้ เป็นบทความแนวสังคมจิตวิทยาไม่เน้นวิชาการ
บทความนี้ได้รวบรวมเรียบเรียงข้อคิดดี ๆ จากหนังสือของนักเขียนทั้งภายในและต่างประเทศที่มีชื่อเสียง
เพื่อให้ทุกท่านได้เห็นความสำคัญ หรือประโยชน์ของการให้กำลังใจต่อตนเองและคนรอบข้าง
เพื่อช่วยสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่สังคมส่วนรวมได้อยู่กัน อย่างสงบสุขตลอดไป

สาเหตุที่ทำให้คนในสังคมหมดกำลังใจ เช่น

- ความเครียด การที่คนมีความเครียดมากเป็นเวลายาวนาน โดยไม่ได้รับการเยียวยา
อาจเกิดความหวาดระแวง กำลังใจถดถอยลงไปเรื่อย ๆ และบางรายอาจถึงขั้นเป็นโรคจิต โรคประสาทได้

- ความสามารถต่ำ คนประเภทนี้เมื่อประสบความล้มเหลวบ่อย ๆ จะหมดกำลังใจลงไปทุกที
สร้างความขมขื่นและเกิดความทุกข์ได้

- ความสามารถปกติ แต่ชอบคิดว่าตัวเองมีความสามารถต่ำ ทำให้หมดกำลังใจได้
พวกนี้มักมองโลกในแง่ร้าย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นเรื่องลำบากไปหมด ฉะนั้นคงมีโอกาสประสบความสำเร็จได้ยาก
และคนประเภทนี้มักมีปมด้อย ชอบตั้งความหวังไว้สูง เมื่อก้าวไปไม่ถึงเป้าหมายในบางครั้ง
อาจทำให้รู้สึกท้อแท้ ผิดหวัง ชีวิตมีแต่ความกดดัน วิ่งไล่ไขว่คว้าความสำเร็จอยู่ตลอดเวลา
และบางคนยังขาดความหวังในชีวิต เป็นคนชอบตำหนิติเตียนหรือลงโทษตัวเองอยู่ตลอดเวลา
ไม่เคยให้กำลังใจหรือรางวัลแก่ตนเองเลย รอแต่รับคำชมเชยจากผู้อื่น
คนประเภทนี้มักขาดความมั่นใจในตัวเอง ไม่มีความเป็นผู้ใหญ่

ดังนั้นพวกเราควรเรียนรู้วิธีสร้างกำลังใจ ซึ่งมีหลายวิธีการ ได้แก่
การเรียนรู้วิธีรักษาสุขภาพกายและใจให้สมบูรณ์ รู้วิธีฝึกคิดดีกับตนเอง
มองโลกอย่างไรให้มีความสุขและสามารถรับมือกับปัญหาได้ รู้วิธีกำหนดจุดมุ่งหมายของชีวิต
ฝึกตนเองให้เป็นคนรักษาคำมั่นสัญญามีสัจจะ มีความเชื่อมั่นในตัวเองและรู้วิธีพัฒนาความคิดในทางสร้างสรรค์
ฝึกตนเองให้เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีและเป็นคนใจเย็น ฝึกให้เป็นคนมุมานะอดทน
และสุดท้ายหมั่นสร้างระเบียบแบบแผนสำหรับตนเอง ดังนี้


★ การรู้วิธีรักษาสุขภาพกายและใจให้สมบูรณ์
มนุษย์จะประสบความสำเร็จได้ จำต้องมีสุขภาพกายและสุขภาพใจที่ดี
หากสุขภาพอย่างหนึ่งอย่างใดเกิดบกพร่อง อาจเป็นสาเหตุให้ขาดกำลังใจได้
ฉะนั้นการรักษาสุขภาพให้ดี จึงเป็นก้าวแรกที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาตน
เป็นการสร้างกำลังใจให้แข็งแกร่งเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคของชีวิต


★ การฝึกคิดดีกับตนเอง
ผู้ที่ก้าวสู่ความสำเร็จได้นั้น จะต้องผ่านอุปสรรคและความทุกข์มาทุกคน บางคนผ่านมาก บางคนผ่านน้อย
เดล คาร์เนกี ได้เขียนหนังสือชื่อ “วิธีชนะทุกข์และสร้างสุข ” โดยได้แนะวิธีแก้ความทุกข์ไว้ดังนี้คือ
ให้เขียนหรือพิมพ์เรื่องที่เราวิตกกังวล กลัว หรือมีความทุกข์ต่าง ๆ ลงในกระดาษ แล้วหาสาเหตุ
หาว่ามีวิธีแก้ไขอย่างไร เลือกวิธีที่ดีที่สุด แล้วลงมือแก้ไขทันที หากแก้แล้วไม่ได้ ก็จำเป็นต้องยอมรับโดยดุษฎี
อย่าอยู่ว่าง จงทำตนให้มีภาระอยู่เสมอ และให้คิดแต่เพียงปัจจุบัน
นอกจากอดีตบางเรื่องสมควรจดจำเพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนเรา
แต่บางเรื่องไม่ควรจดจำ ( ยิ่งอดีตที่เลวร้ายด้วยแล้ว )
สุดท้ายให้ลืมความทุกข์ของตนเองด้วยการทำให้ผู้อื่นมีความสุข

ซึ่งวิธีการของ เดล คาร์เนกี ที่กล่าวข้างต้นนี้คล้ายอริยสัจจ์ 4 หลักธรรมทางพุทธศาสนาที่สอนให้พ้นทุกข์
กล่าวคือ ยอมรับว่าทุกข์นั้นมีจริง ทุกสิ่งในโลกไม่มีอะไรแน่นอน มีเกิด มีดับ วันนี้สุข พรุ่งนี้ทุกข์
ทุกสิ่งในโลกล้วนสมมุติขึ้นทั้งนั้น อย่าถือว่านั่นเป็นตัวเรา เป็นของเรา ให้เดินสายกลาง ไม่มากไม่น้อยเกินไป
ให้ประพฤติธรรม รักษาศีลมีใจเป็นกุศล ทำสมาธิและอบรมปัญญาให้มีสติสัมปชัญญะทุกขณะจิต


★ การมองโลกอย่างไรให้มีความสุขเพื่อสามารถรับกับปัญหาได้
คือ สร้างนิสัยให้เป็นคนมีความสุขอยู่เสมอ ผู้รอดพ้นจากเคราะห์กรรมได้ ย่อมเป็นคนรักชีวิต
แม้กำลังเดือดร้อนก็สามารถผ่านชีวิตได้อย่างสงบ ยอมรับการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงได้
เมื่อพบความทุกข์อย่างหนักก็จงยอมรับมือกับมันให้ได้
ไม่ใช่ยอมรับอย่างยอมจำนน แต่จงยอมรับด้วยความปรารถนาที่จะได้รับประโยชน์จากมัน
หัดเป็นคนไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรม

คนที่ขลาดกลัวเมื่อพบเหตุร้ายมักตีโพยตีพาย คิดในทางลบ คิดแต่สิ่งเลวร้ายคอขาดบาดตาย
แต่ถ้าเป็นคนกล้าหาญ เมื่อเผชิญกับเหตุการณ์เช่นเดียวกันนี้ มักจะคิดเสมอว่า ฉันจะต้องทำอะไรตั้งแต่นี้ต่อไป

และสุดท้ายจงมีชีวิตอยู่ในปัจจุบัน
เฟรเดริก บั้กเนอร์ ได้เขียนหนังสือ ชื่อ “ความมืดอันหิวโหย” ตอนหนึ่งของหนังสือว่า
“ไม่มีใครสามารถทำให้ชีวิตในอดีตกลับคืนมาใหม่ได้ รวมทั้งไม่มีใครหยั่งรู้ชีวิตในอนาคตได้เช่นกัน
เฉพาะเวลาปัจจุบันเท่านั้นที่เป็นของเราและมันก็อยู่กับเราไม่นาน หากจากเราไปแล้วก็จะเป็นการสายเกินแก้”


★ ฝึกตนเองให้เป็นคนรักษาคำมั่นสัญญามีสัจจะ
ไม่ว่าท่านจะเป็นใคร ทำธุรกิจการงานใด ๆ ขอได้โปรดระลึกไว้เสมอว่า ก่อนรับปากหรือให้สัญญากับใคร
ต้องมั่นใจว่าท่านสามารถกระทำได้จริง และจงถือสัญญาคือสัจจะที่ต้องรักษาไว้ให้จงได้
เพราะการที่คนเขาจะเชื่อถือ ศรัทธา รักใคร่และอยากร่วมงานกับเราหรือไม่นั้น ย่อมขึ้นอยู่ที่คำพูด
และการกระทำตามคำมั่นสัญญา เป็นตัวตัดสินว่าเราสมควรแก่การยกย่องเชื่อถือเพียงไร และมีเกียรติแค่ไหน


★ มีความเชื่อมั่นในตัวเองและรู้วิธีพัฒนาความคิดในทางสร้างสรรค์
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เข้าใจผิด นึกเอาเองว่า ความคิดสร้างสรรค์มีอยู่ในกลุ่มคนที่ฉลาดปราดเปรื่องจริง ๆ
หรือในกลุ่มคนที่มีอาชีพเป็นนักวิทยาศาสตร์ แพทย์ วิศวกร ศิลปิน และนักประพันธ์
แล้วเหมาว่าตนเองไม่มีความคิดสร้างสรรค์ เพราะไม่ฉลาดล้ำลึก และก็ไม่ใช่คนอยู่ในอาชีพดังกล่าว
ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด โดยธรรมชาติแล้วมนุษย์ทุกคนที่เกิดมา

ไม่ว่าเป็นใคร อาชีพใดก็ตาม ล้วนมีความคิดสร้างสรรค์ได้ทุกคน
มีมากน้อยต่างกันขึ้นอยู่กับความเชื่อมั่นศรัทธาในตัวเอง ความทรงจำ ประสบการณ์ และการฝึกฝน
ดังนั้นวิธีสร้างความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดขึ้น ก่อนอื่นต้องเชื่อว่าตนเองสามารถทำได้
ต้องขจัดความคิดหรือคำพูดในแง่ลบออกเสีย พร้อมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ เปิดใจให้กว้าง
มองทุกอย่างด้วยใจเป็นกลาง รักความก้าวหน้าเป็นนิจ วิจารณ์และตรวจสอบวิธีทำงานของตัวเองอยู่เสมอว่า
มีข้อบกพร่องอะไรบ้าง และรีบแก้ไข หมั่นเปลี่ยนแปลงชีวิตที่จำเจบ้าง ฝึกนิสัยให้ชอบแก้ปัญหาต่าง ๆ
รวมทั้งหมั่นเสนอตัวเข้าช่วยแก้ปัญหาให้ผู้อื่น วิธีนี้เป็นการปลูกความคิดสร้างสรรค์ให้เกิดแก่ตนเองเป็นอย่างดี
พร้อมทั้งมีโอกาสช่วยผู้อื่นไปในตัวด้วย

นอกจากนี้การหาเครื่องกระตุ้น ยังช่วยให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ได้ เช่น
คบคนที่มีความคิดสร้างสรรค์ อ่านหนังสือ ฯลฯ

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ นักฟิสิกส์เอกของโลกได้กล่าวไว้ว่า “ จินตนาการมีความสำคัญมากกว่าความรู้ ”

และต้องไม่ลืมคุณสมบัติที่ดีที่มีอยู่ในตัวของเราเอง ควรยอมรับว่าตนเองเป็นคนมีคุณค่า
ไม่ควรเทิดทูนผู้อื่นอย่างสูงส่งเกินความจำเป็น หมั่นสร้างจิตใจให้เข้มแข็งเพื่อต่อสู้กับอุปสรรค
ควรแสวงหาความรู้รอบตัว เพราะความรู้ทำให้องอาจ

อย่าคิดเปรียบเทียบกับคนอื่นในรูปแบบการทำลายความเชื่อมั่นในตัวเอง
เพราะการเปรียบเทียบแบบนี้ก่อให้เกิดความกลัว ความอิจฉาริษยา
แต่ควรคิดเปรียบเทียบเพื่อชื่นชม สร้างสรรค์ในสิ่งที่ดี

และสุดท้ายการสร้างความเชื่อมั่นในตัวเอง ต้องอย่าอ่อนแอ จงสู้ต่อไป ลดปมด้อยหรือแก้ไขให้น้อยลง
และเอาชนะอุปสรรคหรือคนที่คิดร้ายต่อเราด้วยการให้ความรัก ความเอื้ออาทรและแผ่เมตตา
มีความยินดีเมื่ออีกฝ่ายประสบความสำเร็จ และเห็นอกเห็นใจเมื่ออีกฝ่ายมีความทุกข์
และพยายามเตือนตนเองด้วยข้อคิดดี ๆ เพื่อให้เกิดกำลังใจ และหมั่นฝึกฝนตนเองให้เป็นที่พึ่งแห่งตนอยู่เสมอ


★ ฝึกตนเองให้เป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีและเป็นคนใจเย็น
คนบางคนมีการศึกษาสูง เฉลียวฉลาด แต่ชีวิตล้มเหลว เพราะขาดมนุษยสัมพันธ์ที่ดี
ส่วนบางคนความรู้น้อย ยากจนแต่ชีวิตประสบความสำเร็จ เพราะสามารถสร้างความรักใคร่นับถือ ความภักดี
สามารถครองใจคน และได้รับความร่วมมือจากคนรอบข้างได้เป็นอย่างดี
ดังนั้นมนุษยสัมพันธ์เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์

หลักทั่วไปของมนุษยสัมพันธ์ คือ ต้องเข้าใจตนเองและผู้อื่น รวมทั้งต้องทำให้ผู้อื่นเข้าใจตัวเราในทางที่ดี
และควรเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์ด้วย นอกจากนี้ต้องฝึกให้เป็นคนใจเย็น ฝึกตั้งสติให้ได้ก่อน อย่าโวยวาย

การคิด การพูด และการมีกิริยาที่ช้าลง เป็นการเหนี่ยวรั้งสติ
การนิ่งเฉยเป็นการแสดงออกถึงการมีกำลังใจอันแข็งแกร่ง และมีความสามารถควบคุมตนเองได้



★ ฝึกให้เป็นคนมุมานะอดทน
ความมานะอดทนเป็นกำลังใจอีกรูปแบบหนึ่ง
เป็นคุณสมบัติที่สำคัญยิ่งอย่างหนึ่งของมนุษย์ ที่จะประสบความสำเร็จหรือสร้างสรรค์ผลงานที่ยิ่งใหญ่
บุคคลประเภทนี้สามารถควบคุมตัวเองได้ รู้จักการรอคอย ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทั้งปวง ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต

หากผู้ใดต้องการความ ก้าวหน้าและความสำเร็จในชีวิต
จะต้องปลูกฝังคุณสมบัติอันสำคัญยิ่งนี้ไว้ ให้เป็นนิสัยตลอดไปให้จงได้


★ หมั่นสร้างระเบียบแบบแผนสำหรับตนเอง
ชีวิตที่ปราศจากระเบียบ ก็เปรียบเสมือนเรือที่ไม่มีหางเสือ จะล่องลอยไปอย่างไร้จุดหมายปลายทาง
สุดแล้วแต่คลื่นลมจะพาไป ในระยะเวลาไม่นาน ก็จะล่มอับปางจมลงสู่ท้องทะเลได้

มนุษย์ที่สามารถเผชิญกับความทุกข์ยากและเคราะห์ภัยอย่างกล้าหาญ และสามารถผ่านพ้นไปได้
จะค้นพบพลังที่มีค่าอย่างยิ่งในตัวเรา พลังนั้น คือ“กำลังใจ” ดังคำกล่าวที่ว่า
หากเราสูญเสียเงินทอง หรือทรัพย์สินก็เปรียบเสมือนกับไม่ได้เสียอะไรเลย
หากเราสูญเสียอวัยวะบางส่วนก็เปรียบเสมือนสูญเสียบางอย่าง
แต่เมื่อไรเราสูญเสียกำลังใจก็เท่ากับสูญเสียทุกอย่างในชีวิต

ฉะนั้นการสร้างกำลังใจให้แข็งแกร่ง ย่อมสามารถเอาชนะอุปสรรคของชีวิตได้
กลายเป็นบุคคลที่ประสบความสำเร็จ และทำให้ชีวิตมีคุณภาพเป็นประโยชน์แก่ตนเองและสังคม

การสร้างกำลังใจ ต้องอาศัยความร่วมมือของสมองหรือปัญญาด้วย กำลังใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด
และทรงพลังที่สุดก็จริง แต่มนุษย์เรากลับให้ความสำคัญของการให้กำลังใจ แก่ตนเองเป็นอันดับรองลงมา

กำลังใจเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต ดังนั้นมนุษย์ทุกคน จึงควรมาเรียนรู้วิธีสร้างกำลังใจให้แข็งแกร่งกันเถิด
ควรคิดถึงเป้าหมายในอนาคตอยู่เสมอ คิดถึงคนที่เรารัก รวมทั้งคนที่รักเรา และทำเพื่อพวกเขาเหล่านั้น
หากยามใดที่เรารู้สึกท้อแท้ ให้กำลังใจตัวเองแล้วไม่ได้ผล ขอให้ลองหากำลังใจจากคนใกล้ชิดดูบ้าง
เขาอาจให้กำลังใจเราได้ เพราะ “กำลังใจ คือ พลังที่สร้างได้”


โดย วนิดา ชุลิกาวิทย์
ที่มา : //www.dss.go.th/dssweb/st-articles/files/bla_3_2550_will.pdf
ภาพจาก : //ehealthpeople.com/category_products.php?categories_id=7




 

Create Date : 18 ธันวาคม 2552
0 comments
Last Update : 18 ธันวาคม 2552 21:08:18 น.
Counter : 660 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.