Group Blog
 
All blogs
 
คำถาม



ขออภัยที่รอบนี้หายไปหลายวันนะครับ งานยุ่งรัดตัวทั้งงานราษฏร์ งานหลวง

ที่จริงก็แว่บๆเข้ามาเขียนบล็อคค้างไว้ สองสามอัน แต่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ได้อย่างใจ
เลยขออนุญาตดองไว้ก่อน แก้ไขให้ได้อย่างใจเมื่อไหร่ จะปล่อยออกมา

งั้นขอทำมาหารับประทานกับคำถามก่อนนะครับ เพราะมีสองคำถามที่ค้างคุณไว้
อันแรกมาทางหลังไมค์ ถามว่า ..

ช่วงนี้ได้ไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับธรรมะมาเล่มนึงค่ะ และทำให้นึกถึงเรื่องในบล็อกที่คุณเคยเขียน

คนเขียนได้พูดว่า "รู้จักเหตุปัจจัย ว่ามิใช่เวรกรรม", "ทุกอย่างเกิดขึ้นมา ล้วนมีสาเหตุ"

คุณแอสตันลองเปรียบเทียบให้เห็นหน่อยได้มั๊ยคะว่า เหตุ ที่ทำให้เกิดผลบางอย่าง ต่างจากสิ่งที่เราเรียกว่าเวรกรรมอย่างไร ....จะรออ่านค่ะ


ผู้เขียนหนังสือเล่มนั้น ท่านต้องการชี้ว่า
สิ่งที่เรามักจะคิดเอาว่าเป็นเวรกรรมนั้น มันไม่ใช่สิ่งที่เราต้องยอมจำนน

พระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้ชาวพุทธก้มหน้ารับกรรมสถานเดียว
ถึงแม้ว่า เวรกรรม มันก็มาจากสิ่งที่เราเคยทำ ก็ไม่ได้แปลว่าจบแค่นั้น

เพราะที่สำคัญมากและต้องเน้นก็คือ กรรมนั้นมีสองส่วน
กรรมจากอดีตที่เราย้อนกลับไปแก้ไขเปลี่ยนแปลงไม่ได้
กับกรรมในปัจจุบัน ที่เราสร้างได้ เลือกได้ ด้วยสติและปัญญา

การกระทำในปัจจุบันนี่แหละ ที่เรียกว่าเป็นเหตุและปัจจัยของอนาคต

เวรกรรม ไม่ได้อยู่ๆโผล่ขึ้นมา แต่มันก็คือผลสืบเนื่องของเหตุและปัจจัยที่เคยทำในอดีต
ฉะนั้น.. สิ่งที่คุณทำในขณะปัจจุบัน มันก็จะเป็นเหตุและปัจจัยของอนาคตสืบไป

เวลาพูดถึงอนาคต มันไม่ได้หมายถึงอะไรไกลๆขนาดเป็นปีๆหรอกนะครับ
เพราะวินาทีถัดจากที่คุณอ่านข้อความนี้จบ มันก็คืออนาคตแล้ว

ผมลองยกตัวอย่างแบบนี้ดีไหมครับ

สมมติคุณทำกรรมเก่ามาดี เกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย ได้มรดกร้อยล้าน
แต่กรรมใหม่ หรือเหตุและปัจจัยของอนาคตคุณ ขึ้นอยู่กับการบริหารเงิน
ไม่เกี่ยวอะไรกับกรรมเก่า ไม่เกี่ยวอะไรกับเวรกรรม อันนี้พอเข้าใจใช่ไหมครับ

อีกคำถาม มาจากสมุดเยี่ยมเล่ม 2 ครับ

"สวัสดีค่ะ
เราเคยเจอกันที่หิ่งห้อยค่ะ นับว่าเป็นช่วงเวลาที่จิตเบา สบาย สว่างไสว พอกลับบ้านก็ดีอยู่สัก 1 สัปดาห์ ตอนนี้ดูจิตกับความรู้สึกตัวไม่ได้ไปด้วยกันแล้วค่ะ พยายามอ่านตำราทบทวนก็ไม่เหมือนเดิม ทำอย่างไรดีคะ"


คำถามนี้ ตอบง่าย แต่ทำยากครับ
คือยิ่งพยายาม "ทำ" อะไร ก็จะยิ่งยาก
ง่ายที่สุดคือรู้มันไปซื่อๆ ว่ามันเป็นแบบนั้นแหละ

ไม่ได้กวนนะ แต่ผมเองก็เคยเซ่อหาทางแก้แบบคุณอยู่หลายเดือน
ทั้งๆที่อาจารย์ท่านก็สอนอยู่ทุกทีว่า ให้รู้ลงปัจจุบันไป ไม่ต้องแก้

จิตมันไม่รู้สึกตัว ก็รู้ว่ามันไม่รู้สึกตัว ไม่ชอบที่มันเป็นแบบนี้ รู้ว่าไม่ชอบ
เสียดาย ก็รู้ว่าเสียดาย อยากรู้สึกตัว รู้ว่าอยาก

รู้ไปแค่นี้ จิตมันจะค่อยๆดีขึ้นเอง
หลักมันอยู่ที่ การรู้ลงปัจจุบัน รู้อย่างเป็นกลาง ไม่แทรกแซง ไม่แก้ไข

ดีก็ได้ ไม่ดีก็ได้ ทันก็ได้ ไม่ทันก็ช่วยไม่ได้ รู้ได้เท่าที่รู้

เพราะหลักของจิตตานุปัสสนา มีเท่านี้แหละครับ
คือตามรู้ ดามดู อย่างที่มันเป็น ไม่ใช่ต้องรู้แต่จิตที่ดี ปฏิเสธจิตไม่ดี

ไม่ได้ดูเพื่อให้มันดี แต่ดูเพื่อให้เห็นความจริง

ความจริงอะไร? ความจริงว่ามันไม่เที่ยงหรอกนะ มันไม่คงที่ด้วย เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาของมันเอง เราบังคับไม่ได้

ที่เขาเรียกว่าเห็นไตรลักษณ์ๆ ก็เห็นตัวนี้แหละ

ผู้ศึกษาเรื่องจิตของตน จะเป็นแบบนี้กันทั้งนั้นครับ
บางช่วงสติเกิดดับให้เห็นถี่ๆ ปฏิบัติได้ดี จิตเบา จิตสว่าง

แต่อยู่ๆบางที อีกวันนึง มันก็เสื่อมไปซะอย่างนั้น
มีแต่โมหะ หมองๆ มัวๆ ทึบๆ ความรู้สึกตัวได้ดีมันหายไป

อันนั้น ครูบาอาจารย์ท่านว่า ให้ยอมรับไปซะ แต่ไม่ใช่เลิกดูนะครับ
ก็ดูต่อไปแบบซื่อๆ สบายๆ มันเสื่อมก็รู้ว่าเสื่อม

มันอยากดิ้นให้หาย ก็รู้ว่าอยาก ถ้ารู้ไม่ทัน มันดิ้นไปก่อน ก็ตามรู้ไปว่ามันดิ้นรนอยู่

จิตจะดี หรือจะเสื่อม มันเรื่องธรรมชาติ
เหมือนฟ้าจะโปร่ง หรือจะทึบ มันก็ธรรมชาติใช่ไหมครับ
ฟ้าไม่เคยโปร่งได้ทุกวัน มันก็ไม่ทึบได้ทุกวันหรอก

เรามีหน้าที่ดู ก็ดูไปอย่างที่มันเป็น แล้วจะเห็นของดี
เห็นว่าสภาวะทุกอย่างมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง
ไม่ใช่เพราะเราบังคับ ไม่ใช่เพราะเราอยากให้มันเป็น

แต่มันเป็นไปตามเหตุและปัจจัยบางอย่าง ที่เราอาจจะมองเห็นบ้างไม่เห็นบ้าง
ที่ทำได้คือ สร้างเหตุและปัจจัยที่ดีขึ้นมา ด้วยการขยันฝึกซ้อมตามรู้ ตามดูจิตของตัวเอง

ไหว้พระสวดมนต์ ทุกวัน ถึงจะไม่มีเวลาเดินจงกรม นั่งสมาธิก็ไม่เป็นไร
แค่คุณเดินในชีวิตประจำวัน ออกจากบ้าน ไปขึ้นรถ เดินเข้าออฟฟิส ก็คอยรู้สึกตัว

อันนั้นแหละ เขาเรียกเดินจงกรม
เพราะเดินจงกรม แปลว่าเดินด้วยความรู้สึกตัว ไม่ใช่เดินกลับไปมาเป็นวงกลมนะ

ส่วนนั่งสมาธิก็เหมือนกัน ผมน่ะไม่ค่อยได้นั่งเป็นครึ่งชั่วโมงอะไรกับชาวบ้านเขาหรอก
ตอนเช้าผมจะนั่งแค่สิบนาที พอให้จิตมันได้พัก

แล้วในระหว่างวัน เช่นขับรถติดไฟแดง เห็นเลขวินาทีว่าเหลืออีก 60 วิ
ผมก็จะหลับตา เอาจิตไปพักไว้กับลมหายใจ

แค่ชั่วลมหายใจ เข้า ออก เข้า ออก จิตก็สบายขึ้นเยอะแล้วครับ
วิธีนี้เป็นการทำสมถะ เพื่อประโยชน์ในการเจริญสติต่อไปในระหว่างวัน

ตอนอยู่ที่หิ่งห้อย ไม่ทราบยังจำได้ไหมที่ผมเล่าสิ่งที่หลวงพ่อท่านสอนว่า
สมถะ เหมือนการนอนหลับ เป็นสิ่งจำเป็น ทุกคนต้องพักผ่อนจะได้มีแรง
วิปัสสนา คือการทำงาน ต้องทำงานถึงจะเลี้ยงชีพ ถึงจะรวยได้

อยากมีฐานะ ก็ต้องทำงานนะครับ อยากมีสติ มีปัญญา ก็ต้องทำวิปัสสนา
ไม่ได้แปลว่านอนหลับพักผ่อนดี แล้วเลยตั้งหน้านอนอย่างเดียว

ขอบคุณที่ถามนะครับ ผมมีเรื่องเขียนบล็อคได้อีกอัน อิอิอิอิ






Create Date : 12 พฤศจิกายน 2550
Last Update : 17 พฤศจิกายน 2550 9:24:55 น. 22 comments
Counter : 2602 Pageviews.

 
ตามมาอ่านอย่างไม่ละลด
หลักมันอยู่ที่ การรู้ลงปัจจุบัน รู้อย่างเป็นกลาง ไม่แทรกแซง ไม่แก้ไข

คลิกเลยค่ะ เพราะเป็นประเภทชอบหาทางแก้ไข

ขอบคุณนะคะ
แล้วก็ขอบคุณคนที่ถามด้วย


โดย: HoneyLemonSoda วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:14:26 น.  

 
"การกระทำในปัจจุบันนี่แหละ ที่เรียกว่าเป็นเหตุและปัจจัยของอนาคต"------> นี่แหละค่ะ ถูกต้องเผงเลย............


โดย: Ab Psy ReinDEAR++ IP: 210.203.182.10 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:0:53:23 น.  

 
"การกระทำในปัจจุบันนี่แหละ ที่เรียกว่าเป็นเหตุและปัจจัยของอนาคต"

ชอบอันนี้เหมือนกันค่ะ
มินก็มีเรื่องแปลก ๆ
อยากจะถามเหมือนกันนะ
แต่ไม่รู้ถามแล้วจะตอบได้ป่าว
มันเป็นเหตุการณ์แปลก ๆ แต่ จริง
ที่เกิดขึ้นกับตัวเองอยู่บ่อย ๆ
แต่เราควบคุมมันไม่ได้
เวลาที่อยากให้มันเกิด
มันก็ไม่มา แต่เวลาที่จะมาก็มาเอง
โดยที่ตัวเองก็บังคับหรือกำหนดไม่ได้ค่ะ

สดชื่น วันอังคาร นะคะ


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:46:30 น.  

 
เวรกรรม...ไม่ใช่สิ่งที่เราต้องยอมจำนน ประโยคนี้เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ เพราะไม่ว่าชาติที่แล้วหรือที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร ชาตินี้หรือในอนาคตเราก็ยังสามารถสร้างกรรมดีได้ต่อไป

ขอบคุณคนถามและขอบคุณคนตอบด้วยนะครับ


โดย: Tony KooN (tk_station ) วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:48:34 น.  

 
อ่า เวลาเป็นลมแดด ผมก็จะตาลายวิ้งๆเห็นแสงเป็นจุดๆดวงๆ
อันนี้พอจะอนุมานว่าเป็นอาการเห็นหิ่งห้อยได้ไหมครับ

ชอบหัวข้อเกี่ยวกับเวรกรรมนี้จังครับ
ทำให้ผมซึ่งตอนนี้กำลังคิดคำนึงถึงสิ่งที่จะทำก่อนที่จะจากโลกนี้ไป
ได้มีสติและมุ่งมั่นมากขึ้น ว่าสิ่งที่เราทำมันจะมีผลสืบต่อจากนี้ไปอีก
แต่ยังไงก็อยากเห็นผลในตอนที่ยังอยู่โลกนี้มากกว่าโลกหน้าอยู่ดี 55

คิดถึงพี่เอ๊ดนะคร้าบ


โดย: getterTu วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:11:16:04 น.  

 
คำๆนี้โดนใจกันเยอะเลยนะคะ

การกระทำในปัจจุบันนี่แหละ ที่เรียกว่าเป็นเหตุและปัจจัยของอนาคต



โดย: Professional วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:30:18 น.  

 
ขอบคุณพี่เอ๊ดค่ะ


โดย: นักรักโลกมายา วันที่: 13 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:42:04 น.  

 
ความเห็นเหมือนคนข้างบนๆๆๆๆ



โดย: Q. (Q.NUH ) วันที่: 14 พฤศจิกายน 2550 เวลา:7:52:15 น.  

 
ขยันเที่ยว ก้อต้องขยันทำงาน

พี่เองค่ะ บ่แม่นคนอื่น แฮ่ แฮ่...

คุณเอ็ดค๊ะ ขอเพลงล่วงหน้าได้ไหมค๊ะ

"ผู้หญิงวัตถุดิบ"...ของคุณพี่มาดอนน่า


โดย: พี่ปู...กิ๊กพี่ (ฟ้าคงสั่งมา ) วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:34:28 น.  

 
^
^
ใช่ Material Girl ป่าวอ่ะ


โดย: Tony KooN IP: 58.9.221.166 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2550 เวลา:23:22:32 น.  

 

แวะมาเที่ยว ฟังเพลงค่ะ
nice day นะคะ


โดย: มิน (มินทิวา ) วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:8:20:03 น.  

 
มารับผลกรรมที่ทำมา..

----------------

จากนั้นก็สร้างบาปกรรมต่อด้วยการป่วนด้วยรูปเราเอง...5555
Photo Sharing and Video Hosting at Photobucket


โดย: ShoesMonster วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:10:04 น.  

 
บล็อกนี้ทำเอาหนูมึนๆ เล็กน้อย
แต่มึนก็รู้ว่ามึนนะค้า
^^


โดย: I am just fine^^ วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:17:31:33 น.  

 

ขอบคุณนะคะพี่เอ็ดสำหรับคำตอบ
และขอบคุณคุณเจ้าของคำถาม
ทั้งสองคำถามค่ะ ^^


พอรู้ก็เผลอจะไปแก้มัน
แล้วพอรู้ตัวอีกที
ก็หยุดค่ะ
แล้วก็ตามดูต่อ ..

ถูกผิดยังไม่รู้ต้องขอดูๆกันต่อไปนะคะ


โดย: azamiya วันที่: 16 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:25:05 น.  

 
ภาพดอกหญ้าที่หิ่งห้อยชาเล่ท์ป่ะเนี่ย
ภาพสวยดีนะ... กล้องเก่ง หรือคนถ่ายภาพเก่งก็ไม่รู้เนอะ


โดย: ปอรามี IP: 203.146.192.135 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:12:24:39 น.  

 
^
^
คุณข้างบนนี้ รู้ได้ไง ว่าเป็นดอกหญ้าที่หิ่งห้อยชาเล่ต์

เก่งจัง


โดย: aston27 วันที่: 19 พฤศจิกายน 2550 เวลา:21:29:47 น.  

 
ไม่รู้ได้ยังไง ก็อยู่ในเหตุการณ์....


โดย: ปอรามี IP: 203.146.192.135 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:15:50:38 น.  

 
อ้าว... ด็อกเตอร์ หรอกเหรอนี่


โดย: aston27 วันที่: 21 พฤศจิกายน 2550 เวลา:22:40:05 น.  

 
ชอบบล๊อกนี้จังคร้าบบ ให้อะไรหลายๆอย่างกับชีวิตมากมาย


โดย: ปลาดุกน้อย IP: 125.27.217.9 วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:21:28:13 น.  

 
สวัสดีค่ะคุณแอสตัน
สาธุค่ะ
ตามมาอ่านแล้วรู้สึกดีจัง
เหมือนได้ฟัง mp3 ของหลวงพ่อซ้ำอีกรอบ
ขอบคุณนะคะ
ขอน้อมรับและจะนำไปลองดูค่ะ ^^


โดย: แก้ว IP: 125.25.192.191 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:10:14:43 น.  

 
ชอบบล็อคนี้เหมือนกันค่ะ เพิ่งเข้ามาได้ 2-3 วัน และจะเข้ามาเรื่อย ๆ นะคะ
ขอบคุณที่มีข้อความดี ๆ ให้อ่าน

ขอบคุณค่ะ


โดย: nearmoons IP: 202.142.198.194 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:16:38:21 น.  

 
สาธุครับ


โดย: Pom Jakkrit IP: 223.206.71.90 วันที่: 29 ตุลาคม 2554 เวลา:14:02:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

aston27
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 215 คน [?]




คนรู้ไม่คิด คนคิดไม่รู้
New Comments
Friends' blogs
[Add aston27's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.