ความยากในการเรียนภาษาจีนของคนไทย
วันนี้จะมาพูดถึงความยากในการเรียนภาษาจีนของคนไทย โดยจะพูดแต่เรื่องที่เราเสียเปรียบชาติอื่นเท่านั้น ความจริงคนไทยได้เปรียบชาติอื่นในหลายๆ เรื่อง ทั้งเรื่องความใกล้เคียงของภาษา เสียง ฯลฯ แต่จุดประสงค์ที่พูดเรื่องแย่ๆ ก็เพื่อต้องการให้คนไทยที่คิดอยากจะเรียนภาษาจีน หรือไม่เข้าใจในภาษาจีนปรับทัศนคติของตนเองเสียใหม่
ภาษาจีนที่ใช้ในที่ใช้ในไทย เนื่องจากประเทศไทยมีคนจีนอพยพเข้ามาอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก แต่ภาษาจีนที่ใช้ในประเทศไทยกลับเป็นภาษาถิ่นเสียมากกว่า ไม่ใช่ภาษาจีนกลาง อย่างที่ทุกคนทราบว่าประเทศจีนนั้นเป็นประเทศที่กว้างใหญ่มาก ภาษาท้องถิ่นจึงเยอะตามเป็นธรรมดา
广州 คำนี้อ่านว่าอย่างไร ถ้าเป็นภาษาจีนกลางอ่านว่า กว่างโจว ถ้าเป็นภาษาถิ่นอื่น กวางเจา กวางโจวมั่วไปหมด
刘备 Liú Bèi หลิวเป้ย ถ้าผมพูดชื่อนี้หลายๆ คนคงไม่รู้จัก แต่ถ้าบอกว่า เล่าปี่ เชื่อได้ว่าน้อยคนคงจะไม่รู้จัก ประเทศไทยใช้ภาษาท้องถิ่นที่ไม่ใช้ภาษาจีนกลางจำนวนมาก ทำให้เกิดความสับสนต่อผู้เรียน
ผิดแล้วผิดเลย ภาษาจีนกลางบางตัวที่ใช้กันอยู่ในประเทศไทย ถ้ามันผิดแล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลย เช่น 成龙 รู้จักกันใช่มั้ยครับ ดาราฮ่องกงชื่อดัง "เฉินหลง" นั่นเอง แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าแท้จริงแล้ว ต้องอ่านว่า "เฉิงหลง" ต่างหาก แต่ถ้าเราเรียกเฉินหลงว่าเฉิงหลงในประเทศไทยล่ะก็ คงโดนล้อแย่เลย หาว่าเรียกผิด แต่ถ้าหากคุยกับคนจีน หรือคนชาติอื่นที่เรียนภาษาจีน ต้องไม่ลืมที่จะเรียก เฉิงหลง ไม่ใช่ เฉินหลง ไม่งั้นจะกลายเป็นเราเรียกผิด (งงมั้ยล่ะ)
ระบบการเขียนอักษร ระบบการเขียนระหว่างภาษาไทยกับภาษาจีนแตกต่างกัน ของไทยจะนำ พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์มารวมกันเป็นคำใหม่ แต่ของจีน 1 ตัวอักษรคือหนึ่งคำ อีกทั้งดูได้ยากว่าอ่านอย่างไร ไม่ขอลงรายละเอียดเกี่ยวกับการสังเกตตัวอักษรว่าอ่านอย่างไร (เดี๋ยวยาว) ด้วยเหตุนี้ทำให้คนไทยรู้สึกว่าภาษาจีนยาก
อคติส่วนตัว นี่เป็นเรื่องที่สมควรแก้ไขโดยด่วนหากท่านมีความคิดที่จะศึกษาภาษาจีน บางคนมีอคติกับภาษาว่าทำให้เครียด แค่เห็นก็เครียดแล้ว เครียดๆๆ ถ้าถามผมว่ายากมั้ย ตอบโดยไม่ต้องคิดเลยว่า "ยาก" เครียดมั้ยผมไม่เคยเครียดเลย ภาษาจีนทุกตัวอักษรมีเรื่องราว ถ้าเราพร้อมที่จะศึกษาเรื่องราวที่มา เราจะสนุกไปกับที่มาของมัน ก็จะทำให้การเรียนภาษาจีนไม่ใช่เรื่องน่าเบื่ออีกต่อไป
เสียงที่ไม่มีในภาษาไทย ประเด็นนี้ผมไม่อยากให้มองว่ายาก เพราะถ้ามองประเด็นนี้ว่าเป็นปัญหาก็คงไม่ต้องเรียนภาษาจีน ภาษาอังกฤษ หรือแม้แต่ภาษาใดๆ อีกแล้ว เพราะภาษาอื่นก็มีเสียงหลายๆ เสียงที่ภาษาไทยไม่มี
รูปประโยคที่ไม่มีในภาษาไทย 把 จัดได้ว่าเป็นรูปแบบการเน้นซึ่งผู้เรียนภาษาจีนเรียนกันตั้งแต่ภาษาจีนระดับต้น 是... ...的。รูปประโยคนี้ก็เช่นเดียวกัน ประเทศไทยไม่มีรูปแบบประโยคแบบนี้ จึงทำให้ผู้เรียนรู้สึกยาก เคล็ดไม่ลับในการเรียนรู้รูปประโยคพวกนี้ คือ จำรูปแบบประโยคแบบนี้แล้วนำไปดัดแปลง
การเรียงประโยคที่ต่างกัน ภาษาจีนมีรูปแบบการเรียงประโยคค่อนข้างตายตัว โดยเน้นจากใหญ่ไปหาเล็ก เช่น ถ้าเขียนจดหมาย ก็จะเขียนโดยเริ่มจาก ประเทศ มณฑล เมือง เขต ไล่ไปจนถึงชื่อผู้รับอยู่อันดับสุดท้าย ซึ่งแตกต่างจากของไทย
ประโยคทั่วๆ ไป การเรียงจะเรียงโดยเริ่มจาก เวลา + ประธาน + กับใคร + ไปไหน + ทำอะไร ซึ่งแตกต่างจากของไทยอย่างเห็นได้ชัด
ในจุดนี้เหมือนกับเรื่องเสียงครับ ทุกภาษามีแบบนี้หมด ดังนั้นถ้ามองว่าประเด็นนี้เป็นปัญหาคงไม่ต้องเรียนกันแล้วล่ะ
ที่กล่าวมาทั้งหมดข้อไหนๆ ก็ไม่สำคัญเท่า "อคติส่วนตัว" ถ้ามองว่าภาษาจีนเป็นภาษาที่เครียด ก็จบเกมครับงานนี้ สำหรับผู้ที่เรียนภาษาจีนต้องละอคติตรงนี้ให้ได้เสียก่อนไม่อย่างนั้นเรื่องอื่นก็พูดได้ยาก
Create Date : 05 กันยายน 2553 |
|
30 comments |
Last Update : 5 กันยายน 2553 22:33:12 น. |
Counter : 14209 Pageviews. |
|
|
|