สมัยทองอันรุ่งเรืองของสหพันธรัฐศรีวิชัยที่แผ่ขยายอำนาจไปทั่วดินแดนหมู่เกาะทะเลใต้ เข้าควบคุมเส้นทางการค้านานาชาติหรือเส้นทางสายไหมทางทะเล สาย การคมนาคมสำคัญเปรียบดังเส้นเลือดใหญ่ทางเศรษฐกิจการค้าของโลกยุคนั้นไว้ได้อย่างเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียวพร้อมกับแผ่ขยายเครือข่ายสายใยเชื่อมโยงกับประเทศเมืองท่าเรือสำคัญในแถบประเทศอินเดีย เป็นต้นว่า อาณาจักรปัลลวะ,อาณาจักรปาณฑยะ,อาณาจักรสิงหล ชาติมหาอำนาจที่นับถือศาสนาพุทธ ทางทิศตะวันตกด้วยเหตุนี้จักรวรรดิศรีวิชัยจึงได้ชื่อว่า ชาติมหาอำนาจการค้าทางทะเลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในดินแดนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่มีคู่แข่งใดเก่งกล้าท้าทายอำนาจทางนาวิกานุภาพกองทัพเรือศรีวิชัย นักเดินเรือชาวอาหรับชื่ออิบู ฮอร์ดาชบีห์ ได้เดินทางเข้ามาใน พ.ศ. 1392 ต่อมานักเดินเรือชาวอาหรับอีกผู้หนึ่งชื่อสุไลมานเดินเรือเข้ามาใน พ.ศ. 1394เขียนถึงเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชาเขมรผู้โง่เขลาพระองค์หนึ่ง กล่าววาจาท้าทายดูหมิ่นพระราชอำนาจของมหาราชผู้ยิ่งใหญ่แห่งซาบาก ในที่สุดพระราชาเขมรผู้โง่เขลาพระองค์นั้นประสบชะตากรรมอย่างไร เขาได้เขียนขึ้นคล้ายกับเรื่องราวในเทพนิยายอาหรับราตรี
ศาสตราจารย์ดี.จี.อี. ฮอลล์ กล่าวไว้ในหนังสือประวัติศาสตร์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่าด้วยอาณาจักรจามปาระบุว่าในรัชกาลพระเจ้าอินทรวรมันที่2 ซึ่งครองราชสมบัติอยู่ระหว่าง พ.ศ. 1397 ถึง พ.ศ. 1436พระองค์ทรงเปลี่ยนไปนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน และสร้างศาสนสถานไว้เป็นอันมาก ศิลาจารึกของพระองค์เล่าอย่างละเอียดถึงการอุทิศที่ดินและสิ่งของถวายพระวิหารต่อมาในรัชกาลพระเจ้าชัยสิงหวรมันที่ 1 มีหลักฐานว่าอาณาจักรจามปาสร้างสัมพันธ์ภาพกับจักรวรรดิศรีวิชัยอย่างใกล้ชิด เชื้อราชวงศ์กษัตริย์จามปาได้เดินทางไปจาริกแสวงบุญยังมหาสถูปบรมพุทโธบนเกาะชวา ด้วยเหตุนี้อิทธิพลของศิลปะศรีวิชัยจึงเข้าไปผสมผสานเจือปนอยู่ในศิลปะจามอย่างเห็นได้ชัด มิใช่ศิลปะจามเข้ามามีอิทธิพลอยู่ในศิลปะศรีวิชัยดังที่นักประวัติศาสตร์บางท่านเคยเสนอความเห็นเกี่ยวกับศิลปะทางภาคใต้
นักเดินเรือชาวอาหรับชื่ออิบู ฮอร์ดาชบีห์ ซึ่งเดินทางเข้ามาในจักรวรรดิศรีวิชัยระหว่าง พ.ศ. 1389 ถึง พ.ศ. 1392เขียนถึงความมีอำนาจยิ่งใหญ่และร่ำรวยของมหาราชแห่งซาบากในสมัยนั้นไว้ว่า
มหาราช แห่งซาบากเป็นเจ้าของหมู่เกาะทั้งมวลในทะเลจีนใต้ มีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาลมากดินแดนเหล่านี้มีพระราชาเป็นผู้ปกครองแต่ขึ้นอยู่กับมหาราชอาณาจักรของท่านมหาราชมีพลเมืองและทหารมากมายเหลือจะพรรณาถ้าหากเราจะเดินเรือให้เร็วที่สุด ไปให้ทั่วทุกเกาะที่มีพลเมืองอยู่แล้วแม้เดินทางอยู่ถึง 2 ปี ก็ยังไม่ทั่วดินแดนสินค้าสำคัญในเขตของมหาราชมีเครื่องหอมสารพัดอย่าง เช่น พิมเสน กานพลู ไม้หอมจันทน์ อบเชย ฝาง และของอื่น....
นักเดินเรือชาวอาหรับอีกผู้หนึ่งชื่อ สุไลมาน ได้เดินทางเข้ามายังจักรวรรดิศรีวิชัยเมื่อ พ.ศ. 1395 เขียนบันทึกไว้ว่า
มหาราชทรงควบคุมการค้าการบูรที่เบรุสในสุมาตราทรงปกครองกาลัชบาร์ (เมืองเคดาห์ ในรัฐไทรบุรี ประเทศมาเลเซีย)ในตอนเหนือและร่ำรวยที่สุด พระองค์ทรงโยนก้อนทองคำลงในอ่าวเล็ก ๆใกล้กับพระราชวังแล้วตรัสว่า จงดูสมบัติของข้า พระราชาทรงทำเช่นนี้เป็นกิจวัตรราวกับว่าพระองค์เป็นหนี้แก่มหาสมุทรอย่างมากมายเช่นเดียวกับเจ้าเมืองเวนิสเคยแต่งงานกับพระสมุทร แต่ถึงอย่างนั้น มหาราชแห่งซาบากก็มีอำนาจทางทะเลยิ่งกว่าเวนิสมากมาย เพราะ ประเทศซาบากตั้งอยู่บนเส้นทาง 3 สายที่จะไปสู่ตะวันออก คือ ช่องแคบมะละกา ช่องแคบซุนดา(ในทะเลชวา)และทางบกผ่านคอคอดกระ มหาราชแห่งซาบากสามารถเรียกเก็บภาษีผ่านทางจากพ่อค้าได้โดยไม่ต้องเกรงกลัวการแก้แค้นจากผู้ใดตราบเท่าที่ชวายังเป็นมิตรกันอยู่ จามปากับกัมพูชาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทางทะเลดูเหมือนว่าพระองค์มิได้ส่งคณะทูตเชิญเครื่องราชบรรณาการไปยังประเทศจีนเลย....
นักเดินเรือชาวอาหรับชื่ออิบ อัล ฟาดีห์ ได้เดินทางเข้ามายัง ประเทศซาบากเมื่อ พ.ศ. 1445 จดบันทึกเรื่องราวของ สหพันธรัฐศรีวิชัยสมัยนั้นไว้ว่า
ซาบาจและกาลัชบาร์ (เคดาห์)เป็นอาณาจักรเดียวกัน เบรุส(บนเกาะสุมาตรา) ก็รวมอยู่ในอาณาจักรนี้ด้วย เป็นศูนย์กลางการค้าการบูร กานพลู ไม้จันทน์ ลูกจันนกแก้วของประเทศนี้สามารถพูดภาษาอาหรับ เปอร์เซีย อินเดีย และ กรีก ได้..
นักเดินเรือชาวอาหรับอีกผู้หนึ่งชื่ออิบน์ โรเตห์เดินทางเข้ามาในดินแดนสหพันธรัฐศรีวิชัย เมื่อ พ.ศ. 1446เขาได้กล่าวเปรียบเทียบความมั่งคั่งทางเศรษฐกิจของมหาราชแห่งซาบาจกับพระราชาในประเทศอินเดียไว้ว่า ในบรรดาประมุขของประเทศอินเดียทุกพระองค์ ไม่มีใครร่ำรวยหรือมีอำนาจ หรือมีรายได้มากกว่ามหาราชแห่งซาบาก
ศาสตราจารย์เอส. ประนะวิธานได้ศึกษาค้นคว้าความสัมพันธ์ระหว่างสหพันธรัฐศรีลังกาในสมัยต้นพุทธศตวรรษ ที่ 16อธิบายให้ทราบว่า พระเจ้าสมรวิชโยตุงคะเทวะนอกจากได้ทำสงครามปลดปล่อยอาณาจักรสิงหล ให้พ้นจากการยึดครองของอาณาจักรโจละแล้วพระองค์ยังสนับสนุนให้พระเจ้าวิชัยพาหุหรือพระเจ้ามหินทะที่ 6 เสด็จขึ้นครองราชสมบัติประเทศศรีลังกาและประทานราชธิดาของพระองค์ ทรงพระนามว่า เจ้าหญิงจันทราวดีอภิเษกสมรสกับพระเจ้ามหินทะที่ 6 อีกด้วย ดังนั้นประเทศศรีลังกาจึงเป็นเมืองราชบุตรเขยของกษัตริย์ศรีวิชัยทำนองเดียวกับอาณาจักรโจละ หรือประเทศจู-เหลียนซึ่งมีพระเจ้ากุโลตุงคะเทวะเป็นราชาปกครองเจ้าชายพระองค์นี้เป็นราชนัดดาของพระเจ้าสมรวิชโยตุงคะเทวะ
จดหมายเหตุของมาร์โคโปโล ที่เขียนขึ้นในปลายพุทธศตวรรษที่ 18บอกให้เราทราบว่าสินค้าที่ชาวอาหรับถือว่าเป็นความลับขั้นสุดยอดในทางการค้าสามารถปกความลับไว้อย่างมิดชิดตลอดมาได้ถูกเปิดเผยขึ้นเมื่อมาร์โคโปโลเดินทางไปถึงเกาะสุมาตราพบว่าผลิตภัณฑ์พื้นเมืองนานาชนิด เช่น กำยาน การบูร ไม้จันทร์ ไม้มะเกลือ ไม้ฝางไม้กฤษณา พริกไทย กระวาน เครื่องเทศ สมุนไพร งาช้าง นอแรด กระดองเต่า พลอย อำพันหินสีมีค่า ดีบุก เหล็ก ตะกั่ว เงิน ทองคำ ไข่มุก หินปะการัง หมาก ข้าวเปลือกน้ำตาล นกขนสวยมีค่าราคาแพงสัตว์ประหลาดชนิดต่างๆสินค้าเหล่านี้ล้วนเป็นที่ต้องการของพระราชาเสนาบดี เศรษฐีของประเทศทั้งหลายในแถบตะวันตก ได้ถูกพวกพ่อค้า อินเดีย เปอร์เซีย อาหรับซึ่งมีความรู้ในด้านเทคโนโลยีสูง หาซื้อวัตถุดิบไปจากดินแดนแถบนี้นำไปแปรรูปด้วยกระบวนการผลิตชั้นสูง ดัดแปลงเป็นน้ำหอม เครื่องประดับ เครื่องใช้ เครื่องเวชภัณฑ์ สินค้าที่มีราคาแพงมากโดยออกข่าวลวงให้คนทั่วไปหลงเชื่อว่า เป็นผลิตผลที่มีอยู่เฉพาะในดินแดนตะวันออกกลางเท่านั้นจึงกอบโดยเอาผลกำไรอย่างงามมานานเขาจึงได้เขียนเรื่องราวตีแผ่ให้ชาวโลกรับรู้
ขอขอบคุณ ตามพรลิงค์ อาณาจักรที่ถูกลืม