ราชินีในห้องมืด...ความชั่วร้ายของทรัพย์สินเงินทอง ในวรรณกรรมจีนศตวรรษที่19
 
...หากเรามองแค่ผิวเผิน คงเข้าใจว่าครอบครัวของข้าพเจ้าร่ำรวยมีเงินทองคงจะมีความสุขมาก ใครจะรู้น่ะว่า ภายนอกดูสงบเงียบ แต่ภายในกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดสาหัส ประสบการณ์สอนให้เรารู้ว่าความเป็นอยู่นั้นว่างเปล่าและเงินทองก็ชั่วร้ายมาก คุณพ่อของข้าพเจ้าลำบากตั้งแต่เด็กและผ่านการทดสอบคัดเลือกเข้ารับราชการ ภายหลังประสบความสำเร็จทางอาชีพการงานล้วนมาจากความขยันมันเพียรของตัวท่านเอง เงินทองที่เราใช้จ่ายนั้นมาจากการประหยัดอดออมและการรู้จักลงทุนได้กำไรมาและไม่เคยรับสินบนจากใครที่จะได้เงินทองมาอย่างผิดกฏหมาย พวกเราที่เป็นลูกหลานของท่านล้วนได้เกิดอยู่ในเปลแห่งความมั่งคั่ง ทำอะไรก็ไม่เป็น เป็นแต่รับความสุขจากการมีเงินของท่าน ณ.ที่นั่นพวกเราไม่เคยใช้แรงงานหรือรับการกระทบใดๆหรือการท้าทายใดๆแต่กลับถูกเลี้ยงให้อยู่ในความหยิ่งยะโส มีนิสัยฟุ่มเฟือยและขี้เกียจ โดยเฉพาะพี่ชายหลายคนของข้าพเจ้าเอาเงินของคุณพ่อไปดื่ม ไปเที่ยว เล่นการพนัน เสเพลในอบายมุข... พี่น้องผู้หญิงของข้าพเจ้าได้แต่งงานกับคนร่ำรวยมีเงินใน 8 ครอบครัว พวกเธอมักพกน้ำตากลับบ้านและฟ้องว่าถูกสามีข่มเหง ถูกน้องสาวหรือพี่สะไภ้ของสามีทรมานหัวใจกีดกันไม่ให้ความสะดวก คนในบ้านเกื่อบทุกคนจะสูบฝิ่น ห้องแต่ละห้องของพวกเรามีกลิ่นฉุนไปหมด  พีชายคนที่3 เป็นลูกชายที่แย่ที่สุดในบ้าน มักใช้อุบายหลอกเอาเงินและทรัพย์สินของคุณพ่อ-แม่ ไปใช้เป็นประจำ... ข้าพเจ้ามีพี่สาวคนหนึ่งแต่งงานแล้ว พ่อสามีก็เป็นขุนนางร่ำรวยมากคนหนึ่ง บ้านพักเขาสวยงามแบบพระราชวังและขุนนางท่านนี้ก็เป็นคนเสเพลมาก ทรัพย์สมบัติเขามากมายได้มาจากการรับสินบน พีเขยมีภรรยาน้อย 12 คนไว้ปรนนิบัติ...สิ่งที่ข้าพเจ้าเล่ามาเป็นเพียง 1 ใน 2 อย่างของบรรดาสิ่งชั่วร้ายทั้งหลาย ความประพฤติของเขาแสดงให้เห็นว่า ครอบครัวใหญ่หากไม่มีพระเยซูคริสตเจ้าเป็นศูนย์กลางแล้ว ความบาปจะงอกขึ้นมากมาย เป็นเรื่องที่จะคาดเดาได้...ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นเป็นมูลรากแห่งความชั่วทั้งมวลและเพราะความโลภนี่แหละ...จึงทำให้ตรอมตรมด้วยความทุกข์ 1ทธ.6:10
 
           ความเดิม...ข้าพเจ้ากำเหนิดที่หนานจิง เป็นเมืองหลวงทางใต้ อยู่ระหว่างแม่น้ำและภูเขาที่เขียวชอุ่ม ในอดีตกษัตริย์ทั้งหลายก็ชอบมาสร้างเมืองหลวงที่นี้ เป็นศูนย์กลางการปกครองของจีนตะวันออก... บรรดาพี่สาวน้องสาวข้าพเจ้าเป็นคนที่ 7 คนในบ้านจึงเรียกข้าพเจ้าว่า น้องสาว 7...ข้าพเจ้าจำได้ว่าบ้านของข้าพเจ้าอยู่ถนนหวังถ่ง มันเหมือนกับวังมายา กำแพงรอบบ้านสูงมาก ประตูมุขฝั่งด้วยห่วงทองเหลือง ลานบ้านกว้างใหญ่มากรวมทั้งบ้านพักและสวนดอกไม้ ข้างๆประตูใหญ่มีสิงห์โตหินข้างละ1ตัว สองข้างประตูมีม้ายาวเพื่อให้คนงานบ่าวไพร่นั่งได้ เข้าไปข้างในเป็นลานใหญ่ข้างหน้ามีห้องโถงใหญ่ เครื่องเรือนในห้องโถงนั้นมีโต๊ะและเก้าอี้เป็นพวกไม้แดงแกะสลัก บนผนังมีภาพวาดใหญ่ ผ่านไปประตูอีกบานหนึ่งก็เป็นลานใหญ่อีก ที่สุดของลานก็เป็นห้องโถงอีก 1 ห้อง 2ข้างของลานบ้านนั้นมีประตูทรงกลมแบบพระจันทร์เรียกประตูพระจันทร์ ผ่านจากประตูหนึ่งเข้าไปข้างในเป็นห้องโถงทีถูกตกแต่งอย่างวิจิตรสวยงาม ผนังฝังมุกและเสาบ้านทองคำ เพดานบ้านแต่งเติมด้วยภาพวาดที่สวยงามมาก...สวนแต่ละสวน มีภูเขาเทียมมีพุ่มดอกไม้ที่สวยงาม รอบๆสระมีต้นหลิวย้อยลงมา เด็กๆจะมาเล่นกันที่นั่น ในสระน้ำมีนกเป็ดสวยงาม ในสระนั้นได้สร้างศาลาไว้ ในหอเก็บหนังสือจะมีหนังสือทีมีค่ามากมาย มีเวทีแสดงละครงิ้วเวลามีงานฉลองและงานมงคล ทุกสิ่งถูกตกแต่งไว้อย่างปราณีตและงามตา...เมื่อข้าพเจ้ายังเป็นเด็ก ที่บ้านยังมีเด็กอีก8คนที่ยังไม่แต่งงาน พวกเราแต่ละคนมีผู้รับใช้ประจำตัว2คน และในสองคนนี้มีคนหนึ่งติดตามตลอดเวลาไม่เคยทิ้งห่าง แม่นมจะอยู่กับเด็กเล็กอย่างน้อย3ปี แม่นมของข้าพเจ้าดูแลข้าพเจ้าถึง16ปีเราจึงรักกันมาก...เมื่อเด็กผู้หญิงอายุ6ปีต้องถูกพันเท้าให้เล็กและแหลม เพราะสังคมยังมีความคิดว่าหญิงงาม หญิงบริสุทธิ์ต้องเท้าเล็กๆ...ผู้หญิงไม่ได้เรียนหนังสือ เวลานั้นลูกผู้หญิงจะเรียนรู้เพื่อดูแลครอบครัวและเรื่องในบ้านเท่านั้น...ต้นปีเราจะเรียกหมอดูมาดูดวงชะตาว่าจะโชคดีหรือไม่ หมอดูส่วนมากเป็นคนตาบอด คนจีนมักพูดกันว่าคนตาบอดไม่เห็นเรื่องในโลกนี้ เขาต้องเห็นโลกของคนทั่วไปที่มองไม่เห็น...คุณย่าต้องเลี้ยงลูก8คนตามลำพังหลังจากคุณปู่เสียชีวิตจากโรคระบาด คุณย่าต้องขายสมบัติทุกอย่างและยอมทุกข์ยากลำบากในการส่งเสียลูกให้เรียนหนังสือเพื่อหวังว่าอนาคตลูกจะประสบความสำเร็จและจะได้สานต่อตระกูลของปัญญาชน คุณพ่อเป็นคนที่2ในท่ามกลางพี่น้อง8คน ท่านมักเล่าถึงชีวิตที่ลำบากอยากเข็ญในวัยเด็ก ไม่มีครู ไม่มีหนังสือต้องเดินทางหลายพันลี้ภายใต้หิมะกระหน่ำเพื่อไปยืมหนังสือเล่มหนึ่งมาอ่าน ต้องทำงานหนักแล้วตกกลางคืนอาศัยแสงตะเกียงริบหรี่คัดลอกหนังสือที่ยืมมา พีคนโตต้องสอนน้องคนเล็ก อ่านเองศึกษาเอง มีชีวิตอยู่ด้วยความยากลำบาก.



Create Date : 05 มีนาคม 2556
Last Update : 5 มีนาคม 2556 16:22:23 น.
Counter : 3852 Pageviews.

1 comments
  
อ่านแล้วคิดถึงเรื่องเดียวที่เคยอ่านเป็นหนังสือนอกเวลาภาษาอังกฤษ
ลมตะวันออก ลมตะวันตกค่ะ


เพื่อนเคยเอามาให้ทานค่ะ รสแปลก ๆ แล้วพอทานของเปรี้ยวก็จะไม่เปรี้ยว
โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 6 มีนาคม 2556 เวลา:15:19:31 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

surya21
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 50 คน [?]



New Comments
มีนาคม 2556

 
 
 
 
 
1
2
4
7
9
10
11
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
24
26
27
28
29
31
 
 
All Blog