No. 462 บ้านนอก ของ เชียงใหม่
No. 462 บล๊อกประจำวัน ศุกร์ / จันทร์
หลายสิบปีก่อน บ้านเราอยู่ริมคูเมืองเชียงใหม่ เป็นบ้านไม้เก่าทรงโบราณแบบ
ภาคเหนือ ขนาดค่อนข้างโต
เราตื่นขึ้นมาตอนเช้า ท่ามกลางอากาศหนาวเหน็บ เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ครับบอก
ตรง ๆ ไม่อยากลุกจากที่นอน แต่มีงานที่ต้องทำก่อนไปโรงเรียน ต้องกลั้นใจจับ
ขอบผ้านวม ตลบให้เปิด วางไว้กับพื้นบ้านที่เป็นไม้สักแล้วค่อยลุกจากที่นอน
เหยียบบนนวม ค่อยยังชั่ว เพราะอากาศมันหนาวมาก ๆถ้าเหยียบพื้นไม้ ไม่สนุก
แน่ มันจะเย็นเจี๊ยบ..
รีบสวมเสื้อกันหนาวทับให้ร่างกายปรับได้นิดหน่อย ก็ต้องรีบ คว้าแปรงสีฟัน
ใส่ยาสีฟันจุ่มน้ำแล้วรีบแปรงฟันไม่นานหรอกครับ อมน้ำบ้าน พอให้ฟองออก ใช้
นิ้วแตะน้ำ เช็ดขอบตาทั้งสองข้างพอได้ ใช้ผ้าขาวม้าเช็ด ๆ เป็นเสร็จ เดิน
ผ่านครัวหลังบ้าน แม่กำลังหุงข้าว ทำกับข้าว กับพี่สาว
ผมรีบลงไปคว้า
กระป๋องน้ำฝักบัว ไปตักน้ำที่บ่อน้ำ จนเต็มทั้งสองใบ เดินกลับไปรดผักกาด
กับ แปลงต้นหอม กระเทียม แสงแดดเริ่มสาดผ่านหมอกที่หนายามหยาดน้ำจาก
ฝักบัว ตกกระทบใบผักกาด เสียงดังเบา ๆ ไพเราะมาก ๆ ไอน้ำลอยจากใบผักกาด
ช้า ๆป็นบรรยากาศที่ไม่อาจจะลืมได้
ได้เวลาไปเรียน จากบ้านปั่นจักรยาน ไปโรงเรียนที่อยู่ห่างจากบ้านไม่เกิน 2
กม..ระหว่างทาง แน่นอน หมอกที่หนา ปกคลุมตามถนนดำ ลาดยางมะตอยแบบ
โบราณไปถึงโรงเรียน หน้าแข้งมี่เปลือยเปล่า มีหยาดน้ำจากหมอกจับเปียกไปทั้ง
สองข้างหันไปมองหน้าเพื่อน ๆ ที่เจอกัน ต่างหัวเราะ คิ้วของพวกเราจะขาวจาก
หมอก อันหนาวเหน็บ..
เชียงใหม่จึงเป็น เมืองที่คนอยากไปเที่ยวสัมผัส ความหนาว สีสันฤดูหนาวมาจาก
เสื้อผ้าที่ ทั้งเด็ก สาว หนุ่ม ปั่นจักรยาน ภาษากำเมือง ที่นุ่ม อ่อนหวานใบหน้าที่
เจือด้วยรอยยิ้ม...สถานที่ท่องเที่ยวในระยะนั้นยังไม่มากเท่าปัจจุบัน
คนจึง ตั้งเป้าหมายที่จะไปเที่ยว หรือไปปลูกบ้านอยู่
หลังจากต้องจากบ้าน ที่เชียงใหม่ไปเรียนต่อในกรุงเทพ และมีงานทำ นาน
ๆจึงจะได้กลับไป ความเจริญเลยเปลี่ยนแปลงเชียงใหม่ มีบ้านเยอะ
บ้านที่เคยอยู่ถูกรื้อถอน ปลูกตึกแทน ตรงถนนศรีภูมิริมคูเมือง
เสียดาย...จัง
แน่นอน ไม้หายาก ชาวบ้านเลยปลูกบ้านด้วย ปูนกันมาก อันนี้ไม่ว่ากัน
แต่บ้านชนิดนี้ดูดความร้อนจากแสงอาทิตย์ไว้มาก ยามเย็นตะวันลับฟ้า ความร้อน
น่าจะลดลงแต่ไม่... เพราะตัวบ้านปูน ซิเมนต์ต่างคลายความร้อนออกมาเลยร้อน
รุ่มชาวบ้าน เปิดแอร์คอนดิชั่น รถยนต์ก็เปา ไอร้อนจากท่อออกมา
เชียงใหม่ ในตัวเมืองจึงเหมาะสำหรับ ค้าขายแทน
เมื่อกลับไปเยือนถิ่นเดิม ไม่ค่อยเข้าตัวเมือง จะขับรถไปพักบ้านญาติตาม
ต่างอำเภอ เช่น อ.แม่แตง อ.แม่ริม อ.หางดง ไม่จำเป็นจริง ๆ จะไม่เข้าไปเที่ยว
ในเมืองเลยส่วนอาหารหรือของฝาก ซื้อจากตลาดรอบนอกแทน
เท่าที่สังเกต ในตัวเมืองเชียงใหม่สมัยก่อนกับปัจจุบัน ต้นไม้มิได้มีมากหรือน้อย
แตกต่างกันเท่าใด ที่มีมากคือ บ้าน และคนอยู่กันเยอะ
เคยมีคนถามว่า จะให้ตัว
เมืองเชียงใหม่ อากาศดี และหนาวแบบเดิมได้หรือเปล่า
ยาก ครับ
ไม่ว่าจะปลูก
ต้นไม้เพิ่ม ปั่นจักรยานแทนการใช้รถยนต์ น่าจะปฏิบัติยาก
แล้วทำอย่างไรจะให้
เชียงใหม่น่าอยู่เหมือนเดิม
นั่นซิ
ผมหันไปมองเชียงใหม่กันกว้างใหญ่ ยังมีอำเภอหลายอำเภอ ภูมิประเทศ
สวยงามอากาศยังหนาวเย็น และมากกว่าตัวเชียงใหม่
น่าจะมีการวางแผน ผังเมืองหรือ มีกฏหมายพิเศษ ขึ้นมารองรับ หรือ จัดระเบียบ
ใหม่เช่น ผู้จะปลูกบ้าน จะต้องปลูกต้นไม้ยืนต้นอย่างน้อย 30 % ของพื้นที่
เพื่อที่จะให้เก็บรักษาความชึ้นให้มากขึ้น
คงมีคนแย้งว่า ฮา(กรู) มีที่ดิน 50 ตารางวา จะปลูกบ้านได้อย่างไรเฮอะ บังคับ
ปลูกต้นไม้ ได้ซิ..ซื้อต้นมะม่วงมาปลูก พอเจ้าหน้าที่มาตรวจออกเลขบ้านได้
ปล่อยให้มันตายไปก็ได้.. 555
นั่นแหละครับ ต้องมีการระดมความคิดเห็น ความรู้จากคนที่รู้จริง มาปรับก่อนที่จะ
ออก พ.ร.บ....
แต่คงจะยาก เหมือน ร่าง กฏหมายสำคัญของไทย
ผมเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา ก็ให้บังเอิญอ่านเห็น บล๊อกแกงค์ชวนให้เขียน
เรื่อง Blaggang Go Green ช่วยโลกเรา แม้เรา
ไม่อาจจะทำให้เชียงใหม่หนาวเย็น เหมือนเมื่อหลายสิบปีก่อน แต่ยังคงทำให้ ตัว
อำเภอรอบนอกเชียงใหม่ให้น่าอยู่ ยังได้..นะครับ
......
.....
รอยยิ้ม อาหารรสดั้งเดิม อย่าไปดัดแปลงมากเกินไป ให้เด็กแต่งกายพื้นเมือง
อาทิตย์ละวันเช่นปัจจุบัน ไปพบที่ อ.แม่แจ่ม อ.อมก๋อย อ.สะเมิงนะครับ
.......
อีกอย่างสำคัญมาก ภาษาพูด กำเมือง หรือภาษาสำเนียงเชียงใหม่รักษาไว้เถอะ
ครับ
ผมเคยไปซื้อของ ในตัวเมืองเชียงใหม่ ก็พูดภาษาพื้นเมือง
ผักหละ ปลูกเอง แม่นก่อ ขายก๋ำ จะใด (ชะอมปลูกเองเหรอ ขายมัดเท่าใด)
เปล่าปลูก มัดละ ยี่สิบบาท เอากี่มัด
เออ หนอ.. หมดกัน หาความเป็นเชียงใหม่ไม่ค่อยพบ คล้ายกับ ความหนาวเย็น
หายไปจากเชียงใหม่ แล้ว ได้ความร้อนจากแอฟริกามาแทน... แห้งแล้งพิกล..
เพื่อน ๆ มีความคิดเห็นอย่างไร บอกกันมั่งนะครับ
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ
end visit บล๊อก 630,042 st
=
งานเขียนประเภท Diarist
Create Date : 19 กุมภาพันธ์ 2559 |
|
31 comments |
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2559 5:42:45 น. |
Counter : 3566 Pageviews. |
|
|
|
บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้
ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ไวน์กับสายน้ำ Diarist ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 5 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
เป็นบรรยากาศที่หาไม่ได้แล้วค่ะ อ่านแล้วเสียดาย อยากสัมผัสเชียงใหม่อย่างนั้นบ้าง ปล.แนวคิดอนุรักษ์ดีมากค่ะ แม่โมแม้ไม่ใช่คนเชียงใหม่ และแม้จะสอนภาษาต่างประเทศที่เขาบังคับให้พูดกับเด็กในห้องแล้วยังแอบพูดคำเมืองกับเด็กอยู่หลายครั้งค่ะ และดีใจที่ยังเห็นเด็กจำนวนไม่น้อยแม้หน้าตาจะอินเตอร์แต่เมืองได้ใจมากค่ะ