No. 502 บล๊อกประจำวัน จันทร์ - พฤหัสบดี
ร่วมกิจกรรม ตะพาบ 159 |
|
|
เพชรบูรณ์ เป็นจังหวัดหนึ่งที่เคยถูกดำริ จะให้เป็นเมืองหลวงของไทย เมื่อนานมาแล้ว |
ภูมิประเทศเป็น ภูเขา มีต้นไม้มาก ทำให้เกิดสายน้ำที่หลากจากภูเขา |
อันสูงชัน บางแห่งเป็นพื้นที่ราบ เนินสูง
|
|
ดินบางแห่งเป็นดินดำ เหมาะการทำเกษตร ปลูกข้าวยาสูบ บางท้องที่เช่น อ.หนองไผ่
|
ดินสีแดง ปลูกข้าวโพด บางแห่งมีก้อนหินเล็กใหญ่มาก ลำบากในการเพาะปลูก |
ชาวบ้านจึง ปลูกแตงโม ลูกเล็ก อยู่ทั่วไป เอ..ปลูกแตงโมลูกเล็กทำไม...
|
เขาปลูกเอาเมล็ด ทำเม็ดกวยจี้ คือแตงโมชนิดนี้ ไม่ค่อยมีเนื้อ |
|
|
เมื่อก่อนเดินทางไป ติดต่องานที่สาขาเพชรบูรณ์ สาขาหล่มเก่า สาขาหล่มสัก |
แล้วจะแวะสาขา อ.หนองไผ่ จะซื้อเมล็ดแตงโม กลับไปฝาก เพื่อน ๆ ที่บริษัท |
รับรอง ทั่วถึงแน่ 555
เพื่อน ๆ ชอบกันนะครับ นั่งแทะเม็ดแตงโมหนองไผ่ที่ใหม่ เม็ดเป่ง |
พอ ๆ กับจากจีนไงงั้น แต่ที่เป็นของมีชื่อก็ |
มะขามหวานเพชรบูรณ์...
ที่ อ.หนองไผ่เพื่อนที่เป็น บล๊อกเกอร์ของ BG นี่แหละ |
ซื้อที่ดินไว้ไม่ไกลจากปราสาท หนองไผ่ คงกะจะทำร้านอาหาร ท่ามกลางไร่ข้าวโพด |
สีเขียวสด ดินสีแดงมั้ง |
ป่านนี้ที่ดินยังอยู่หรือเปล่าไม่รู้นะครับ ตอนนี้เธอ คงมัว เป็นแม่ครัวแห่ง BG |
|
อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ มีที่เที่ยวแบบธรรมชาติ คือแบบบ้านนอกหน่อย นั่นก็ใช่ |
ที่ผมไปค้างบ้านเพื่อน เคยพาครูแอโรบิก สวนหลวงไปเที่ยว
|
พากันไปเที่ยว อ่างเก็บน้ำคลองเฉลียงลับ ในฤดูหนาว ไปกินนอน กินไก่อบฟางจริง |
คือทำเองกลางทุ่งนา ทำให้เกิดอยากไปสัมผัสแบบนั้นอีกครั้ง
|
|
การไปครั้งนี้รวมตัวกันค่อนข้างยาก เพราะครูแอโรบิก ปลีกตัวลำบากไม่เหมือนเมื่อก่อน |
ครู 5 คนต้องสอน รอบเช้า กับรอบเย็น ทุกวัน |
แต่ถ้าเสาร์ อาทิตย์ สอนรอบ 6.30 กับรอบ 8 โมงเช้า ตอนเย็นอีกหนึ่งรอบ |
ผมเปล่าเป็นครูแอโรบิกนะครับ คอยดูแล การเงินกับ บัญชีให้ชมรมตลอดมา 15 ปี |
|
เมื่อเขาไปไม่ได้ ก็ชวนเพือนอีก 3 คนไปเที่ยว เพชรบูรณ์อีก ขับพิคอัพสองตอนไป |
กะว่า ค่ำไหนก็นอนนั่น ไม่ต้องจองโรงแรมหรือรีสอร์ท
|
เราเตรียมเต็นท์เดี่ยว กับถุงนอน อาหารกระป๋อง เนื้อย่าง กาแฟ บางคนก็เตรียม |
กระดาษทิชชูไปด้วย คงเข็ดคราวก่อน เข้าป่า ไปทำธุระส่วนตั๊ว ส่วนตัว |
ไม่มีกระดาษเลยใช้ ใบไม้แห้งเช็ด ดันไปเจอตัวบุ้ง คันซิครับ
|
อีกคน ใช้ไม้ แก้ง เอ..เพื่อน ๆ รู้จักเปล่าหนอ ใช้กิ่งไม้ รูด..555 ดันมีหนามตำ |
ไม่อยากนึกเลย สาบานได้ว่า สองคนนั้นไม่ใช่ ผม ก็แล้วกัน |
|
ระยะทางจาก กท.ไป เพชรบูรณ์ไม่ไกล ถนนราบเรียบ แต่มีตำหนวดคอยดักจับ |
ความเร็วบ้างเป็นบางจุด เราไม่ห่วงอยู่แล้ว |
แวะกินไก่ย่างวิเชียรบุรี ย่างกันร้อน ๆ กับข้าวเหนียวแล้วบึ่งต่อไป เขาค้อ
|
กะจะไปค้างคืนแถวอ่างเก็บน้ำ รัตนัย หรืออ่างเก็บน้ำเล็กแถวบ้านพักทหารม้าก็ได้ |
ความที่ไม่ได้ไปนาน ต้นไม้ถูกตัดไปเยอะ ชาวบ้านปลูกพืชไร่เป็นส่วนใหญ่ |
ที่โล่ง น่าจะมีเจ้าของหมดแล้ว ไม่เหมือนเมื่อก่อน
|
เวลาผมไปเที่ยว ที่บ้านผู้ใหญ่ เขามักจะพาไปเที่ยว บางแห่งบอกว่า ตรงนั้นยังไม่ควรไป |
เพราะมีกับระเบิดอยู่ ตรงนั้นมีจงอางอยู่หลายตัว
|
ไม่เหมือนภาพปัจจุบันข้างบน... เลยพากันขับรถลงไปใกล้อ่างเก็บน้ำ ดูเขา |
ตกปลา พวกเขาใช้เบ็ดฝรั่ง เหยื่อปลอม มีทั้งแบบนี้
|
|
บางทีก็เป็นยาง เวลาลากเหมือนกับ ตัวเขียดกระโดดบนผิวน้ำ ปลาตัวโตเห็น |
ก็คอยจ้อง กระโดดงับเหยื่อ |
......
|
เราเข้าไปคุยด้วย พวกเขายิ้มแย้ม ทักทาย นำน้ำดื่มพรรค์นั้นมาให้ดื่มด้วย |
พวกเราก็นำอาหารที่ซื้อมาจาก วิเชียรบุรีแบ่งปันกันกิน
|
กลุ่มนักล่าปลา เขาชอบสันโดษ อยู่เงียบ ๆ แต่บางคนก็คุยเก่ง มีทั้งหนุ่ม สาว |
ปลาที่เขาตกได้ จะใส่ในตาข่ายลอยน้ำไว้ คล้ายกระชังลอยน้ำเล็กหน่อย
|
แต่ถ้าเป็นสาว คนสวย เธอจะปล่อยกลับสู่ท้องน้ำ บอกว่าปลาตัวเล็กเกินไป ผมดู |
แล้วน่าจะ กิโลกว่า อื้อหือ.. เสียดายจัง |
นักตกปลาชาย เย่อปลาได้ตัวโต ก็ปลด ใส่ถุงตาข่ายลอยน้ำ |
คงจะนำไป ทำเป็นปลาเกลือ หรือปลาเค็มแดดเดียวได้หลายริ้ว
|
ปลาที่ว่า เป็นชะโด..ครับ เนื้อมันจืดทำอาหารไม่อร่อย ต้องขอดเกล็ดควักใส้ ทำ |
ริ้วเคล้าเกลือตากแดด |
แน่นอนเราขอซื้อปลา จากเพื่อนใหม่ ไปหลายตัว กะจะนำไปย่างกินตอนเย็น |
เพื่อนใหม่ไม่ยอมรับตังค์ แต่ยอมรับเบียร์ครับ 555 ทำให้เราสบายใจ
เราไม่ได้ขอแบ่งปลาชะโด เป็นปลาช่อนไป
|
|
เราสี่คนปรึกษากันว่า เขาค้อเป็นป่าโปร่ง พื้นที่เป็นของส่วนบุคคลเยอะ คงไม่เหมาะ |
ที่จะไปกางเต็นท์ ผมเลยพากัน ลงไปสู่ อำเภอเมืองเพชรบูรณ์
|
|
เราขับดิ่งไป สู่ อ่างเก็บน้ำคลองเฉลียงลับ พอไปถึงตัวเขื่อน ก็ขับหลบไปเส้นทางเล็ก |
ลัดเลาะไปตามป่าแพะ ก็ป่าที่มีต้นไม้เล็ก สูงไม่เกินหัว ถนนเป็นทางเกวียน |
กะว่าเข้าไปลึกกว่า 2 กม..ก็หาทำเล กางเต็นท์
|
ตอนนั้นเวลาน่าจะเกือบ 5 โมงเย็น เห็นต้นไม้ใหญ่ ที่เป็นเนิน ป่าไม่รก อยู่ใกล้ |
อ่างเก็บน้ำ จอดรถทิ้งไว้ แล้วเดินเข้าไป ใช้จอบสนามถาก ๆ ดินให้เรียบนิดหน่อย |
กางเต็นท์ค่อนข้างยาก เป็นดินลูกรังสีแดง ต้องใช้สันขวาน ตอกสมอบก |
ยึดตรึงไม่ให้เต้นท์โย้ คือทำของใครของมัน
|
พวกเราช่วยกันเก็บ กิ่งไม้แห้ง ใบไม้แห้ง มากองไว้ จะได้ใช้ส่องสว่างในกลางคืน |
แน่นอนทำอาหาร เพื่อให้ชีวิตไม่สดวก เลยไม่ยกเตาแก๊สปิคนิคลงจากรถ 555 |
|
ใช้ขวานด้านคม สับกิ่งฟืนแห้ง กองไว้เยอะหน่อย กิ่งโตวางสุมไว้ แล้วเราก็ผลัดผ้า |
เหลือ กางเกงขาสั้น ลงอาบน้ำก่อนที่จะอาบไม่ได้ อากาศมัน เย็น ค่อนข้างมาก |
|
ส่วนผมก็คว้ากล้องถ่ายภาพต่าง ๆ ไว้ เอาไว้โม้ว่า เคยมาแล้วนะ 555 |
|
ไม่ถึง 6 โมงฟ้ามืดมิด มองรอบกายไม่เห็นอะไรเลย น่ากลัวมาก 555 |
เลยจุดขี้ใต้ด้วยไฟแช็ค เอากิ่งไม้แห้งเล็ก ๆ สุมพอติด ก็นำกิ่งโตหน่อยวางทับเข้าไปอีก |
รอบ ๆ เต็นท์ก็สว่าง
|
จัดการหุงข้าวด้วยหม้อ ใส่ฟืนเข้าไป หม้อดำช่างมัน 555 หุงแบบไม่รินน้ำ ฝีมือ |
เพื่อนโอเคเลย กะน้ำได้พอดี
|
อาหารมีไม่มากหรอก ไม่ได้ทำแกงอะไร มีไก่ย่างวิเชียรบุรี ยำปลาทูน่า ซอยพริกขี้หนู |
สีเขียวแดง เยอะมาก ซอยมะเขืออ่อน กับหอมพม่าแทน เพื่อนคนซื้อ
|
หอมไทยไม่เป็น ก็โอเค ปอกเปลือก ใช้มีดซอยจากมือกว่า 4 หัวโปรยลงไป |
บีบมะนาวลูกเป้ง น้ำดันน้อย เลยใส่ไป 4 ลูก |
ใช้มือเคล้า (ล้างมือแล้วนะครับ 555) กระฉอกน้ำปลาลงไปหลายฉึก ใช้นิ้วมือยำ ๆ |
ให้สมกับคำว่า "ยำปลาทูน่า" ชิ้มดู เผ็ดนำ เปรี้ยวตาม เนื้อปลาหวาน
|
|
ส่วนเพื่อนอีกสองคน ควักใส้ปลาที่ขอแบ่งมาจากเพื่อนใหม่เขาค้อ ล้างน้ำในอ่างเก็บน้ำ |
นำมาเสียบไม้ ย่าง กันน้ำหูน้ำตาไหล 555 ควันไฟซิครับ
|
สองคนนี้มือใหม่ ไม่รู้จัก ลุกหลบควันไฟที่ลอยเข้าหา พอย่างปลาเสร็จก็ล้อมวงกัน |
กินข้าว เอาปลาย่างวาง คู่กับยำปลาทูน่า |
ลองบิเนื้อปลาชิม |
เฮ้ย ไม่ได้เคล้าเกลือเหรอ
|
อ้าวต้องใส่ด้วยเหรอ
|
เฮ้อ..เวรกรรม เลยให้สองคน กระฉอกน้ำปลา บีบมะนาว ซอยพริกใส่ถ้วย |
พอได้กินเนื้อปลากับน้ำปลา ดีเลยครับ เนื้อปลาหอมด้วยควันไฟ |
|
กินข้าวด้วยปลาช่อนย่าง ปลาทูน่า ตามด้วย กาแฟ คนละถ้วย ก็กาแฟซอง 3 in 1 |
นั่นแหละครับ สบายดี |
เรานั่งคุย นั่งโม้กัน นานมาก ดูนาฬิกา ยังไม่ถึง 3 ทุ่มลองเช็คมือถือ โอเคมีสัญญาน |
ก็เข้านอนกันเงียบ ๆ ส่วนผมก็เอาหูแนบ หมอนที่ติดกับถุงนอน
|
ฟังเสียงสัตว์เล็กเดิน ทุกสิ่งเงียบมาก ๆ มองแสงไฟที่วับแวมนอกเต็นท์ คอย ๆ รี่ลง ๆ |
นอนคิดถึงเพื่อน ๆ ที่อยู่ในกรุงเทพ ป่านนี้คงเพิ่งกลับถึงบ้านมั้ง |
และแล้วได้ยินเสียงสัตว์เล็ก ๆ เดินลัดเลาะไปด้านหัวเต็นท์ น่าจะเป็นหนูป่า หรือไม่ก็ |
กระต่ายป่า ช่างกล้าดีแท้ แล้วก็หลับไปง่าย ๆ |
|
ตื่นมาก็รีบวิ่งเข้าป่า ไปคนละทาง แหะ ๆ เรานัดกันไว้แล้วว่า ผมไปเส้นนี้ เอ็งไปเส้นโน้น |
นะ 4 คนก็ 4 เส้นทาง.. .ให้ไกลจากเต็นท์อย่างน้อย 60 เมตร กัน..ไว้ก่อน |
เรากลัวกับระเบิด ที่วางไว้ 555 |
|
เรานำแปรงสีฟัน สบู่ ไปชายอ่างเก็บน้ำ กะจะอาบน้ำ แต่ไม่ไหวครับ หนาวเย็นเกินไป |
ได้แต่แปรงฟัน ล้างหน้าเป็นพอ
แล้วรีบคว้ากล้องเตรียมไปถ่ายแสง |
แรกของวัน ให้ฟรุ้งฟริ้ง อุตส่าห์นำขาตั้งกล้องไปด้วย
|
นั่งรอให้แสงแรกของวัน ตกท้องน้ำ ที่มีพลิ้วน้ำเกิดขึ้นจากกระแสลมอ่อน คงจะสวยน่าดู |
แต่ให้ตายซิ หมอกลง คลุมไปหมด อดเลย
|
ขออภัยเพื่อน ๆ ที่ไม่อาจจะ ให้เห็นแสงแรกกระทบ พลิ้วน้ำเป็นประกายได้ |
งั้นดู แสง แรก กับ เป็ดสวรรค์ว่ายน้ำท่ามกลางแสง ฟรุ้งฟริ้งแทนก็แล้วกัน 555 |
ขอบคุณเพื่อนผู้เอื้อเฟื้อภาพ
end
visit บล๊อก 680,250 st
= งานเขียนประเภท Diarist
|