รักฤาหักหาย - บทที่ 24


เย็นวันหนึ่งหลังเลิกงาน สุนิสาซึ่งกลับถึงบ้านพักหลังพราวพราย เข้ามาในบ้านได้ก็วางกระเป๋าถือลงบนโต๊ะตัวหนึ่ง แทนที่จะรีบเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทันทีเหมือนทุกวัน สีหน้าของเธอมีแววกังวล พราวพรายซึ่งอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและรับประทานอาหารเย็นเรียบร ้อยแล้ว และกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ มองท่าทางกังวลใจของเพื่อนอย่างสงสัย

“เป็นอะไรน่ะ แอ๋ว ทำหน้าพิกล มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”
อีกฝ่ายนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้าม สีหน้ามีแววตรึกตรอง “มีเหมือนกัน”
“เรื่องอะไรอีกล่ะ หรือเรื่องเมียพี่ณพ” พราวพรายยังนึกถึงเหตุการณ์ในคืนนั้นอย่างสยอง
“เปล่า “ สุนิสาตอบสั้นๆแค่นั้น แต่ยังทำท่าครุ่นคิดอยู่เหมือนเดิม
พราวพรายชวนคุยว่า “ตั้งแต่วันนั้นแล้ว เมียพี่ณพยังไม่มาอีกเลยหรือ?”
สุนิสามีสีหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย “มาอีกสองครั้ง แต่พี่ณพบังเอิญรู้ล่วงหน้าก็เลยไม่ให้เราไปที่บ้านตอนที่เขามา เราไม่ได้เล่าให้ใครฟัง เพราะเห็นว่าไม่มีอะไร แต่พักหลังๆก็ไม่มาแล้วละ”
“สงสัยคงขี้เกียจมาวุ่นวายกับแอ๋วแล้วมั้ง เขาคงรู้แล้วละว่าพี่ณพคงไม่ยอมเลิกกับแอ๋วง่ายๆ” พราวพรายออกความเห็นอย่างโล่งใจแทนเพื่อน
“ไม่ใช่ยังงั้นหรอก” หญิงสาวเม้มริมฝีปากบางๆนิดหนึ่ง ก่อนขยายความว่า “เรายังไม่ได้เล่าให้พราวฟัง เขายื่นคำขาดให้พี่ณพกลับกรุงเทพฯทุกอาทิตย์”
พราวพรายตกใจ “อ้าว.ทีนี้แอ๋วก็ไปค้างที่ค่ายช่วงวันหยุดไม่ได้แล้วสิ”

สุนิสาส่ายหน้าปฏิเสธ สีหน้าของเธอไม่ค่อยดีนัก “เขาคงต้องการแบบนั้น แต่พี่ณพไม่ตกลงด้วย ขอต่อรองเป็นอาทิตย์เว้นอาทิตย์ ทีแรกทางโน้นเขาก็ไม่ยอมเหมือนกัน คาดคั้นจะให้ไปหาเขาทุกอาทิตย์ให้ได้ ไม่งั้นเขาจะพาลูกมาค้างที่นี่ อาทิตย์ที่พี่ณพไม่ได้ไปกรุงเทพฯ ก็คงคิดจะแกล้งเราน่ะแหละ”

“แล้วพี่ณพว่ายังไง ยอมหรือเปล่า”

“ไม่ยอมหรอก เขาบอกว่าตอนนี้เมียเขาก็รู้แล้วว่ามีเราอีกคนหนึ่ง ยังไงๆก็ต้องยุติธรรมกับเรามั่ง จะเอาเขาไปยึดครองไว้คนเดียวได้ยังไง รู้สึกว่าเขาจะเถียงกันหนักเหมือนกัน แต่ในที่สุดเมียเขาก็เงียบไป คงไม่อยากจะยอมหรอก แต่พอเห็นพี่ณพเอาจริงเขาก็เลยต้องยอม แต่ก็ยังขู่ว่าถ้าเจอเราที่ค่ายอีก เขาจะอาละวาดให้หนักกว่าเก่า”

พราวพรายอดคิดไม่ได้ว่าสุนิสาพูดเหมือนคนเห็นแก่ตัว ผู้หญิงคนไหนบ้างจะอยากแบ่งสามีให้ผู้หญิงอื่นปกติเพื่อนเธอคนนี้เป็นคนใจกว้าง เป็นไปได้หรือไม่ว่าการทำสงครามแย่งชิงผู้ชายคนหนึ่ง ทำให้สุนิสาเปลี่ยนไปคิดถึงแต่ตัวเองเท่านั้น ลูกเมียเขาจะเป็นอย่างไรก็ช่าง ขอให้ได้ชัยชนะก็พอแล้ว

“แอ๋วไม่กลัวคนข้างบ้านพี่ณพ โทร.ไปรายงานเมียเขาให้เกิดเรื่องอีกเหรอ?”
“ยายนั่นคงไม่กล้าแล้วมั้ง” สุนิสาหมายถึงภรรยานายทหารบ้านติดกัน “พี่ณพเรียกผัวเขามาคุยแล้ว พี่ณพบอกว่าเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา คนอื่นไม่ควรจะมาวุ่นวายโทร.ไปฟ้องเมียเขา เขาเล่าให้เราฟังแค่นี้แหละ แต่เราคิดว่าเขาคงพูดมากกว่านั้น เผอิญผู้กองคนนั้นเป็นลูกน้องพี่ณพอยู่แล้วก็คงพูดกันได้ง่ายขึ้น เข้าใจว่าพี่ณพคงขอให้เขาห้ามปรามเมียเขาไม่ให้มายุ่งเรื่องนี้”

ฟังแล้วพราวพรายฟังก็ต้องถอนใจยาว นึกเห็นใจภรรยาของอรรณพอยู่เหมือนกันที่อยู่ๆก็ต้องจำใจยอมแบ่งสามีให้หญิงอื่น เธอคงทั้งเจ็บใจและเสียใจมาก อยากจะเตือนเพื่อนที่ทำตัวเป็นมือที่สามในครอบครัวของหญิงอื่น แ ต่ก็รู้ว่าไม่มีประโยชน์ เรื่องของสุนิสากับอรรณพล่วงเลยมาไกลแล้ว คงยากที่จะทำให้เพื่อนเปลี่ยนใจ ขณะเดียวกันหญิงสาวก็นึกถึงพันตรีอรรณพอย่างไม่ชอบใจนัก แม้ตอนนี้จะแน่ใจแล้วว่าเขารักและจริงใจกับสุนิสามากพอควร แต่พราวพรายก็นึกชิงชังพฤติกรรมของเขาที่ทำเหมือนคนเห็นแก่ตัว

คิดไปคิดมาแล้วก็อดหวนคิดถึงตัวเองไม่ได้ รู้แน่แก่ใจว่าคนอย่างเธอคงเป็นเมียน้อยหรือเมียหลวงของใครไม่ได้ เธอจะต้องเป็นเมียคนเดียวของผู้ชายที่เธอแต่งงานด้วยเท่านั้น คิดแล้วหญิงสาวก็ถอนใจยาว บอกตัวเองว่าป่วยการคิดอะไรไปล่วงหน้า บางครั้งเรื่องที่คาดไม่ถึงก็อาจจะเกิดขึ้นได้ ตอนนี้เธอเหมือนคนนอกและยังไม่ได้แต่งงาน จะพูดอะไรคิดอย่างไรก็ได้ แต่ถ้าสถานการณ์นี้เกิดขึ้นกับตัวเองเธออาจจะเปลี่ยนความคิดไปอีกแบบหนึ่งก็ได้ เพราะสามีอาจจะแอบไปมีเมียน้อยแล้วยัดเยียดตำแหน่งเมียหลวงให้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ของอย่างนี้ก็คงเหมือนสุภาษิตที่ว่า ‘ผงเข้าตาตัวเอง เขี่ยไม่ออก’ หรือ ‘ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง’ แต่การที่เธอจะเป็นเมียน้อยของใครเป็นเรื่องที่เธอรับประกันได้ เลย ว่าไม่มีทางเกิดขึ้นได้อย่างเด็ดขาด

ในขณะที่พราวพรายกำลังคิดเกี่ยวกับตัวเองอยู่ สุนิสาก็กล่าวต่อว่า “แต่พราวไม่ต้องห่วงเราหรอก เรื่องเมียพี่ณพน่ะเรื่องเล็ก เรามีวิธีรับมืออยู่แล้ว”
“เหรอ แอ๋วจะทำยังไงล่ะ” พราวพรายชักสงสัยว่าเพื่อนเธอมีแผนการอะไรอีก
หญิงสาวผู้นั้นทำหน้ายิ้มๆ “เราก็เปลี่ยนวันที่ไปอยู่กับพี่ณพเสียสิ อาทิตย์ไหนเขาต้องกลับกรุงเทพฯ เราก็จะไปค้างที่ค่าย ตั้งแต่คืนวันพฤหัศถึงคืนวันศุกร์ ให้พี่ณพไปกรุงเทพฯเช้าหรือบ่ายวันเสาร์ เผลอๆบางเสาร์ก็ไม่ได้ไปอีก คอยดูไปก็แล้วกัน”
“อ้าว..แล้วแอ๋วไม่ต้องไปทำงานเหรอ” พราวพรายถามอย่างงงๆ นี่เพื่อนเธอมีแผนจะแกล้งเมียอรรณพด้วยหรือ
“ไปสิ พี่ณพจะขับรถไปส่งเราที่ที่ทำงาน ตอนเช้าวันศุกร์ เห็นไหม ง่ายจะตาย”
“พี่ณพเขายอมตกลงตามนี้หรือ”
สุนิสายักไหล่ “ทำไมจะไม่ยอมล่ะ ตอนนี้เราจะเอายังไงเขาก็ไม่กล้าขัดใจหรอก”
“เหรอ” พราวพรายนิ่งคิดแล้วเลียบเคียงว่า “ทำไมเขาไม่กล้าขัดใจแอ๋วล่ะ”

เพื่อนของเธอยิ้มนิดๆ “มันก็ต้องมีลูกเล่นกันมั่งละ แต่ตอนนี้พราวอย่าเพิ่งรู้เลย ยังไม่ได้แต่งงาน บอกตอนนี้พราวก็คงไม่เข้าใจหรอก”

พราวพรายหน้าเจื่อนไปเล็กน้อย เข้าใจความหมายของสุนิสา เพื่อนของเธอคงคิดในแง่ดีว่าเธอยังไม่มีประสบการณ์ทางเพศ จึงไม่อยากเล่าอะไรที่เป็นเรื่องเฉพาะตัวของคนสองคน หญิงสาวไม่เคยคิดจะเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับนิคให้ใครฟัง ตั้งใจว่าจะเก็บไว้เป็นความลับตลอดไป นอกจากนี้เธอก็ตั้งใจเอาไว้แล้วตั้งแต่คืนนั้นว่าจะไม่ติดต่อเกี่ยวข้องกับหนุ่มต่างชาติคนนั้นอีกเลย ที่สำคัญคือจากประสบการณ์ครั้งแรกในคืนนั้น พราวพรายได้ข้อสรุปแล้วว่าเธอ 'ไม่ชอบเซ็กส์' เพราะ ‘ไม่เห็นได้ความ’

สองสาวคุยเรื่องดังกล่าวจบแล้วสุนิสาก็ขอตัวเข้าไปอาบน้ำ อีกเกือบครึ่งชั่วโมงต่อมาก็ออกจากห้อง มานั่งลงตรงหน้าพราวพรายอีกครั้งหนึ่ง ด้วยสีหน้าที่ยังกังวลเหมือนยังมีปัญหาที่คิดไม่ตกอยู่อีก

“มีอะไรอีกหรือเปล่า แอ๋ว หน้าตาไม่ค่อยดีเลย”
สุนิสาถอนใจ “ไม่รู้ว่าจะเล่าให้พราวฟังดีมั้ย ความจริงไม่ใช่เรื่องอะไรของเรา แต่ก็อดกังวลไม่ได้”
“อ้าว..มีอะไรอีกล่ะ ถ้าอึดอัดอยากเล่าก็เล่ามาเถอะ เรื่องใครอีกล่ะ หรือเรื่องเรา?”

พราวพรายชักกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว ใจของเธอเต้นเร็วขึ้น เอ๊ะ..หรือว่ามีใครรู้เรื่องระหว่างเธอกับนิค หรือว่านายคนนั้นปากสว่าง ไปแฉโพยให้อรรณพฟัง แล้วเขาก็มาเล่าต่อให้สุนิสาฟังอีกทีหนึ่ง หน้าของเธอเสียไปทันที แต่โชคดีที่สุนิสาไม่ได้สังเกต

“เปล่า ไม่ใช่เรื่องของพราวหรอก”
อีกฝ่ายลอบถอนใจยาวอย่างโล่งอก “งั้นเรื่องของใครล่ะ?”
สุนิสาอึ้งไปครู่หนึ่ง ก่อนตอบแบบลังเลเหมือนไม่แน่ใจว่าควรเล่าหรือไม่ว่า “พี่บ็อบน่ะสิ”
“พี่บ็อบ? ทำไม มีอะไรเหรอ? แต่ความจริงก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับพวกเรา ทำไมแอ๋วต้องเก็บเอามาคิดด้วย”
“เกี่ยวสิ ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะ อย่าลืมว่าพี่บ็อบกับแพตตี้เป็นแฟนกัน คนเขารู้กันทั่วเมือง”
คราวนี้พราวพรายมีทีท่าสนใจ เมื่อรู้ว่าเกี่ยวกับเพื่อนสนิทอีกคนหนึ่ง “มีเรื่องอะไรหรือ?”
“เรื่องนี้ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่านะ” สุนิสาเริ่มเผย แต่ก็ยังออกตัวอยู่บ้าง “เรารู้จากพี่ณพอีกที พี่ณพเพิ่งจะเล่าให้เราฟังว่าพี่บ็อบน่ะมีคู่หมั้นแล้ว อยู่ที่กรุงเทพฯ”
“มีคู่หมั้นแล้ว!” พราวพรายอุทานเสียงดังอย่างตกใจ “หมายความว่าไง แล้วทำไมพี่ณพเพิ่งบอกแอ๋ว หรือว่าเขาเพิ่งหมั้นกัน?”
สุนิสาส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่ใช่เพิ่งหมั้น เขาหมั้นกันหลายเดือนแล้ว สงสัยว่าจะช่วงที่พี่บ็อบหายเข้ากรุงเทพฯบ่อยๆ แล้วไม่บอกแพ็ตตี้นั่นแหละ”
“อ้าว..แล้วทำไมพี่ณพเพิ่งเล่าให้แอ๋วฟังล่ะ?”
“เขาบอกว่าเพิ่งรู้จากพี่บ็อบเมื่อไม่กี่วันนี้เอง”
แต่พราวพรายยังสงสัยอยู่ “ทำไมอยู่ๆพี่บ็อบเล่าให้พี่ณพฟังล่ะ หมั้นกันตั้งหลายเดือนแล้วไม่เคยบอกใคร แต่จู่ๆก็มาบอกพี่ณพ ฟังแล้วรู้สึกทะแม่งๆนะ แอ๋ว”
“ คู่หมั้นพี่บ็อบกับแม่เขา ขึ้นมาเยี่ยมพี่บ็อบที่นี่แล้วบังเอิญเจอพี่ณพ พี่
บ็อบก็เลยแนะนำว่าเป็นคู่หมั้น หมั้นกันหลายเดือนแล้ว ความจริงเขาคงไม่อยากให้ใครรู้หรอก ถ้าเลี่ยงได้”
พราวพรายนิ่งคิดถึงอมรา “แพตตี้รู้เรื่องนี้หรือเปล่า?”

“คงยังไม่รู้หรอก พี่ณพเองก็กำชับไม่ให้เราบอกแพตตี้ แม้แต่พราวก็ห้ามบอก กลัวจะรู้ไปถึงหูแพ๊ตตี้ เรากลุ้มใจมากเลย ถ้าไม่เล่าให้แพตตี้ฟังก็เหมือนหักหลังเพื่อน รู้ทั้งรู้ว่าเพื่อนกำลังถูกแฟนทรยศแอบไปหมั้นกับคนอื่นแล้วยังนั่งเงียบทำไม่รู้ไม่ชี้ คล้ายๆกับเห็นคนอื่นดีกว่าเพื่อน ไปเห็นดีเห็นงามกับพี่บ็อบและคู่หมั้นเขา พราวคิดว่าเราควรจะทำยังไงต่อไปดี ช่วยกันคิดหน่อยสิ”

พราวพรายนิ่งอั้น รู้สึกสงสารอมราและโกรธเกลียดชลธิศขึ้นมาทันที ผู้ชายอะไรเห็นแก่ตัวและเลวได้ขนาดนี้ ควงอมรามาตั้งเป็นปี ผู้หญิงเขาเสียหายไปตั้งเท่าไหร่แล้วยังไม่คิดจะรับผิดชอบ แอบไปหมั้นผู้หญิงอื่นหน้าตาเฉย เห็นเพื่อนเธอเป็นอะไร ทำไมต้องหลอกกันด้วย ผู้ชายเอาแต่ได้และเห็นแก่ตัวกันไปหมดทุกคนแล้วหรือ

“เราน่าจะบอกให้แพตตี้รู้นะ” พราวพรายว่า “เขาจะได้รู้ว่าจะทำยังไงต่อไป ไม่งั้นเขาก็จะยังคิดว่าพี่บ็อบจริงจังกับเขาอยู่ ดีไหม แอ๋ว”
“เราน่ะอยากเตือนแพตตี้ให้รู้ตัว แต่ก็ติดอยู่ตรงพี่ณพนี่แหละ อีกอย่างนะพราว ถ้าบอกแล้วเขาไม่เชื่อล่ะ ดีไม่ดีคิดว่าเราหวังร้ายกับเขาอีก ได้เสียเพื่อนปะไร จะทำยังไงกันดี”
พราวพรายนิ่งอั้น “ แอ๋วคิดว่าถ้ารู้เรื่องนี้แล้วแพตตี้จะถอนตัวออกมาไหม?”
สุนิสานิ่งคิดแล้วถอนใจยาว “ไม่แน่ใจ ตอบแทนเขาไม่ได้หรอก” แล้วเธอก็ย้อนถามว่า “ถ้าเป็นพราวจะทำยังไง?”
หญิงสาวยักไหล่ ตอบทันทีอย่างหนักแน่นว่า “ถ้าเป็นเราน่ะหรือ มีคำตอบเดียวแหละ เลิกกับพี่บ็อบทันที เรายอมให้ใครมาหยามน้ำหน้าแบบนี้ไม่ได้ ไม่มีผู้ชายคนไหนวิเศษจนต้องต่อสู้แย่งชิงหรอก”
สีหน้าของสุนิสาเจื่อนไป แต่ก็รู้ว่าเพื่อนไม่ได้เจตนาที่จะเหน็บแนมเธอ
“แล้วเราจะทำยังไงกันดีล่ะ?”

“ตอนนี้แพตตี้เป็นยังไงมั่งล่ะ ยัง..เอ้อ..ยังไปไหนมาไหนกับพี่บ็อบอยู่เหมือนเดิมหรือเปล่า” ความจริงเธออยากจะใช้คำว่า ‘ไปค้าง’ มากกว่า แต่ก็พูดไม่ออก ยังพยายามมองในแง่ดีว่าที่อมราไปค้างที่ค่ายตชด. คืนนั้น อาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้
“ก็ยังไปด้วยกันอยู่เหมือนเดิม อาจจะห่างไปหน่อย แต่ก่อนพี่บ็อบจะแอบเข้ามาอุบลฯ มาหาแพ็ตตี้แทบทุกอาทิตย์ หลังๆ นี่ก็เว้นไปบ้าง กลายเป็นสองสามอาทิตย์ครั้ง”
“แพตตี้เคยบ่นอะไรให้แอ๋วฟังบ้างหรือเปล่า” ที่ถามเช่นนี้เพราะพราวพรายรู้ว่าอมราสนิทกับสุนิสามากกว่าเธอ มีอะไรก็มักจะเล่าให้สุนิสาฟัง
“ก็มีบ่นเหมือนกันว่าพี่บ็อบชักจะอ้างว่าไม่ว่างบ่อยขึ้น” หญิงสาวทำท่าตรึกตรองก่อนจะเล่าว่า “เขาเคยตามไปดูพี่บ็อบที่ค่ายหลายครั้ง บางครั้งก็เจอพี่บ็อบ แต่บางครั้งก็ไม่เจอ ตำรวจที่โน่นบอกว่าเขากลับไปบ้านที่กรุงเทพฯ ไปเยี่ยมแม่หรืออะไรนี่แหละ”
“สงสัยไปหาคู่หมั้น” พราวพรายทำเสียงขุ่นๆ “พี่ณพรู้ไหมว่าพี่บ็อบจะแต่งงานกับคู่หมั้นเขาเมื่อไหร่”
“คงไม่รู้มั้ง หรือรู้แต่ไม่ยอมบอกเราก็ได้”

หญิงสาวทั้งสองนิ่งไปด้วยกันครู่ใหญ่ ในที่สุดพราวพรายพูดขึ้นมาก่อนว่า “แอ๋ว ถ้าเราไม่บอกแพตตี้แล้วเกิดพี่บ็อบแอบไปแต่งงานกับคู่หมั้นที่กรุงเทพฯ โดยที่แพตตี้ไม่รู้และยังติดต่อกับพี่บ็อบต่อไปเรื่อยๆ เขาก็จะกลายเป็นเมียน้อยไปนะ จะเสียชื่อมากกว่าตอนนี้อีก เราถึงคิดว่าน่าจะบอกให้แพตตี้รู้จะได้ถอนตัวทัน”
“แต่ถ้าพี่ณพรู้ว่าแพตตี้รู้เรื่องนี้จากเราล่ะ มิแย่หรือ” สุนิสายังกังวลไม่เลิก เธอไม่อยากขัดคำสั่งของอรรณพ โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เธอกำลังพยายามเผด็จศึกกับเมียเขาอยู่
“ความจริงเราบอกแพ็ตตี้เองก็ได้ แต่เขาจะเชื่อเราเหรอ เขาก็ต้องซักจนได้แหละว่าเราเอาข่าวมาจากใคร ก็ไม่พ้นแอ๋วกับพี่ณพอยู่ดี จริงไหม?” พราวพรายว่า
“นั่นสิ”

แต่แล้วทั้งสุนิสาและพราวพราย ก็ไม่จำเป็นต้องเอาข่าวร้ายเรื่อง นี้ไปบอกอมรา สองวันต่อมาซึ่งเป็นวันอาทิตย์ที่หญิงสาวทั้งสองอยู่บ้าน เพราะอรรณพไปหาครอบครัวที่กรุงเทพฯ ตามคิวที่ตกลงจัดสรรปันส่วนกันไว้ ตอนสายๆของวันนั้น อมราขับรถมาหาเพื่อนทั้งสองที่บ้านเช่า ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ที่ทำให้พราวพรายและสุนิสา ต้องลอบสบตากันอย่างคิดว่าเดาไม่ผิด

พอลงนั่งได้อมราก็ถามเพื่อนทั้งสองว่า “รู้เรื่องพี่บ็อบหรือยัง?” สีหน้าเจื่อนจางของเพื่อนทำให้อมราขมวดคิ้ว “คงรู้กันหมดแล้วสินะ”
สุนิสาอ้อมแอ้มตอบว่า “เพิ่งรู้วันสองวันนี่เอง รู้แล้วก็กลุ้ม ยังปรึกษากับพราวเลย ว่าจะบอกแพตตี้ดีมั้ย กลัวเธอจะเสียใจมากน่ะ”
ส่วนพราวพรายถามว่า “แพ๊ตตี้รู้แล้วหรือ รู้ได้ยังไงล่ะ หรือพี่บ็อบบอก?”
อมรายักไหล่ สีหน้าของเธอดุ ปากบางๆเม้มสนิท “เรื่องอะไรเขาจะบอก เรารู้จากตำรวจลูกน้องเขานั่นแหละ เมื่อวานเราไปหาเขาที่ค่าย แต่เขาไม่อยู่ ตำรวจที่นั่นบอกว่าเขาไปกรุงเทพฯ พอเราซักว่าไปทำไมมีธุระอะไร เพราะหมู่นี้พี่บ็อบไปกรุงเทพฯบ่อยมาก เขาเลยบอกว่าคงไปหาคู่หมั้น”

พราวพรายมองสีหน้าเจ็บปวดของอมราอย่างสงสาร ถามอ่อยๆเหมือนจะปลอบใจเพื่อนว่า “เขาบอกแค่นั้นแพ๊ตตี้ก็เชื่อเลยเหรอ ไม่ลองคุยกับพี่บ็อบดูก่อนล่ะ ตำรวจคนนั้นอาจจะเข้าใจผิดก็ได้นะ”
อมรายิ้มแค่นๆ “ตอนแรกเราก็ไม่เชื่อหรอก แต่พอกลับมาถึงอุบลฯเราก็ไปหาหมวดธนาที่กองกำกับฯ เพราะเขาสนิทกันมากกับพี่บ็อบ รู้เรื่องของพี่บ็อบเกือบทุกเรื่อง”
“หมวดธนาว่าไงล่ะ บอกว่าเป็นเรื่องจริงหรือ?” สุนิสาซักบ้าง
“ตอนแรกเขาก็ยังไม่ยอมบอกหรอก อ้างแต่ว่าไม่รู้เรื่อง แต่พอถูกเราต้อนหน้าต้อนหลังอยู่พักใหญ่ เขาก็ยอมรับว่าพี่บ็อบมีคู่หมั้นแล้ว เขาหมั้นกันเงียบๆที่กรุงเทพฯ หมวดธนายังไปเป็นช่างภาพให้เขาเลย”

สองสาวนิ่งอั้นไปตามๆกัน ต่างก็นึกเห็นใจอมรา พราวพรายนั้นยิ่งเห็นใจและสงสารอมรามากกว่าสุนิสา เพราะเห็นว่าอมราไม่ได้ไปแย่งสามีหรือแฟนใคร เธอกับชลธิศคบหากันมาเป็นปีแล้ว ตอนนั้นชลธิศเองก็ไม่ได้มีคู่หมั้นคู่หมาย อมราไม่ได้ทำอะไรผิด คนที่ผิดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชลธิศ

“แพ๊ตตี้จะทำยังไงต่อไปล่ะ” พราวพรายถามต่อ
“เราก็คงต้องรอคุยกับพี่บ็อบอีกที”
“แปลว่าแพ๊ตตี้ไม่เชื่อเรื่องนี้ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ หมวดธนาคงไม่เอาเรื่องไม่จริงมาบอกเราหรอก แต่จะจริงหรือไม่จริง เราก็ต้องคุยกับพี่บ็อบก่อนอยู่ดี” อีกฝ่ายยืนยันเสียงแข็ง ท่าทางยังเชื่อมั่นตัวเองอยู่มาก “เราต้องรู้จากปากเขาเอง”

คุยกันอีกพักใหญ่ อมราก็บอกลาเพื่อนแล้วขับรถจากไป ทิ้งให้พราวพรายกับสุนิสานั่งมองหน้ากันอย่างกังวลใจ ไม่มีใครคาดฝันว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับอมรา แม้จะรู้ว่าชลธิศเป็นคนเจ้าชู้และกะล่อนก็ตาม

คิดถึงเรื่องของเพื่อนสนิทสองคนที่ต่างก็ไปรักผู้ชายที่มีเจ้าของ ทั้งเจ้าของเก่าและเจ้าของใหม่ และกำลังต้องเผชิญกับปัญหาหนักอกด้วยกันทั้งคู่ พราวพรายก็นึกขอบใจตัวเอง ที่ยังไม่นึกรักผู้ชายคนไหนเลยแม้แต่วิชชา ที่ตอนนี้เธอแน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เธอเคยคิดว่าเป็นความรักก็ไม่น่าจะใช่ความรักแบบหนุ่มสาว มันน่าจะเป็นความรักแบบเด็กๆหรือแบบเพื่อนมากกว่า ถ้าเธอรักเขาเหมือนที่สุนิสารักอรรณพ หรืออมรารักชลธิศ ทำไมเธอจึงไม่โศกเศร้าเสียใจเลย ตอนที่รู้ว่าเขาแต่งงานจดทะเบียนไปแล้วกับผู้หญิงที่ชื่อนงลักษณ์ มีแต่ความเคียดแค้นที่ถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีกเท่านั้น คิดไปคิดมาแล้วหญิงสาวก็บอกตัวเองว่าชาตินี้จะไม่ยอมรักใครทั้ง นั้น อยู่คนเดียวอย่างนี้ก็สบายดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรมาทำให้กลุ้มอกกลุ้มใจเหมือนเพื่อนทั้งสอง




Create Date : 03 ตุลาคม 2552
Last Update : 15 พฤษภาคม 2554 18:59:06 น.
Counter : 309 Pageviews.

19 comments
  
ฮือฮาว่าบ่นกันพอสมควรนะคะสำหรับบทที่แล้ว ที่อยู่ๆก็ให้นางเอกเสียหายไปซะยังงั้น??? ขออภัยค่ะที่ทำให้ผู้อ่านหลายคนผิดหวัง แหม..อุตส่าห์ช่วยลุ้นเกือบตาย กลับมาทำตัวแย่ๆแบบนั้น

ขอแก้ตัวหน่อยนะคะว่าทุกอย่างล้วนมีเหตุมีผลและมีที่มาที่ไปทั้งสิ้น คงจะพอจำกันได้ว่าในบทเกริ่นและบทแรกๆ ได้เคยเขียนนำไว้แล้วเกี่ยวกับนิสัยใจคอ ความรู้สึกนึกคิดและพื้นฐานของนางเอกว่าเป็นอย่างไร และเคยสรุปเอาไว้กว้างๆเป็นนัยๆ อยู่แล้วว่าเธอจะมี ”ชีวิตที่โลดโผนโจนทะยานอย่างไม่น่าเชื่อ”

ซึ่งผู้เขียนเชื่อจากคอมเม้นท์ที่ได้รับว่าผู้อ่านหลายคนเข้าใจดี ว่าเรื่องจะเดินไปทางไหนและน่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่ขณะเดียวกัน ผู้อ่านอีกหลายคนอาจจะคิดว่า ผู้เขียนน่าจะเขียนอะไรที่มีสาระและช่วยชี้นำสังคมหรือวัยรุ่นมากกว่านี้ แต่ผู้เขียนก็ต้องขอแก้ตัวอีกเช่นเคยนะคะ ว่าเรื่องนี้พูดไว้แต่ต้นแล้วว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยมีสาระอะไรมากมาย แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสนับสนุนวัยรุ่นหรือผู้หญิงสาวๆทั่วไป ให้มีพฤติกรรมแบบนางเอกของเรื่อง ที่ทั้งมอมเมาตัวเองด้วยเหล้า ทั้งทำอะไรตามใจตัวเองโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง

แต่ถ้ามองให้ลึกลงไปก็อาจจะเห็นว่า ผู้เขียนกำลังพยายามชี้ให้เห็นถึงอะไรบางอย่าง ที่อาจจะเกิดขึ้นได้กับผู้หญิงสาวๆที่ไปอยู่ไกลบ้านที่จะต้องดำเนินชีวิตไปตามลำพัง ต้องตัดสินใจทุกอย่างด้วยตัวเอง สังคมและสภาพแวดล้อมที่ตกเข้าไปอยู่ ก็มีส่วนเป็นตัวแปรอย่างสำคัญ ที่ทำให้เส้นทางเดินของชีวิตต้องผันแปรไปบ้าง การคบเพื่อนก็เป็นเรื่องสำคัญที่จะมองข้ามไปไม่ได้ การอยู่ในหมู่เพื่อนที่มีสวาทสัมพันธ์ที่ไม่เปิดเผย ย่อมมีส่วนไม่มากก็น้อยที่ทำให้ผู้หญิงที่ยังอยู่ในวัยรุ่น มองเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา อะไรๆก็ย่อมเกิดขึ้นได้เสมอแม้จะโดยไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

ถ้าคิดในมุมกลับ วัยรุ่นที่บังเอิญหลงเข้ามาอ่านน่าจะได้ข้อคิดนะคะ ว่าการกินเหล้าเมายา การขาดสติ ความบุ่มบ่ามไม่คิดหน้าคิดหลัง และการพาตัวเองเข้าไปอยู่ในสถานการณ์บางอย่าง ฯลฯ อาจนำภัยมาสู่ตัวเองได้เสมอ (ข้อแก้ตัวพวกนี้พอจะฟังขึ้นบ้างไหมเอ่ย??)

คราวนี้ถึงข้อข้องใจของผู้เขียนบ้างนะคะ love scene !!! ค่ะ จากคอมเม้นท์ของผู้อ่านหลายคนที่อ่านแล้วเขิน
ทำให้ผู้เขียนตกใจว่าเขียนอะไรลงไป กลับมาอ่านทบทวนหลายรอบก็ยังไม่เห็นมีบทบาทอะไรที่ดุเดือดเลือดพล่าน เหมือนนิยายที่เขียนโดยวัยรุ่นหลายคนในบางเวบ ที่เขียนบทพิศวาทอย่างโจ๋งครึ่มและมีคนติดตามอ่านกันมากมายอย่างสนุกสนาน คำถามของผู้เขียนคือ love scene ในบทที่แล้วโป๊ไปหรือเปล่าคะ ใครก็ได้ช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะคะ จะได้นำมาปรับปรุงบทต่อๆไป

ผู้เขียนขอน้อมรับคำติชมทั้งหมดไว้ด้วยความขอบคุณและอิ่มใจค่ะ เพราะอย่างน้อยก็แสดงให้เห็นว่าผู้อ่านหลายคนกำลัง “อิน” กับนิยายเรื่องนี้และจะติดตามต่อไปใช่ไหมคะ????????????????


โดย: ดอยสะเก็ด วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:10:06:13 น.
  
สามสาวในเรื่องนี้
เข้าไปพัวพันกับคนมีเจ้าของในรูปแบบต่าง ๆ กันเลยนะคะ


กับคำถาม .....
love scene ในบทที่แล้วโป๊ไปหรือเปล่าคะ
ใครก็ได้ช่วยแสดงความเห็นหน่อยนะคะ

ก็ไม่นะคะ อ่านหนังสือนิยายมาเยอะ
ก็รู้สึกว่าเป็นธรรมดา ที่จะต้องใส่ไว้
หากเป็นสาระสำคัญของเรื่อง
ก็เขียนได้น่าอ่านดีค่ะ
แต่พอจะจิ้นตามได้ ไม่หวือหวาจนน่าเกลียด

ชอบค่ะ

โดย: โสดในซอย วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:11:19:42 น.
  


สวัสดีค่ะ คุณตุ้ย

ฉากนี้ไม่มีชายเลยนะคะ

เฮ้อ..ปัญหาโลกแตก น้อย กับ หลวง ชายชอบยัดเยียดตำแหน่งนี้ให้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว กว่าจะรู้ก็ครอง ตน. แล้ว
ไม่ไหว ๆ เป็นเราทนไม่ได้อ่ะ ไม่ว่าจะน้อย หรือ หลวง ไม่มีจัดคิว บ่งเอาหนองออกไปเลย

ชายไทยในอดีตบริหารบ้านเล็กบ้านน้อยเก่งเนอะ อยู่แบบเป็นเรื่องเป็นราวด้วย ดีไม่ดีบ้านใหญ่มาช่วยคุมคิวด้วย

เลิฟซีนบทที่แล้วเหรอคะ ไม่ค่อยโป๊เท่าไรเลยคุณตุ้ย
เคยอ่านทุกซอกมุมมากกว่านี้ บางคนเขียนเชิงเปรียบเปรยกะฝนฟ้าคะนอง บางคนเขียนให้จินตนาการยังกะดูนั่งดูเลยค่ะ แต่ที่วัยรุ่นเขียนในเว็บยังไม่เคยเข้าไปอ่านนะคะ ต้องลองซะแล้ว
โดย: อิ่ม_Aim วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:17:53:30 น.
  
สวัสดีค่ะ คุณตุ้ย

ปอป้า มาตอบหลังไมค์แล้ว...นะคะ

ตอนนี้กำลังยุ่งเรื่องส่งหนังสือ
เด๋วเรียบร้อยแล้วจะตามมาเก็บเกี่ยวเรื่องราวของสาวพราวฯ สักหน่อย
ท่าทางจะยาวเลยงานนี้

ขอบคุณมากค่ะ
โดย: พรหมญาณี วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:18:27:36 น.
  
สวัสดีค่ะคุณตุ้ย

ความคิดของผู้อ่านแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน แต่พี่คิดว่าคุณตุ้ยมีพล็อตเรื่องในใจอยู่แล้ว ก็ก้าวตามความฝันไปเถอะค่ะ

พี่มองต่างมุมว่าสิ่งที่คุณตุ้ยสื่ออกมาคือเรื่องที่เกิดขึ้นจริงในสังคมปัจจุบัน และมีมุมที่น่าอับอายกว่าในเรื่องนี้หลายเท่านัก หากผู้อ่านคิดและวิเคราะห์ไปด้วย ก็ไม่น่าที่จะเป็นอันตราย ดีเสียอีกที่เราจะได้รู้เท่าทันคนเพราะเรื่องแบบนี้ถ้าเราพลาดไปแล้ว คงไม่สามารถออกมาป่าวประกาสให้ใครรู้ได้เหมือนในนิยาย ส่วนบทเลิฟซีน ก้ไม่ได้มีอะไรที่ไม่เหมาะสม

ก้าวตามฝันต่อไปนะคะ เสียงติชมคือกำลังใจให้คุณตุ้ยสร้างสรรงานดีๆต่อไปค่ะ สู้ๆนะคะ
โดย: แม่ปุ้มปุ้ย วันที่: 3 ตุลาคม 2552 เวลา:20:16:37 น.
  
พี่ตุ้ยเขียนเก่งมั่กๆเลยค่ะ นิยายมีหลายอารมณ์หลายรสชาด ชอบๆๆ
โดย: mam สาวเชียงใหม่ (kiriya ) วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:1:29:46 น.
  
พี่ตุ้ยจ๋า
เปรี้ยวยังสอบอีกอาทิตย์นึง แล้วจะกลับมาอ่านนิยายน๊า
คิดถึงจังเลย อ้อนๆๆ
โดย: ดาวไร้ตะวัน วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:7:48:53 น.
  
หวัดดีค่ะพี่ตุ้ย....
วันนี้สองสาวเพื่อนซี้นางเอกงานเข้าทั้งคู่
คิดดูแล้วก็ดีนะคะ ที่นางเอกเราเป็นคนนิสัยอย่างนี้ หากรักใครง่ายๆแล้วเกินเลยอะไรไป คงจะเสียใจอย่างเพื่อนที่เจอผู้ชายแย่ๆทั้งสองคน...แต่นางเอกเราก็เพิ่งมีอะไรกับตานิคผู้ชายที่เธอไม่ได้รัก เอ๊ะ อะไรแย่กว่ากันนิ

เรื่องบทที่แล้ว ไม่ได้ติดเรทอะไรมากมายหรอกค่ะพี่ตุ้ย อย่างที่พี่บอก นิยายที่ขายในร้านหนังสือยังบรรยายฉากรักได้สยิวกิ๊วกว่านี้อีกค่ะ....เพียงแต่ตงิดๆที่นางเอกเรา เสียซิงแบบไม่โรแมนติกซะเล้ย แถมเฉยได้อีก แต่สนุกดีค่ะพี่

วันนี้ว่างๆเลยแวะมาอ่านก่อนจะไปบทใหม่ค่ะพี่ ที่ผ่านมาต้องย้อนกันไปอ่านทีละสามสี่บท

รักษาสุขภาพด้วยนะคะพี่ตุ้ย

โดย: ต้นอ้อท้าลม วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:13:49:01 น.
  
คุณตุ้ยที่รัก ตะวันมาแล้วค่ะ กำลังอ่านอยู่เลย
เพราะต้องตั้งใจอ่านมากๆ เลยต้องใช้เวลาตอนเงียบๆ
เด็กๆ ที่บ้าน เล่นกันแบบบ้านสนั่นหวั่นไหวเลยค่ะ
โดย: You're My SunshinE วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:15:23:37 น.
  
"ไม่เห็นได้ความ" เสียชื่อพระเอกหมดเลย

...

คุณตุ้ยคะ สำหรับบทที่แล้วไม่ได้โป๊อะไรมากมายเลยค่ะ ถ้าผู้อ่านจะกรี๊ดบ้าง ก็น่าจะมาจากที่อินกับบทจริงๆ เพราะทั้งลุ้นและจินตนาการ จะอ่านแล้วเฉยๆ ก็กระไรอยู่นะคะ บทนั้นเป็นจุดสำคัญของพระเอกกับนางเอกเลย

และการแสดงความคิดเห็นในแต่ละตอน ก็เสมือนกับการสนทนากันระหว่างผู้อ่านและผู้เขียนเท่านั้นเองค่ะ ตะวันอยากให้คุณตุ้ยดำเนินเรื่องไปตามจินตนาการและความตั้งใจของคุณตุ้ยเลย ให้ผู้อ่านได้รับความรู้สึกและมีอารมณ์ร่วมกับผู้เขียนจะดีกว่า ไม่อยากให้คุณตุ้ยเปลี่ยนหรือแก้ไขในบางบทไปตามความคิดเห็นสักเท่าไหร่

ป.ล.เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้นนะคะ เนื่องจากจะย้ำบ่อยๆ ว่า ตะวันเป็นผู้อ่านมือใหม่ สำหรับนวนิยายรักๆ แบบนี้ จึงมาอ่านเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก ไม่สามารถวิจารณ์อะไรได้ และคอมเม้นท์ไปตามอารมณ์ความรู้สึกในขณะนั้น เป็นการแสดงอารมณ์ร่วมกับบทของตัวละคร

อ่านเพื่อผ่อนคลาย อ่านเพื่อความบันเทิง...นี่คือจุดประสงค์หลักค่ะ
โดย: You're My SunshinE วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:15:56:03 น.
  
จริงด้วย เสียชื่อจริงๆด้วย ก็อีกฝ่ายมัวแต่ทั้งกลัวทั้งเกร็งทั้งเจ็บอยู่นี่นา จะไปรู้สึกดีๆได้ไงล่ะ เอาน่า อีกหน่อยจะให้โอกาสได้แก้ตัว ???????????
โดย: ดอยสะเก็ด 4 ตุลาคม 2552 16:50:14 น.

คุณตุ้ยขา ต่อไปจะไม่โป๊แต่บทละคร แต่คอมเม้นท์จะโป๊ด้วยอ่ะค่ะ
โดย: You're My SunshinE วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:17:00:14 น.
  
มาตามอ่านต่อคะคุณตุ้ย
โดย: sawkitty วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:19:12:03 น.
  
ไม่ออกความเห็นและค่ะ..อยากเขียนอะไรเขียนไปค่ะ...แบบว่ารักจะเขียนไม่ต้องไปสนใจใครจะพูดอะไร อะไรแบบนี้ค่ะ...55555...เดี๋ยวเสียอารมณ์และต้องมาอธิบายมากเรื่องเปล่าๆ ค่ะ คนมีหน้าที่เขียนก็เขียนไป คนมีหน้าที่เข้ามาอ่านก็อ่านไปและส่งกำลังใจและความคิดถึงให้ก็พอและค่ะ..เพราะยังไงก็แค่นิยายอย่าไปอินกะมันมากนัก...แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่า พราว คงไม่ใช่นางเอกซะแล้วคงเป็นแค่คนดำเนินเรื่องมั๊งคะ...5555555.....(ถอดตำแหน่งแน่นอน)
โดย: deeplove วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:21:12:28 น.
  
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก นอนยังคะ

แวะมาเยี่ยมคร้า...นอนหลับฝันดีน้า...

โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:22:46:28 น.
  
แวะมาอีกครั้งส่งคุณตุ้ยเข้านอนค่ะ...ฝันดีค่ะ
โดย: deeplove วันที่: 4 ตุลาคม 2552 เวลา:23:59:13 น.
  
ก่อนที่ไปอ่านบทต่อไป ขออ่านบทนี้ก่อนนะค้า
พร้อมกับอ่าน คห แรก เข้าใจนะคะ และจะติดตามผลงาน
บทต่อๆ ไปค่า
โดย: CeciLia_MaLee วันที่: 5 ตุลาคม 2552 เวลา:15:08:10 น.
  
55+ ผู้เขียนคะ บทที่แล้วก็กุ๊กกิ๊กน่ารักดี อย่าหวั่นใจคอมเม้นท์เลยค่ะ ต่างคนต่างความคิด แต่ขอบอกว่า อินไปด้วยมากๆเลย น้ำตาพร่างพลูเลยค่ะ

เห็นใจผู้เขียน ถูกดกดัน แก้ตัวได้น่ารักมาก คห.1 (ฟังขึ้นสิคะ)เอาใจช่วยค่ะ
โดย: นางฟ้าฯ IP: 125.25.130.151 วันที่: 20 ตุลาคม 2552 เวลา:13:07:49 น.
  
พี่ตุ้ยคะ รจนาว่าบทเลิฟซีนในตอนที่ผ่านมา ไม่วาบหวามจนเกินงามเลยค่ะ ออกจะคิกขุแบบพ่อแง่แม่งอนด้วยซ้ำไป และอาจจะขาดแง่มุมอีโรติคอย่างที่ควรจะเป็นด้วย แต่อันนี้อนุโลมได้ เพราะความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวคู่นี้ไม่เหมือนใครอยู่แล้ว รวมทั้งคนเมาสองคนมาเมคเลิฟกัน ความซาบซ่าย่อมจะน้อยลงเป็นทวีคูณด้วย
รจนาก็บ่นไปอย่างนั้นแหละค่ะ ไม่ค่อยได้ดังใจกับสาวพราวพรายเท่าไร แต่นั่นแหละคือชีวิตจริง เรารู้ผิดชอบชั่วดี แต่เราก็ชอบทำตามใจเหมือนกัน
โดย: รจนา เจนีวา IP: 85.1.91.54 วันที่: 16 พฤษภาคม 2554 เวลา:13:20:16 น.
  
โดย: หอมกร วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2557 เวลา:4:06:56 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



New Comments
Group Blog
ตุลาคม 2552

 
 
 
 
1
2
4
7
8
10
13
15
20
21
23
26
28
29
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com