แฮปปี้เบิร์ธเดย์ แด่เธอ : ให้เธอนะจ๊ะ แตงโม
โดย merveillesxx
(คำเตือน บล็อกนี้คือการสนองนี้ดของเจ้าของบล็อกล้วนๆ)
-ต้นปี 2548-
เพื่อนสาว : ต่อๆ ...ต่อชอบแตงโมมั้ยอ่ะ?
ต่อ : แตงโมเหรอ ไม่ค่อยชอบว่ะ มันเละๆ แหวะๆ ชุ่มๆ ไงไม่รู้ กินแล้วสยิวปาก
เพื่อนสาว : ไม่ใช่ ชั้นหมายถึงแตงโมที่เป็นคนน่ะ
ต่อ : แตงโมที่เป็นคน? ใครวะ เด็กคณะไหนอีกล่ะ พวกลีดส์เหรอ โอ๊ย ไม่เอา ไม่สนโว้ย สนไปก็ทำอะไรไม่ได้
เพื่อนสาว : โอ๊ย! อีบ้า แตงโมที่เป็นดาราไง
ต่อ : (ทำหน้างง) คนไหนวะ ไม่รู้จักว่ะ
เพื่อนสาว : โอ๊ย แกนี่เชยจริงๆ ตอนนี้แตงโมน่ะป็อปมากรู้มั้ย
ต่อ : เอ้า...แล้วไงง่ะ คือคนนี้เค้าทำอะไร ยังไง ที่ไหน กับใครล่ะวะ
เพื่อนสาว : เค้าเล่นละครช่องเจ็ด เรื่อง อุ่นไอรัก ไง
ต่อ : นี่แก ชั้นไม่ได้ดูทีวีมาเกือบ 2 ปีแล้วนะ ยิ่งละครช่องเจ็ด เรื่องสุดท้ายที่ดูนี่ คมพยาบาท มั้ง อุ๊ย ชั้นล่ะช้อบชอบเรื่องนี้ ยังจำได้เลย อีเปีย กับ น้าเย็น สุดยอดมากๆ เพื่อนสาว : ชั้นล่ะเบื่อจริงๆ แกน่ะดูหนังอง หนังอาร์ตอะไรของแกมากไปแล้ว เห็นมั้ยไม่รู้เรื่องอะไรกับเค้าเลย หัดดูอะไรโง่ๆ ซะบ้าง จะได้คุยกับชั้นรู้เรื่องซะที
ต่อ : (เริ่มรำคาญ) อ่ะๆๆๆ โอเคๆๆๆ เรื่องอะไรนะ เอาอีกทีดิ๊ ว่างๆ จะลองเปิดดู
เพื่อนสาว : เรื่อง อุ่นไอรัก ช่องเจ็ดน่ะ แตงโมน่ะเล่นเป็น กาเหว่า แต่เป็นนางรองนะ ...แหม ชั้นก็อุตส่าห์นึกว่าอย่างแกต้องชอบเค้าแน่ๆ
ต่อ : ไมอ่ะ
เพื่อนสาว : ก็เห็นแกชอบแต่อะไร ตู้มตู้ม
ต่อ : เฮ้ย! อะไร ตู้มเติ้ม อะไร
เพื่อนสาว : อ้าว ก็เห็นแกชอบแต่ละคน บอลลูนงี้ โห โคตรอภิมหาอลัง มากๆ
ต่อ : เอ๊ย นั่นมันความทรงจำวัยหวานเฟ้ย เดี๋ยวนี้ก็ไม่ได้ชอบมากแล้ว
เอ้อ เดี๋ยวนะ แล้วตกลง แตงโม อะไรเนี่ย ตู้มจริงอ่ะ
เพื่อนสาว : ฮั่นแน่ เริ่มสนใจแล้วล่ะสิ เอ้อใช่แก รู้สึกว่าจะมีฉากที่กาเหว่าถูกจับไปปล้ำด้วยนะ
ต่อ : โอเคเลย ละครเรื่อง อุ่นเอิ่น อะไรเนี่ย มันมีวันไหนบอกมาอีกทีดิ๊ . . . . (2-3 วันต่อมา)
เพื่อนสาว : ไงต่อ เมื่อคืนได้ดูอุ่นไอรักป่าว
ต่อ : เออมาก็ดีแล้ว ยัยตัวดี เมื่อคืนชั้นอุตส่าห์รอดูตั้งนาน ไม่เห็นถึงฉากปล้ำอะไรที่แกว่าซะที
เพื่อนสาว : รู้สึกว่ามันจะตอนถัดไปว่ะ ไม่ใช่ของเมื่อวาน นี่แก ชั้นให้แกดูดารานะ ไม่ใช่ให้รอดูฉากปล้ำ แล้วตกลงเป็นไง แตงโมน่ารักใช่ม้า...
ต่อ : ชั้นไม่เห็นว่ะ พอดีละครมันน่ารำคาญ ยืดยาดชิบหาย ดูแม่ค้าหน้าปากซอยผัดก๋วยเตี๋ยวยังเสียวกว่า ชั้นก็เลยเปลี่ยนช่องไปดูทีวีแชมเปี้ยนแทน
เพื่อนสาว : อีบ้า! ทำไมแกเป็นคนแบบนี้ ไม่มีความอดทนเลย
ต่อ : (เริ่มโมโห) นี่แก ทำไมชั้นจะต้องมาอดทนเรื่องไร้สาระแบบนี้ด้วยวะ แกก็เหมือนกันแหละ หัดดูอะไรมีสาระซะบ้าง ดิสคอฟเวรี่เนี่ยเคยดูบ้างมั้ย ดูละครพวกนี้มากๆ ดาวน์ซินโดรมถามหาพอดี
เพื่อนสาว : โอ๊ย! ไม่เอาแล้ว ไม่คุยกับแกแล้ว เออๆๆ จำไว้ชั้นอุตส่าห์แนะนำอะไรดีๆ ให้แกแท้ๆ
ต่อ : เออ ไม่สนโว้ย จะแตงโม แตงไท แตงร้าน อะไรก็เถอะ ไม่เอาทั้งนั้น แตงกวานี่ยิ่งไม่เอาน่ะ ชั้นเกลียด ขนาดเวลากินข้าวมันไก่ชั้นยังบอกแม่ค้าเลยว่าไม่ใส่แตงกวา หึ!
(แล้วก็งอนกันไป 2 วัน)
-ประมาณ 2 สัปดาห์ถัดมา : ช่วงใกล้สอบไฟนอล-
เพื่อนสาว (คนเดิม / หายงอนกันแล้ว) : ไงยะต่อ จะเดินไปไหน
ต่อ : จะไปร้านหนังสือ แม่งเครียด ใกล้สอบแล้ว ยังไม่ได้อ่านสักกะตัวเลย ต้องไปซื้ออะไรมาอ่านเล่นๆ แก้เซ็ง (แทนที่มึงจะรีบอ่านหนังสือสอบอ่ะนะ)
เพื่อนสาว : เออๆ งั้นเราไปด้วย
ต่อ : ได้ แต่อย่าเดินใกล้ชั้นมาก เดี๋ยวเค้านึกว่าเราเป็นแฟนกัน ชั้นเสียหายหลายแสน
เพื่อนสาว :
(ในร้านหนังสือ)
ต่อ : (เหลือบไปเห็น MARS เล่มใหม่) เฮ้ย! แกดูนี่ดิ คนนี้โคตรน่ารักเลย ไม่ไหวแล้วๆ แบบนี้ต้องซื้อโลด
เพื่อนสาว : ไหนๆๆๆ
ต่อ : นี่ไง คนนี้ไง แกรู้จักป่าววะ เค้าคือใครอ่ะ
เพื่อนสาว : (นิ่งเงียบไป 3 วิ) ก็แตงโมไง....
ต่อ : แตงโม?
แตงโมที่ตอนนั้นแกเชียร์ให้ชั้นดูละครที่เค้าเล่นอ่ะนะ แล้วทำไมแกไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้วะว่าเค้าน่ารักขนาดนี้
เพื่อนสาว : ก็บอกจนปากจะฉีกอยู่แล้ว แกสนใจมั้ยล่ะ! แหม...ตอนนั้นทำเป็นบอกไม่เอา ไม่สน เป็นไงล่ะ ตาแกตอนมองปกนี่แทบจะถลนออกมาอยู่แล้ว ก็บอกแล้วว่าชั้นรู้ว่าแกต้องชอบแนวนี้ เชอะ!
ต่อ : โอเคๆ ผมผิดไปแล้วคร้าบ ต่อไปผมจะเชื่อฟังแล้วคร้าบ
เพื่อนสาว : ไม่ต้องมาพูดเลย ...เอาเถอะ แกรีบซื้อเร็วๆ เข้า ชั้นอยากดูข้างในว่าเป็นยังไงบ้าง
ต่อ : โอเค จัดให้ (รีบเดินไปจ่ายตังค์ที่เจ๊คนขาย)
(โต๊ะหินอ่อนหน้าร้านหนังสือ)
เพื่อนสาว : อีต่อ แกรีบเปิดเร็วๆ สิ ชั้นอยากดู
ต่อ : เดี๋ยวสิวะ คนนะเว้ย ไม่ใช่คูโบต้า (ว่าแล้วพอแกะเสร็จมันก็คว้าเอาไปเปิดเองเลย)
เพื่อนสาว : ไหนวะ หน้าไหนวะ หาไม่เจอว่ะ
ต่อ : เฮ้ย เปิดเบาๆ สิวะ นี่ชั้นเป็นเจ้าของยังไม่ได้แตะเลยนะเว้ย
เพื่อนสาว : เออๆ เจอแล้ว ....โห แกดูรูปนี้สิ
ต่อ : ไหน
เพื่อนสาว : (เอานิ้วชี้) แกดูของเค้าสิ ตั้งขนาดนี้แน่ะ!...แล้วดูตรงนี้สิ เน้นๆ เลยนะเนี่ย!
ต่อ : เฮ้ย แกพูดเบาๆ สิ อายเค้า ....แต่ เออ จริงๆ ด้วย สุดยอดๆ อืมๆๆๆ แค่นี้ก็คุ้ม 80 บาทว่ะ หนังสือเล่มนี้แม่งให้ utility สูงจริงๆ
เพื่อนสาว : (มันยังไม่ยอมหยุด) โห รูปนี้ก็สุดๆ เลยแก นี่ๆ แกดูเลย ท่านี้เซ็กซี่มาก ....เฮ้ย ภาพนี้ก็เด็ดอ่ะ นี่เค้ากล้าเหมือนกันนะเนี่ย แล้วคุณแดงไม่ว่าเหรอวะเนี่ย โอ๊ย ตาย อันนี้อีก ท่านี้คิดได้ไง บลาบลาบลาบลา...
ต่อ : (คว้าหนังสือคืน) พอๆๆๆๆ หนังสือชั้นช้ำหมดแล้ว ไปล่ะ ชั้นจะกลับหอละ
เพื่อนสาว : ไรวะ เพิ่งดูไปนิดเดียวเอง ...แล้วไมแกรีบกลับอ่ะ มีการบ้านเหรอ
ต่อ : ป่าว ชั้นไม่อยากเห็นหน้าแกละ มองแกแล้วจิตตก เซ็กส์เสื่อม ชั้นไปอยู่กับแตงโมที่ห้องดีกว่า ไปละ บายๆ
เพื่อนสาว : เออ ไปไหน ก็ไปเลย ขอให้จุกแตงโมตายคาห้องไปเลย ไป๊!
(ว่าแล้วก็ปั่นจักรยานกลับห้องอย่างไม่คิดชีวิต)
ที่เล่ามาข้างบนก็คือ จุดเริ่มต้นของการเข้าสู่ความเพ้อคลั่งแตงโมของผมแหละครับ
หลังจากนั้นก็ตามเก็บหนังสือทุกเล่มที่แตงโมขึ้นปก แต่พยายามเท่าไรก็เก็บไม่ได้ครบสักที บางทีตามหาดราก้อนบอล 7 ลูกยังจะง่ายกว่ามั้งเนี่ย
ยิ่งปีนี้ แตงโมฮ็อตมาก ขึ้นปกหนังสือทุกเดือน บางเดือนก็ 3-4 เล่ม เพื่อนๆ ผมก็แสนดีมาก คอยสอดส่องตามแผงหนังสือให้ หรือเวลาแตงโมไปออกทีวีช่องไหนเพื่อนก็จะ SMS มาบอก (เพราะผมไม่ค่อยดูทีวี) แต่ส่วนใหญ่ผมจะมาเปิดเมสเซจเจอตอนรายการมันจบไปแล้ว (แป่ว)
พูดถึงการตามเก็บหนังสือแตงโม ก็มีอะไรฮาๆ เหมือนกัน อย่างเช่น ได้รู้จักหนังสือใหม่ๆ ประมาณว่า เฮ้ย มันมีหนังสือชื่อนี้อยู่ในโลกด้วยเหรอวะ หรือบางทีมันเป็นหนังสือผู้หญิงมากๆ ก็ไม่กล้าซื้อ เขินคนขาย ก็วานให้เพื่อนผู้หญิงไปซื้อให้ (เป็นภาระของคนอื่นจริงๆ นะเรา)
อีกทีนึงก็ตอนเดินเซ็นทรัลอยู่กับแม่ แล้วพอผ่านแผงหนังสือ ก็เห็นแตงโมขึ้นปกทีวีอินไซด์ ก็เลยบอกแม่ว่าขอแวะดูแป๊บนึง แล้วก็ไปยืนจดๆ จ้องๆ ชั่งใจอยู่นานมาก ในใจก็คิด ให้ตายเหอะ นี่กูจะต้องซื้อหนังสือทีวีอินไซด์จริงๆ เหรอวะเนี่ย ทำใจอยู่นาน ก็กัดฟันหยิบหนังสือไปจ่ายตังค์ ตอนนั้นก็ช็อคเหมือนกันที่ในที่สุดก็ซื้อมา แต่ดูเหมือนคนที่ช็อคกว่าก็คือแม่ที่เห็นลูกชายตัวเองซื้อทีวีอินไซด์ (ฮา)
ตั้งแต่ชอบแตงโมมา เรื่องที่ชี้ช้ำกะหล่ำปลีที่สุดก็เห็นจะเป็นเรื่องภาพหลุดของแตงโมกับแฟนเมื่อกลางปีที่แล้ว (ไม่โพสต์ให้ดูนะ คงเคยเห็นกันหมดแล้ว) ตอนเห็นภาพก็กรี๊ดแตก ร่ำไห้ พร้อมซัดกิมจ๊อเข้าไป 3 กระปุกแก้เศร้า (ยังไงวะ) ว่าแล้วก็เลยประชดชีวิตด้วยการเอารูปนั้นไปเป็นดิสเพลย์ใน MSN ซะเลย แล้วก็มีคนถามบ่อยมากว่า รูปใครเหรอ ด้วยความรำคาญก็ตอบไปว่า อ๋อ เราถ่ายกับแฟน ปรากฏดั๊นมีคนเชื่อตั้งหลายคน เอาเข้าไป! (แต่พอเมื่อต้นปีนี้ มีข่าวว่าแตงโมเลิกกับคนนั้นแล้วก็ตกใจนะ เพราะจริงๆ เค้าก็ดูน่ารักกันดี เห็นไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย)
ปีนี้ผมก็ได้พยายามทำสิ่งยิ่งใหญ่อย่างหนึ่งก็คือ การพยายามดูละครที่แตงโมเล่น เพราะเพื่อนๆ ผู้หญิงด่าประจำว่า แกเป็นแฟน (คลับ) แตงโมประสาอะไรเนี่ย ไม่เคยดูละครที่เค้าเล่นสักกะเรื่อง ผมก็เลยคิดในใจ เอาวะ! ลองสู้ดูสักตั้ง ก็เลยลองดูไอ้ละครช่อง 7 ...ชื่อเรื่องอะไรหว่า ยาวๆ หน่อย ...เหมือนเราจะรักกันไม่ได้ ....อะไรประมาณนี้แหละ ซึ่งละครเรื่องนี้ก็มีอุปสรรคมากมายเหลือเกินที่ทำให้ผมอยากจะกระโดดถีบทีวี ไหนจะบทที่แสนจะยืดยาด พร่ำเพ้อ แถมยังน้ำเน่าอย่างเสียสติ (มีอย่างที่ไหนเมียพยายามทำให้ผัวรักด้วยการจ้างผู้หญิงคนอื่นมาท้องแทน) ไหนจะโปรดักชั่น การถ่ายภาพ การจัดแสงที่ขัดหูขัดตาทุกวินาที (หรือชั้นดูหนังหว่องกาไวมากไป เลยติดความเนี้ยบ?) ที่สำคัญพระเอกในเรื่องก็ดันเป็นดาราชายที่ผมเบื่อหน้าที่สุดอย่างวีรภาพอีก โอ๊ย! กูจะบ้าตาย
แต่ผมก็ทนดูไปได้ 3-4 ตอนนะ (ด้วยกำลังใจจากเพื่อนๆ รอบข้าง) แต่สิ่งที่ทำให้หมดความอดทนกับละครเรื่องนี้ก็คือ ฉากหนึ่งที่เป็นฉากแตงโมอยู่ในห้องนอน คือใส่ชุดนอนแล้วนะ แต่เธอยังทาตาสีฟ้าปึ่ดอยู่เลย! นั่นแหละ ผมเลยหมดความอดทน พอเถิด ลาแล้วลาที ชั้นรับไม่ไหว...
การพยายามถึกทึนดูละครช่อง 7 ในครั้งนี้ทำให้ผมคิดได้ว่า ไอ้หนังโรแมนติก-คอเมดี้โง่ๆ จากฮอลลีวู้ดนี่แม่งคือหนังอสสการ์เลย!
ทีนี้มาดูรูปโปรดของผมละกัน
อันนี้จากนิตยสาร Im Fine น่ารักดี เสียดายไม่ได้ซื้อเก็บไว้ (ฮือๆ)
น่าจะมาจาก เปรียว (ไม่ได้ซื้อเช่นกัน)
อันนี้เป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้ผมชอบแตงโม และหลังจากนั้นก็ตามเก็บหนังสือที่เธอขึ้นปกมาตลอด แฟชั่นเซ็ตนี้เป็นอะไรที่ชอบสุดๆ / นิตยสาร MARS นี่เป็นหนังสือที่ทำแฟชั่นเช็ตระดับมาสเตอร์พีซออกมาอยู่เรื่อยๆ (โดยเฉพาะถ้าตากล้องคือ ธาดา วาริช) คิดดูแล้วกันหนังสือเล่มนี้สามารถถ่ายให้ บอลลูน นมเล็กและออกมาดูดีสุดๆ ได้ ...อเมสซิ่งนะเนี่ย!
ชอบรูปนี้สุดๆ มันดูท้าทายมาก เพราะ ที่หลังแตงโมจะเขียนไว้ว่า NOT AVAILABLE
จาก In Magazine ไปถ่ายกันที่ทะเล เช็ตนี้ก็สวยดี แต่แตงโมดูดำไปหน่อย (แต่คิดในแง่ดีคือมันรีทัชน้อย)
อันนี้จากหนังสือ Front ที่โปรโมต NATRIV (เกือบซื้อมาใช้แล้ว แต่เพื่อนๆ ห้ามไว้) ก็สวยดีหรอกนะ แต่รีทัชซะขาวเว่อร์เชียว
งานอะไรสักอย่าง แต่งตัวธรรมดาก็น่ารักง่ะ
ล่าสุดคือ ขึ้นปก In Magazine คู่กับชมพู่-อารยา
13 กันยายน ก็เป็นวันเกิดของแตงโมอ่ะนะ ...ยังไงก็แฮปปี้ เบิร์ธเดย์นะจ๊ะ ...สาธุ จุ๊บ จุ๊บ รักนะ
Create Date : 13 กันยายน 2549 |
|
45 comments |
Last Update : 13 กันยายน 2549 3:59:42 น. |
Counter : 6758 Pageviews. |
|
|
|
หนังที่ได้ดูช่วงนี้
1. The Host (2006, Bong Joon-ha, A/A-)
นี่คือหนังที่พูดเรื่องการเมืองตลอดเวลา
2. A Taxing Woman (1987, Juzo Itami, A-)
หนังเกี่ยวกับผู้หญิงที่มีอาชีพทวงภาษี
3. A Taxing Womans Return (1988, Juzo Itami, A+/A)
หนังภาคต่อ ที่บ้ากว่าภาคแรกหลายเท่าตัว ช่วงกลางของหนังมีการล้อเลียนเกี่ยวกับลัทธิทางศาสนาในญี่ปุ่น เป็นความฮาแบบไร้การบันยะบันยังโดยสิ้นเชิง
--------------------------------
5 ปี 9/11 : รายงาน POST 9/11 FILM
(คำเตือน -- เต็มไปด้วยการชื่นชมตัวเอง)
และแล้วการพรีเซนต์รายงานหน้าห้องเรื่อง POST 9/11 FILM สำหรับวิชา International Film ก็ผ่านพ้นไปแล้ว (แถมยังเก๋ที่ได้พรีเซนต์วันจันทร์ที่ 11 กันยา พอดีเด๊ะ)
ผลตอบรับที่ได้ก็ดีสมควร อาจจะเป็นเพราะว่าเวลาพรีเซนต์อะไรก็ตาม เราถือหลัก "ดี ห่วย อย่างไร เล่นใหญ่ไว้ก่อน" หมายถึง ต้องพรีเซนต์ด้วยท่าทาง อารมณ์ น้ำเสียงเร้าใจ (บางทีอาจถึงขั้นขู่ตะคอก) เน้นใช้ body language เยอะๆ (บางทีอาจหลุดสาวแตก)
ลองคิดดูแล้วการพรีเซนต์ของเราอาจจะโดดเด่นกว่าเพราะของคนอื่นมันค่อนข้าง "ซังกะตาย" บางคนแย่หนักถึงขนาดเอาชีทมานั่งอ่านให้เพื่อนฟัง (ซึ่งจริงๆ ของเราก็ไม่ได้มีอะไรยิ่งใหญ่มาก มีแค่คลิปวิดีโอตอนเครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรด แล้วก็ powerpoint อีก 46 slide...แค่นั้นแหละ)
นี่ถือเป็นปัญหาใหญ่อย่างหนึ่งของระบบการศึกษาไทยเชียวนะ คือเด็กสมัยนี้ (รวมถึงตัวเราด้วยนะ) พรีเซนต์งานไม่เป็น พูดแบบเซ็งๆ ไร้ชีวิตชีวา ไม่น่าสนใจ และที่แย่ที่สุดคือมันไม่ฟังกันหรอก เวลาเพื่อนพรีเซนต์ มันนั่งคุยกัน!
เราเองยังแอบคิดในใจก่อนพูดว่า "ถ้าพวกมันคุยล่ะก็ ชั้นจะด่ามัน" ในที่นี้ก็คือ เรามั่นใจว่ารายงานเรามีดีพอ ควรค่าพอที่เพื่อนๆ น่าจะลองฟังสักนิด ...แต่ผลปรากฏออกมาคือ ตอนที่เรารายงานก็ไม่เห็นมีใครคุยกัน ทุกคนมองมาที่เรา บอกได้เลยว่าซึ้งใจมาก (ก็ขอขอบคุณเพื่อนๆ ในห้องทุกคนด้วยนะ)
ถ้าใครไปฟังในวันนั้น จะเห็นเลยว่าเราเหนื่อยมาก พูดไปหอบไป (ไหนจะเล่นท่าเล่นทางเยอะอีก) เพราะอาจารย์ (อ.บุญรักษ์ บุญญะเขตมาลา) ให้เวลาแค่ 10 นาที แต่เนื้อหาของเรากว้างมาก โดยคร่าวๆ คือเราจะพูดถึงหนังเกือบ 30 เรื่อง (คัดสรรแล้ว) เราก็เลยต้องพูดเร็วสุดๆ ประมาณว่าปากมันไวกว่าสมองแล้วล่ะ ...แต่สรุปแล้วมันก็ผ่านไปได้อย่างรวดเร็ว (เพราะพูดเร็วไง) จริงๆ ก็คงเกินเวลาล่ะนะ แต่อาจารย์ก็ไม่ได้ห้าม หรือเร่งอะไร ปล่อยให้เราพูดไปเรื่อยๆ
ทีนี้ ช่วงท้ายเราก็มี Q&A Session ให้เพื่อนๆ ถาม แต่ปรากฏว่าไม่มีใครถามอะไรเลย เราก็แอบผิดหวังนะ แต่แล้วอยู่ดีๆ อจ.ก็ลุกขึ้นมา พูดว่า "พวกคุณน่ะต้องถามเค้าให้จนมุมนะ ต้องไล่ต้อนเค้าให้จนมุม" ...ไอ้เราก็งง เฮ้ย อะไรหว่า
แล้วหลังจากนั้นอจ.ก็พูดว่า...
"เพราะว่าตอนนี้ถ้าเทียบเกณฑ์ทั้งห้องแล้วเนี่ย พวกคุณน่ะตกหมดเลย เค้าเป็นคนเดียวที่ผ่าน คือทั้งห้องตอนนี้มีคุณคันฉัตรคนเดียวที่ได้ A" (เอาแล้ว สร้างความร้าวฉานอีกแล้ว อจ.ค้าบบบ)
ยังไม่พอ...
"รายงานชิ้นนี้น่ะมันคือ มหากาพย์ มันสดมาก นี่มันไม่ใช่รายงานแล้ว แต่มันคือหัวข้อของวิทยานิพนธ์ปริญญาเอก" (ขนาดนั้นเลยหรือวะเนี่ย กูนั่งทำ powerpoint แค่ไม่กี่ชั่วโมงเอง แต่เอาเถอะฟังแล้วซึ้ง น้ำตาจะไหล)
นั่นแหละ ...หลังจากนั้นทั้งห้องก็เงียบนิ่งอึ้งไปเลย เราล่ะกลัวจริงๆว่า เลิกเรียนแล้วจะถูกดักตีหัว (ฮ่าๆๆๆ)
อืม...จะว่าไปแล้วเราก็ดีใจนะ ที่อจ.เค้าชมเรา จริงๆ แล้วปกติเวลาทำรายงานไม่ว่าจะวิชาเศรษฐศาสตร์ หรือพวก finance เราก็ไม่เคยได้รับคำชมอะไรแบบนี้หรอก ในวิชาพวกนั้นเราก็เป็นแค่ "คนไร้ตัวตนคนนึง" (คืออาจจะได้ A แต่อจ.ก็ไม่ได้จดจำอะไรเราได้ แล้วเราเองก็จำเนื้อหาอะไรในวิชานั้นไม่ได้เหมือนกัน -- สอบเสร็จก็ลืม ว่างั้นเถอะ)
ส่วนรายงาน post 9/11 film อันนี้เราก็คิดว่าเราไม่ได้เก่งอะไรมาก ใช้ reference มาจากงานของพี่เต้ก็เยอะ บทความใน bio ก็เยอะ แต่เราก็ภูมิใจนะ เพราะเราตั้งใจทำ หรืออย่างน้อยที่สุดนี่คือรายงานที่เราจะ "เขียนเองทุกตัวอักษร" ไม่ใช่รายงานแบบ copy-paste เหมือนที่ผ่านๆ มา (ซึ่งเป็นวิถีการทำรายงานของนศ.สมัยนี้ เขียนเองไม่ถึง 20%)
ในวันนั้นมีสิ่งหนึ่งที่เราคิดได้ ซึ่งความเป็นจริงมันเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่หลายๆคน อาจจะลืมไปแล้วก็คือ
"ถ้าเราได้ทำในสิ่งที่ชอบ เราก็จะมีความสุข และทำมันได้ดี"
แค่นั้นเองจริงๆ...
ปล.1 ขอบคุณทุกๆ คนมีส่วนช่วยเหลือในรายงาน post 9/11 film ชิ้นนี้ โดยเฉพาะพี่เต้ และพี่แมดเดอลีน
ปล.2 รายงานจะเอามาอัพใส่บล็อกทีหลัง คาดว่าหลังสอบไฟนอลเลย ตอนนี้มีแต่ตัว powerpoint ใครอยากได้ไปอ่านเล่นๆ ก็บอกแล้วกันนะ จะส่งไปให้