ระหว่างรอขึ้นเครื่อง ก็ได้แต่ภาวนาว่าไฟลท์อย่าดีเลย์เลยนะคะมึง ถ้าดีเลย์ขึ้นมาชีวิตกูได้พังพินาศแน่ และคงด้วยพลังแห่งความรักในเมียเด็ก (!?) ไฟลท์ก็ออกตรงเวลา เป็นทริปที่สงบเงียบเช่นกัน เพราะออกตอนเช้า ส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนสิงคโปร์ที่ไปเที่ยวเมืองไทย อ้อ มียัยเจ๊ข้างๆ ที่คงอารมณ์ประมาณว่าไปช็อปล้างบางที่ Orchad มา หอบถุงพะรุงพะรังจนยัดใส่ช่องข้างบนไม่พอ เห็นแล้วแอบหมั่นไส้ เลยทำนิ่งๆ ไม่หือไม่อืออะไรกับเธอทิ้งสิ้น (อ้าว กูนี่เลว)
ในที่สุดก็ถึงกรุงเทพโดยสวัสดิภาพตอนเที่ยง รีบวิ่งไปที่ ตม. เจอ จนท. ถามว่า “ขาไปนี่แสกนพาสปอร์ตเอาใช่มั้ยคะ” ไอ้กูก็รีบๆ งงๆ เบลอๆ อยู่ ก็จำไม่ได้ว่าปั๊มหรือแสกนเอาวะ แต่แบบมึงเป็น จนท. มึงควรจะรู้ดีกว่ากูไม่ใช่เหรอคะ สรุปคือ เธอหาหน้าปั๊มไม่เจอ เธอก็เลยนึกว่าแสกน แต่สักพักเธอก็หาเจอ
จากนั้นรีบวิ่งออกมาเรียกแท็กซี่ ขอบอกเป็น tip สำหรับสนามบินดอนเมือง ในกรณีที่กระเป๋าไม่หนักมาก และไม่อยากเสียเวลารอคิวแท็กซี่ในสนามบิน ก็ให้ออกมาตรง ถ.วิภาวดี โลด เรียกง่ายและสบายกว่าเยอะ มันจะมีประตูแถวๆ ธนาคารกรุงไทย, ทหารไทยอะไรเนี่ย เชื่อมไปสะพานที่ออกไป ถ.วิภาวดี ได้อย่างง่ายดาย
บึ่งแท็กซี่เข้าบ้าน แต่อยู่บ้านได้ไม่ถึง 15 นาที ก็ต้องออกไปอีกแล้ว เพื่อนขับรถมารับแถวปั๊ม ปตท. สำนักงานใหญ่ แล้วก็มุ่งตรงไปยังเมืองทอง (คอนเสิร์ต SM Town จัดที่ SCG Stadium) วันนั้นก็ดันมีงานโฮมโปรอีก ในเมืองทองรถติดโลกแตก กว่าจะจอดรถได้ล่อไปเกือบชั่วโมงนึง กินข้าวไม่ทัน ต้องใช้วิธีไปซื้อข้าวไข่เจียวข้างทางกินเอา ชีวิตบัดซบมาก แถมกว่าจะเข้าไปในสนามได้ แทบเอาชีวิตไม่รอด ผู้จัดปัญญาอ่อนมาก งานคนสองหมื่น เสือกมีทางเข้าทางเดียว ฟายยยยยยย
รออ่านทริปโตเกียวต่อ